ฟีเจอร์เรียก Hey Google ตามด้วยคำสั่งการใช้งานยังมีจำกัดเฉพาะอุปกรณ์ลำโพงอัจฉริยะ Google Home และมีการทดลองใช้ในสมาร์ทโฟนช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ล่าสุด Android Police รายงานว่าฟีเจอร์ Hey Google ได้ขยายไปยังสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นมากขึ้น

กูเกิลประกาศขยายบริการผู้ช่วยส่วนตัว Google Assistant ไปยังมือถืิอและแท็บเล็ต Android ที่ใช้ระบบปฏิบัติการรุ่นเก่าด้วย

• แท็บเล็ต: ต้องเป็น Android 6.0 Marshmallow ขึ้นไป
• มือถือ: ต้องเป็น Android 5.0 Lollipop ขึ้นไป

Google Assistant จะทยอยเปิดให้บริการในเร็วๆ นี้ ฝั่งแท็บเล็ตจะยังจำกัดเฉพาะในสหรัฐ ส่วนบนมือถือจะเริ่มในกลุ่มประเทศที่พูดภาษาอังกฤษ สเปน รวมถึงอิตาลี ญี่ปุ่น เยอรมนี เกาหลีใต้ และบราซิล ผู้ใช้จะเห็นไอคอน Assistant โผล่ขึ้นมาในรายการแอพเลย

ที่มา - Google

Google Assistant ระบบผู้ช่วยจาก Google ที่ขึ้นชื่อว่ามีความฉลาด เหนือกว่าระบบ AI ของคู่แข่งมาก นอกจากจะสามารถตอบคำถามทั่วไปแล้ว ยังสามารถโต้ตอบคำพูดที่เป็น meme ได้ด้วย

Google Japan อัพโหลดวิดีโอ แนะนำการใช้งาน Google Assistant บนมือถือแอนดรอยด์ในช่องของตัวเอง เมื่อพูดว่า "เจ้าน่ะตายไปแล้ว" (เป็นภาษาญี่ปุ่น) Google Assistant จะตอบกลับมาว่า "อะต๊า!อะต๊า!อะต๊า!อะต๊า!อะต๊า!อะต๊า!อะต๊า!อะต๊า!อะต๊า!อะต๊า!อะต๊า!อะต๊า!อะต๊า!" พร้อม emoji รูปหมัด

หลังการพยายามเจาะตลาดล่างนำมาด้วย Android Go และแอปต่างๆ อาทิ YouTube Go, Datally, Files Go และ Google Go ล่าสุด Google ลุยไปแม้กระทั่งตลาดฟีเจอร์โฟนด้วยการพัฒนา Google Assistant สำหรับฟีเจอร์โฟน เพื่อเจาะตลาดอินเดียโดยเฉพาะ

ด้วยความที่อินเดียยังคงมีผู้ใช้ฟีเจอร์โฟนเยอะมาก ซึ่งถึงแม้จะไม่ได้รันแอนดรอยด์ แต่ด้วยความที่ยังมีความสามารถในการเชื่อมต่อ 4G ทาง Google เลยอาศัยประโยชน์ตรงนี้ในการใช้งาน Google Assistant โดยฟีเจอร์โฟนรุ่นแรกที่รองรับผู้ช่วยอัจฉริยะจาก Google คือ JioPhone 4G รันด้วย KaiOS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่พัฒนาขึ้นจาก Firefox OS

Google Assistant มีความสามารถเพิ่มเติมอีกอย่างคือหาผู้ให้บริการ บริษัทห้างร้านที่เราอยากใช้บริการในพื้นที่ใกล้เคียงได้ เช่นพูด Ok Google หาช่างซ่อมประปาให้หน่อย ระบบจะแสดงตัวเลือกสถานบริการซ่อมแซมประปาให้ พร้อมช่องทางติดต่อ

