(function(d, s, id) {
var js, fjs = d.getElementsByTagName(s)[0];
if (d.getElementById(id)) return;
js = d.createElement(s); js.id = id;
js.src = 'https://connect.facebook.net/th_TH/sdk.js#xfbml=1&version=v3.1';
fjs.parentNode.insertBefore(js, fjs);
}(document, 'script', 'facebook-jssdk'));
สำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่มีหน้าร้านหรือไม่มีหน้าร้านในยุค 4.0 ต้องไม่พลาด กับแอปผู้ช่วยร้านค้า “True Smart Merchant” ที่ช่วยเพิ่มยอดขายและดูข้อมูลสรุปยอดขายได้ทุกที่ทุกเวลา ไปชมรายละเอียดกันเลย
ทรู สมาร์ต เมอร์ชันต์ (True Smart Merchant) แอปของร้านค้ายุคใหม่ สมัครฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น สมัครปุ๊บ เหมือนได้พี่โป๊ปมาช่วยขาย พร้อมกับเพิ่มยอดขายให้ปังด้วยหลากหลายฟังก์ชันเด่นภายในแอป
True Smart Merchant ผู้ช่วยร้านค้ายุคใหม่ ให้การค้าขายเป็นเรื่องง่าย แค่ปลายนิ้ว
ให้ทุกอย่างดูง่าย ร้านขายดี เหมือนมีผู้ช่วย!!
ร้านไหน อยากขายดี อย่าช้า! โหลดฟรี แอป True Smart Merchant ที่ http://onelink.to/smartmerchant
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม>> http://bit.ly/TSM_fb
#ขายดีร้านแตก #โหลดโป๊ปขายดีปั๊บ #TrueSmartMerchant
โพสต์โดย True Smart Merchant เมื่อ วันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม 2018
ร้านค้าสามารถสร้างแคมเปญการตลาดกับทรูยูได้ด้วยตัวเอง เพียงลงทะเบียนร้านค้าและสมัครเป็นพันธมิตรทรูยู ก็สามารถจัดโปรโมชันได้ตามต้องการ อยากลด อยากแถม อยากแจกเพื่อเรียกลูกค้าเข้าร้านเพิ่มด้วยวิธีไหนก็ทำได้ทันที อาทิ
ซื้อง่ายขายคล่องด้วยระบบไร้เงินสด ไม่ต้องทอนเงิน เพราะลูกค้าชำระเงินผ่านทรูมันนี่ วอลเล็ท เพียงแค่การสแกนคิวอาร์โค้ดของร้านก็จ่ายเงินได้ทันที แม่ค้าไม่ต้องไปหาแลกเงินทอน ลูกค้าก็ไม่ต้องไปกดเงินที่ตู้ ATM
หลังจากขายเสร็จ แอปยังช่วยสรุปรายการบัญชีพร้อมยอดขายประจำวันที่ให้พ่อค้าแม่ค้าเช็คได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ต้องมานั่งลงบัญชีเองให้ยุ่งยาก
ฟรี! สื่อโฆษณาออนไลน์และหน้าร้านที่ทรูโปรโมตร้านให้ในสื่อของทรู พร้อมกับมีป้ายตั้งที่หน้าร้านส่งถึงที่ฟรี และยังทำแคมเปญ จูงใจให้ลูกค้าเข้าร้านมากขึ้นด้วย
ยิ่งขายก็ยิ่งได้ทรูพอยท์ ยิ่งซื้อก็ยิ่งได้ทรูพอยท์เช่นกัน ได้รับคะแนนสะสมทรูพอยท์ทั้งคนขายคนซื้อแบบนี้ win win กันทั้งคู่ เพียงลูกค้าสังเกตสัญลักษณ์ True Point & Pay ที่ติดอยู่ภายในร้านทุกการซื้อขาย ก็ #จ่ายปั๊บรับทรูพอยท์ ทำให้ยิ่งเรียกลูกค้าเข้าร้าน เพราะต้องการได้ทรูพอยท์มากขึ้น ส่วนทรูพอยท์ที่ได้จากการขาย สามารถนำไปแลกสินค้ามากมาย
ให้ทุกอย่างดูง่าย ร้านขายดี เหมือนมีผู้ช่วย!! ร้านไหน อยากขายดี อย่าช้า! โหลดฟรี แอป True Smart Merchant #โหลดโป๊ปขายดีปั๊บ
เพียงสมัครเป็นพันธมิตรร้านค้าวันนี้ ยังได้เข้าร่วมโครงการ รับเงินคืน 5 บาท ทั้งร้านค้าและลูกค้า เพียงซื้อขายผ่าน ทรูมันนี่ วอลเล็ท ขั้นต่ำ 30 บาท คนขายรับเงินคืนสูงสุด 100 บาท/ วัน และ 1,000 บาท/ เดือน ถึง 31 ธ.ค. 61
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแอปพี่โป๊ป คลิกเลย http://www.trueyou.co.th/truesmartmerchant/index.html หรือจะดูคลิปไว้ฟินอีกที https://youtu.be/JokfKWRKCBg
The post แอป True Smart Merchant สำหรับร้านค้ายุคใหม่ ช่วยเพิ่มยอดขายอย่างไร มาชมกัน appeared first on iPhoneMod.
หลังจากที่ Facebook ได้รายงานรายละเอียดเกี่ยวกับการโดนแฮ๊ก Token แล้ว เรายังสามารถตรวจสอบได้ว่าบัญชี Facebook ของเราเป็นบัญชีที่ถูกแฮ๊ก 1 ใน 30 ล้านบัญชีหรือไม่ และถูกแฮ๊กข้อมูลอะไรบ้าง
วิธีตรวจสอบว่าเราโดนแฮ๊กข้อมูลใน Facebook หรือไม่ล็อกอิน Facebook และไปที่ลิงก์ https://www.facebook.com/help/securitynotice จากนั้นเลื่อนลงมาด้านล่างสุด ในส่วน Is my Facebook account impacted by this security issue? ถ้าหากข้อมูลบัญชีของคุณปลอดภัย ไม่โดนแฮ๊ก ข้อความจะแสดงดังรูป
เป็นการระบุว่าไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลบัญชีของคุณได้ และ Facebook ยังคงดำเนินการตรวจสอบต่อไป
แต่ถ้าบัญชีของคุณถูกแฮ๊ก จะมีข้อความแสดงรายละเอียด แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
และรูปภาพด้านล่างนี้ก็เป็นตัวอย่างของบัญชีที่ถูกแฮ๊กกลุ่ม 14 ล้านบัญชี ก็จะมีการชี้แจงรายละเอียดว่าคุณถูกแฮ๊กข้อมูลอะไรบ้าง
ลองตรวจสอบกันดูนะคะ ถ้าหากบัญชีของคุณโดนแฮ๊ก แนะนำว่าให้ปฏิบัติตามการป้องกันข้างต้นดูค่ะ
ขอบคุณ techcrunch , Anders Schäffner’s Twitter
The post วิธีตรวจสอบว่าเราโดนแฮ๊กข้อมูลใน Facebook หรือไม่ และถูกแฮ๊กข้อมูลอะไรบ้าง appeared first on iPhoneMod.
ก่อนหน้านี้มีข้อมูลเผยว่า iPad Pro ใหม่ 2018 ตัวเครื่องจะบางลงกว่ารุ่นที่แล้ว โดยคาดว่าการตัดช่องหูฟัง 3.5 มม ทำให้ตัวเครื่องบางลงได้
iPad Pro ใหม่ 2018 ตัวเครื่องบางลงเพราะไม่มีช่องหูฟัง 3.5 มม@coiiiiiiiin ผู้ที่เคยทวิตข้อมูล iPhone XS, iPhone XS Max, iPhone XR ที่แม่นยำก่อน Apple เปิดขายเผยว่า iPad Pro ใหม่ 2018 ที่ตัวเครื่องหนาเพียง 5.86 มม นั้นเพราะถูกตัดช่องหูฟัง 3.5 มม ออกไป ทำให้บางกว่ารุ่นที่แล้ว ซึ่งข้อมูลนี้มาจากภาพเรนเดอร์ iPad Pro ใหม่ที่เผยมาก่อนหน้านี้
การตัดช่องหูฟัง 3.5 มม ออกไปใน iPad Pro ใหม่นั้นช่วยให้มีพื้นที่ภายในอุปกรณ์มากขึ้นและอาจช่วยเรื่องของการใส่คุณสมบัติกันน้ำและชิ้นส่วนของฟีเจอร์ใหม่เพิ่มเติมเหมือนกับที่ Apple ทำตั้งแต่ iPhone 7 เป็นต้นมา
ก่อนหน้านี้ 9to5Mac ได้เผยข้อมูล iPad Pro ใหม่ซึ่งสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ ซึ่งคาดว่าจะมาพร้อมชิพ A12X, Face ID, จอเต็มขอบไร้ปุ่ม Home, มี Port Magnatic, Apple Pencil 2, ส่งภาพ / วิดีโอความละเอียด 4K และอื่นๆ ส่วนวันเปิดตัวนั้นมีรายงานว่า Apple อาจเปิดตัวในงาน Event ที่จะจัดขึ้นในเดือน ต.ค. 2018 นี้
ที่มา – iclarified
The post iPad Pro ใหม่ 2018 ตัวเครื่องบางลงเพราะไม่มีช่องหูฟัง 3.5 มม (คาดการณ์) appeared first on iPhoneMod.
