LG เปิดตัวสมาร์ททีวีรุ่นปี 2024 ในงาน CES 2024 ได้แก่รุ่น M4, G4, C4 มีฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจคือ สมาร์ททีวีชุดใหม่นี้รองรับ Chromecast ในตัวแล้ว ผู้ใช้ Android สามารถสั่ง cast วิดีโอจากอุปกรณ์พกพาขึ้นไปเล่นบนทีวี LG โดยตรงได้แล้ว

LG รองรับ Apple AirPlay มาตั้งแต่ปี 2019 แต่กรณีของ Google Cast นั้นต้องรอกันนานถึง 5 ปี นอกจากนี้ทีวีรุ่นใหม่ของ LG ยังรองรับโปรโตคอล Matter และสามารถสั่งงานอุปกรณ์สมาร์ทโฮมที่เชื่อมกับแอพ Google Home ได้ด้วย โดยฟีเจอร์ Google Home จะเปิดให้ใช้งานภายในปี 2024 นี้

LG ยังประกาศโปรแกรม webOS Re:New ที่จะอัพเกรด webOS ให้กับสมาร์ททีวีรุ่นเก่าด้วย โดยทีวีชุดแรกที่ประกาศชื่อคือ LG OLED และ QLED รุ่นปี 2022 ส่วนรุ่นอื่นๆ จะประกาศข้อมูลตามมาในภายหลัง

หลายคนอาจรู้จักฟีเจอร์ Google Cast ส่งคลิปวิดีโอหรือเพลงขึ้นไปเล่นบนจอทีวี (ไม่ว่าจะผ่าน Android TV หรือผ่าน Chromecast) กันอยู่แล้ว

ในงาน Google I/O ปีนี้ กูเกิลประกาศว่าจะขยายฟีเจอร์ Google Cast ให้กว้างไกลขึ้น โดยจะสามารถส่งคลิปไปยังจอ Chromebook หรือจอภาพในรถยนต์ได้ด้วย แต่กูเกิลยังไม่เผยรายละเอียดและกำหนดการว่าจะได้เห็นกันเมื่อไร

นอกจากนี้ กูเกิลยังประกาศว่าแอพ Google TV จะเพิ่มฟีเจอร์ cast ไปยังทีวีด้วยเช่นกัน (เพิ่งมี)

เก็บตกรายละเอียดหลังเปิดตัว Google Home Hub หน้าจออัจฉริยะ (Smart Display) แบรนด์ของกูเกิลเอง

Ars Technica มีประเด็นน่าสนใจจากการพูดคุยกับวิศวกรของกูเกิล ว่า Home Hub ไม่ได้ใช้ระบบปฏิบัติการ Android Things (Android เวอร์ชัน IoT) เหมือนกับ Smart Display ตัวอื่นๆ ของพาร์ทเนอร์กูเกิล เช่น Lenovo Smart Display, LG, JBL

Craig Young นักวิจัยจากบริษัทความปลอดภัย Tripwire รายงานถึงช่องโหว่อุปกรณ์ Google Cast เช่น Google Home และ Chromecast ที่ทำให้ผู้ใช้เบราว์เซอร์ที่อยู่บนเน็ตเวิร์คเดียวกับอุปกรณ์เหล่านี้ถูกเปิดเผยตำแหน่งในที่ความแม่นยำสูง แม้ไม่ได้ให้สิทธิ์เว็บไซต์เข้าถึงตำแหน่งของอุปกรณ์ก็ตามที

รายงานตอนนี้ไม่ได้บอกกระบวนการอย่างละเอียด แต่ระบุว่าช่องโหว่เกิดจากอุปกรณ์ Cast เหล่านี้ไม่มีกระบวนการยืนยันตัวคนของผู้ส่งคำสั่ง และเขาใช้เทคนิค DNS rebinding ที่เคยใช้เปิดเผยหมายเลขไอพีของเครือข่ายในบ้าน ด้วยช่องโหว่ของเราท์เตอร์ แต่ครั้งนี้ใช้เปิดเผยตำแหน่งของผู้ใช้ได้ด้วย

ต่อจากข่าว พบอุปกรณ์กลุ่ม Chromecast มีปัญหา ทำให้เราเตอร์ Wi-Fi สัญญาณหายเป็นระยะ