ฟีเจอร์ใหม่จะยังเปิดใช้เฉพาะในสหรัฐฯ ภายในสัปดาห์หน้า

เดิมการสั่งงาน Google Home ผู้ใช้จะสามารถสั่งได้ทีละคำสั่งเท่านั้น แต่ล่าสุด Google อัพเดตให้ Google Assistant บน Google Home รองรับการสั่งงาน 2 คำสั่งพร้อมกันได้แล้ว อาทิ สั่งให้เปิดไฟและเปิด Spotify หรือปิดไฟแล้วเปิด Netflix

อย่างไรก็ตามการรับคำสั่งบน Google Home ตอนนี้รองรับเพียง 2 คำสั่งสูงสุดเท่านั้น ขณะที่การสั่งงาน Google Assistant ผ่านสมาร์ทโฟน ณ ตอนนี้ยังไม่รองรับฟังก์ชันนี้

ที่มา - Android Police

Google Lens ฟีเจอร์ระบุและเข้าใจสิ่งของในภาพ พร้อมหาข้อมูลแทนเรา (เช่น หาข้อมูลร้านอาหารจากหน้าร้าน, แปลข้อความในภาพหากพบภาษาอื่น ฯลฯ) ได้เริ่มเปิดให้ใช้งานผ่าน Google Assistant แล้ว โดยก่อนหน้านี้ได้ปล่อยพรีวิวให้ผู้ใช้ Pixel รุ่นแรกแต่ใช้งานผ่าน Google Photos เท่านั้น

สำหรับวิธีการใช้งาน Google Lens บน Assistant เพียงแค่กดปุ่มกล้องขณะกำลังใช้งาน Assistant ก็สามารถสั่งค้นหาด้วยการถ่ายภาพได้ทันที ซึ่งฟีเจอร์นี้ ผู้ใช้บางคนรายงานผ่าน Reddit ว่าได้ใช้งานฟีเจอร์นี้แล้ว ทั้งบน Pixel และ Pixel 2 (แต่ตอนนี้ยังไม่ได้เปิดให้บริการกับผู้ใช้ทุกคน)

ผู้ใช้งาน Google Assistant ที่มีลำโพงที่รองรับผู้ช่วย Google Assistant สามารถสั่งการผ่านผู้ช่วยให้ถ่ายทอดเสียงของตัวเองไปยังลำโพงตัวอื่นๆ ในบ้านได้ ไม่ต้องตะโกนปลุกลูกหลานให้ลุกจากที่นอน หรือเรียกรวมให้มารับประทานอาหารร่วมกันอีกต่อไป

ตัวอย่างชุดคำสั่งที่ผู้พูดต้องพูดเช่น Ok Google, broadcast it’s time for school!, Ok Google, broadcast it’s dinner time สามารถใส่ลูกเล่นด้วยการเพิ่มเสียงกระดิ่งได้ ผู้ใช้ยังสามารถถ่ายทอดเสียงเวลาตัวเองอยู่นอกบ้านได้ด้วย เช่นบอกให้คนในครอบครัวรู้ล่วงหน้าว่าตนกำลังจะถึงบ้านแล้ว

Google Assistant เพิ่มความสามารถใหม่ เปิดเกมให้เด็กเล่น พูดคุยโต้ตอบกับเด็ก เล่านิทานให้เด็กฟัง หรือแม้แต่ช่วยเด็กๆ ทำการบ้าน เปิดใช้งานในสหรัฐฯแล้ว โดยผู้ใช้สามารถพูด OK Google ผ่านอุปกรณ์หลากหลาย เช่น Google Home, ลำโพงอัจฉริยะและสมาร์ทโฟนอื่นที่รองรับ Google Assistant เริ่มเปิดใช้งานในสหรัฐฯ

ตัวอย่างคำสั่งคือ "Let’s learn", "Play space trivia", "Talk to Everyday Heroes", "Help me with my homework", "Tell me a story", "Tell me the story of The-Not-So-Scaredy cat", "Play Strangest Day Ever", "Play Jungle Adventure" เป็นต้น

