เมื่อต้นปีนี้ Apple แพ้คดีสิทธิบัตร FaceTime ถูกศาลสั่งจ่ายเงินชดเชยให้บริษัท VirnetX สูงถึง 625.6ล้านดอลลาร์
ล่าสุดผู้พิพากษา Robert Schroeder ของคดีดังกล่าว ให้ผลการตัดสินเดิมเป็นโมฆะ เพราะคณะลูกขุนอาจสับสนกับรายละเอียดของคดี และไม่เป็นธรรมต่อฝ่ายแอปเปิล การไต่สวนคดีรอบใหม่ (retrial) มีผลออกมาว่าแอปเปิลยังแพ้คดีเหมือนเดิม แต่ค่าเสียหายลดลงมาเหลือ 302.4 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม VirnetX ยังมีคดีใหม่อีกคดีที่ฟ้องแอปเปิลเรื่องสิทธิบัตรด้านความปลอดภัยและแอพ iMessage ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างกระบวนการ
ที่มา - Reuters
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Hiring! บริษัทที่น่าสนใจ
Blognone Jobs Premium
Cloudnone
- สรุปสาระสำคัญและของใหม่จาก Microsoft Ignite 2023 | Cloudnone Special EP
- สรุปของใหม่และสาระสำคัญจาก AWS re:Invent 2023 | Cloudnone Special EP
- สงคราม AI 2024: OpenAI ชิงปาดหน้า Google วันเดียว | Cloudnone EP.17
- Microsoft, Amazon, Google ประกาศตั้ง Data Center ในไทย แล้วไงต่อ | Cloudnone EP 16
- สงคราม GenAI บนคลาวด์ในปี 2024 ไปถึงไหนกันแล้ว | Cloudnone x AWS
Comments
ใช่เคส patent troll หรือเปล่านะ
ถ้าใช่ก็ยินดีกับ Apple ด้วย ที่จ่ายน้อยลง (แต่ก็ยังแพ้)
ใช่ครับ
VirnetX ไม่มี product เพราะรายได้หลักมาจากการไล่ฟ้องแบบ patent troll ครับ
ใช่ครับ
VirnetX ไม่มี product เพราะรายได้หลักมาจากการไล่ฟ้องแบบ patent troll ครับ
ว่ากดครั้งเดียวนะ ทำไหมเบิ้ล -___-''
ปลิงดูดเลือดในวงการสิทธิบัตรและอุตสาหกรรมเทคโนโลยี บริษัทพวกนี้น่าจะล่มสลายไปให้หมด จะได้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดด ไม่ต้องกลัวโดนฟ้องเสียที
Get ready to work from now on.
คนที่ว่าเค้าเป็น patent troll นี่แปลว่าดร. คนนี้ https://www.beartai.com/news/itnews/97628 ไม่สมควรได้เงินค่ายอมความ ไม่ควรชนะคดีใช่มั้ยคับ
เงินที่ได้ก้อน้อยมากกกทั้งที่ Siri เป็นฟีเจอร์ที่ดีมากที่เจ้าอื่นยังเทียบไม่ได้
แล้วคนที่คิดค้นอะไรใหม่ๆ แล้วจดสิทธิบัตรไว้แต่ไม่ได้เอาไปหากินนี่ผิดใช่มั้ยคับ