กูเกิลประกาศข้อมูลบนหน้า Google Home Help ว่ารับทราบปัญหาแล้ว อาการเกิดจากการส่งแพกเกตผ่านเครือข่าย Wi-Fi จำนวนมากผิดปกติ ซึ่งจะเกิดกับวง Wi-Fi ที่มีอุปกรณ์ Android เท่านั้นในเราเตอร์บางรุ่น และบางสถานการณ์

กูเกิลจะออกอัพเดตผ่าน Google Play Services ในวันที่ 18 มกราคม (ตามเวลาสหรัฐ) วันพรุ่งนี้เราน่าจะได้เห็นอัพเดตกัน

มีผู้ใช้อุปกรณ์ตระกูล Google Cast เช่น Chromecast, Google Home จำนวนหนึ่ง รายงานว่าพบปัญหาทำให้ Wi-Fi ใช้งานไม่ได้เป็นระยะ

ปัญหานี้เกิดจากอุปกรณ์กลุ่มนี้ส่งแพ็กเกต multicast ออกมาเป็นระยะ เพื่อให้การเชื่อมต่อยังคงเปิดอย่างต่อเนื่อง (keep alive) โดยปกติแพ็กเกตจะถูกส่งทุก 20 วินาที แต่ข้อผิดพลาดในเฟิร์มแวร์ทำให้แพ็กเกตถูกส่งออกมามากผิดปกติ (เช่น 100,000 แพ็กเก็ตในช่วงเวลาสั้นๆ) จนทำให้เราเตอร์ Wi-Fi มีปัญหาและใช้งานไม่ได้ชั่วคราว

กูเกิลบอกว่ารับทราบปัญหาแล้ว และกำลังเร่งแก้ไข ส่วนผู้ผลิตเราเตอร์หลายค่ายอย่าง TP-Link, Linksys, Netgear ก็ออกอัพเดตเฟิร์มแวร์เพื่อป้องกันไปก่อนแล้ว

ถึงแม้จะยังไม่มีอุปกรณ์ในกลุ่ม Smart Home แต่ดูเหมือนโซนีจะสนใจเข้ามาร่วมวงแล้ว ด้วยการประกาศรองรับการเชื่อมต่อลำโพงและสมาร์ททีวี (ที่มาพร้อมฟีเจอร์ Chromecast แบบ build-in) เข้ากับแพลตฟอร์ม Smart Home ของ Google อย่าง Google Home และ Google Assistant

อุปกรณ์ที่โซนีอัพเดตเฟิร์มแวร์ให้รองรับ Google Home (รายชื่อท้ายข่าว) จะสามารถสามารถเปิดเพลงหรือเล่นวิดีโอผ่านการสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Google Home โดยอุปกรณ์ของโซนีรองรับฟีเจอร์ Multi-room สำหรับการเล่นเพลงพร้อมๆ กันหลายเครื่องด้วย

Android Police รายงานว่า Google ได้เปลี่ยนชื่อ Google Cast กลับเป็น Chromecast อีกครั้ง โดยตอนนี้ได้เปลี่ยนชื่อจากบัญชี @GoogleCast บน Twitter กลับเป็น @Chromecast รวมถึงเว็บไซต์ Google Cast ตอนนี้เขียนอธิบายว่า “Chromecast built-in”

Google Cast นั้นถูกเปลี่ยนชื่อจาก Chromecast มาก่อน เนื่องจาก Google ต้องการแยกแบรนด์ระหว่างเทคโนโลยีกับอุปกรณ์ออกจากกัน และก่อนหน้านี้ก็มีรายงานว่า Google Cast ก็จะเปลี่ยนเป็น Google Home อีก

กูเกิลประกาศเปลี่ยนชื่อแอพ Google Cast มาเป็น Google Home ในเร็วๆ นี้ โดยออกประกาศแจ้งเตือนลูกค้าภายในแอพ Google Cast แล้ว

แอพ Google Cast เคยเปลี่ยนชื่อมาแล้วครั้งหนึ่ง แรกสุดใช้ชื่อว่า Chromecast โดยเปลี่ยนมาเป็น Google Cast เพื่อชี้ให้เห็นว่าใช้กับอุปกรณ์อื่นที่ไม่ใช่ Chromecast ได้ด้วย (เช่น สมาร์ททีวีที่รองรับ Google Cast API ในตัว)

การเปลี่ยนชื่อรอบใหม่มีผลเฉพาะชื่อแอพเท่านั้น ชื่อ Google Cast ยังอยู่ต่อไปในฐานะ API และการเปลี่ยนชื่อครั้งนี้ก็แสดงให้เห็นชัดเจนว่ากูเกิลจะลุยตลาดนี้ด้วยแบรนด์ Google Home

