Mandriva (หรือชื่อเดิม Mandrake) เป็นดิสโทรลินุกซ์ในตำนานอีกตัว ก่อตั้งในประเทศฝรั่งเศสเมื่อปี 1998 และเคยล้มละลายไปทีเมื่อปี 2003 แต่สุดท้ายฟื้นฟูกิจการกลับมาได้ หลังจากนั้นไปรวมกับดิสโทร Conectiva จากบราซิลแล้วเปลี่ยนชื่อเป็น Mandriva

ตลาด Netbook คึกคักขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มมีคนเสนอแนวคิดแปลกใหม่เข้ามาเป็นจุดขายบ้างแล้ว Gdium เป็น Netbook จากบริษัท Emtec ของฝรั่งเศส มีความต่างคือแทนที่จะเก็บข้อมูลลงฮาร์ดดิสก์หรือแฟลชภายใน ก็เปลี่ยนมาใช้ USB drive แบบต่อภายนอกแทน โดย Gdium จะเรียกมันว่า G-Key

G-Key ที่แถมมากับเครื่องจะมีขนาด 8-16GB ข้างในลงลินุกซ์ Mandriva เวอร์ชันพิเศษสำหรับ Gdium มาให้ ถ้าเอา G-Key มาเสียบกับ Gdium จะเป็นการบูตเครื่องขึ้นมา แต่ถ้าเอาไปเสียบกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นก็จะเห็นเฉพาะข้อมูลของเราใน G-Key เพียงอย่างเดียว

เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา บริษัท Mandriva ได้เซ็นสัญญากับบริษัท TSC ซึ่งเป็นบริษัทฮาร์ดแวร์รายใหญ่ในแอฟริกาว่าจะพัฒนา Mandriva Linux รุ่นพิเศษสำหรับโครงการ Classmate PC ซึ่งรัฐบาลไนจีเรียสั่งซื้อ 11,000 เครื่องให้นักเรียนในประเทศ

แต่หลังจากนั้นก็มีข่าวว่า TSC ได้ล้างข้อมูลในฮาร์ดดิสก์ของ Classmate PC เพื่อติดตั้ง Windows XP โดยใช้เงินของบริษัทเองจ่ายค่าซอฟต์แวร์ (ค่าฮาร์ดแวร์เป็นงบจัดซื้อของรัฐบาล) ซึ่งทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันมากว่าไมโครซอฟท์ลดราคาให้/ยกให้ฟรี/หรือแม้กระทั่งแถมเงินให้ TSC เพื่อใช้วินโดวส์ในโครงการนี้

Mandriva ออก Corporate Desktop 4.0 ดิสโทรสำหรับใช้ในองค์กรธุรกิจ จับตลาดเดียวกับ SUSE Linux Enterprise Desktop

ฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาจากรุ่นเดสก์ท็อปปกติได้แก่

ต่อเนื่องจาก Red Hat ครับ (ข่าวเก่า) Mandriva ก็เป็นผู้พัฒนาลินุกซ์ดิสโทรอีกรายที่ออกมาประกาศจุดยืนเรื่องสิทธิบัตรซอฟต์แวร์

François Bancilhon ซีอีโอของ Mandriva เขียนลงในบล็อกของบริษัทมีใจความดังนี้

เราเห็นลินุกซ์แบบ Live CD กันมาเยอะแล้ว คราวนี้เป็น Live Flash Drive ที่มีสโลแกนว่า "A 3D Desktop in your pocket"

Mandriva Flash จับตลาดคนอยากใช้ลินุกซ์แต่ลงไม่เป็น สิ่งที่เราต้องทำก็แค่เสียบ USB บูตแล้วตอบคำถามนิดหน่อยในครั้งแรก ไม่ต้องติดตั้งอะไร จากนั้นเครื่องของคุณก็พร้อมใช้งานทันทีไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เมื่อปลายปีที่แล้ว Mandriva ออก Flash 2GB ซึ่งขายดีมาก (ขายหมดในสองอาทิตย์) ด้วยเนื้อที่ขนาดใหญ่ขึ้นก็หมายถึงความสะดวกในการติดตั้งโปรแกรม, ไดรเวอร์, พื้นที่ทำงานที่มากขึ้นไปด้วย