แล้วเทคโนโลยีของ Apple บางอันก้อจดสิทธิบัตร บางอันก้อไม่จดแต่เอาไปใช้เลย คิดว่าเพราะอะไรคับ
คุณต้องเข้าใจก่อนครับว่านิยามของ patent troll คืออะไร Apple ยอมเจ็บแต่จบ จ่าย 24.9 ล้านเหรียญเพื่อยุติคดีสิทธิบัตรเกี่ยวกับ Siri
ผมอ่านแล้วก้อข่าวเดียวกัน ไม่เข้าใจว่าจะสื่ออะไรคับ
ไม่มีใครเถียงว่าคนที่เป็นเจ้าของ patent ตัวจริงที่ทำวิจัยเรื่องนั้นเรื่องนี้ไม่สมควรจะได้รับสิ่งที่ควรได้นะครับ แต่คนส่วนใหญ่ไม่ยินดีกับระบบการทำตัวเป็น troll แบบ Dynamic Advances
ถ้า Dynamic Advances เก็บสิทธิบัตรไว้ Apple หรือใครมาละเมิดสิทธิบัตร เขาก้อต้องฟ้องเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของเขาเป็นงานของเขาและก้อเป็นเรื่องถูกต้องแล้ว ไม่ทราบว่า troll หมายความว่าไงคับ
โอเคครับถ้าคุณยินดีกับสภาพที่มันเป็นอยู่ก็ไม่มีอะไรจะต้องถกในประเด็นนี้แล้ว
สภาพที่มีบริษัทใหญ่ที่มีความพร้อมทุกด้าน แต่ไม่ซื้อสิทธิบัตรคุณแต่ใช้วิธีละเมิดเลยแล้วให้มาฟ้องเอา กับสภาพที่บริษัทเล็กคิดเทคโนโลยีใหม่แต่ยังไม่สามารถทำเป็นผลิตภัณฑ์ได้ ก็เลยรอให้บริษัทที่มีความพร้อมมาซื้อหรือไม่ก็ไล่ฟ้องบริษัทที่ใช้เทคโนโลยีคล้ายกันเอามาเป็นรายได้เป็นกอบเป็นกำ ผมไม่แน่ใจว่าตอนนี้โลกเราอยู่ในสภาพไหน หรืออยู่ในทั้งสองสภาพคละกันครับ
บริษัทใหญ่ก็พลาดได้เช่นกันครับ ไม่มีใครในโลกนี้สามารถล่วงรู้ได้ทุกครั้งว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่นั้นมันกำลังละเมิดใครอยู่หรือเปล่า หรือว่า Samsung นั้นไม่เคยพลาด หรือกำลังจะบอกว่าที่ผ่านมาตั้งใจละเมิดทุกครั้ง? ผมว่าอย่าพยายามแตกประเด็นในเรื่อง patent troll เลยไม่งั้นมันจะคุยกันไม่จบ ผมเห็นด้วยกับการฟ้องร้องในกรณีที่มีการละเมิด แต่การสร้างบริษัทขึ้นมาเพื่อ troll นี่มันคือการขัดขวางความก้าวหน้าทางนวัตกรรม
บริษัท IT ใหญ่ระดับโลกมันต้องมีแผนกกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา มีทรัพยากรต่างๆ พร้อมอยู่แล้ว จะมาบอกว่าพลาด ไม่รู้ สำหรับผมฟังไม่ขึ้น
บริษัทบริหารจัดการสิทธิบัตรอย่าง Dynamic Advances เค้ามีหน้าที่ทำตลาดแล้วก้อคุ้มครองผลประโยชน์ของบริษัทเล็กๆ คับ ถ้าไม่มีบริษัทพวกนี้ (ที่คุณเรียกว่า troll) คุณมีห้องวิจัยแล้วคิดค้นข้าวพันธ์ุใหม่ขึ้นมาแต่ยังไม่มีใครสนใจ คุณคงต้องไปเป็นชาวนาเอาข้าวไปปลูกขายเอง แล้วยังต้องคอยเช็คข้าวพันธุ์ใหม่ที่ขายทั่วโลกเป็นระยะๆ เพื่อดูว่าใครเอาพันธุ์ข้าวคุณไปปลูกรึป่าว แบบนี้มันก้อไม่ใช่นะ
