ผู้อ่าน Blognone ส่วนมากคงใช้ธนาคารผ่านออนไลน์เป็นหลักมากกว่าการถือสมุดบัญชีไปยังธนาคารกันเป็นปกติ แต่สำหรับ [ME by TMB](https://www.mebytmb.com/) เป็น Electronic Banking ที่พิเศษกว่าบริการอื่นๆ ที่เคยมีมาก่อนหน้านี้ เพราะความคิดที่จะให้จัดการบัญชีอยู่บนระบบออนไลน์ทั้งหมด ลดต้นทุนที่ไม่ได้ประโยชน์โดยตรงต่อลูกค้า อย่างการตั้งสาขา และจำนวนพนักงานให้บริการ ทำให้สามารถนำต้นทุนเหล่านั้นมาจ่ายเป็นดอกเบี้ยต่อลูกค้าโดยตรง
ME by TMB เป็น Electronic Banking ที่เน้นการทำธุรกรรมผ่านออนไลน์ทั้งหมด มีเพียงกรณีเดียวเท่านั้นที่เราต้องติดต่อธนาคาร คือการนำเอกสารไปเพื่อยืนยันตนที่ ME Place ในครั้งแรกเท่านั้น สำหรับที่ตั้งของ ME Place สามารถดูเพิ่มเติมได้[ที่นี่](https://www.mebytmb.com/whatisme/contactus/melounge.html) หลังจากนั้นการฝาก - ถอนเงินก็สามารถทำผ่านทางเว็บได้ทั้งหมด หรือจะติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมก็มีช่องทางหลากหลายเช่น Call Center 0 2502 0000 หรือจะถามผ่านทาง Web Chat ก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยทั้ง 2 ช่องทางนี้พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
![](https://lh6.googleusercontent.com/-UenDBiCTNOY/UIFjBmb4MsI/AAAAAAAAfwM/zEtcty6PZn4/w640/know-me-baner.png)
การนำเงินเข้าออกจากบัญชี ME by TMB นั้นจะสามารถนำเข้าออกผ่านบัญชีของเราเองเท่านั้น โดยเมื่อเรายื่นเอกสารเปิดบัญชีครั้งแรก เราต้องนำสมุดบัญชีไปยื่นแสดงหลักฐานที่ ME Place เพื่อยืนยันว่าบัญชีนี้เป็นของเราจริง โดยสามารถผูกบัญชีได้สูงสุด 3 บัญชี และหากเปลี่ยนแปลงต้องไปยืนยันซ้ำที่ ME Place เพื่อป้องกันแฮกเกอร์หรือคนร้ายนำเงินออกไปจากบัญชีของเรา
การนำเงินเข้ายังบัญชี ME by TMB จะต้องอาศัยการโอนจากบัญชีธนาคารใดก็ได้ หรือจากบัญชีผู้อื่นก็ได้ หากการโอนจากธนาคารอื่นมีค่าใช้จ่ายและแพงเกินไป ก็ยังสามารถฝากผ่านตู้ ADM ของธนาคารทหารไทยได้ แต่ในการถอนนั้น ผู้ใช้งานสามารถถอนผ่านการโอนเงินได้ทุกวัน โดยโอนเข้าไปยังบัญชีธนาคารทหารไทยของตัวเองโดยไม่เสียค่าธรรมเนียม และแม้ว่าจะโอนไปยังบัญชีตัวเองต่างธนาคาร ก็ยังทำได้ฟรีสองครั้งต่อเดือน โดยเลือกรายการ “การโอนในวันถัดไป”