แม้ Netflix แทบจะครองตลาดบริการสมัครสมาชิกรับชมภาพยนตร์ Online หรือ Subscription Streaming Video on Demand (SVOD) แต่ก็ยังมีช่องว่างให้ผู้เล่นใหม่ๆ เข้ามาท้าทายเสมอ ล่าสุดคือ WarnerMedia
นอกจาก Netflix ที่เอาตัวเลขผู้สมัครสมาชิกไปซื้อภาพยนตร์ และซีรีส์ดังๆ มากมาย รวมถึงทุ่มทุนสร้างเองด้วย ทาง Disney ที่ถือสิทธิ์ภาพยนตร์ และการ์ตูนดีๆ ไว้จำนวนมากก็อยู่ระหว่างพัฒนาบริการดูหนัง Online เช่นเดียวกัน จึงไม่แปลกที่ค่าย WarnerMedia จะใช้ประโยชน์จากลิขสิทธิ์ในมือมาเปิดบริการนี้บ้าง
เริ่มมันเริ่มต้นขึ้นหลัง AT&T ยักษ์ใหญ่ในวงการโทรคมนาคมสหรัฐอเมริกา ประกาศควบรวมกิจการกับกลุ่ม Time Warner ด้วยมูลค่ากว่า 85,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.77 ล้านล้านบาท) สำเร็จตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2561 และต้องการหาแหล่งรายได้ใหม่ๆ จากสื่อความบันเทิงที่พาร์ทเนอร์ทางธุรกิจรายนี้มีอยู่
สำหรับ Time Warner นั้นมีสื่อความบันเทิงในมือมากมายไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์, ซีรีส์, สารคดี และการ์ตูน ที่อยู่สิทธิ์ของชื่อบริษัทที่หลายคนรู้จักกันดีอย่าง Warner Bros., Turner Broadcasting และ HBO ซึ่งรายหลังนั้นเริ่มให้บริการ SVOD ไปก่อนหน้านี้แล้ว
John Stankey หัวหน้าฝ่ายธุรกิจใหม่ของ AT&T ยืนยันว่า บริการรับชมภาพยนตร์ Online ของบริษัทนั้นจะสามารถแข่งขันกับผู้เล่นรายอื่นได้ ผ่านเนื้อหา และการใช้งานที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค และบริการนี้จะเปิดตัวในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2562
อย่างไรก็ตามตลาดบริการรับชมภาพยนตร์ Online ไม่ได้มีแค่ Netflix และ Disney แต่ยังมี Hulu, Amazon, Apple, Facebook และ YouTube ที่ต่างก็พัฒนาระบบเพื่อจูงใจให้ผู้บริโภคมาใช้งานบริการรับชมสื่อบันเทิงบนโลก Online แสดงให้เห็นถึงการแข่งขันที่ค่อนข้างสูงในตอนนี้
สรุปการแข่งขันของบริการรับชมภาพยนตร์ Online หรือดูหนังออนไลน์ นั้นยังแข่งขันกันสูง ผ่านผู้เล่นทั่วโลกกว่า 200 ราย และน่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะผู้ให้บริการระดับท้องถิ่น แต่เชื่อว่าหลังจากนี้ผู้เล่นอื่นๆ จะนำเสนอในรูปแบบฟรี ต่างกับ Netflix ที่ต้องสมัครสมาชิก เพราะจะหารายได้จากโฆษณาแทน
อ้างอิง // Japan Today
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
2 สัปดาห์ที่ผ่านมา Facebook ได้ประกาศถึงช่องโหว่จากการแฮ๊ก Token ผ่านฟีเจอร์ View As ที่มีผู้ใช้ประมาณ 50 ล้านคนได้รับผลกระทบ และวันนี้ Facebook ก็ได้ออกมาให้รายละเอียดเกี่ยวกับปัญหานี้เพิ่มเติม
Facebook แจงรายละเอียดการแฮ๊ก Token และเตรียมส่งข้อความแจ้งผู้ใช้ 30 ล้านคน ที่ได้รับผลกระทบFacebook รายงานรายละเอียดกรณีที่เว็บไซต์ถูกแฮ๊ก Token ที่ตอนแรกคาดว่าจะมีผู้ได้รับผลกระทบประมาณ 50 ล้านคน แต่จากการตรวจสอบตอนนี้ยืนยันว่าผู้ได้รับผลกระทบมีประมาณ 30 ล้านคน
แฮ๊กเกอร์ได้ใช้ช่องโหว่ผ่านฟีเจอร์ View As เป็นฟีเจอร์ที่ให้ผู้ใช้ดูโปรไฟล์ของตัวเองว่ามีลักษณะอย่างไรในมุมมองของผู้อื่น ทำให้แฮ๊กเกอร์สามารถขโมย Token และเข้าควบคุมบัญชีผู้ใช้ได้
ทาง Facebook ได้เริ่มเห็นความผิดปกติตั้งแต่วันที่ 14 กันยายน 2018 และได้ทำการตรวจสอบจนพบในวันที่ 25 กันยายน 2018 จึงทำการออกจากระบบให้ผู้ใช้ Facebook ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบนี้ และได้ร่วมมือกับ FBI ที่จะตรวจสอบหาผู้อยู่เบื้องหลังการแฮ๊กครั้งนี้ แต่ไม่เปิดเผยว่าเป็นใคร
Facebook รายงานว่าแฮ๊กเกอร์ได้ใช้วิธีเข้าควบคุมบัญชีผู้ใช้ และใช้เครื่องมืออัตโนมัติย้ายจากบัญชีผู้ใช้ที่ควบคุมตอนแรกไปยังบัญชีของเพื่อนเพื่อแฮ๊ก Token ต่อ
ผู้ที่ได้รับผลกระทบกลุ่มแรก รวมทั้งหมดประมาณ 400,000 บัญชีที่โดนแฮ๊กเกอร์ใช้เทคนิคโหลดโปรไฟล์อัตโนมัติ ทำให้เห็นข้อมูลโปรไฟล์, โพสต์ในไทม์ไลน์, เพื่อน, กลุ่มที่เป็นสมาชิก และชื่อของคนที่คุยใน Messenger ล่าสุด แต่ไม่เห็นรายละเอียดข้อความ ยกเว้นผู้ใช้ที่เป็ดมินเพจ แฮ๊กเกอร์สามารถเห็นข้อความที่ลูกเพจส่งมาได้
จากนั้นแฮ๊กเกอร์ได้แฮ๊กอีกประมาณ 30 ล้านบัญชีจากรายชื่อเพื่อนของ 400,000 บัญชีแรก ซึ่ง 15 ล้านบัญชีถูกเข้าถึงชื่อ เบอร์โทรหรืออีเมล (หรือทั้งคู่ ขึ้นอยู่กับการตั้งค่าโปรไฟล์) และอีก 14 บ้านบัญชี ถูกเข้าถึงรายชื่อ เบอร์โทรหรืออีเมลเหมือนกับ 15 บัญชีแรก และได้ข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติม ได้แก่ ชื่อผู้ใช้, เพศ, เมือง, ภาษา, สถานะความสัมพันธ์, ศาสนา, เมืองเกิด, เมืองที่อยู่ปัจจุบัน, วันเกิด, อุปกรณ์ที่ใช้เข้าถึง Facebook, การศึกษา, สถานที่ทำงาน, 10 สถานที่ล่าสุดที่เช็คอินหรือถูกแท็ก, เว็บไซต์, ชื่อคนหรือเพจที่ติดตาม และ 15 คำที่ค้นหาล่าสุด ส่วนอีก 1 ล้านบัญชีไม่มีการเข้าถึงข้อมูลอะไรเลย
อย่างไรก็ตาม การแฮ๊กครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับแอปในเครืออย่าง Messenger, Messenger Kids, Instagram, WhatsApp, Oculus, Workplace, Pages, การชำระเงิน, แอปอื่นๆ และบัญชีโฆษณาหรือบัญชีนักพัฒนาแต่อย่างใด
ผู้ใช้สามารถตรวจสอบผลกระทบได้จากศูนย์ช่วยเหลือ (Help Center) และในอีกไม่กี่วันข้างหน้า Facebook จะส่งข้อความถึง 30 ล้านบัญชีที่ได้รับผลกระทบและชี้แจงรายละเอียดถึงข้อมูลที่โดนแฮ๊ก รวมถึงคำแนะนำที่จะช่วยป้องกันผลกระทบจากการแฮ๊กครั้งนี้ด้วย
ขอบคุณ facebook
The post Facebook แจงรายละเอียดการแฮ๊ก Token และเตรียมส่งข้อความแจ้งผู้ใช้ 30 ล้านคน ที่ได้รับผลกระทบ appeared first on iPhoneMod.
มาแล้วครับ รวมแอปปล่อยฟรี ในวันที่ 13 ตุลาคม 2561 ที่คราวนี้ก็ขนแอปมาให้ชาว iPhoneMod ได้เลือกใช้งานกันอีกมากมายเช่นเคย จะมีแอปไหนน่าสนใจบ้าง เข้ามาชมกันได้เลยครับ
รวมแอปปล่อยฟรี วันที่ 13 ต.ค. 2561หมายเหตุ: กรุณาเช็คราคาสุดท้ายก่อนโหลดอีกครั้ง เพราะหากช้าไปเพียงชั่วโมงราคาก็อาจปรับขึ้นแล้ว
หมายเหตุ: สำหรับใครที่กลัวว่าแอปไหนจะฟรีเพียงแค่หนึ่งสัปดาห์หรือแอบหักเงินโดยที่ไม่รู้ตัว เมื่อโหลดแอปแล้วโปรดเข้าไปเช็คและดูวิธีการยกเลิกได้ที่ –> วิธียกเลิกสมัครรับบริการทางออนไลน์ เช่น Netflix, Apple Music และบริการอื่นๆ
——————–
หากถูกใจก็โปรดอย่าลืมกด Like กด Share เป็นกำลังใจให้แอดมินด้วยครับ
ขอขอบคุณ
ทีมงาน iPhoneMod
The post รวมแอปปล่อยฟรี ในวันที่ 13 ต.ค. 2561 รีบโหลดก่อนหมดเวลา appeared first on iPhoneMod.