คนที่ขัดขวางความก้าวหน้าทางนวัตกรรมคือ Apple นั่นแหละที่เอาสิทธิบัตรคนอื่นไปใช้ไม่จ่ายเงิน ถ้าคุณเสียเงินเสียเวลาไปเยอะพัฒนาพันธุ์ข้าวขึ้นมาแล้วคนอื่นเอาไปใช้ฟรีๆ แทนที่จะมาซื้อสิทธิจากคุณ คุณก้อจะหมดแรงจูงใจในการวิจัยพัฒนาต่อไป ถ้าคุณจะเรียกบริษัทอย่าง Dynamic Advances ว่า troll ผมก้อหมดความเห็น
บริษัท IT ที่ชื่อว่า Xiaomi นี่เรียกว่าเป็นบริษัทไอทีใหญ่ระดับโลกหรือไม่ครับ เพราะทำตัวเหมือนไม่ได้รู้เรื่องสิทธิบัตรอะไรเท่าไหร่เลย เรื่องพลาดนี่ผมว่ายังไงมันก็ต้องมีพลาดกันบ้าง ผมไม่เชื่อว่ามนุษย์จะสามารถมีความสมบูรณ์แบบได้ 100% ดูอย่างเรื่องที่ไม่น่าจะพลาดอย่างหน้าปัดนาฬิกาที่ Apple แพ้คดีไปเป็นเรื่องที่เรียกว่าไม่น่าจะพลาดเสียด้วยซ้ำ
กรณีการละเมิดสิทธิบัตรและมีการฟ้องร้องกันส่วนใหญ่ได้ยินแต่การฟ้องร้องบริษัทที่มีชื่อเสียงเสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของบริษัท Troll พวกนี้อยู่แล้ว ถ้าคุณเป็นเจ้าของสิทธิบัตรคุณจะไม่ติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวในอุตสาหกรรมเดียวกันโดยเฉพาะบริษัทใหญ่ๆ พวกนี้และไม่รู้ว่ามีการละเมิดอะไรคุณเลยเหรอ และจริงๆ คุณเองควรจะมีความรู้ความเข้าใจในตัวงานมากกว่าบริษัท troll พวกนี้เสียด้วยซ้ำว่ามันละเมิดอะไรแบบไหน ก็จัดการฟ้องไปได้เลย
การไม่มีบริษัทที่เป็น patent troll จะทำให้มีการเอาสิทธิบัตรของคนอื่นไปใช้ได้ฟรีและเป็นการขัดขวางความก้าวหน้าทางนวัตกรรมยังไงครับ? ในเมื่อยังมีระบบฟ้องร้องอยู่
ถ้า Xiaomi ก็อปใครก้อเป็นเรื่องละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาไม่ต่างกับ Apple เท่าไหร่
ถ้า Apple พลาดก้อเป็นความผิดของ Apple Apple ก้อควรจ่ายค่าเงินชดเชยไปถูกแล้ว หรือคุณจะบอกว่าพลาดไปแล้วหยวนๆ ให้หน่อย
ที่ฟ้องบริษัทใหญ่ๆ เพราะบริษัทยอดขายเยอะก้อเรียกเงินได้เยอะ ถ้าฟ้องบริษัทเล็กๆ ต้องเสียเงินเสียเวลาแล้วเรียกเงินได้น้อยมันก้อไม่คุ้มทางธุรกิจปะคับ