งานเปิดตัวสินค้าของกูเกิลเมื่อวานนี้พระเอกของงานนอกจากจะเป็นฮาร์ดแวร์แล้ว ฝั่งซอฟต์แวร์ Google Assistant ก็ถูกหลอมรวมเข้าไว้แทบทุกผลิตภัณฑ์ สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปคือเทคโนโลยีการสังเคราะห์เสียง (text to speech - TTS) ที่ทีมงาน DeepMind ออกมารายงานว่าตอนนี้เป็น WaveNet เวอร์ชั่นใหม่

WaveNet เปิดตัวตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว จุดเด่นของมันคือสร้างเสียงจากโครงสร้างคำพูดก่อนหน้าทำให้เสียงมีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น แต่การสร้างเสียงที่มีรายละเอียดสูงเช่นนี้กลับกินพลังประมวลผลอย่างหนักจนไม่สามารถใช้งานจริงได้

ความสามารถเปิดเพลงจาก Spotify ก่อนหน้านี้ยังจำกัดเฉพาะ Google Home ล่าสุด Spotify ประกาศว่าสามารถใช้ Google Assistant เปิดเพลงจากแพลตฟอร์มได้บนอุปกรณ์แอนดรอยด์ที่รองรับ Google Assistant แล้ว

ตัวอย่างเสียงคำสั่งคือ "Ok Google, play Spotify", "Ok Google, play Discover Weekly", "Ok Google, play Today’s Top Hits on my Chromecast"

สามารถใช้งานคำสั่งนี้ได้ทั้งผู้ใช้ Spotify ทั้งแบบฟรีและพรีเมี่ยม

Google เปิดตัว Pixel Buds หูฟังไร้สายที่รองรับการใช้งาน Google Assistant ในตัว สายหูฟังเป็นผ้าถัก ไม่มีปุ่มแต่รองรับระบบสัมผัสบริเวณหูฟังด้านขวา ใช้งานได้ต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง (รวมแบตหูฟังและแบตจากเคส)

ไฮไลท์ของ Pixel Buds คือการรองรับการแปลภาษาแบบเรียลไทม์สูงสุด ณ ตอนนี้ถึง 40 ภาษา แต่ต้องใช้งานคู่กับ Pixel ด้วยการกดค้างที่ทัชแพดด้านขวาของหูฟังเพื่อเปิดและสั่งให้ Google Assistant แปลภาษา และเมื่อพูดเสร็จ Google Assistant จะแปลเป็นอีกภาษาที่สั่งไว้ให้ผ่านลำโพงของ Pixel ส่วนการตอบกลับก็สามารถพูดได้ผ่าน Pixel และจะถูกแปลออกมาผ่านทาง Pixel Buds

นักวิจัยปัญญาประดิษฐ์แนวหน้าจากจีน 3 รายได้เขียนเปเปอร์ขึ้นมาทดสอบความฉลาดหรือระดับ IQ ของปัญญาประดิษฐ์เมื่อปีที่แล้ว (2016) ปรากฎว่า Google Assistant มี IQ นำมาเป็นอันดับ 1 ที่ 47.28 นำหน้า Baidu ที่ 32.92, ไมโครซอฟท์ที่ 31.98 และ Siri ของแอปเปิลที่ 23.94

ระดับ IQ ของ Google และไมโครซอฟท์ถือว่าสูงขึ้นเมื่อเทียบกับการทดสอบเมื่อปี 2014 ที่อยู่ที่ 26.5 และ 13.5 ตามลำดับ โดยตอนนั้นยังไม่ได้วัดระดับของ Baidu และ Siri ทั้งนี้เปเปอร์ฉบับนี้ที่ตีพิมพ์ออกมาระบุด้วยว่า AlphaGo เข้าร่วมการทดสอบด้วย แต่ไม่ได้มีการให้คะแนน IQ ออกมา ซึ่งนักวิจัยระบุว่าระดับ IQ ของ AlphaGo ยังถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของมนุษย์อยู่ดี