ในการแถลงผลประกอบการของ Alphabet เมื่อปลายสัปดาห์ Sundar Pichai ซีอีโอของ Google ถูกถามเรื่องทิศทางและยุทธศาสตร์ของบริษัท ซึ่งรวมถึงด้านฮาร์ดแวร์ด้วย ซึ่งซีอีโอ Google ได้พูดถึงยอดขายของ Chromecast นี้ด้วย

Sundar Pichai เผยว่า Chromecast นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2013 ขายไปได้รวมกันทุกรุ่นกว่า 30 ล้านเครื่องทั้งรุ่นแรก ทั้งที่สองและ Chromecast Audio โดยในช่วงสองปีแรก (2013-2015) Chromecast ขายไปได้เพียง 17 ล้านเครื่อง ขณะที่เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มียอดขายอยู่ที่ 25 ล้านเครื่อง ซึ่งเท่ากับว่า 2 เดือนที่ผ่านมา Chromecast ขายไปได้สูงถึง 5 ล้านเครื่องด้วยกัน

Google เปิดตัว Google Cast for Education สำหรับภาคการศึกษา โดยจะใช้งานได้เฉพาะผู้ที่ใช้ Google Apps for Education เท่านั้น

จุดแตกต่างระหว่าง Google Cast for Education และ Google Cast ทั่วไปคือครูผู้สอนจะเป็นผู้ควบคุมการ cast หน้าจอไปยังโปรเจ็คเตอร์ภายในห้องเรียน ครูผู้สอนสามารถกำหนด access ของนักเรียนแต่ละคนได้ว่าสามารถ cast หน้าจอได้ตามต้องการ หรือต้องขอ request ไปยังครูผู้สอนก่อน หรือแม้แต่จะ cast ได้ก็ต่อเมื่อได้รับคำเชิญ (invite) จากครูเท่านั้น

ที่ผ่านมา Chrome รองรับการส่งภาพขึ้นจอผ่านส่วนขยาย Google Cast ที่ต้องติดตั้งเพิ่มเอง แต่ใน Chrome 51 เป็นต้นไป ฟีเจอร์นี้จะถูกผนวกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ Chrome แล้ว

เดิมทีส่วนขยาย Google Cast จะมีปุ่ม Cast ที่ทูลบาร์ แต่ฟีเจอร์ของ Chrome ตัวหลักจะไม่มีปุ่มนี้ ต้องสั่งผ่านเมนูแทน (อย่างไรก็ตาม ถ้าผู้ใช้ยังอยากให้มีปุ่มบนทูลบาร์ก็สามารถติดตั้งส่วนขยายได้เช่นกัน)

นอกจากนี้ ฟีเจอร์ Cast ของ Chrome 51 ยังสามารถแสดงเนื้อหาในแท็บปัจจุบันไปยังห้องประชุมใน Google Hangout ได้ด้วย ช่วยอำนวยความสะดวกให้คนที่อยากประชุมทีมผ่าน Hangout แล้วแชร์หน้าจอให้เห็นภาพตรงกัน

ในชั้นเรียนแบบเดิม นักเรียนมีหน้าที่รับสารจากครูที่อยู่หน้าชั้น ถึงแม้จะนำคอมพิวเตอร์มาใช้งานก็ตาม แต่รูปแบบการเรียนยังเป็นนักเรียนเปิดคอมพิวเตอร์ดูหน้าจอเดียวกับที่ครูนำเสนอ

แต่ Google Cast for Education กำลังจะทำให้นักเรียนทั้งชั้นส่งภาพไปขึ้นจอหน้าห้องเรียนได้ โดยไม่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์แบบ Chromecast ช่วยเลย

Google ได้ประกาศว่า ตอนนี้ได้อัพเดตกล่อง Google Fiber สำหรับทีวีให้รองรับ Google Cast ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลัง Chromecast

เมื่อผู้ใช้ Fiber TV อัพเดตซอฟต์แวร์ตัวกล่องแล้ว นำอุปกรณ์พกพาหรือแล็ปท็อปที่รองรับ Google Cast ต่อกับ Fiber Wi-Fi และกดปุ่ม Cast เพื่อส่งคอนเทนต์จากอุปกรณ์ที่ใช้งานไปยังกล่องเพื่อให้สตรีมขึ้นทีวีได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องสลับสายทีวี, ซื้ออุปกรณ์ หรือตั้งค่าใดๆ เพิ่มเติม

