สำหรับผู้ที่อ่าน Blognone ประจำ คงเห็นว่าผมเขียนข่าวเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า Tesla เสมอ ซึ่งเกิดจากความชอบส่วนตัวและความชอบในตัว Elon Musk ซีอีโอของ Tesla Motors และตัวผู้เขียนเพิ่งเรียนจบ เลยได้โอกาสเดินทางไปเยอรมนีเพื่อท่องเที่ยวและเยี่ยมเยียนคนรู้จัก จึงเกิดไอเดียว่า "ไปลองขับ Tesla ดีกว่า" ผมเลยใช้ Skype โทรไปหาศูนย์บริการ Tesla Motors ที่เมือง Stuttgart ทางตอนใต้ของเยอรมนีเพื่อนัดหมายวันทดลองขับ จึงเป็นที่มาของการแชร์ประสบการณ์ในครั้งนี้
ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก เสียแล้วสำหรับ Tesla Motors หลังมีรายงานระบบ Autopilot บน Model S ก่อให้เกิดอุบัติเหตุจนมีผู้เสียชีวิต เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ล่าสุดระบบ Autopilot บน Model X ก็ก่อให้เกิดอุบัติเหตุในเพนซิลเวเนียขึ้นมาอีกครั้ง
อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นกับนาย Albert Scaglione หลังจากเจ้าตัวเปิดโหมด Autopilot ก่อนที่ตัวรถจะชนเข้ากับที่กั้นริมทางด้านขวา แล้วหักซ้ายข้ามเลนไปชนเข้ากับแผงกั้นคอนกรีตกลางถนนและพลิกคว่ำ โชคดีที่ไม่มีผู้เสียชีวิต แต่ก็ไม่มีรายงานว่าผู้โดยสารบาดเจ็บมากน้อยแค่ไหน
รถยนต์ไฟฟ้า Tesla ได้รับอัพเดตเพิ่มฟีเจอร์ขับอัตโนมัติ หรือ Autopilot มาตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว มีคนใช้มากมาย ล่าสุดเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงจากการใช้ฟีเจอร์นี้เป็นครั้งแรก ส่งผลให้คนขับเสียชีวิตทันที
อุบัติเหตุนี้เกิดขึ้นบริเวณทางแยกบนทางหลวงในเมือง Williston รัฐฟลอริดา ผู้ขับรถ Tesla Model S คือนาย Joshua D. Brown อายุ 40 ปี ก่อนเขามาถึงทางแยก มีรถบรรทุกขนาดใหญ่กำลังเลี้ยวขวางถนนอยู่ รถยนต์ Tesla ของ Brown แยกแยะระหว่างด้านข้างของรถบรรทุกซึ่งเป็นสีขาว กับท้องฟ้าที่ค่อนข้างสว่างไม่ออก ทำให้ไม่ได้เบรก พุ่งชนและลอดใต้รถบรรทุกไป ชายล่างของตัวเทรลเลอร์ฉีกหลังคารถ Tesla ออกทั้งแผ่น รถของ Brown ไปจอดนิ่งห่างจากจุดเกิดอุบัติเหตุไปหลายร้อยฟุต เขาเสียชีวิตทันที
ปัจจุบันโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Motors ตั้งอยู่ที่เมือง Fremont รัฐแคลิฟอร์เนีย มีพื้นที่ราว 4.9 ล้านตารางเมตร และขณะนี้ก็กำลังสร้างเพิ่มอีกโรง ในชื่อ Gigafactory ที่รัฐเนวาดา มีพื้นที่ใหญ่มหึมา เป็นรองแค่โรงงานผลิตเครื่องบินโบอิ้ง ที่รัฐวอชิงตันเท่านั้น โดยขณะนี้มีรายงานจากเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ทันหุ้นของประเทศไทยว่า Tesla Motors กำลังสนใจเข้าซื้อที่ดินในประเทศไทยเพื่อตั้งโรงงานผลิตรถยนต์เพิ่ม
Sergio Marchionne ซีอีโอของ Fiat Crysler Automobiles บริษัทแม่ของ Maserati ให้สัมภาษณ์ว่าบริษัทกำลังพิจารณาจะนำรถยนต์สปอร์ต Maserati Alfieri มาผลิตเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งคาดว่าจะเริ่มกระบวนการผลิตในอีกอย่างน้อย 2 ปีข้างหน้า