Digital Photo Professional Express เป็นแอปพลิเคชันระบบจัดการภาพถ่ายดิจิทัลแบบพกพาและไร้สายของ Canon หรือมีชื่อย่อว่า DPP Express โดยการนำเอาประสิทธิภาพของซอฟต์แวร์ DPP เพื่อเอาไปใช้งานใน iPad และทำงานร่วมกับแอปพลิเคชัน Camera Connect
สามารถประมวลผลไฟล์ได้ทั้ง JPEG และ R3 RAW ใช้งานง่ายแต่มีประสิทธิภาพ สามารถดูภาพและปรับแต่งได้ทันที (พร้อมเปรียบเทียบก่อนและหลัง) จากนั้นจึงเลือกบันทึกไฟล์ลงคลาวด์, คอมพิวเตอร์, หรือกล้อง โดยหน้าตาของแอปพลิเคชันถูกปรับแต่งเพื่อใช้งานกับ iPad โดยเฉพาะ
ภาพสามารถปรับแต่งได้จากการนำเข้ากล้อง EOS R, EOS M50 โดยตรงหรือผ่านทาง iPad ที่มี RAM มากกว่า 2GB (iPad Pro, iPad Air 2, iPad 5, iPad mini 4) บนระบบปฏิบัติการ iOS 11 ขึ้นไป
ที่มา – usa.canon.com
The post Canon เปิดตัว Digital Photo Professional Express แต่งภาพใน iPad appeared first on iPhoneMod.
เราเกิดมามีโอกาสได้สัมผัสชีวิตวัยรุ่นเพียงครั้งเดียว การลองได้ทำอะไรใหม่ๆ ในช่วงวัยรุ่นจึงเป็นหนึ่งในสีสันของชีวิต เหมือนอย่าง OPPO แบรนด์สมาร์ทโฟนที่กล้าทำสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการคิดค้นเทคโนโลยี นวัตกรรมใหม่ๆ ออกแบบสีสันลวดลายใหม่ๆ ที่ไม่เหมือนใคร และครั้งนี้ OPPO ก็ได้ Break the line สร้างความ Unique ในแบบที่แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ด้วยการดีไซน์ OPPO F9 Starry Purple ที่มาพร้อมกับการดีไซน์ที่โดดเด่นในแบบไล่เฉดสีสองสีพร้อมประกายระยิบระยับสะดุดตา กล้าออกจากกรอบการดีไซน์มือถือแบบเดิมๆ อันเป็นสาส์นที่ OPPO อยากจะส่งไปให้ถึงวัยรุ่นว่า ถึงเวลาแล้วที่จะทำตามฝัน สร้างสีสันให้กับชีวิต
OPPO จึงดึง 3 วัยรุ่นระดับแม่เหล็กที่คนไทยรักและชื่นชมในความสามารถและมีเอกลักษณ์ในแบบของตัวเอง อย่างนักแสดงสาวสวย ญาญ่า, นักร้องนักแต่งเพลงคนดัง The Toy และ นักแสดงหนุ่มที่กำลังมาแรงสุดๆ อย่าง ธนภพ มาเข้าร่วมแคมเปญ “Break the Line to be Unique” เล่าเรื่องและแสดงตัวตน 3 สไตล์ผ่านวิดีโอทั้งสามตัว แสดงให้วัยรุ่นไทยเห็นว่าเราสามารถเป็นคนที่เจ๋งได้ ด้วยการเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ OPPO ให้ความสำคัญมาตลอด
“ทุกคนมีความ Unique ของตัวเอง นั่นคือสิ่งที่ทำให้โลกนี้น่าสนใจ น่าอยู่ และน่าค้นหา” : ญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์ นักแสดง
ใครจะรู้ว่านักแสดงสาวญาญ่า นอกจากเธอจะเป็นนักแสดงสาวสวยมากความสามารถแล้ว เธอยังมีมุมเล็กๆ ไว้สานฝันของตัวเอง นั่นก็คือการวาดรูป และเธอยังทำมันออกมาได้ดีมากอีกด้วยเพราะสำหรับญาญ่าแล้วการได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลามันเหมือนกับการที่เราได้แต่งแต้มสีสันใหม่ๆ ให้กับชีวิตจนอาจจะทำให้เราได้ค้นพบอีกหนึ่งตัวตนที่ใช่สำหรับเรา ได้รู้จักสีสันใหม่ๆ ที่โดนใจเหมือนกับญาญ่าที่ได้เรียนรู้และตกหลุมรักการถ่ายรูปเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งสี
“ในเส้นทางที่เราเลือกเดิน มันมีความสวยงามแตกต่างกันออกไป” : The Toy ธันวา บุญสูงเนิน นักร้อง
ส่วนนักร้องนักแต่งเพลงคนดัง The Toy ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่กล้าเสี่ยง กล้าลองเพื่อที่จะเดินในทางที่ตัวเองรัก รวมถึงการกล้าที่จะฉีกแนวการร้องเพลงช้าซึ้งๆ มาผสมผสานกับการแรพจนเกิดเป็นแนวเพลงใหม่ ที่มีเอกลักษณ์ แตกต่าง และไม่เหมือนใคร และยังเป็นเพลงที่ได้รับกระแสตอบรับดีมากๆ จนติดหูวัยรุ่นชนิดที่เดินไปที่ไหนก็ต้องได้ยินเพลงของหนุ่ม The Toy ซึ่งสำหรับทอยนั้น ดนตรีก็เป็นเหมือนสีสันต่างๆ ที่มีหลากหลายสี และสามารถเอามาผสมผสานกันจนเกิดเป็นสีสันใหม่ๆ ที่ใช่สำหรับก็ได้
“ผมเชื่อว่า การเป็นตัวของตัวเอง คือความสวยงามที่แท้จริง” : ต่อ ธนภพ ลีรัตนขจร นักแสดง
ส่วนทางด้าน ต่อ ธนภพ ดาราวัยรุ่นที่ฝากฝีมือจากบทบาทเด็กวัยรุ่นธรรมดา เมื่อบทที่ได้รับนั้นหินขึ้นเรื่อยๆ และ ต่อ ธนภพก็แสดงฝีมือโดดเด่นเป็นที่ยอมรับ และเปล่งประกายในวงการบันเทิงที่คู่แข่งมากมายได้อย่างสวยงาม เพราะต่อมองว่าการได้เรียนรู้บทบาทที่แตกต่างกันในแต่ละครั้ง ก็เหมือนกับการได้เรียนรู้สีสันใหม่ๆ ในชีวิต เรียนรู้ที่จะทำความรู้จักกับสีสันที่ต่างไปจากเดิม จนบางทีเราอาจจะได้เจอสีที่เป็นตัวเราก็ได้
ทั้งสามคนเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับการพยายามพิสูจน์ตัวเอง และทำในสิ่งที่รัก เลือกเดินบนทางที่ใช่แสดงพลังในการทำตามฝัน สร้างเอกลักษณ์ของตัวเอง และสามารถส่งต่อพลังนี้ต่อไปยังวัยรุ่นไทยทุกคนที่กำลังสับสน และกลัวที่จะเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ ดังนั้น OPPO จึงอยากจะสนับสนุนให้เหล่าไว้รุ่น กล้าที่จะออกจาก Safe Zone ลองค้นหาสีสันใหม่ๆ ในแบบที่เป็นตัวของตัวเองกับแคมเปญ “Break the Line to be Unique” เหมือนกับที่ OPPO ที่ได้ลองและค้นหาสีสันใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา จนเจอความ Unique ที่ไม่เหมือนใคร อย่าง OPPO F9 Starry Purpleดีไซน์ที่สวยงามโดดเด่นไม่เหมือนใคร มาพร้อมระบบชาร์จไว VOOC Flash Charge ที่ช่วยให้ชีวิตมีเวลาเหลือออกไปค้นหาสีสันให้กับตัวเอง ชาร์จ 5 นาที คุยได้ 2 ชั่วโมง OPPO ยังพร้อมเป็นหนึ่งในการเรียนรู้และ เก็บเกี่ยวทุกประสบการณ์ในชีวิตทุกคน กับกล้องหน้าที่คมชัดถึง 25 MP และกล้องหลังคู่สุดอัจฉริยะให้คุณได้เก็บทุกความทนงจำ และทุก ประสบการณ์ให้อยู่กับเราไปอีกแสนนาน
อย่าลังเลที่จะค้นหาสีสันของชีวิตเพื่อค้นพบตัวตนใหม่ของตัวเองที่ถูกซ่อนไว้ และแสดงตัวตนอีกด้านให้โลกรู้ผ่าน OPPO F9 สมาร์ทโฟนสำหรับวัยรุ่นที่กล้าแสดงออก กล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
เมื่อตลาดหุ้นไทยตกลงกว่า 40 จุด แม้ว่าวันที่ 12 ต.ค. 2561 หุ้นจะฟื้นตัวกลับมา +13 จุด แล้ว แต่บลจ.ทิสโก้ถือว่าเป็นช่วงเวลาทองในการลงทุนหุ้น เลยออกกองทุนทริคเกอร์ฟันด์ (Trigger Fund) ตัวใหม่ หน่วยลงทุนเริ่มต้นที่ 10 บาทเท่านั้น
สาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด บอกว่า ที่ผ่านมาดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงตามตลาดหุ้นอื่นๆ ทั่วโลก สาเหตุหลักมาจากนักลงทุนกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังเห็นตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดี แถมวันที่ 11 ต.ค. 2561 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับลงแรงที่สุด (นับตั้งแต่เดือน ก.พ. 2561) นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับลงแรงกว่า 5%
ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ (Bond Yield) อายุ 10 ปี ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และสูงสุดในรอบ 7 ปี (อยู่ที่ 3.23%) ก็ส่งผลกดดันให้มูลค่าหุ้นทั่วโลกลดลง ซึ่งไทยเราก็ได้รับผลกระทบมาด้วย
แต่ระยะยาวบลจ.ทิสโก้มองว่าตลาดหุ้นไทยยังมีแนวโน้มที่ดี เพราะมีปัจจัยบวกในประเทศอยู่ เช่น เศรษฐกิจไทยน่าจะโต 4.5% การเลือกตั้งมีความชัดเจน และคาดว่าจะมีเงินไหลเข้าหุ้นไทยทำให้ดัชนีหุ้นค่อยๆ ปรับขึ้นโดยบลจ.ทิสโก้คาดว่าภายในสิ้นปีนี้ดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสจะไปที่ระดับเป้าหมายที่ 1,790 จุดได้
ช่วงที่ดัชนีหุ้นไทยปรับลดลงถือเป็นโอกาสเข้าไปลงทุน บลจ.ทิสโก้จึงเสนอขาย กองทุนเปิด ทิสโก้ ไทย อิควิตี้ ทริกเกอร์ 5M#3 (TEQT5M3) ความเสี่ยงระดับ 6 (ความเสี่ยงสูง) เน้นลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ/หรือตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีความมั่นคง มีแนวโน้มการเจริญเติบโตทางธุรกิจ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ดัชนีชี้วัดของกองทุนนี้ คือ ดัชนีผลตอบแทนรวมตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET TRI) มีมูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท
โดยตั้งเป้าหมายเลิกโครงการเมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่า (NAV) มากกว่าหรือเท่ากับ 10.50 บาท/หน่วย ภายในระยะเวลา 5 เดือน โดยเปิดเสนอขายครั้งแรกตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 17 ต.ค. 2561 ราคาอยู่ที่ 10 บาท/หน่วย มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 1,000 บาท (ค่าธรรมเนียมในการซื้อ 1%) สามารถซื้อได้ที่สาขาธนาคารทิสโก้
ข้อสำคัญที่ต้องอ่านก่อนซื้อคือ การกำหนดเป้าหมายที่จะปิดกองตอน 10.50 บาท/หน่วย ไม่ใช่การรับประกันผลตอบแทนของกองทุน และผู้ลงทุนไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ในช่วงระยะเวลา 5 เดือนแรก ดังนั้นหากมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุน ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก และเป้าหมายดังกล่าวเป็นเป้าหมายก่อนหักค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง
สรุปเมื่อหุ้นตก บลจ.ทิสโก้ เลยออกกองทุน Trigger fund มาให้นักลงทุนระยะสั้นๆ 5 เดือน ตั้งเป้าหมายว่าถ้าผลตอบแทนเพิ่มขึ้น 5% ขึ้นไปจะปิดกองส่งเงินกลับไปหาทุกคน แต่ข้อสำคัญที่นักลงทุนต้องรู้คือ กองทุนนี้ไม่การันตีผลตอบแทน ไม่สามารถขายหน่วยลงทุนได้ภายใน 5 เดือนแรก แถมยังเป็นกองทุนในหุ้น 80% ย่อมมีความเสี่ยงสูง ก่อนจะซื้อลองประเมินความเสี่ยงที่รับได้กันก่อน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
Yamato หรือแมวดำ ยักษ์ใหญ่บริการขนส่งพัสดุจากญี่ปุ่นได้คิดการใหญ่ด้วยการพัฒนาอากาศยานขนาดเล็กไร้คนขับเพื่อขนส่งพัสดุ หลังตัวธุรกิจเกิดปัญหาขาดแคลนแรงงานอย่างหนัก ผ่านสถานการณ์สังคมผู้สูงอายุในญี่ปุ่น
ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา Yamato Holdings หรือแมวดำ ค่อนข้างประสบปัญหาทางธุรกิจเป็นอย่างมาก สังเกตจากผลกำไรจากการดำเนินงานที่ลดลง หลังต้นทุนการขนส่งที่สูงขึ้น รวมถึงการมีพนักงานที่ไม่เพียงพอต่อการให้บริการ ถึงขนาดที่บริษัทต้องเพิ่มราคาค่าใช้บริการกับผู้บริโภคทั่วไป 15% และลูกค้าองค์กรก็โดนคิดเพิ่มเช่นกัน
เหตุนี้เอง Yamato จึงต้องคิดค้นวิธีขนส่งพัสดุแบบล้ำๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้หุ่นยนต์มาช่วยบริหารคลังสินค้า หรือการใช้ Drone เข้ามาช่วงส่งพัสดุ และล่าสุดคือการพัฒนาอากาศยานขนาดเล็กไร้คนขับ หรือ Unmanned Cargo Aircraft เพื่อบรรทุกพัสดุจำนวนมาก และไปส่งที่หมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับการพัฒนาครั้งนี้ Yamato ได้ร่วมกับ Bell Helicopter Textron ผู้พัฒนาอากาศยานจากสหรัฐอเมริกา โดยคาดว่าจะเปิดตัวได้ในช่วงกลางทศวรรษ 2020 และอากาศยานไร้คนขับขนาดเล็กตัวนี้จะแบกพัสดุได้รวมสูงสุด 453 กก. และบินได้เร็ว 160 กม./ชม. ที่สำคัญคือสามารถขึ้นบิน และลงจอดได้ในแนวตั้ง
อย่างไรก็ตามหลังจาก Yamato ประกาศขึ้นค่าบริการเมื่อปลายปีก่อน ทำให้ปีปฏิทิน 2560 ที่เพิ่งจบไป บริษัทสามารถมีผลกำไรจากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น 2.3% เป็น 35,700 ล้านเยน (ราว 10,000 ล้านบาท) ถือเป็นครั้งแรกใน 3 ปีที่กำไรจากการดำเนินงานนั้นเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกันการพัฒนาอากาศยานขนาดเล็กไร้คนขับนั้น ก็ล้อไปกับนโยบายของรัฐบาลญี่ปุ่นที่กำลังหารือกับบริษัทเอกชนเพื่อพัฒนารถยนต์บินได้ หรือ Flying Car เพื่อแก้ปัญหาการจราจรภายในเมือง รวมถึงใช้งานในภูมิภาคที่เข้าถึงลำบาก และช่วงภัยพิบัติต่างๆ ด้วย โดยคาดว่าสิ่งดังกล่าวจะเริ่มให้บริการในเชิงพาณิชย์ในทศวรรษ 2020
สรุปนวัตกรรมกลายเป็นเรื่องสำคัญทันทีในธุรกิจขนส่ง เพราะเมื่อต้นทุนเริ่มเพิ่มขึ้น แถมในประเทศญี่ปุ่นก็ยังมาเจอเรื่องแรงงานขาดแคลนอีก การเน้นพัฒนาอะไรก็ได้ที่มาทดแทนคน ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ต้องทำให้เร็วที่สุด ซึ่งอนาคตเราอาจได้เห็นยักษ์ใหญ่ในโลก Logistic เริ่มมาลงทุนอะไรแบบนี้มากขึ้นก็ได้
อ้างอิง // The Japan Times, Yamato
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC ได้รายงานงบการเงินไตรมาส 3 ของปี 2561 โดยกำไรในไตรมาสนี้โตถึง 65% เนื่องจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น มูลค่าการใช้จ่ายต่อบัตรเพิ่มขึ้น รวมไปถึง NPL ลดลงอีกด้วย
ไตรมาส 3/18 ของหุ้น KTC กำไรสุทธิของไตรมาสนี้อยู่ที่ 1,396 ล้านบาท มากกว่าไตรมาส 3 ของปีที่ผ่านมา 65% ขณะที่รายได้ไตรมาสนี้ของบริษัทอยู่ที่ 4,989 ล้านบาท ปริมาณการใช้บัตร KTC เติบโตขึ้น 8.4% ขณะที่ NPL ลดลงมาอยู่ที่ 1.23%
สินเชื่อเติบโตขึ้น 6.9% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ของปีที่ผ่านมา ในไตรมาส 3 รายได้จากดอกเบี้ยอยู่ที่ 1,865 ล้านบาท เติบโต 13.3% ส่วนรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย อยู่ที่ 3,074 ล้านบาท เติบโต 7.4%
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของบริษัทอยู่ที่ 1,825 ล้านบาท มากกว่าไตรมาส 3 ของปีที่แล้ว 1% เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการติดตามหนี้ ค่าธรรมเนียมจ่าย Interchange ที่เพิ่มขึ้น รวมไปถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับพนักงาน
KTC มีมุมมอง 9 เดือนว่าบริษัททำรายได้ที่ดีได้อย่างต่อเนื่อง และปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต KTC เพิ่มขึ้น รวมไปถึงสินเชื่อของ KTC เองด้วย ทำให้รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้บริษัทหลักทรัพย์ KT Zmico ยังได้รายงานว่า KTC ยังเตรียมที่จะมาทำธุรกิจนาโนไฟแนนซ์อีกด้วย ซึ่งต้องรอผู้ถือหุ้นใหญ่อย่างธนาคารกรุงไทยอนุมัติอีกที
ที่มา – ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
แม้จะไม่ใช่แบงก์ขนาดใหญ่ แต่ราคาหุ้นของทิสโก้ก็ขยับไปใกล้แบงก์ใหญ่ขึ้นทุกที แถมตอนนี้ปันผลยังให้สูงถึง 6.33% ว่าแต่ผลประกอบการรอบ 9 เดือนแรกของปีนี้เป็นอย่างไรบ้าง
สุทัศน์ เรืองมานะมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ บอกว่า ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2561 ของเรามีกำไรสุทธิที่ 5,290 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 722 ล้านบาท ถือว่าเติบโต 15.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ถ้าดูเฉพาะงวดไตรมาส 3 มีกำไรสุทธิที่ 1,815 ล้านบาท เติบโต 15.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ไตรมาส 3 นี้กำไรสุทธิมาจากกธุรกิจหลัก ทั้งรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (ได้มาจากการปล่อยสินเชื่อ) รายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจนายหน้าประกันภัย (Bancassurance) และค่าธรรมเนียมธุรกิจจัดการกองทุน แถมยังมีการรับรู้รายได้พิเศษระหว่างไตรมาส ส่งผลให้รายได้รวมเพิ่มขึ้น 9.0%
ปัจจัยหลักในการขยายตัวมาจากความสามารถในการสร้างรายได้จากทุกภาคธุรกิจ และความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่กลุ่มทิสโก้ให้ความสำคัญมาโดยตลอด
ในส่วนของผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2561 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า กำไรสุทธิมีจำนวน 5,290 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.8% มาจากทุกส่วน โดยเฉพาะ 1.รายได้ดอกเบี้ยสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้น 14.9% ตามความสามารถในการรักษาอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อรวม 2.การรับโอนธุรกิจสินเชื่อจากธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) 3. รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเติบโต ทั้งจากธุรกิจหลัก ซึ่งรายได้ค่าธรรมเนียมขยายตัว 6.2% 4.การรับรู้รายได้พิเศษตลอด 9 เดือน
วันที่ 30 ก.ย. 61 ยอดสินเชื่อรวมของกลุ่มทิสโก้อยู่ที่ 240,051 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.1% จากไตรมาสก่อนหน้า ส่วนที่โตมากคือ สินเชื่อ“สมหวัง เงินสั่งได้” เป็นสินเชื่อจำนำทะเบียนโต 8.9% จากไตรมาสก่อนหน้า
แม้ว่าในภาพรวมหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ยังคงที่จากไตรมาสก่อน แต่เรายังตั้งสำรองหนี้สูญเพิ่มขึ้น ตามนโยบายการตั้งสำรองอย่างระมัดระวังเพื่อรองรับความผันผวนทางธุรกิจ ปัจจุบันสัดส่วนเงินสำรองหนี้สูญต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่ระดับ 193.5%
ไตรมาสสุดท้ายของปี 2561 กลุ่มทิสโก้จะสร้างการเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ เน้นจุดแข็งการให้บริการอย่างผู้เชี่ยวชาญและให้คำแนะนำที่ตอบโจทย์ลูกค้า คัดเลือกผลิตภัณฑ์ที่ดีและเหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าแต่ละราย และทำตาม Market Conduct ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และบริหารภาพรวมธนาคารให้ดีขึ้นในช่วงเวลาที่อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกอยู่ในช่วงขาขึ้น
ธนาคารทิสโก้ยังคงรักษาระดับฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่งมาโดยตลอดทั้งปี โดยมีประมาณการอัตราเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) อยู่ที่ 22.6% สูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำ 10.375% ที่กำหนดโดย
สรุปกลุ่มทิสโก้ ออกผลประกอบการ 9 เดือนกำไรสุทธิโต 15.8% เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แถมยังโตจากทุกส่วนทั้งรายได้ดอกเบี้ยที่มาจากสินเชื่อ ไหนจะรายได้ค่าธรรมเนียมธุรกิจนายหน้ากองทุนรวม ประกันภัย ส่วนไตรมาส 4 นี้ ต้องทำตามเกณฑ์แบงก์ชาติ ขยายบริการให้คลอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่ม
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
ในปัจจุบันนี้ เชื่อว่าทุกคนที่มีไอโฟนย่อมตั้งค่าการล็อกหน้าจอก่อนเข้าใช้งานกันเป็นปกติ ไม่ว่าจะตั้งรหัสเป็นตัวเลข, ใช้ Touch ID หรือปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face ID) ก็ตาม เพราะสมาร์ทโฟนก็เปรียบคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งของเรา ที่เต็มไปด้วยข้อมูลสำคัญมากมาย
Kanye West แร็ปเปอร์และนักทำเพลงชื่อดังของอเมริกาได้เข้าพบ Donald Trump ประธานาธิปดีสหรัฐฯ โดยมีนักข่าวเข้ามาทำข่าวและถ่ายทอดสดออกอากาศมากมาย
ซึ่งในระหว่างการพูดคุยกันนั้น Kanye ได้หยิบ iPhone X ออกมาปลดล็อกด้วยการกดเลขศูนย์อย่างต่อเนื่องจนเข้าใช้งานได้ หรือแปลว่า Kanye นั้นตั้งรหัสปลดล็อกไว้เป็น 000000 นั่นเอง
Kanye just unlocked his iPhone before the TV cameras in the Oval Office. And his password is just 0 repeatedly pic.twitter.com/mOAbhRLr7s
— Steve Kopack (@SteveKopack) October 11, 2018
จากข่าวนี้ทำให้หลายคนได้วิพากย์วิจารย์ว่า Kanye นั้นละเลยความปลอดภัยของไอโฟนตัวเองที่กำหนดรหัสผ่านง่ายๆ อย่าง 000000 แต่บ้างก็บอกว่ารหัสผ่านดังกล่าวอาจง่ายเกินไปจนคนอื่นไม่สามารถเดาได้ อย่างไรก็ตามการปลดล็อกไอโฟนแห่งประวัติศาสตร์ครั้งนี้ก็ได้ถูกเผยแพร่ไปยังทั่วโลกแล้ว
สำหรับการเข้าพบประธานาธิปดีครั้งนี้ของ Kanye มีจุดมุ่งหมายคือ เขาได้เสนอให้ประธานาธิปดีเปลี่ยนเครื่องบินส่วนตัวจากปกติที่เป็น Air Force One ไปใช้งานเป็นเครื่องบินคอนเซปต์ที่ใช้พลังไฮโดรเจนชื่อว่า iPlane 1
อย่างที่ทีมงาน MacThai กล่าวไว้ข้างต้น การรักษาความปลอดภัยให้กับสมาร์ทโฟนของเราเองเป็นเรื่องที่สำคัญมากในปัจจุบัน เพราะเราอาจใช้เวลาอยู่กับโทรศัพท์มากกว่าคอมพิวเตอร์เสียอีก จึงอาจมีข้อมูลสำคัญๆ อยู่ด้วยจำนวนมากนั่นเองครับ
ที่มา : The Verge
The post ปลอดภัยสุดๆ Kanye West ปลดล็อกไอโฟนด้วย 000000 appeared first on Macthai.com.