เจ้าของสิทธิบัตรฟ้องเองได้คับ แต่คนปกติก้อจ้างทนายจ้างทีมกฎหมายดำเนินการอยู่แล้วปะคับ คงไม่มีใครเป็นทนายให้ตัวเองเพื่อฟ้อง Apple บริษัท Troll ที่คุณเรียกเค้าก้อมีทีมกฎหมายมีความเชี่ยวชาญอยู่แล้วเค้าก้อทำหน้าที่เหมือนบริษัทกฎหมายนั่นแหละแต่น่าจะเชี่ยวชาญเฉพาะด้านมากกว่าด้วยซ้ำ
ผมไม่ได้บอกว่า "การไม่มีบริษัทที่เป็น patent troll จะทำให้มีการเอาสิทธิบัตรของคนอื่นไปใช้ได้ฟรีและเป็นการขัดขวางความก้าวหน้าทางนวัตกรรม" นะคับ ผมบอกว่าบริษัทที่ละเมิดสิทธิบัตรคนอื่นอย่าง Apple ที่ขัดขวางความก้าวหน้าทางนวัตกรรม
ผมก็ยังสงสัยครับว่าการละเมิดและการยังมีช่องทางให้ฟ้องร้องได้มันขัดขวางความก้าวหน้าทางนวัตกรรมยังไงครับ ซึ่งตรงนี้มันก็ยังเป็นกระบวนการหนึ่งในการปกป้องเจ้าของสิทธิบัตรอยู่ ในฐานะที่อยู่ในวงการถ่ายภาพกรณีนี้น่าจะพอเทียบได้กับกรณีที่บริษัทใหญ่ๆ ละเมิดลิขสิทธิ์ช่างภาพทั่วไป โดยปกติแล้วถ้าเกิดกรณีแบบนี้ขึ้นทางเจ้าของภาพเรียกสถานการณ์นี้ว่า "การถูกหวย" แล้วก็ลูบปากยิ้มรอรับทรัพย์ได้เลย
ไม่ใช่ทุกเคสหรอกคับที่ฟ้องชนะได้ บริษัทเล็กๆ จะฟ้อง Apple ก้อต้องคิดก่อนว่าต้องใช้เงินใช้เวลาดำเนินการเท่าไหร่ โอกาสชนะเยอะมั้ย ถ้าฟ้องแล้วแพ้ก้อมีแต่เสียอย่างเดียว แล้วโอกาสชนะก้อขึ้นอยู่กับทนายด้วย Apple มีเงินจ้างทนายเก่งๆ อยู่แล้ว ละเมิดลิขสิทธิ์ภาพมันดูง่ายคับว่าผิดจริงรึป่าว แต่เรื่องซอฟแวร์มันต้องมีผู้เชี่ยวชาญมาอธิบายให้ศาลเห็นด้วย ศาลไม่ได้รับประกันผลการตัดสินที่ยุติธรรมนะคับแค่รับประกันว่ามีการพิจารณาคดีที่ยุติธรรม ถ้าเจ้าของสิทธิบัตรตัดสินใจไม่ฟ้อง Apple ก้อใช้ตามสบายเลย แล้วเคสที่เจ้าของไม่รู้ก้อน่าจะมีอีก
ที่ Apple ควรจะทำคือสืบค้นดูก่อนว่าผลิตภัณฑ์ตัวเองจะละเมิดสิทธิบัตรใครบ้าง แล้วก้อไปขออนุญาตใช้สิทธิหรือซื้อสิทธิบัตรมาเลยก่อนขายผลิตภัณฑ์ แต่จากที่เห็นๆ กันคือเหมือนที่คุณ darkfaty บอกคือดูเหมือนว่า Apple ขายของละเมิดไปก่อนแล้วใครจับได้ค่อยมาเจรจาหรือสู้กันในศาลอีกที แบบนี้โดนฟ้องทีก้อสมควรจ่ายเยอะๆ นั่นแหละ
คือมันมีเยอะครับที่ไปซื้อสิทธิบัตรมาใช้อย่างถูกที่พูดนี่ไม่ได้หมายความเฉพาะ Apple นะครับรวมถึงบริษัทอื่นๆ ด้วย นี่คือมุมที่คุณไม่ได้พูดถึง และเราจะรู้ได้อย่างไรครับว่าอันไหนคือตั้งใจละเมิดอันไหนไม่ตั้งใจละเมิด ผมว่าบริษัทขนาดใหญ่ทั่วไปนี่เขาคงไม่ได้ก่อตั้งขึ้นมาด้วยการยึดเอาการละเมิดสิทธิบัตรเป็นจุดยืนในการดำเนินธุรกิจหรอกมั้งครับ นอกจากบริษัทในจีนบางบริษัทที่มีวัฒนธรรมต่างออกไป