นอกจากรถยนต์สปอร์ตไฟฟ้าแล้ว บริษัทก็กำลังพิจารณาจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก (City Car) ภายใต้แบรนด์ Fiat เพื่อเจาะตลาดยุโรปด้วย โดยปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัทมีจำหน่ายอยู่แค่ในแคลิฟอร์เนียและออริก้อนเพียง 2 แห่งเท่านั้น
ทั้งนี้ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซีอีโอของ Maserati เคยระบุไว้ว่าจะเพิ่มรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริด สำหรับรถยนต์ทุกๆ รุ่นของบริษัทด้วย
ที่มา - Venturebeat
ก่อนหน้านี้ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Motors เคยมีตัวเลือกความจุแบตเตอรี่หลายขนาด แต่สุดท้ายก็ทยอยตัดรุ่นความจุต่ำๆ ออก และคงเหลือไว้เฉพาะแบตเตอรี่แบบ 90 กิโลวัตต์ชั่วโมง ล่าสุดบริษัทได้นำแบตเตอรี่ความจุ 60 กิโลวัตต์ชั่วโมงกลับมาขายอีกครั้ง พร้อมปรับดีไซน์รถยนต์ใหม่ และขายราคาถูกกว่าเดิม
Tesla Model S 60 รุ่นใหม่นี้มีสเปกพื้นฐานคือขับเคลื่อนสองล้อหลัง วิ่งได้ไกล 210 ไมล์ หรือราว 338 กิโลเมตร ทำความเร็วตั้งแต่ 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 5.5 วินาที มีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 130 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือ 209 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อุปกรณ์พื้นฐานของรถก็มีให้มาตั้งแต่ฮาร์ดแวร์ที่รองรับฟีเจอร์ Autopilot และอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยต่างๆ สนนราคาตัวเริ่มต้นอยู่ที่ 66,000 เหรียญสหรัฐ หรือราว 2.3 ล้านบาท (รวมส่วนลดจากรัฐบาลแล้ว) โดยก่อนหน้านี้ขายอยู่ที่ 70,000 เหรียญสหรัฐ
อย่างที่ทราบกันว่าแอปเปิลมีข่าวลือมาตลอด เรื่องการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับ ซึ่งข่าวลือจากหลายฝ่ายก็ให้ข้อมูลไปในทางเดียวกันว่า แอปเปิลน่าจะพัฒนาเป็นรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมัน ล่าสุดสำนักข่าว Reuters รายงานอ้างอิงจากแหล่งข่าวไม่เปิดเผยว่า นอกจากรถแล้ว แอปเปิลยังมีแผนจะสร้างโครงสร้างพื้นฐานเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า อย่างจุดชาร์จไฟอยู่ด้วยเช่นกัน
แหล่งข่าวระบุว่า แอปเปิลกำลังพูดคุยและปรึกษาอยู่กับบริษัทติดตั้งสถานีชาร์จไฟ โดยมีประเด็นหลักคือรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงจ้างวิศวกรและผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้เพิ่มเติมด้วย
ถึงแม้จะไม่สามารถยืนยันได้ว่าสรุปแล้ว แอปเปิลมีความสนใจจะสร้างจุดชาร์จไฟมากน้อยแค่ไหน แต่อย่างน้อยๆ ก็ช่วยเพิ่มน้ำหนักของข่าวลือที่ว่าแอปเปิลจะทำรถยนต์ไฟฟ้าได้ไม่มากก็น้อย
ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในต่างประเทศเริ่มเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะทั้งการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน หรือยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าเองก็ตาม โดย BMW ได้ออกมาเปิดเผยยอดขายรถยนต์ของตัวเองประจำเดือนเมษายน ปรากฎว่ารถยนต์ไฟฟ้าและรถไฮบริดมีส่วนแบ่งยอดขายอยู่ที่ 2.5% จากยอดขายรถทั้งหมด
BMW ระบุว่าเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา สามารถขายรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริดไปได้ 4,504 คันทั่วทั้งโลกจากทั้งหมด 179,285 คัน โดยรถยนต์ไฟฟ้าซีรีส์ i ของ BMW มียอดขายเพิ่มขึ้น 29.4% เมื่อเทียบกับเดือนเมษายนปีที่แล้ว และหากนับเฉพาะรุ่น BMW i3 มียอดขายเพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายนปีที่แล้วถึง 50.7% ซึ่งแตกต่างจากรุ่นไฮบริดอย่าง BMW X5 xDrive ที่มียอดขายลดลงถึง 10%
ข่าวนี้เก่าสักเล็กน้อยนะครับ Nissan Motor บริษัทรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นได้เปิดเผยข้อมูลว่าปัจจุบัน ญี่ปุ่นมีจุดชาร์จไฟสำหรับรถยนต์ ทั้งแบบสาธารณะและในบ้านรวมกันทั่วประเทศกว่า 40,000 แห่ง มากกว่าปั๊มน้ำมัน ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศเพียง 35,000 แห่งเท่านั้น โดยนอกจากการเพิ่มขึ้นของจุดชาร์จแล้ว เว็บไซต์หรือแอพพลิเคชันที่ระบุจุดหรือสถานีชาร์จก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
การขยายของโครงสร้างพื้นฐานที่รวดเร็วเช่นนี้ เท่ากับว่าญี่ปุ่นได้เตรียมพร้อมและอ้าแขนรับการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยีพลังงานในรถยนต์ ที่น่าจะกลายเป็นแหล่งพลังงานหลักแทนน้ำมันในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้
สายการบิน Qantas (อ่านว่า ควาน-ทาซ) ของออสเตรเลียกับ Tesla Motors Australia ร่วมกันโปรโมตบริษัททั้งสองไปพร้อมกัน ด้วยการจัดการแข่งขันระหว่างเครื่องบิน Boeing 737-800 และรถยนต์ Tesla Model S P90D ณ สนามบิน Avalon ที่เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย เป็นการแข่งทางตรง ระยะทางร่วม 3 กิโลเมตร
ฝั่งเครื่องบิน Boeing 737 มีน้ำหนักตัวราว 70,000 กิโลกรัม, แรงขับ 52,000 ปอนด์, ความเร็วสูงสุด 850 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วน Tesla Model S P90D มีน้ำหนักราว 2,196 กิโลกรัม, แรงบิด 966 นิวตันเมตร, กำลัง 532 แรงม้า, ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยฝั่งเครื่องบิน 737 ขับโดยกัปตัน Steve Gist และ Kevin Tonge และฝั่ง Model S ขับโดยนักแข่งรถ Tony d’Alberto