ที่มา - The Verge, Google Fiber Official Blog

TP Vision เปิดตัวทีวีแบรนด์ Philips (ปัจจุบัน Philips ไม่ได้ทำทีวีเองแล้ว ใช้วิธีไลเซนส์แบรนด์) โดยเป็นทีวีธรรมดา ไม่ใช่สมาร์ททีวีที่รัน Android แต่ก็รองรับโพรโทคอล Google Cast สามารถส่งคลิปจากมือถือ-แท็บเล็ตขึ้นบนจอได้ เหมือนกับการใช้ Chromecast

ทีวีรุ่นนี้เรียกว่า 6000 series Google Cast มีความละเอียด UHD 4K 3840x2160p มีทั้งหมด 4 ขนาดคือ 43/49/55/65 นิ้ว ทุกตัวมี Wi-Fi 802.11ac และมีตัวถอดรหัสวิดีโอ HEVC/VP9 ให้มาในตัว

สินค้าจะเริ่มขายในสหรัฐอเมริกาช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคมนี้ ตัวถูกสุด 43 นิ้ว ราคา 649.99 ดอลลาร์ ถือว่าจับต้องได้สำหรับคนที่อยากได้ทีวี UHD แต่ไม่ต้องการฟังก์ชันของสมาร์ททีวี

Polaroid ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จากสหรัฐอเมริกา ประกาศเปิดตัวทีวีอัจฉริยะรุ่นใหม่ที่รองรับความละเอียด 4K พร้อมกับ Google Cast มาในตัวอย่างเป็นทางการ

ทีวีรุ่นนี้เป็น LED-backlit ที่ความละเอียด 4K, Refresh rate ที่ 120 Hz, รองรับการถอดรหัสตามมาตรฐาน HEVC และรองรับมาตรฐาน Google Cast มาในตัว โดยมีขนาดหน้าจอให้เลือกทั้ง 43, 65 และ 75 นิ้ว ส่วนราคาอยู่ที่ 499 ดอลลาร์สหรัฐ (43 นิ้ว), 999 ดอลลาร์สหรัฐ (65 นิ้ว) และ 1,899 ดอลลาร์สหรัฐ (75 นิ้ว)

ยังไม่ระบุว่าจะวางจำหน่ายเมื่อใด ยกเว้นรุ่น 75 นิ้วที่ระบุว่าจะมาช่วงฤดูใบไม้ร่วงของสหรัฐฯ ครับ

ที่มา - Engadget

เมื่อวานนี้ B&O Play แบรนด์ลูกของ Bang & Olufsen บริษัทผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องเสียงของเดนมาร์ก ประกาศเปิดตัวลำโพง A9 และ A6 รุ่นใหม่ โดยรองรับคุณสมบัติ Google Cast เพิ่มเติม หลังจากรุ่นแรกรองรับเฉพาะ Airplay, Bluetooth และ DLNA อย่างเดียว

การเพิ่มคุณสมบัติดังกล่าว ทำให้ผู้ใช้โทรศัพท์หรืออุปกรณ์ที่รองรับการส่งสัญญาณเสียงผ่าน Google Cast สามารถทำได้ทันที ไม่ต้องพึ่งอุปกรณ์เสริมอย่าง Chromecast Audio แต่อย่างใด

กูเกิลประกาศเปลี่ยนชื่อแอพ Chromecast เป็น Google Cast เพื่อแยกแบรนด์ระหว่างตัวฮาร์ดแวร์ของกูเกิลเอง (Chromecast) กับตัวเทคโนโลยีส่งภาพขึ้นจอ (Google Cast)

เดิมทีแอพ Chromecast ใช้ส่งภาพหรือวิดีโอจากมือถือขึ้นจอทีวีที่เสียบอุปกรณ์ Chromecast ของกูเกิล แต่ภายหลังเมื่อมีทีวีที่รองรับโพรโทคอล Google Cast โดยตรง (เช่น ทีวี Vizio SmartCast P-Series รุ่นล่าสุด) ทำให้แอพ Chromecast สามารถใช้กับฮาร์ดแวร์อื่นๆ ได้ด้วย การใช้ชื่อ Chromecast อาจไม่ตรงความหมายเท่าไรนัก