กรณีนี้พูดถึงเฉพาะ Apple คับ ตั้งใจละเมิดหรือไม่ตั้งใจคงพิสูจน์ยาก แต่ไม่ว่าตั้งใจหรือไม่ก้อผิดกฎหมายเหมือนกัน คุณไปฆ่าคนแล้วบอกไม่ตั้งใจก้อติดคุกอยู่ดี
แล้วคุณไปเอาความมั่นใจมาจากไหนคับว่า Apple นี่จริยธรรมสูงส่ง ทั้งที่พึ่งจะมีข่าวเลี่ยงภาษี 5 แสนล้าน
ผมละสงสัยจิงว่าทำไมคดีที่ศาลตัดสินไปแล้วว่า Apple ผิดแต่ก้อมีคนมาแก้ต่างให้ตลอด แถมด่าฝั่งตรงข้ามอีก คนพวกนี้นี่มีความรู้ มีข้อมูล มีความยุติธรรมมากกว่าศาลหรือยังไง แฟน Apple นี่ศรัทธาสูงส่งจิงๆ
เรื่องแรกคือใช่ครับผิดถูกก็ว่ากันไปตามหลักฐานและผมก็ต้องการให้มันอยู่บนพื้นฐานนี้ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจถ้ามันมีการละเมิดก็ควรจะต้องมีบทลงโทษหรือการไกล่เกลี่ยประนีประนอมกันไป มีประโยคไหนที่ผมแสดงเจตนารมณ์ว่าต้องการช่วย Apple ให้พ้นผิดทุกข้อกล่าวหา หรือต้องการช่วย Apple? ที่คุยกันตั้งแต่ต้นผมเพียงไม่เห็นด้วยกับการที่มีบริษัททำตัวเป็น Troll ครับ ซึ่งมันมีผลโดยรวมกับทุกบริษัทในอุตสาหกรรมนี้
เรื่องที่สองผมไม่เคยพูดว่า Apple มีคุณธรรมสูงส่งครับ ถ้าผมเคยกล่าวไว้ก็ช่วยอ้างอิงด้วยครับ เรื่องที่ผมเคยพูดไว้มาโดยตลอดคือ Apple เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจมีเป้าหมายหลักอย่างหนึ่งคือการทำกำไรเหมือนบริษัททั่วๆ ไป
ส่วนเรื่องที่คุณยกมาในประโยคสุดท้ายตรงนี้ผมไม่ทราบเหมือนกันว่าพูดถึงกรณีไหนเพราะมีเรื่องยิบย่อยเหลือเกิน ผมคงไม่สามารถออกความเห็นได้ถือว่าเป็นการบ่นของคุณลอยๆ ผ่านมุมมองส่วนตัวของคุณไปก็แล้วกัน
"ผมว่าบริษัทขนาดใหญ่ทั่วไปนี่เขาคงไม่ได้ก่อตั้งขึ้นมาด้วยการยึดเอาการละเมิดสิทธิบัตรเป็นจุดยืนในการดำเนินธุรกิจหรอกมั้งครับ" ตรงนี้เหมือนคุณเชื่อว่า Apple มีจริยธรรมในการทำธุรกิจ ถ้าไม่ใช่ก้อแล้วไป ผมขอโทษละกัน ผมขี้เกียจต่อความยาวสาวความยืดแล้ว
แรก ๆ ผมก็เกลียดพวก patent troll ครับ แต่บางทีบางบริษัทก็ทำเหมือนเป็น patent lifter (เหมือน shoplifter) ถูกใจอันไหนก็หยิบมาเลยไม่จ่ายเงิน ถ้าจับได้ก็จ่ายในส่วนที่ต่อรองกับศาล ตอนนี้ผมดูไม่ออกแล้วว่า troll หรือ lifter ใครแย่กว่ากัน