เมื่อวานนี้ Tesla Motors ได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นเล็ก Tesla Model 3 เป็นที่เรียบร้อย ที่ดีไซน์สตูดิโอของ Tesla ณ เมือง Hawthorne รัฐแคลิฟอร์เนีย รายละเอียดหลักๆ เกี่ยวกับตัวรถอ่านได้จากข่าวเก่า แต่ในงานยังได้เปิดเผยข้อมูลอื่นๆ อีกบางส่วน ผมจึงรวบรวมมาอีกทีนะครับ
Tesla จัดงานเปิดตัว Model 3 โดยบนเวทีคุณ Musk เริ่มต้นพูดถึงปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง และมลภาวะ ก่อนกล่าวถึงแผนการของบริษัท ตั้งแต่การเปิดตัว Roadster ว่าเป็นการแสดงศักยภาพของรถยนต์ไฟฟ้า สู่ Model S ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่คนทั่วไปสัมผัสได้ มาถึง Model X โดยนำเงินจากการขายรุ่นก่อนหน้ามาพัฒนารุ่นถัดมาในราคาที่ย่อมเยาลง และในวันนี้ Model 3 เป็นรุ่นที่บริษัทหวังจะช่วยเปลี่ยนผ่านระบบขนส่งสู่ความยั่งยืนในอนาคต
หากยังจำกันได้ วันนี้เป็นวันเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 ซึ่งเป็นรุ่นเล็กสุดของ Tesla ขณะนี้เหลือเวลาอีกราว 1 ชั่วโมงก่อนจะเริ่มงาน โดย Elon Musk ซีอีโอของบริษัทได้ทวีตเปิดเผยข้อมูลใหม่เกี่ยวกับประเทศที่จะวางจำหน่ายรถยนต์เพิ่มเติม
เขาบอกว่า Tesla Model 3 จะวางจำหน่ายเพิ่มใน 7 ประเทศ คือ อินเดีย, บราซิล, แอฟริกาใต้, เกาหลีใต้, นิวซีแลนด์, สิงคโปร์ และไอร์แลนด์ หลังจากทวีตออกไป ก็มีผู้ใช้ทวีตถามกลับไปว่าจะมีสถานี Supercharger ที่นิวซีแลนด์ไหม (สถานีชาร์จไฟฟรีตลอดชีพ) ซึ่ง Musk ก็ตอบว่าจะมีทั่วประเทศ นอกจากนี้ก็มีผู้ใช้อีกคนถามว่าแล้วจะมีรุ่น Model X มาด้วยหรือไม่ Musk ก็ตอบว่าจะมีมาทั้ง Model S และ X เลย
ถึงแม้ว่างานเปิดตัวยังไม่เริ่ม และแทบจะไม่มีข้อมูลอะไรเปิดเผยออกมาเลยก็ตาม ก็มีผู้คนแห่ไปต่อคิวจองรถรุ่นใหม่นี้ที่โชว์รูม Tesla หลายแห่งแล้วเมื่อหลายชั่วโมงก่อน โดยบัญชีทวิตเตอร์อย่างเป็นทางการของ Tesla Motors ได้โพสต์คลิปวิดีโอสั้นๆ โชว์บรรยากาศการต่อคิวด้วยครับ
งานเปิดตัวจะเริ่มเวลา 20:30 น. ตามเวลาของรัฐแคลิฟอร์เนีย หรือ 10:30 น. วันนี้ตามเวลาประเทศไทย สามารถดูถ่ายทอดสดได้ที่ Tesla.com
ที่มา - @elonmusk
เมื่อได้ชื่อว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ไม่ว่ายี่ห้อไหนต่างก็โฆษณาว่าไม่มีการปล่อยมลภาวะแม้แต่นิดเดียว (zero-emission vehicle) และรถยนต์ก็ไม่มีท่อไอเสียอีกด้วย แต่ผู้ใช้รถยนต์ Tesla Model S ในสิงคโปร์กลับโดนเรียกเก็บค่าปรับข้อหาปล่อยมลภาวะเยอะเกินไป
หน่วยงานที่เรียกเก็บค่าปรับคือกรมการขนส่งทางบกของสิงคโปร์ (Land Transport Authority หรือ LTA) โดยจะเก็บค่าปรับผู้ใช้รถที่ปล่อยมลภาวะสูงเกิน โดยจากการคำนวณของ LTA รถยนต์ Tesla Model S ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ที่ 222 กรัมต่อกิโลเมตร ซึ่งจัดว่าสูงมาก ถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพ BMW 530d เครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ที่ราว 144 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น