หลังจากที่เปิดกันมาได้ซักพักแล้ว ทีมงาน MacThai ก็ได้มีโอกาสมาเยี่ยมชม Marvel Experience Thailand ศูนย์บัญชาการ Marvel แห่งแรกในอาเซียน ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณห้างเมกาบางนาบนพื้นที่กว่า 20,000 ตารางเมตร สำหรับ Marvel Experience Thailand นี้เราจะได้เข้ามามีประสบการสวมบทเป็นหน่วย S.H.I.E.L.D และทำงานร่วมกับ ฮีโร่ Marvel อย่าง กัปตันอเมริกา, สไปเดอร์แมน, ไอรอนแมน ละอีกหลาย ๆ ฮีโร่ แถมยังเป็นที่ตั้งของร้านค้าที่ขายสินค้า Marvel ในราคาที่ถูกมาก ๆ แห่งหนึ่ง
เดินทางเข้าชม Marvel Experience Thailandสำหรับการเดินทางมายัง Marvel Experience Thailand ก็คือการเดินทางมายังเมกาบางนา ถ้ามารถไฟฟ้าคือนั่งมาลงสถานีอุดมสุข แล้วจะมีรถ Shuttle Bus ฟรีของห้างมารับตรงหน้า 7-11 ส่วนใครที่ขับรถมาก็มีที่จอดรถให้เยอะมาก ไม่ต้องกลัวไม่มีที่จอด
เมื่อมาถึงเมกาบางนางแล้วก็จะมีรถกอล์ฟ รับส่งจากประตูของห้างมายัง Marvel Experience ฟรีอีกเช่นกัน (สอบถามจุดขึ้นที่พนักงานได้เลย มารับตรงไหนบ้าง) จากนั้นเราก็ได้เดินทางมาถึงอาคารศูนย์บัญชาการขนาดใหญ่ ที่แค่เห็นก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้นแล้ว อลังมาก ๆ
เมื่อเข้ามาเราก็จะได้พบกับส่วนต้อนรับซึ่งเป็นโถงขนาดใหญ่ บริเวณขายบัตรจะอยู่ด้านซ้าย สิ่งแรกที่เราทำเลยก็คือเดินไปซื้อตั๋วก่อน หรือใครจะเข้ามาเพื่อซื้อของที่ระลึกอย่างเดียวอันนี้ก็ไม่ว่ากัน ซึ่งเดินเข้าไปด้านในจะมีส่วนร้านอาหารด้วย
มาถึงส่วนที่หลายคนสงสัยก็คือ ราคาตั๋วเข้าชมว่าอยู่ที่เท่าไหร่กันแน่ ตรงนี้ Mavel Experience Thailand เปิดตัวอยู่ที่ 1,500 บาท แต่ก็มีส่วนลดมากมาย เช่น
นั่นทำให้ราคาจริง ๆ ของการเข้าชมจะเหลือเพียงแค่ 400 – 500 บาทเท่านั้น นับว่าไม่แพงอย่างที่คิดและคุ้มมาก ๆ
หลังจากที่ซื้อบัตรกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทีมงานจะจับเราไปถ่ายรูป (ฟังดูน่ากลัว) เพื่อทำบัตรว่า เราได้เป็นสมาชิกของ S.H.I.E.L.D แล้ว โดยเราจะสามารถเลือกได้ด้วยว่าเป็นมนุษย์, แอนดรอย, ฮีโร่ หรืออื่น ๆ ตามที่เราต้องการ ในส่วนนี้เราจะได้รับบัตรกระดาษมาก่อน ก่อนที่เราจะได้รับบัตรแข็งแบบสมาชิกหน่วย S.H.I.E.L.D จริง ๆ >< หลังทำการฝึกฝนร่วมกับฮีโร่แล้ว
หลังจากที่ทำบัตรกันเรียบร้อยแล้ว เราก็จะได้เข้ามาสู่โซน Attraction ซึ่งการผจญภัยของเราจะเริ่มต้นจากตรงนี้
สวมบทเป็นหน่วย S.H.I.E.L.D ต่อสู้ร่วมกับฮีโร่เริ่มต้นด้วยการถูกให้เข้ามาอยู่ในห้องมือ ชมคลิปแนะนำฮีโร่ต่าง ๆ ซึ่งหลังจากคลิปจบเราก็จะได้เจอฮีโร่จริง ๆ แอบวิ่งเข้ามาอยู่กับเราด้วย ในที่นี้ อยู่ดี ๆ ก็มี Spider Man วิ่งออกมาทักทาย แท็กมือ และถ่ายรูปกับเด็ก ๆ เป็นการต้อนรับทุกคนเข้าสู่การเดินทาง
หน่วย S.H.I.E.L.D จะพาเราเดินชมห้องต่าง ๆ อย่างเช่นภาพนี้คือห้องเก็บชุดเกราะและอุปกรณ์สุดไฮเทคต่าง ๆ ของไอรอนแมน ซึ่งในห้องนี้ Tony Star จะทำการ Video Call เข้ามาพูดคุยกับเราด้วย
นอกจากนี้จะมีเป็นภารกิจให้เราได้ฝึกหัดเป็นหน่วย S.H.I.E.L.D โดยเราจะถูกนำมาฝึกหัดยิงปืนเป็น Mini Game ซึ่งทุกเกมจะเป็น 3D หรือสามมิติหมด ต้องใส่แว่นในการเล่น ดังนั้นจะเหมือนจริงมาก ๆ คือศัตรูจะลอยออกมาจากจอเลย
แล้วก็จะมีห้องโถงขนาดใหญ่ ซึ่งด้านบนจะเป็นโดม ในโดมนี้เราจะได้ต่อสู้ไปกับฮีโร่ เราจะรู้สึกเหมือนอยู่ในยานหรือลูกแก้วอะไรบางอย่างแล้วได้เห็นฮีโร่ต่อสู้กับพวกไฮดร้ากันแบบทะลุโดมลงมา (อลังมาก)
ต้องบอกก่อนว่าไม่ใช่แค่เห็น แต่สัมผัสได้จริง ๆ เพราะมากันทั้งเสียง ทั้งลม และอุณหภูมิต่าง ๆ ที่สัมผัสได้จริง ๆ
สิ่งที่ต้องระวังคือบางครั้งก็จะมีพวกไฮดร้าโผล่ออกมาหวังจ้องทำร้าย แต่ไม่ต้องห่วง เพราะตลอดการเดินทางจะมีพี่ ๆ หน่วย S.H.I.E.L.D ที่มีประสบการณ์แล้วคอยนำทางเราไปตลอดการผจญภัย
อีกสิ่งหนึ่งที่เด็กมาก ๆ เลยก็คือเราจะได้ขึ้นกระสวย และออกบินจริง ๆ สิ่งที่เราเห็นยังคงเป็นภาพสามมิติ เราจะได้นั่งในกระสวยที่โยกขยับได้จริง ๆ (ต้องรัดเข็มขัดกันเลย) ความสมจริงของส่วนนี้สุดยอดมาก
หลังจากที่ระทึกกับการนั่งกระสวยกันแล้ว ก็จะเข้ามาในส่วน Traning Area ตรงนี้เราจะได้เล่นเกมด้วย Motion Tracking คือเราจะต้องออกท่าทางต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกระโดด ต่อย หรือ บินแบบไอรอนแมน
ในห้องเดียวกันก็จะมีเครื่องไม้เครื่องมือและชุดของฮีโร่ต่าง ๆ จัดแสดงให้ได้ถ่ายรูปกันด้วย
หลังจากจบภารกิจทั้งหมดแล้ว ทีมงานก็จะนำพาเรามายังห้องที่เราจะไม่รู้ว่าเราจะสุ่มได้ถ่ายรูปกับฮีโร่คนไหน (นี่ Marvel หรือ BNK48) ทีมงาน MacThai ในรอบนี้ได้ถ่ายรูปกับ กัปตันอเมริกา พร้อมโล่ คือเท่มาก ในส่วนนี้เราจะสามารถเลือกได้เลยว่าจะถ่ายแบบเดี่ยวหรือถ้ามาด้วยกันหลายคนจะถ่ายด้วยกันก็ได้ (ทีมงานเลือกถ่ายแบบ 3 คน)
หลังจากที่ถ่ายรูปแล้ว เราก็จะได้รับบัตรแข็งซึ่งเป็นบัตรแบบเดียวกับกระดาษที่เราใช้เข้ามา แต่เป็นบัตรจริง ๆ นำไปเป็นที่ระลึกว่าครั้งหนึ่งเราเคยมาร่วมฝึกกับฮีโร่ที่ Marvel Experience Thailand
แวะซื้อของที่ระลึก ราคาน่ารักมากอย่างที่บอกไปตั้งแต่ช่วงแรกว่าของที่ระลึกที่ Marvel Experience Thailand นั้นเป็นของแท้ราคาน่ารักที่หาแบบนี้ไม่ได้แล้วนอกจากที่นี่ที่เดียว ก็มีตั้งแต่เสื้อผ้า, โมเดล, ของเล่น, เครื่องใช้ในบ้าน, อุปกรณ์เดินทาง ไปจนถึง Gadget IT ต่าง ๆ มากมาย
หลายคนอาจจะคิดว่าแพงหรือเปล่า ไม่กล้ามา ไม่รู้ว่ามาแล้วจะเป็นยังไง ทีมงาน MacThai บอกได้เลยว่า แค่ได้มาซื้อของที่ระลึกก็คุ้มแล้ว ส่วนเรื่องของราคาบัตรที่ตอนนี้มีโปรโมชั่นต่าง ๆ มากมาย ทั่งบัตรเครดิต, ค่ายมือถือ ทำให้ค่าเข้าจริง ๆ เริ่มต้นที่ประมาณ 400 บาทเท่านั้น ได้เล่นเครื่องเล่นต่าง ๆ รวมเวลาประมาณ 1.5 – 2 ชั่วโมง ได้ถ่ายรูป และยังได้บัตร S.H.I.E.L.D Agent เป็นที่ละลึกอีก ระดับนี้คนชอบ Marvel ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
Marvel Experience Thailand เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 9 โมงเช้า – 3 ทุ่มโดยการแสดงจะแบ่งเป็นรอบต่าง ๆ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยระยะเวลารอจะอยู่ที่ประมาณครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมง ในแต่ละรอบการแสดง ซึ่งจะจัดเข้าไปเป็นกลุ่ม ๆ ขนาดไม่ใหญ่มาก ทีมงานดูแลได้ทั่วถึง
รายละเอียดเพิ่มเติม และโปรโมชั่น – themarvelexperiencethailand.com
The post พาชม Marvel Experience Thailand และช็อปของที่ระลึก ราคาดีงาม โปรเพียบ สาวกมาเวลไม่ควรพลาด appeared first on Macthai.com.
