สำนักข่าว Wall Street Journal รายงานว่าแอปเปิลกำลังพัฒนาฟีเจอร์เพื่อความปลอดภัยใน iPhone ให้สามารถตรวจจับการรถชนได้ และโทรออกไปยังเบอร์ฉุกเฉินอัตโนมัติให้ด้วย คาดว่าจะพร้อมใช้งานใน iOS 16 เปิดตัวปีหน้า
Wall Street Journal ออกรายงานแฉ Facebook อีกครั้ง บอกว่าจริงๆ แล้ว Facebook ประสบความสำเร็จน้อยมากในการจัดการเนื้อหาที่มีความเกลียดชัง รูปภาพที่มีความรุนแรง ตลอดจนเนื้อหาอันตรายอื่นๆ ล่าสุด Facebook นำโดย Guy Rosen รองประธานฝ่าย Integrity ของ Facebook เขียนบล็อกคัดค้านว่า เนื้อหาแสดงความเกลียดชังหรือ Hate Speech ลดลงเกือบ 50% ในช่วงสามไตรมาสที่ผ่านมา
Wall Street Journal รายงานว่า Facebook ล้มเลิกความตั้งใจจะขายโฆษณาในแพลตฟอร์มแชท WhatSApp แล้ว และมีการยุบทีมที่ดูแลเรื่องโฆษณาใน WhatsApp ด้วย
ในปี 2018 Facebook ประกาศว่าจะนำโฆษณาเข้าไปอยู่ในหน้า Status ของ WhatSApp ที่เทียบได้กับ Stories ของ Instagram และยังเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผู้ก่อตั้ง WhatsApp ลาออก เพราะ WhatsApp มีจุดขายคือให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ มีการเข้ารหัสข้อความจากปลายทางถึงปลายทาง การนำโฆษณามาลงเท่ากับเป็นการลดทอนความเป็นส่วนตัวออกไป
อย่างไรก็ตาม อนาคตก็อาจมีแผนจะนำโฆษณามาลง WhatSApp อยู่ เพราะ Facebook ออกมาบอกกับ CNET ว่ากำลังอยู่ในขั้นวางแผนมองหาคววามเป็นไปได้ และมุ่งเน้นไปที่คุณสมบัติที่ช่วยให้ธุรกิจเชื่อมต่อกับลูกค้า
คลิป deepfake จากเดิมทีระบาดในหนังโป๊ โดยการตัดต่อใบหน้าคนดังเข้าไปแทนดาราหนังโป๊ เดือดร้อนให้เว็บไซต์หนังโป๊ต้องออกมาแก้ไข และรีบแบนคลิปออก ล่าสุด deepfake ไม่ได้จำกัดอยู่แค่วงการหนังโป๊แต่ลามมาวงการข่าวสารด้วย
The Wall Street Journal รายงานข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อ ระบุ Apple จะใช้จอ OLED ใน iPhone ปี 2020 ทุกรุ่น จะไม่ใช้จอ LCD ในรุ่นใดรุ่นหนึ่ง เพื่อสนับสนุนการออกแบบโทรศัพท์ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาจอ OLED ได้รับความนิยมมากกว่าจอ LCD ซึ่ง Apple ก็มีความสนใจหาทางเลือกอื่นๆ เพื่อทดแทนจอ LCD โดย Mark Gurman แห่ง Bloomberg เคยรายงานว่า Apple มีการทดลองผลิตชิ้นส่วนหน้าจอขึ้นเองที่เรียกว่า MicroLED ที่ทำให้อุปกรณ์มีความบางและสว่างมากกว่าจอ OLED
The Wall Street Journal ออกบทวิเคราะห์คาดเดาสิ่งสำคัญที่จะเกิดขึ้นในวงการเทคโนโลยีของปี 2019 มีรายละเอียดดังนี้
สำนักข่าว Wall Street Journal ประกาศเตรียมจ้างงานเพิ่มนับสิบตำแหน่งในการเปิดห้องข่าวใหม่ เพื่อให้การรายงานข่าวรวดเร็วยิ่งขึ้น และมีภาพประกอบมากขึ้น ในยุคที่ผู้ใช้ส่วนใหญ่ใช้สมาร์ทโฟนในการรับข้อมูลข่าวสารเป็นหลัก
Matt Murray ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าบรรณาธิการจะได้รับตำแหน่งใหม่เป็นบรรณาธิการบริหาร ซึ่งจะได้รับตำแหน่งหน้าที่ในด้านคอนเทนต์ดิจิทัลเพิ่มเติม