ผมเชื่อว่าหลายคนคงเล่น Beryl/Compiz ไปบ้างแล้ว ตอนนี้มีของเล่นใหม่คือ Metisse ซึ่งเป็น 2.5D Window Manager จาก Mandriva

อธิบายง่ายๆ ก็คือ Window Manager แบบที่ "พับ" หน้าต่างได้เหมือนพับกระดาษ หรือเอียงให้ลึกเข้าไปข้างในก็ได้ นึกตามไม่ออก ดูภาพ+วิดีโอง่ายกว่า คือมันจะไม่วื้ดว้าดแบบ Beryl แต่ดูๆ ไปแล้วอาจจะมีประโยชน์ใช้สอยมากกว่านะ ใช้สเปกเครื่องน้อยมากด้วย เค้าบอกว่าแค่ TNT2 ก็เล่นได้

ช่วงนี้เริ่มเข้าฤดูกาลดิสโทรออกกันอีกแล้ว Slackware 11 ล่วงหน้าออกมาก่อน ตามมาด้วย Mandriva 2007 นี้ และยังมี Fedora Core 6 กับ Ubuntu 6.10 จ่อคิวตามจะออกอยู่ติดๆ

ของใหม่ที่เด่นๆ คือการเปิดใช้เอฟเฟคต์ 3 มิติตามมาตรฐานลินุกซ์ยุคนี้อย่าง AIGLX และ Xgl นอกจากนี้ยังมีธีมใหม่ "Ia Ora"

Mandriva 2007 มี 3 Edition เปิดให้สมาชิก Mandriva Club ดาวน์โหลดแล้ว ถ้าไม่ได้เป็นสมาชิกแต่อยากลองเล่นก็ดาวน์โหลด Mandriva One ซึ่งเป็น live cd มาลองใช้งานได้ฟรี

ตอนนี้ Xgl/AIGLX (อ่านความแตกต่าง) กำลังกลายเป็นแฟชั่นในหมู่ดิสโทรรุ่นใหม่ๆ โดย Novell ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนหลักของ Xgl ได้นำร่องเปิดใช้ใน SLED 10 ไปก่อนแล้ว คราวนี้ถึงคิวของ Mandriva บ้าง

Mandriva 2007 จะเปิดใช้ทั้ง Xgl และ AIGLX ขึ้นมาให้โดยอัตโนมัติ ส่วนผู้ใช้จะได้ใช้อะไรนั้นขึ้นอยู่กับการ์ดจอ ซึ่ง Mandriva 2007 จะเป็นคนจัดการให้เอง Mandriva 2007 จะออกตัวจริงกลางเดือนกันยายนนี้ ส่วนวิดีโอเดโมของ Xgl ก็ดูได้ตามลิงก์

ที่มา - Mandriva Web Team Blog

ฤดูนี้ลินุกซ์เริ่มทยอยออกกันอีกแล้วครับ 

Mandriva Linux 2006 เป็นผลผลิตแรกจากการรวมตััวกันของ 3 บริษัท คือ Mandrake, Conectiva และ Lycoris ในชื่อบริษัทใหม่ Mandriva (คนรู้จักผมหลายๆ คนบอกชื่อนี้เห่ย แต่ทำไงได้ล่ะครับ)

ของใหม่ก็มี KDE 3.4, Gnome 2.10 (ไม่ใช่ 2.12), OpenOffice.org 1.1.5 มี Desktop Search Tool ของ KDE ที่คือ KAT มาให้ด้วย นอกจากนี้ยังมี Firewall แบบที่เค้าเรียกว่า Interactive Firewall

Mandriva หรืออดีต Mandrake ที่รวมกับ Conectiva (ล่าสุดเพิ่งรวมเอา Lycoris ไปอีกราย) หวังโตในตลาดเดสก์ท็อปลินุกซ์เต็มตัว