ใครๆ ก็เป็นบล็อกเกอร์ได้ในยุคดิจิทัลที่คนๆ หนึ่งสามารถสร้างคอนเทนต์ในแบบฉบับของตัวเองสื่อออกไปให้โลกรู้ แต่การเป็นบล็อกเกอร์ก็ไม่ได้ง่าย เพราะคอนเทนต์ต้องกระชับ มีพลัง ดึงดูด แต่มีคุณภาพและแสดงความรับผิดชอบต่อผู้อ่าน
และโอกาสดีที่เหล่าบล็อกเกอร์และคนทั่วไปจะได้แสดงฝีมือให้โลกเห็นมาถึงแล้ว โดยซีพีออลล์ ร่วมกับ สมาคมผู้ดูแลเว็บไทย (TWA) และ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (พีไอเอ็ม) จัดงาน “Thailand Best Blog Awards 2018 by CP ALL” (TBBA) ปีที่ 2 ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘บล็อกกาภิวัตน์…NOW or NEVER’ หรือ บล็อกกาภิวัฒน์ อย่าให้อนาคต Disrupt เรา
นายบัญญติ คำนูณวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ ระบุว่าช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคมที่ผ่านมาได้จัดงาน “Blogger’s Bootcamp by CP All” ปีที่ 2 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “บล็อกกาภิวัฒน์ อย่าให้อนาคต Disrupt เรา” ในรูปแบบการบรรยายแลกเปลี่ยนความรู้จากวิทยากร โดยมีเนื้อหาคลอบคลุม 3 หัวข้อ ได้แก่ Content Quality & Reach, Platform และ Data Analysis พร้อมเวิร์คช็อปลงมือปฏิบัติจริง ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากบล็อกเกอร์ทั่วประเทศสมัครเข้าร่วมกิจรรมจำนวนมาก
นายวโรรส โรจนะ นายกสมาคมผู้ดูแลเว็บไทย : คอนเทนต์นั้นเป็นปัจจัยสำคัญของคนออนไลน์ที่ใช้ในการหาข้อมูล เสพข่าวสารต่างๆ ซึ่งคุณภาพและประโยชน์ของเนื้อหาถือเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ผลิตคอนเทนต์ ต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก
รศ.ดร.จินตวีร์ เกษมศุข คณบดีคณะนิเทศศาสตร์ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (พีไอเอ็ม) : โลกดิจิทัลนั้นมีส่วนสำคัญในการใช้ชีวิตประจำวันของทุกคนมากขึ้น โดยเฉพาะเยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของชาติที่หากได้รับเนื้อหาที่ขาดคุณภาพหรือไม่เหมาะสม อาจจะส่งผลเสียงในอนาคตก็เป็นได้
งานนี้ต้องบอกว่าน่าสนใจมากๆ เพราะซีพีออลล์ ประสบความสำเร็จในการจัดโครงการประกวดหนังสือดีเด่นเซเว่น บุ๊ค อวอร์ดที่สร้างแรงบันดาลใจให้แก่นักเขียนไทยมานานกว่า 15 ปี และปีที่ผ่านมาก็ได้จัดโครงการ Blogger’s Society by CP ALL เพื่อให้ทันต่อยุคดิจิทัล และเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนและร่วมผลักดันเหล่าบล็อกเกอร์ออนไลน์ยุคใหม่ ให้ได้มีพื้นที่และเวทีของตัวเอง
รางวัล Thailand Best Blog Awards 2018 by CP ALL มี 8 รางวัล และ 2 รางวัลพิเศษ ครอบคลุมทั้งเชิงคุณภาพและไลฟ์สไตล์คือ
รางวัลพิเศษ
สำหรับบล็อกเกอร์ที่สนใจสามารถสมัครส่งผลงานเข้าประกวดได้ตั้งแต่ วันที่ 1 – 25 ตุลาคม 2561 ผ่านทาง http://go.eventpop.me/tbba2018 และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสาร ได้ที่ เว็บไซต์ https://tbba.in.th หรือ เฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/blogger.cpall/ โดยงานประกาศรางวัล Thailand Best Blog Awards 2018 by CP ALL บล็อกกาภิวัตน์ …NOW or NEVER’ จะจัดขึ้นในวันที่ 29 พฤศจิกายนนี้
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
หลังจากที่ Apple ได้ปล่อย iOS 12ให้กับผู้ใช้ทั่วไปอย่างเป็นทางการได้อัปเดตกันเมื่อวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา ได้มีบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลก็ได้เผยออกมาว่าอุปกรณ์ iOS ทั้งหมดได้อัปเกรดเป็น iOS 12 สูงถึง 46% โดยใช้เวลาเพียงแค่ 2 สัปดาห์เท่านั้น และตอนนี้เรามีข้อมูลล่าสุดที่น่าสนใจจาก Apple มาให้ได้ดูกัน
iOS 12 ได้ส่วนแบ่งไปกว่าครึ่งของผู้ใช้งานอุปกรณ์ iOS ทั้งหมดเว็บไซต์ Apple Developer ได้รายงานมาว่าในตอนนี้ผู้ใช้งาน iOS ทั้งหมดได้อัปเดทอุปกรณ์ iOS ของตัวเองเข้าสู่ iOS 12 ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วกว่า 50% โดยมี 39% ที่ยังคงใช้ iOS 11 และอีก 11% ที่ใช้รุ่นเก่ากว่านั้น
และถ้าเน้นลงไปที่อุปกรณ์ที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 2014 จะเห็นได้ว่าผู้ใช้งานก็อัปเดทเป็น iOS 12 มากคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 53% โดยยังมี iOS 11 ตามมาที่ 40% และเวอร์ชั่นเก่ากว่านั้นอีก 7%
สำหรับใครที่ยังไม่ได้อัปเกรด iOS 12 ทีมงาน MacThai แนะนำว่าควรอัปเกรดกันนะครับ เพราะนอกจากจะทำให้เครื่องรุ่นเก่าๆ เร็วขึ้นอย่างผิดหูผิดตาแล้ว ยังมีฟีเจอร์ใหม่มากมายอย่าง Screen Time, Siri Shortcuts, FaceTime Group และอื่น ๆ อีกด้วย
The post iOS 12 ได้ส่วนแบ่งไปกว่าครึ่งของผู้ใช้งานอุปกรณ์ iOS ทั้งหมด appeared first on Macthai.com.
สำหรับใครที่ชอบฟังเพลงก่อนนอนหรือตั้งเวลาลิมิตในการฟังเพลงแต่ละครั้ง มาชมวิธีตั้งเวลาเล่นเพลงในเพลย์ลิงต์ Apple Music อัตโนมัติ ด้วยแอปคำสั่งลัด (Shortcuts) ใน iOS 12 กันเลย
ปกติแล้ว การตั้งเวลาเล่นเพลงใน Apple Music เรามักจะใช้เทคนิคการเปิดนาฬิกานับถอยหลัง แล้วก็เปิดเพลงใน Apple Music ตาม แต่ถ้าจะดียิ่งว่าหากเราจะใช้แอปคำสั่งลัด (Shortcuts) ใน iOS 12 มาช่วยในการตั้งเวลาเล่นเพลงและให้เพลงหยุดอัตโนมัติตามเวลาที่กำหนด โดยที่เราออกคำสั่งเพียงคำสั่งเดียวง่ายๆ
อย่าลืม!! ดาวน์โหลดแอปคำสั่งลัด (Shortcuts) มาก่อนที่ แอปคำสั่งลัด (Shortcuts)
วิธีสร้างคำสั่งลัด (Shortcuts) การตั้งเวลาเล่นเพลงในเพลย์ลิสต์ที่กำหนดเริ่มต้นจากการสร้างคำสั่งลัดกันก่อนเลย แอดมินจะใช้คำสั่งสำเร็จรูปที่มีอยู่ในแกลอรี่ Shortcuts มาเพิ่มเติมคำสั่งการรับเพลย์ลิสต์ เพื่อให้การทำงานสมบูรณ์ขึ้น
ไปที่แอปคำสั่งลัด (Shortcuts) > ไปที่แท็บแกลเลอรี่ เลื่อนลงมาด้านล่างในส่วน สำรวจ Apple Music และปัดไปทางซ้าย แตะเลือก ตั้งเวลาเล่นเพลง > แตะเลือกรับคำสั่งลัด ระบบจะเพิ่มคำสั่งลัดนี้ไปไว้ในคลัง
จากนั้นกลับมาที่แท็บคลัง (แท็บแรก) > แตะไอคอน 3 จุดที่คำสั่งลัดตั้งเวลาเล่นเพลง > เราจะทำการเพิ่มคำสั่งรับเพลลิสต์เพลง โดยการปัดส่วนค้นหาคำสั่งขึ้น > ค้นหาคำว่า “เพลย์” > แตะเลือก รับเพลย์ลิสต์
เราก็จะได้คำสั่งรับเพลย์ลิสต์มาต่อในส่วนสุดท้าย ให้แตะค้างที่คำสั่งรับเพลย์ลิสต์และลากมาไว้ด้านบนคำสั่งเล่นเพลง > แตะเลือก และเลือกเพลย์ลิสต์ที่เราบันทึกไว้ใน Apple Music ได้เลย > ปรับแต่งการเล่นเพลงจะให้มีการเล่นแบบสุ่มและเล่นซ้ำหรือไม่ > จากนั้นก็แตะเสร็จสิ้น
เมื่อเราสร้างคำสั่งลัดการตั้งเวลาเล่นเพลงตามเพลย์ลิสต์แล้ว เรามาชมผลลัพธ์การใช้งานกัน
ไปที่หน้าวิตเจ็ต > แตะคำสั่งตั้งเวลาเล่นเพลง > กรอกจำนวนนาทีที่เราต้องการให้เพลงเล่น > แตะตกลง > เพลงในเพลย์ลิสต์ที่เราตั้งไว้ก็จะเล่นใน Apple Music ทันที เมื่อครบกำหนดเวลาเพลงก็จะหยุด
แต่สำหรับคนที่ชอบเปลี่ยนเพลย์ลิสต์ฟังเพลงบ่อยๆ แนะนำว่าให้ตั้งค่าให้เลือกเพลย์ลิสต์เอง เวลาที่เรารันคำสั่งลัด จะได้ไม่เบื่อ