เราเห็น Google Assistant เริ่มกระจายตัวไปยังอุปกรณ์หลากหลายชนิด เช่น หูฟัง Bose หรือ Android TV ล่าสุดมีข่าวว่ามันจะไปลง Chromebook ด้วย

เรื่องนี้คงไม่น่าประหลาดใจมากนัก เพราะ Chromebook เป็นสินค้าของกูเกิลเอง แถมปัจจุบันรันแอพจาก Android ได้ แต่ที่น่าสนใจคือมีคนไปพบโค้ดในโครงการ Chromium OS ว่า Chromebook โค้ดเนม "Eve" จะมีปุ่มพิเศษบนคีย์บอร์ดที่เรียกว่าปุ่ม Assistant เป็นการเฉพาะด้วย

คาดว่า "Eve" น่าจะหมายถึง Google Pixelbook ที่เพิ่งมีภาพหลุดออกมา และน่าจะเปิดตัวพร้อม Pixel 2 ในวันที่ 4 ตุลาคมนี้

จากที่เคยประกาศไว้เมื่อต้นปี กูเกิลเริ่มอัพเกรดอุปกรณ์ Android TV ให้รองรับฟีเจอร์สั่งงานด้วยเสียง Google Assistant แล้ว

อุปกรณ์ตัวแรกที่ได้อัพเกรดคือ NVIDIA Shield TV จากนั้นจะเป็นคิวของอุปกรณ์อื่นๆ อย่าง Sony Bravia 4K ที่เคยประกาศไว้แล้วเช่นกัน

ตัวอย่างการสั่งงานด้วยเสียงบน Android TV ก็อย่างเช่น “Play Game of Thrones” “Order more popcorn” “play 4K videos on YouTube” รวมถึง “Turn off”

ที่มา - Google

Bose เปิดตัวหูฟังใหม่ QC 35 II โดยหูฟังรุ่นใหม่จาก Bose นี้มีจุดเด่นสำคัญคือการใส่ปุ่มเฉพาะสำหรับเรียก Google Assistant ระบบผู้ช่วยส่วนตัวจาก Google เข้ามาในตัวหูฟัง

ตัวหูฟังใหม่นี้ สามารถตั้งค่าผ่าน Bluetooth กับแอพ Google Assistant บน iPhone หรือ Android ก็ได้ ​การเรียกใช้ Google Assistant ก็เพียงแค่กดปุ่มทางด้านขวาของหูฟัง ก็จะเรียก Assistant ทันที สามารถสั่งให้อ่านข้อความ, อ่านข่าว หรือโทรศัพท์หาคนอื่นก็ได้ ซึ่งนอกจาก Assistant แล้ว ตัวหูฟังยังสามารถเชื่อมต่อกับแอพ Bose Connect บนมือถือ เพื่อทำการตั้งค่าหูฟังอย่างเช่นตั้งค่าระบบตัดเสียงได้

นอกจากลำโพง Harman Kardon รุ่นที่ใช้ Cortana และ Alexa บริษัท Harman International ยังมีลำโพงอัจฉริยะที่ใช้ Google Assistant เปิดตัวไล่เลี่ยกัน โดยเป็นสินค้าของแบรนด์ลูก JBL

ลำโพงซีรีส์นี้ชื่อว่า JBL LINK แบ่งออกเป็น 3 รุ่นย่อยตามระดับราคา ฟีเจอร์ และกำลังขับของเสียง คือ LINK 10 (169 ยูโร), LINK 20 (199 ยูโร), LINK 300 (299 ยูโร) ทุกรุ่นผนวกเอา Google Assistant มาให้ในตัว

ลำโพงรุ่น LINK 10/20 ออกแบบให้เป็นลำโพงพกพา มีแบตเตอรี่ในตัว กันน้ำมาตรฐาน IPX7 ส่วนรุ่น LINK 300 เน้นกำลังเสียง 50 วัตต์สำหรับใช้งานในห้องนั่งเล่น สินค้าจะเริ่มขายในฤดูใบไม้ร่วงปีนี้