นอกจากนี้ WSJ จะปรับปรุงกระบวนการของการพิจารณาข่าวให้รวดเร็วยิ่งขึ้น และสร้างห้องข่าวใหม่ที่เน้นคอนเทนต์บนอุปกรณ์พกพาและโปรโมตความหลากหลาย ซึ่งตอนนี้จำนวนของนักข่าวในห้องข่าวใหม่ที่จะเปิดค่อนข้างคงตัวแล้ว
หลังสัปดาห์ที่แล้วเกิดกระแสในสื่อและโลกโซเชียลมีเดียตะวันตก ถึงประเด็นที่ Wall Street Journal รายงานว่า PewDiePie นักแคสต์เกมอันดับต้นๆ บน YouTube มีแนวคิดสนับสนุนลัทธินาซีและต่อต้านชาวยิว จนเจ้าตัวออกมาขอโทษ พร้อมตัดพ้อและโจมตี WSJ ว่าทำให้เขาเป็นผู้ร้าย
ล่าสุด PewDiePie ทำคลิปแคสต์เกม Sniper Elite 4 เพื่อตอบโต้พร้อมเสียดสีประเด็นข้างต้นเชิงอีกครั้ง ด้วยการย้อนเวลาไปไล่ยิงทหารนาซีและฮิตเลอร์ (ภายในเกม)
จากข่าว ดิสนีย์ยกเลิกสัญญากับ PewDiePie เหตุโพสต์วิดีโอสนับสนุนนาซีและต่อต้านชาวยิว และ YouTube ยกเลิก Scare PewDiePie ซีซัน 2 พร้อมถอดออกจากสมาชิกโฆษณาพรีเมียม ล่าสุด PewDiePie ออกมาขอโทษแล้ว
PewDiePie บอกว่า เขาขอโทษสำหรับสิ่งที่พูดออกไป ยอมรับว่าคำพูดของเขาทำให้คนโกรธ และมุกตลกของเขาก็ข้ามขอบเขตเกินไป ถึงเวลาที่ต้องพิจารณาตัวเองว่ายังไม่มีประสบการณ์มากพอ แนนอนว่าเขาเคยทำพลาดมาก่อน และประสบการณ์จะทำให้เขาเติบโต
ขณะเดียวกัน PewDiePie ก็ตัดพ้อด้วยว่า สื่อ (Wall Street Journal) ทำให้เขาดูเป็นผู้ร้าย มันดูไม่ยุติธรรมกับเขาเท่าไหร่ เพราะสื่อเอาเฉพาะส่วนเดียวไปตีแผ่ ไม่ได้มองดูภาพรวม ถ้ามุกตลกของเขามีคนจำนวนมากไม่ชอบ เขาก็ยอมรับ แต่ปฏิกิริยาสังคมดูมากเกินไปหน่อยสำหรับเขา ถ้าไม่ชอบมุกตลกของเขา ต้องเรียกเขาว่าเป็นฟาสซิสต์เลยหรือ สิ่งนี้มันช่วยอะไรใครได้หรือไม่
หนังสือพิมพ์ Wall Street Journal ตีพิมพ์รายงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยระบุว่ามีลูกค้ากลุ่มหนึ่งที่ใช้บริการของ Starbucks ผ่านแอพในการสั่งกาแฟและชำระเงิน บอกว่าตัวเองรู้สึกว่ามีปฏิสัมพันธ์กับพนักงานน้อยลง โดยเฉพาะในกรณีของการเขียนชื่อลูกค้าข้างแก้วที่เป็นเอกลักษณ์ของร้าน ซึ่งหายไปจากการใช้แอพ
หนังสือพิมพ์ Wall Street Journal รายงานข่าวลือว่า Lab126 หน่วยงานผลิตและวิจัยด้านฮาร์ดแวร์ของ Amazon กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาอุปกรณ์ชิ้นใหม่ที่มีลักษณะคล้ายกับแท็บเล็ต ซึ่งผู้ใช้สามารถมีปฏิสัมพันธ์ผ่าน Amazon Alexa ผู้ช่วยส่วนตัวของ Amazon ที่เปิดตัวมาพร้อมกับ Amazon Echo เมื่อปลายปี 2014
รายงานข่าวระบุว่าอุปกรณ์ชิ้นนี้จะเป็นหน้าจอที่ให้ผู้ใช้สามารถสั่งงานด้วยเสียงได้ในยามที่มือไม่ว่าง และสามารถแสดงข้อมูลที่ต้องการขึ้นมาได้จากหน้าจอโดยตรง ทั้งนี้ยังไม่มีการระบุว่าอุปกรณ์ชิ้นนี้จะปล่อยสู่ตลาดเมื่อใดครับ
Wall Street Journal ออกมาเตือนว่าฟองสบู่สตาร์ตอัพในสหรัฐ กำลังจะแตกในเร็วๆ นี้ แถมตอนนี้ยังมีบริษัทระดับ Unicorn (มูลค่าเกิน 1 พันล้านดอลลาร์) หลายแห่งเริ่มทยอยปลดคนออกแล้ว