Elon Musk ซีอีโอของ Tesla Motors เคยบอกไว้หลายเดือนแล้วว่า Tesla Model 3 รถยนต์ไฟฟ้าล้วนรุ่นใหม่ของบริษัทจะเปิดตัวในเดือนมีนาคม ขณะนี้ Tesla เริ่มส่งคำเชิญแขกเข้าร่วมงานแล้ว
งานเปิดตัวจะมีขึ้นวันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคมนี้ โดย Tesla คัดเลือกแขกเข้าร่วมงานเป็นรายคน ส่วนใหญ่เป็นเจ้าของรถ Tesla และคนในวงการ ในคำเชิญไม่ได้บอกสถานที่ที่แน่ชัด โดยบอกเพียงแค่ว่าอยู่ทางใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย (แถวนั้นก็มีลอสแองเจลิสที่เป็นเมืองใหญ่) นอกจากนี้วันและเวลาก็ยังไม่บอกเช่นกัน
Rimac Automobili บริษัทรถยนต์หน้าใหม่จากประเทศโครเอเชีย เปิดตัวรถยนต์ไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้าล้วนถึงสองรุ่นพร้อมกัน คือ Concept One และ Concept S ที่งาน Geneva Motor Show ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ก่อนหน้านี้เราเห็นข่าวรถยนต์จากค่าย GM โดนแฮ็กมาแล้ว (อ่านได้จากบทความ มหากาพย์ GM กับการแก้ปัญหารถยนต์ถูกแฮกผ่านระบบ OnStar ที่ดำเนินมาเกือบ 5 ปี) คราวนี้มาดูรถญี่ปุ่นถูกแฮ็กกันบ้าง
นักวิจัยด้านความปลอดภัยสองคนค้นพบช่องโหว่ในรถยนต์ไฟฟ้า Nissan Leaf โดยเป็นการแฮ็กผ่าน API ของแอพใน iOS และ Android ส่งผลให้ใครก็ตามที่รู้เลขตัวถังรถยนต์ (VIN) สามารถเรียกดูข้อมูลต่างๆ ของรถคันนั้นได้ทันที ซึ่งเลขตัวถังก็โชว์หราอยู่หน้ากระจกเลยทีเดียว
หลังจากปล่อยให้ Tesla เป็นผู้นำด้านรถยนต์พลังงานไฟฟ้าล้วนมานาน ขณะนี้ Porsche ผู้ผลิตรถสปอร์ตยักษ์ใหญ่จากประเทศเยอรมนีได้ประกาศจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าล้วนรุ่นใหม่ ในนาม Porsche Mission E มาสู้กับ Tesla แล้ว
Porsche จะลงทุนขยายโรงงานใหม่เพิ่มจากโรงงานเดิมที่ Zuffenhausen เมือง Stuttgart ประเทศเยอรมนี ด้วยเงินราว 1.09 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะจ้างงานเพิ่มถึง 1,000 ตำแหน่งเพื่อผลิตรถยนต์รุ่นดังกล่าว โดยมันถูกเปิดตัวในงาน Frankfurt Motor Show เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา และจะเริ่มเปิดขายภายในสิ้นปี 2020
กรมทางหลวงอังกฤษประกาศข่าวเตรียมทดสอบอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สายติดตั้งใต้ผิวถนนเพื่อให้รถยนต์ไฟฟ้าใช้งานชาร์จแบตเตอรี่ โดยจะเริ่มทำการทดสอบในถนนจำลองก่อนสิ้นปีนี้และใช้เวลาราว 18 เดือน ก่อนจะย้ายไปทดสอบการใช้งานกับถนนจริง
รัฐบาลของสหราชอาณาจักรได้จัดสรรงบประมาณถึง 500 ล้านปอนด์ (ประมาณ 27.5 พันล้านบาท) เพื่อการพัฒนาโครงการนี้ตลอดระยะเวลา 5 ปีนับจากนี้ไป โดยงานนี้กรมทางหลวงอังกฤษได้ทำการศึกษาความเป็นไปได้ทั้งเรื่องการพัฒนาอุปกรณ์เพื่องานติดตั้งกับถนนที่มีการใช้งานจริง, แนวทางการปรับแต่งรถยนต์ไฟฟ้าหรือรถยนต์ไฮบริดที่มีผู้ใช้งานในปัจจุบันให้สามารถใช้ระบบชาร์จไฟแบบไร้สายได้ ตลอดจนมีการศึกษาด้านเทคนิคการส่งผ่านพลังงานแบบไร้สายว่าควรมีการกำหนดคุณสมบัติเช่นไร
ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บรรดาผู้ผลิตรถยนต์ และบริษัทไอทีอย่างกูเกิลเริ่มพูดถึงการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับ ซึ่งบางเจ้าได้เริ่มทดลองวิ่งไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่มีเจ้าใหญ่รายไหนทำท่าจะขายจริงได้ในเร็ววันซักราย
ล่าสุดเป็น Induct Technology บริษัทผู้พัฒนาเกี่ยวกับหุ่นยนต์ และยานพาหนะ สัญชาติฝรั่งเศส ได้เปิดตัว Navia รถยนต์ไร้คนขับที่มีวางขายจริงเป็นรายแรกของโลกแล้ว
ตัว Navia นั้นไม่ได้เป็นรถยนต์ส่วนบุคคลอย่างที่ผู้ผลิตรายอื่นกำลังพัฒนากัน แต่เป็นส่วนผสมระหว่างรถกอล์ฟกับมินิบัสที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าทั้งระบบ ทำความเร็วได้มากกว่า 12 ไมล์ต่อชั่วโมง บรรทุกได้ครั้งละ 8 คน และสามารถชาร์จไฟแบบไร้สาย โดยใช้การเหนี่ยวนำสนามแม่เหล็กไฟฟ้า
Toyota ประกาศกลางงาน CES 2014 ว่ากำลังดำเนินการเตรียมเครือข่ายสถานีไฮโดรเจน เพื่อรองรับการใช้งานรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่ใช้ระบบไฟฟ้าในการขับเคลื่อน
Toyota เพิ่งจัดแสดงรถพลังงานไฟฟ้าต้นแบบที่ใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงไปไม่นานมานี้ ซึ่ง Toyota เตรียมที่จะผลิตรถรุ่นดังกล่าวออกขายจริงในสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นภายในปีนี้ และเพื่อการนี้ Toyota จึงเตรียมพร้อมที่จะวางระบบโครงข่ายสถานีไฮโดรเจนที่จะรองรับการใช้งานรถเหล่านั้น เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าที่คิดจะใช้รถประเภทดังกล่าว
ในวันนี้สองยักษ์ใหญ่ต่างวงการอย่างโตโยต้าและไมโครซอฟท์ได้ประกาศความร่วมมือเพื่อพัฒนา Smart-Car โดยมีเป้าหมายเพื่อจัดจำหน่ายใน 170 ประเทศเริ่มต้นปีหน้า
โตโยต้าประกาศว่าเทคโนโลยีที่จะนำเสนอนี้เป็นรถยนต์แบบไฮบริดซึ่งเชื่อมต่อกับระบบกลุ่มเมฆ Windows Azure ของไมโครซอฟท์ ทำให้ผู้ใช้งานตรวจสอบระดับพลังงานไฟฟ้าสะสมและคอยเตือนเมื่อถึงเวลาต้องชาร์จไฟเพิ่ม ตลอดจนถึงการสตรีมเพลง แผนที่ ระบบจัดการอัจฉริยะเช่นสั่งเปิดแอร์ก่อนถึงบ้าน และรวมถึงการดึงข้อมูลที่จำเป็นต่างๆ ขณะเดินทาง ซึ่งเสมือนหนึ่งรถยนต์จะเป็นคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือที่มี "แอพ" ต่างๆ ให้เลือกใช้งาน
อดีตประธานบริษัทอินเทล แอนดี้ โกรฟ หนึ่งในคนที่สนับสนุนรถยนตร์ไฮบริดมาตลอด ตอนนี้รับหน้าที่เป็นผู้ให้คำแนะนำแก่บริษัทอินเทล ได้พยายามผลักดันพอล โอเทลลินี ซีอีโอของบริษัทให้ไปทำตลาดอื่นๆ นอกเหนือจากปัจจุบัน สิ่งที่โกรฟแนะนำโอเทลลินีคือทำแบตเตอรี่สำหรับรถยนตร์พลังงานไฟฟ้า เหตุผลสองข้อหลักก็คือ