ฟีเจอร์ Google Assistant หรือผู้ช่วยส่วนตัวเป็นฟีเจอร์ที่ต่อยอดมาจาก Google Now โดยเปิดตัวครั้งแรกในสมาร์ทโฟน Google Pixel และกำลังขยายไปยังสมาร์ทโฟนยี่ห้ออื่นๆ อยู่

ล่าสุดกูเกิลได้เพิ่มฟีเจอร์ถ่ายสกรีนช็อตด้วยเสียงให้ Google Assistant แล้ว โดยการพูดว่า "OK Google, take a screenshot" จากนั้นโทรศัพท์จะแคปรูปหน้าจอในขณะนั้นพร้อมขึ้นหน้าแชร์ให้อัตโนมัติ ซึ่งรูปที่ได้จะมีค่าเท่ากับการกดปุ่ม Share screenshot บนหน้า Google Assistant เพราะไม่มีแถบแสดงการแจ้งเตือนด้านบน และไม่มีปุ่ม Back, Home, Recent Apps บนหน้าจอติดมาด้วย

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มาจากฝั่งเซิฟเวอร์ของกูเกิล ผู้ใช้จึงไม่ต้องทำอะไร ผมทดลองใน Google Pixel ของผมก็ใช้งานได้แล้วครับ

หลังกูเกิลปล่อย Google Assistant SDK ให้นักพัฒนาช่วงต้นปีที่ผ่านมา ตอนนี้เราเริ่มเห็นลำโพงจากบริษัทอื่นๆ ที่รันด้วย Google Asssitant ออกมาบ้างแล้ว หนึ่งในนั้นคือโซนีที่เปิดตัวในงาน IFA 2017

Sony LF-S50G หน้าตาภายนอกคล้ายกับ HomePod ของแอปเปิลแต่ฟีเจอร์ภายในทำได้เหมือน Google Home ทั้งหมด พร้อมนาฬิกาดิจิทัลให้บนลำโพงด้วย ขณะที่ลำโพงมี 2 ตัวที่ปล่อยเสียงได้ 360 องศาและซับวูฟเฟอร์อีก 1 ตัว รองรับการเชื่อมต่อผ่านบลูทูธและ NFC กันน้ำสาดด้วยมาตรฐาน IPX3 วางจำหน่ายเดือนตุลาคมนี้ราคา 199 ดอลลาร์

ที่มา - 9to5Google

วันนี้ที่งานแสดงเทคโนโลยี IFA ที่จัดขึ้นที่กรุงเบอร์ลิน เยอรมัน Google ระบุว่า Google Assistant ได้อัปเดตอุปกรณ์ที่รองรับเพิ่มเติม มีลำโพง Zolo Mojo จาก Anker, TicHome Mini จาก Mobvoi และ GA10 จาก Panasonic และยังประกาศเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกับ LG ด้วย

Google ระบุว่า เครื่องใช้ไฟฟ้าของ LG จะรองรับผู้ช่วย Google Assistant ด้วยเช่นกัน และจนถึงตอนนี้มีอุปกรณ์ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่รองรับ Google Assistant แล้วกว่า 70 อุปกรณ์ Google ระบุว่าจะประกาศความร่วมมือกับแบรนด์อื่นๆ เพิ่มอีกในงาน IFA ที่จัดขึ้นทั้งสัปดาห์นี้

ปีที่แล้ว กูเกิลเริ่มลุยตลาดประเทศกำลังพัฒนาครั้งใหญ่ โดยออกผลิตภัณฑ์เวอร์ชันที่เหมาะกับอินเทอร์เน็ตความเร็วต่ำหรือไม่มีอินเทอร์เน็ต เช่น YouTube Go ที่ดูแบบออฟไลน์ได้ และ Google Station บริการ Wi-Fi ฟรีตามพื้นที่สาธารณะ