WSJ พูดถึงกรณี ไตรมาสแรกปี 2016 ไม่มีบริษัทขายหุ้น IPO เลย แต่ในช่วงไตรมาสเดียวกัน การระดมทุนจาก venture capital กลับเพิ่มสูงเป็นประวัติการณ์ โดยอ้างมุมมองของ Keith Rabois นักลงทุนจาก Khosla Ventures ที่เคยผ่านฟองสบู่ดอทคอมปี 2000 มาก่อน (สมัยนั้นเขาเป็นผู้บริหารของ PayPal) ว่าสภาพการณ์คล้ายกัน คือนักลงทุนจะมีช่วง "ปฏิเสธความจริง" อยู่ประมาณ 3-4 เดือน เมื่อหมดช่วงนี้แล้ว ภาวะตลาดแตกจะเริ่มต้นขึ้น
Rabois ยังบอกว่าภาวะการระดมทุนนอกตลาดครั้งใหญ่ในช่วงนี้ เป็นสัญญาณเตือนภัยว่าบริษัทสตาร์ตอัพกำลังเร่งระดมทุนครั้งสุดท้ายก่อนฟองสบู่แตก (เขาใช้คำว่า Winter is coming) เพื่อถือครองเงินสดเอาไว้ก่อน ก่อนที่ฟองสบู่จะแตกและหาเงินลำบาก ตัวอย่างคือบริษัท Mixpanel เจ้าของระบบเก็บสถิติแอพ ระดมทุนมาได้ 77 ล้านดอลลาร์ แต่ใช้ไปเพียง 10% เท่านั้น เงินที่เหลือยังกองอยู่ในธนาคารด้วยซ้ำ
หลังจากปล่อยอุปกรณ์ไอทีสวมใส่มาหลากหลายประเภท ตอนนี้มีรายงานว่าอินเทลเริ่มสนใจทำอุปกรณ์ AR/VR แบบสวมศีรษะบ้างแล้ว
รายงานชิ้นนี้ออกมาจาก The Wall Street Journal ที่ระบุว่าอินเทลกำลังซุ่มพัฒนาอุปกรณ์สวมศีรษะสำหรับใช้งาน AR/VR โดยจะผนวกเทคโนโลยีของตัวเองอย่าง RealSense 3D เข้าไปด้วย
หลังรายงานนี้ออกมา Achin Bhowmik หัวหน้าฝ่าย RealSense ของอินเทลบอกว่าแนวทางของอินเทลในมักจะมีนิสัยในการสร้างอุปกรณ์ใหม่ๆ เพื่อโชว์เทคโนโลยีก่อนจะให้บริษัทอื่นมารับช่วงต่อไป โดยโครงการทำอุปกรณ์ AR นี้ก็เป็นอีกหนึ่งในแผนของการก้าวข้ามยุคพีซีนั่นอง
หลังมีข่าวหลุดและข่าวลือออกมามากมายเกี่ยวกับโครงการ Project Titan ซึ่งเป็นโครงการพัฒนารถยนต์ของแอปเปิล (คนละโครงการกับของกูเกิล แค่ชื่อซ้ำกัน) ที่บ้างก็ว่าเป็นแค่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า บ้างก็ว่ามีระบบไร้คนขับด้วย จนกระทั่ง Wall Street Journal เคยรายงานว่าจะถูกเปิดตัวในช่วงปี 2019
วันนี้ดูเหมือน Project Titan ของแอปเปิลจะเจอกับอุปสรรคและปัญหาภายในเล็กน้อย (หรือไม่เล็ก?) เมื่อ Wall Street Journal รายงานว่า Steve Zadesky หัวหน้าทีมพัฒนาประกาศลาออกจากบริษัทด้วยเหตุผลส่วนตัว
มีข่าวลือเกี่ยวข้องกับรถยนต์มาหลายครั้ง วันนี้สำนักข่าว Wall Street Journal ออกมารายงานว่าแอปเปิลมีแผนจะเปิดตัวรถยนต์ของตัวเองอยู่ โดยคาดว่าจะเปิดตัวได้จริงในปี 2019
จากแหล่งข่าวที่ WSJ อ้างอิง ระบุว่ารถยนต์คันแรกของแอปเปิลจะไม่ได้ออกแบบมาสำหรับเป็นรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติอย่างที่กูเกิลพยายามอยู่ แต่จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มีข่าวว่ากำลังซุ่มพัฒนาเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ โดยทีมพัฒนาตอนนี้เพิ่มจำนวนพนักงานจากเดิมถึง 3 เท่าตัว จากเดิมกว่า 600 คนที่ร่วมพัฒนากันอยู่ในทีม Project Titan (อย่าสับสนกับของกูเกิล)