ดูกลุ่มเป้าหมายจากสามบริษัทที่มารวมตัวกันแล้ว ก็มาจากสายเดสก์ท็อปด้วยกันทั้งนั้น จึงไม่แปลกที่ Mandriva จะยังมุ่งตลาดเดสก์ท็อปลินุกซ์เหมือนเดิม นักวิเคราะห์จาก IDC ตั้งข้อสังเกตว่าการรวมตัวนี้ จุดประสงค์หลักคือลดความเสี่ยงด้านการเงิน เพราะทั้งสามเคยมีประวัติด้านการเงินมาแล้ว (Mandrake ถึงขั้นถูกฟ้องล้มละลายเลยนะ ส่วน Lycoris ก็ปลดพนักงานออกจนหมด)

หลังจาก Mandrake รวมกับ Conectiva แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น Mandriva ก็มีเจ้า Mandriva 2005 นี่ล่ะเป็นลินุกซ์ตัวแรกที่ออกในชื่อ Mandriva ตัวนี้ยังเป็น Mandrake เพียวๆ อยู่ครับยังไม่มีส่วนของ Conectiva เข้ามา แค่ชื่อใหม่เฉยๆ ส่วนที่ชื่อ Limited Edition แสดงถึงการเป็นเวอร์ชันที่ขัดตาทัพ อยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลงสำคัญที่จะตามมาใน Mandriva 2006 ซอฟท์แวร์ก็ใหม่สุดเท่าที่มีล่ะครับ ตัวนี้ผมไม่มีโอกาสได้เล่น ดังนั้นอ่านรีวิวได้จาก NewsForge

Gaël Duval โฆษกของ Mandriva ให้สัมภาษณ์ LinuxPlanet เกี่ยวกับการเปลี่ยนชื่อบริษัท

เป้าหมายมี 2 ประการหลักๆ คือ Mandrake ต้องการรุกคืบไปในอเมริกาใต้ (Mandrake สัญชาติฝรั่งเศส) โดยซื้อ Conectiva ผู้ผลิตสัญชาติบราซิล จึงเปลี่ยนชื่อเพื่อแสดงถึงการรวมตัวกันของสองบริษัท อีกสาเหตุหนึ่งคือเลี่ยงปัญหาการฟ้องร้องจากคณะละครสัตว์ที่ชื่อ Mandrake the Magician (ปัญหานี้เกิดมานานแล้ว) ซึ่งคดีนี้ศาลสั่งให้ Mandrake เปลี่ยนชื่อ

จริงๆ มีข่าวก่อนนี้มาซักพัก หลังจาก Mandrake ควบกิจการกับ Conectiva ดิสโทรสัญชาติบราซิล ว่าจะเปลี่ยนชื่อเพื่อสื่อความหมายให้ครอบคลุมทั้ง 2 องค์กรด้วยกัน ตอนนี้ก็ได้ชื่อใหม่แล้วครับ "Mandriva" ซึ่งต่อไปก็จะเรียกว่า Mandrivalinux แทน Mandrakelinux เว็บไซท์ต่างๆ ก็เปลี่ยนเป็น Mandriva หมดแล้วเช่นกัน ข่าว (ขอบคุณ pruet ที่แจ้งข่าว)

ตัวนี้ฟีเจอร์หลักที่โฆษณาคือ ความเข้ากันได้กับเครือข่ายไร้สาย ซึ่งเป็นยาขมของลินุกซ์มานาน (โดยเฉพาะตระกูล intel Pro Wireless ที่อยู่ใน centrino ทุกรุ่น) บลูทูธ นอกจากนั้นมี GNOME 2.6 และ KDE 3.2.3 ตัว Official นี้ขายนะครับ ต้องสั่งซื้อหรือไม่ก็สมัครเป็นสมาชิก Mandrakeclub ก่อน แต่ถ้าไม่อยากเสียตังค์ รุ่น Community Edition มีให้ดาวน์โหลดฟรี Mandrakelinux 10.1 Official