แก้ไขคำสั่งลัดโดยไปที่แอปคำสั่งลัด (Shortcuts) > แตะไอคอน 3 จุดที่คำสั่งลัดตั้งเวลาเล่นเพลง > ในส่วนคำสั่งรับเพลย์ลิสต์ให้แตะชื่อเพลย์ลิสต์เพื่อเปลี่ยนใหม่ > เลือก ถามเมื่อเรียกใช้ > แตะ เสร็จสิ้น
เมื่อเราลองรันคำสั่งในหน้าวิตเจ็ต ก็ทำการกรอกตัวเลขจำนวนนาทีที่ต้องการเล่นเพลง จากนั้นระบบก็จะเด้งให้เราเลือกเพลย์ลิสต์ก่อน
เลือกเพลย์ลิสต์ใน Apple Music ที่ต้องการ จากนั้นแตะเสร็จสิ้น เพลงในเพลย์ลิสต์ที่เลือกก็จะเล่นทันที
สำหรับใครที่อยากจะสร้างไอคอนคำสั่งลัดไว้บนหน้า Home เพื่อให้การกดเข้าถึงคำสั่งทำได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องไปใช้ในหน้าวิตเจ็ต ก็สามารถตั้งค่าได้ดังนี้
แก้ไขคำสั่งลัดโดยไปที่แอปคำสั่งลัด (Shortcuts) > แตะไอคอน 3 จุดที่คำสั่งลัดตั้งเวลาเล่นเพลง > แตะไอคอนตั้งค่า มุมขวา > แตะไอคอน
เราสามารถปรับแต่งสีและรูปภาพของไอคอนได้ หรือจะเลือกเป็นรูปภาพที่ต้องการก็ได้ เช่น รูปภาพศิลปินประจำเพลย์ลิสต์ที่เราบันทึกไว้ในอัลบั้ม เมื่อตั้งค่าไอคอนเสร็จแล้วให้แตะ เสร็จสิ้น
จากนั้นก็ตั้งค่าให้ไอคอนแสดงบนหน้าจอ Home โดยแตะเลือก เพิ่มไปยังหน้าจอโฮม > แตะไอคอนแชร์ > เลือก เพิ่มไปยังหน้าจอโฮม
ตั้งชื่อคำสั่งลัดที่แสดงคู่กับไอคอน และแตะเพิ่ม > คำสั่งลัดจะถูกสร้างเป็นไอคอนบนหน้าจอโฮม ตามที่เราเลือกรูปภาพหรือปรับแต่งสีไอคอน
ส่วนใครที่อยากจะใช้คำสั่งลัดด้วยการสั่ง Siri ก็สามารถตั้งค่าได้ที่ แอปคำสั่งลัด (Shortcuts) > แตะไอคอน 3 จุดที่คำสั่งลัดตั้งเวลาเล่นเพลง > แตะไอคอนตั้งค่า มุมขวา > แตะเพิ่มไปยัง Siri
แตะปุ่มสีแดง > พูดคำสั่งสั้นๆ ที่ต้องการ > แตะ เสร็จสิ้น
เมื่อตั้งค่าคำสั่งลัด Siri เรียบร้อยแล้ว เราก็เรียก Siri ขึ้นมา และพูดคำสั่งที่เราสร้างขึ้นมา > รอสักครู่ Siri จะทำการค้นหาคำสั่งลัดของเราและรันคำสั่งให้เรากรอกจำนวนนาทีที่ต้องการฟังเพลง จากนั้นก็แตะ ตกลง
และนี่ก็เป็นวิธีการสร้างคำสั่งลัด (Shortcuts) สำหรับการตั้งเวลาเล่นเพลงในเพลย์ลิสต์ Apple Music ที่การสร้างคำสั่งอาจจะดูซับซ้อนยุ่งยากหน่อย แต่ผลลัพธ์ที่ได้ทำให้เราสะดวกมากขึ้นเลยทีเดียว สร้างคำสั่งครั้งเดียวแต่ใช้งานได้อีกนาน
ใครที่กำลังเริ่มต้นใช้งานคำสั่งลัด (Shortcut) อยู่ แนะนำว่าให้ลองเลือกจากแกลอรี่แล้วประยุกต์ใช้กันดูนะคะ หรือจะชมการสร้างคำสั่งลัดอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ คำสั่งลัด (Shortcut) ซึ่งทีมงานจะอัปเดตคำสั่งลัดที่น่าสนใจให้เรื่อยๆ นะคะ
ขอบคุณ idownloadblog
The post วิธีตั้งเวลาเล่นเพลงในเพลย์ลิสต์ Apple Music อัตโนมัติ ด้วยแอปคำสั่งลัด (Shortcuts) ใน iOS 12 appeared first on iPhoneMod.
เข้าใจว่าหลายคนเดินทางไปต่างประเทศหรืออาศัยอยู่ที่นั่นแล้วเกิดอยากได้ Apple Watch Series 4 รุ่น GPS+Cellular ที่สามารถใช้ e-SIM ได้ บางประเทศขายถูกกว่าที่ไทยเลยอยากจะซื้อมาใช้ และคำถามที่ถามเข้ามาหาทางทีมงานคือ ซื้อจากประเทศ XXX จะเอาไปใช้ที่ประเทศไทยได้หรือเปล่า
Apple Watch Series 4 รุ่น GPS+Cellular เครื่องหิ้ว ซื้อจากที่ไหนใช้ในไทยได้บ้าง?Apple Watch รุ่น Cellular นี้จะผลิตออกมา 2 กลุ่มประเทศหลักๆ ขึ้นอยู่กับสเปกของระบบเครือข่ายในพื้นที่นั้นๆ ดังนั้นเครื่องที่ขายในบางประเทศอาจจะไม่รองรับระบบ e-SIM ในอีกบางประเทศ ดังนั้นควรจะตรวจสอบข้อมูลให้ดีก่อนการซื้อ
ทีมงานให้คำแนะนำว่า “ให้ซื้อในจากประเทศที่อยู่ในกลุ่มเดียวกับไทยจะปลอดภัยในการใช้งานร่วมกับ e-SIM ของเครือข่ายในประเทศไทย” เพราะจะได้เครื่องโมเดลเดียวกัน จากนั้นจะสามารถใช้กับ e-SIM ในไทยจากค่าย TrueMove H, AIS และ dtac ได้นั่นเองครับ
สำหรับ Apple Watch Series 4 GPS+Cellular จะต้องใช้งานร่วมกับ iPhone 6 ขึ้นไปเท่านั้นนะครับ และค่าบริการรายเดือนของ e-SIM จะแยกต่างหากประมาณเดือนละ 199 บาท (อ้างอิงจากแพ็กเกจใน Apple Watch Series 3 GPS+Cellular) ทั้งนี้ทั้งนั้นให้เช็ครายละเอียดที่เครือข่ายผู้ให้บริการอีกครั้ง
ปล. Apple Watch ไม่มีการล็อคเครือข่ายดังนั้นเราสามารถสลับใช้งาน e-SIM ของเครือข่ายใดๆ ก็ได้ครับผม
เช็ค Model ของ Apple Watch ได้อย่างไร?ถอดสายนาฬิกาออกมาจากนั้นในร่องจะมีเลข Model เขียนกำกับอยู่ครับ หรือไม่ก็ดูจากกล่องของ Apple Watch ก็ได้เช่นกัน
อ้างอิงข้อมูลจาก Apple
The post Apple Watch Series 4 รุ่น GPS+Cellular เครื่องหิ้ว ซื้อจากที่ไหนใช้ในไทยได้บ้าง? appeared first on iPhoneMod.
ประเทศไทยเราเคยพยายามที่จะสร้างศูนย์รวมนวัตกรรม หรือรวมบริษัทไอทีมาหลายยุค แต่ก็ยังไม่ได้มีจุดศูนย์รวมที่เป็นสถานที่ให้หลายฝ่ายได้มามีส่วนร่วมกันเสียที
ล่าสุดได้มีการเปิดตัว Bangkok Cybertech District ว่า การสนับสนุนนวัตกรรมและประเทศไทยให้ก้าวเข้าสู่ยุค 4.0 อย่างแท้จริงนั้น จะต้องเริ่มต้นตั้งแต่อีโคซิสเต็มพื้นฐานอย่างการสร้างศูนย์รวมทางด้านนวัตกรรม
โดยจะมีการดึงพาร์ทเนอร์รายใหญ่อย่าง Google เข้ามาถ่ายทอดความรู้ ไม่ใช่เรียนรู้เอาเอง ครั้งนี้ถือว่าเป็น Game Changer หรือ ตัวเปลี่ยนเกมประเทศไทย ที่ไม่ใช่แค่การแข่งขันกันออก Product แต่เป็นการวางรากฐานให้ประเทศในการปลุกปั้นสตาร์ทอัพไทยให้เติบโตระดับโลก
True Digital Park แห่งนี้ จะมีอีโคซิสเต็มส์ที่เอื้อประโยชน์การใช้ชีวิตแบบ Smart ทั้ง Smart Retail, Smart Digital, Smart People และ Smart Security ข่าวดี คือ จะเริ่มเปิดให้ไปสัมผัสประสบการณ์ชีวิตแบบดิจิทัลในช่วงปลายปีนี้ ในส่วนของ Co-Working Space และ Community ต่างๆ คาดว่าจะมีผู้เข้ามาใช้งานไม่น้อยกว่าหลักหมื่นคนต่อวัน ส่วนออฟฟิศบริษัทชั้นนำ คาดว่าจะเปิดเข้ามานั่งทำงานอย่างเป็นทางการในปี 2019
นอกจากนี้ สนช.ได้เข้ามาตั้งศูนย์บริการ Startup Thailand Center ซึ่งมีพื้นที่กว่า 200 ตร.ม. ไว้ให้บริการแก่ผู้ประกอบการสตาร์ตอัพทั้งชาวไทยและต่างประเทศได้จัดตั้งบริษัทในไทยอย่างสะดวก รวดเร็ว ภายในศูนย์ฯ มีพื้นที่ co-working space, event space และ private office พร้อมทั้งแพลตฟอร์มสำหรับเหล่าสตาร์ตอัพ เช่น การปลูกฝัง บ่มเพาะบุคลากรผู้มีความสามารถและความเชี่ยวชาญพิเศษ (Cultivate Talents)
การต่อยอดธุรกิจนวัตกรรมระหว่างสตาร์ตอัพและบริษัทชั้นนำ (Integrate Old and New Economy) การขับเคลื่อนการพัฒนาในอุตสาหกรรมเป้าหมาย (Drive Industry Development) การแลกเปลี่ยนสตาร์ตอัพระหว่างประเทศ เป็นต้น คาดว่าภายใน 3 ปี จะมี Global Startup เกิดขึ้นภายในย่านฯ ไม่ต่ำกว่า 100 ราย ก่อให้เกิดรายได้ประมาณ 3,500 ล้านบาท เชื่อมั่นได้ว่า Bangkok CyberTech District จะสามารถสร้างคุณค่า แหล่งงาน และเงินทุน สร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมให้กับประเทศไทยอย่างมหาศาล”
The post เปิดตัว Bangkok Cybertech District ศูนย์กลางนวัตกรรมที่ True Digital Park จับมือบริษัทไอทีรายใหญ่เพียบ !! appeared first on Macthai.com.