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์ The Wall Street Journal ได้ตีพิมพ์บทวิเคราะห์ของ Christopher Mims นักข่าวของหนังสือพิมพ์ ซึ่งวิเคราะห์เกี่ยวกับตลาดของสมาร์ทโฟน โดยระบุว่าในตลาดสมาร์ทโฟน แนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบันคือสภาพของตลาดที่แยกกันอย่างชัดเจนระหว่าง "ของหรู" (luxury) กับของอื่นๆ (everyone else) และมองว่าตลาดของสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการอย่าง Android จะมีราคาลดลงเรื่อยๆ
สำนักข่าว The Wall Street Journal เผยข้อมูลวงในของ Facebook ว่ากำลังพัฒนาระบบอ่านข่าวตัวใหม่ที่ตอนนี้เรียกกันภายในว่า Reader อยู่ โดยเน้นไปที่ผู้ใช้บนอุปกรณ์พกพาโดยเฉพาะ
ตัวบริการ Reader ดังกล่าวถูกพัฒนามาได้ราวปีแล้ว โดยในเวอร์ชันล่าสุดหน้าตา และการใช้งานใกล้เคียงกับแอพ Flipboard โดยจะดึงเนื้อหาจากเพื่อนมาแสดงผล มีฟีเจอร์รวมเนื้อหาใกล้เคียงกันจากหลายแหล่ง และรองรับการปัดนิ้วเพื่ออ่านเนื้อหาถัดไป
จากข้อมูลตอนนี้คาดว่า Reader จะเป็นแอพแยกจาก Facebook ออกมา และยังไม่มีข้อมูลว่าจะใช้ได้บนเว็บไซต์หรือไม่ครับ
ที่มา - WSJ
Pulse ไม่ยอมน้อยหน้า ประกาศความร่วมมือกับ Wall Street Journal หลังจากที่ Flipboard เพิ่มคุณสมบัติอ่านข่าว The New York Times ได้เพียงวันเดียว
ผู้ใช้งาน Pulse สามารถสมัครเพื่อรับข่าวสารได้ 3 หมวด ได้แก่
News Corporation เครือธุรกิจสื่อขนาดใหญ่ เจ้าของนิตยสารชื่อดังหลายฉบับ ประกาศยอดสมาชิกหนังสือพิมพ์ Wall Street Journal เวอร์ชันแท็บเล็ตและเครื่องอ่านอีบุ๊กทุกชนิดรวมกัน ตอนนี้แตะหลัก 200,000 รายแล้ว (นับเฉพาะสมาชิกที่เสียเงิน 3.99 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ และนับถึงสิ้นปี 2010)
ยอดสมาชิกของ Wall Street Journal รุ่นแท็บเล็ตและอีบุ๊กเพิ่มขึ้น 4 เท่าตัวในปี 2010 แม้ตัวเลขนี้ยังห่างไกลกับยอดสมาชิกหนังสือพิมพ์ฉบับกระดาษ 1.6 ล้านราย แต่ก็เป็นสัญญาณที่ดีว่านิตยสาร-หนังสือพิมพ์ฉบับดิจิทัลได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นมาก
ที่มา - Reuters
Walt Mossberg แห่ง Wall Street Journal ได้ออกความเห็นว่า Windows Mobile 7 เป็นระบบปฏิบัติการบนโทรศัพท์มือถือที่ด้อยกว่า (ใช้คำว่า Inferior)
iPad ใกล้ออก ก็มีข่าวพวกนี้ออกมาเรื่อยๆ คราวก่อนเป็น ราคาของ e-Book ซึ่งว่ากันว่าเริ่มต้นที่เล่มละ 9.99 ดอลลาร์
ในส่วนของนิตยสาร มีรายงานว่า Esquire จะตั้งราคาที่ 2.99 ดอลลาร์ ถูกกว่าฉบับกระดาษ 2 ดอลลาร์ แต่ขายไม่ทันการเปิดตัว iPad ในวันที่ 3 เมษายน ส่วนนิตยสาร Men's Health เลือกใช้วิธีที่แตกต่างออกไป คือ แจกนิตยสารแบบ 10 หน้าฟรี (พร้อมโฆษณา) ถ้าอยากอ่านฉบับเต็ม ต้องจ่าย 4.99 ดอลลาร์ ราคาเท่าฉบับกระดาษ
หนังสือพิมพ์ Wall Street Journal จะคิดราคาค่าสมาชิกแบบรายเดือนคือ 17.99 ดอลลาร์ต่อเดือน ซึ่งถูกกว่าฉบับกระดาษที่ตกประมาณ 29 ดอลลาร์ต่อเดือน