แผนการของกูเกิลเริ่มที่อินเดีย (อ่าน กูเกิลเพื่ออินเดีย: การคิดมุมกลับเพื่อนำอินเทอร์เน็ตไปยังคนที่เข้าไม่ถึง ที่กูเกิลเชิญคุณ lew ไปลงพื้นที่จริงในอินเดีย) ล่าสุดวันนี้กูเกิลไปแถลงเปิดตัวโครงการแบบเดียวกันที่อินโดนีเซีย

ย้อนกลับไปงานประชุมนักพัฒนา Google เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา Scott Huffman รองประธาน Google ระบุว่า ผู้ช่วยอัจฉริยะหรือ Google Assistant จากเดิมที่รองรับได้เพียงภาษาอังกฤษนั้น จะรองรับภาษาเกาหลี อิตาลีและสเปนให้ได้ภายในสิ้นปีนี้ ล่าสุด Google ทำ Google Assistant เวอร์ชั่นภาษาเกาหลีปล่อยเป็นระบบทดลองใช้แล้ว

มีรายงานจากเว็บไซต์ Chrome Unboxed ว่า Google กำลังพัฒนา Chromebook รุ่นใหม่ในโค้ดเนม Eve โดยมีฟีเจอร์สำคัญสองอย่างคือมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือและ Google Assistant ซึ่งเป็นข้อมูลที่ได้มาจากคอมเมนต์ของนักพัฒนา Chrome OS

เว็บไซต์ยังได้เผยรายละเอียดอื่นของ Eve ว่า นอกจากจะมีฟีเจอร์สำคัญสองอย่างแล้ว จะมีการปรับปรุงแทรกแพดใหม่, ใช้หน้าจอ 2400 x 1600 พิกเซล อัตราส่วน 3:2 รองรับการสัมผัสและปากกา, คีย์บอร์ดแบบมีไฟ และใช้ชิพ Intel Kaby Lake ด้วย

ถึงแม้ในแง่ยอดขาย Amazon Alexa จะเป็นพี่ใหญ่ในตลาดก็ตาม แต่ในแง่ของความสามารถแล้วอาจจะไม่เป็นเช่นยอดขายก็ได้

บริษัท 360i เอเจนซี่ด้านดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งในนครนิวยอร์คได้พัฒนาซอฟต์แวร์ขึ้นมา เพื่อทดสอบความสามารถในการตอบคำถามของ Amazon Alexa และ Google Assistant บน Google Home ด้วยการยิงคำถามไปกว่า 3,000 คำถาม ปรากฎว่า Google Assistant มีแนวโน้มจะตอบคำถามได้มากกว่า Alexa ถึง 6 เท่า

360i ระบุด้วยว่า ถึงแม้ Alexa จะมีจุดเด่นด้านข้อมูลการค้นหาในแง่ของสินค้าขายปลีก แต่โดยองค์รวมแล้วยังแพ้ Google Assistant ที่มีคลังข้อมูลมหาศาล ร่วมกับ Knowledge Graph ของ Google

Wall Street Journal อ้างข้อมูลจากอดีตพนักงานแอปเปิลที่อยู่ในทีม Siri เผยเบื้องหลังที่ทำให้ Siri พัฒนาช้ามากในช่วงหลัง แม้จะเริ่มต้นก่อนคู่แข่งหลายปี

เคยมีการทดสอบของบริษัท Stone Temple ยิงคำถาม 5,000 คำถามไปยัง AI เหล่านี้ ผลคือ Google Assistant และ Amazon Alexa ให้ผลลัพธ์แม่นยำ 90% ในขณะที่ Siri ทำได้ 62%

ปกติแล้ว แอปเปิลมักเข้าตลาดทีหลังคู่แข่ง แต่แซงมาเอาชนะได้ในภายหลัง กรณีของ Siri แอปเปิลเป็นฝ่ายเข้าตลาดก่อนตั้งแต่ตอน iPhone 4s ในปี 2011 (และเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ตัวท้ายๆ ของสตีฟ จ็อบส์ด้วย) แต่กลับถูกแซงโดยทั้ง Amazon และ Google