ด้วยดอกเบี้ยที่สูงกว่าธนาคารปกติถึง 4 เท่าตัว (4 เท่าเทียบกับอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 0.75% ของเงินฝากประเภทออมทรัพย์ทั่วไปในตลาด ณ วันที่ 5 ตุลาคม 2555 อัตราดอกเบี้ยเท่ากับ 3% ต่อปี เงื่อนไขเป็นไปตามประกาศธนาคารฯ) ภายใต้อัตราเงินฝากปัจจุบัน หากมีเงินฝากสักหนึ่งแสนบาทก็สร้างดอกเบี้ยได้มากกว่าการฝากออมทรัพย์กว่าสองพันบาท ทำให้บริการนี้เหมาะจะใช้แทนที่บริการฝากประจำสำหรับคนที่ถือเงินสดไว้และยังไม่ต้องการนำไปลงทุนที่อื่น ความได้เปรียบเหนือการฝากประจำอยู่ที่การฝากถอนที่ทำได้ตลอดเวลา ดอกเบี้ยที่คิดให้ทุกวันแม้มีการเคลื่อนไหวบัญชีบ่อยๆ และการโอนที่ฟรีสองเดือนต่อครั้งสำหรับทุกๆ ธนาคาร ยิ่งถ้ามีบัญชีของธนาคารทหารไทยอยู่ยิ่งสามารถโอนได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง การโอนเงินเข้าออกเช่นนี้ไม่มีขั้นต่ำในการรักษาสภาพของบัญชีแต่อย่างใด หากเราต้องการใช้เงินก็สามารถโอนออกได้จนหมด แล้วจึงโอนเงินเข้าอีกครั้งเมื่อมีเงินเก็บได้
สำหรับความปลอดภัย ระดับพื้นฐานที่สุด ME by TMB ให้บริการผ่านเว็บเข้ารหัสด้วย SSL ทั้งหมด ไม่ว่าเราจะล็อกอินอยู่หรือไม่ นับว่าใส่ใจต่อความปลอดภัยเบื้องต้นเป็นอย่างดี ตัวเว็บสำหรับให้บริการข้อมูล (www.mebytmb.com) แยกออกจากตัวเว็บที่ใช้ทำธุรกรรม (secure.mebytmb.com) การตั้งรหัสผ่านนั้นกำหนดไว้ขั้นต่ำถึง 10 ตัวอักษร เพื่อความปลอดภัยของตัวผู้ใช้เอง และการเปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมด ก็ต้องยืนยันผ่านรหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียว (One Time Password - OTP) ก่อนเสมอ ก่อนจะเปลี่ยนแปลงข้อมูลใดๆ ด้วยระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด จึงมั่นใจได้ถึงความปลอดภัยของบัญชี
เนื่องจาก ME by TMB ถูกออกแบบให้เป็นที่เก็บเงินของเราและใช้การจัดการออนไลน์ การโอนเงินออกนั้นจะต้องเป็นบัญชีชื่อของเราเองเท่านั้น กระบวนการแบบนี้ทำให้ความเสี่ยงที่ด้านความปลอดภัยลดลงมาก หากเจอมัลแวร์ที่พยายามโอนเงินออกไปเช่นธนาคารอื่นๆ ก็จะโอนได้แค่บัญชีของเราเองเท่านั้น การจะเจาะให้โอนเงินออกไปจากบัญชีของเราได้จึงต้องโอนถึงสองชั้น
ดอกเบี้ยที่สูง การใช้งานที่ไม่มีขั้นต่ำ ทำให้เราน่าจะลองใช้งาน [ME by TMB](https://www.mebytmb.com/) เป็นอีกทางเลือกในการออมเงินกันครับ
Comments
เราต้องน้ำสมุดบัญชี => เราต้องนำสมุดบัญชี
เงิบ => เงิน
เงิบถูกแล้วครับ
= ="
ผมจะทำแล้วครับ แต่ไม่สะดวกไปที่ ME Place ให้ทำที่ TMB ไม่ได้เหรอครับ
คุ้นๆ ว่าฝากสาขาของ TMB ส่งเอกสารให้ได้นะครับ แต่นานหน่อย
ผมก็เคยสมัครไว้จนทางธนาคารโทรให้ไปติดต่อที่ ME แต่ไม่สะดวกไป
ผมฝากตังกองไว้ในนั้น รหัสลืมไปเรียบร้อย บังคับตั้งยาวไปนะ - -
May the Force Close be with you. || @nuttyi
ผมก็เคยจะทำครับ แต่ติดที่ไม่สะดวกไป ME Place เพราะคิดดูแล้วจากเงินที่ผมจะฝาก หักลบค่าน้ำมันแล้วกว่าจะได้ค่าน้ำมันคืน หลายเดือนเลย
จังหวัดเลย ไม่มีตู้ ADM ของ TMB
ทำไมหลาย ๆ คน คิดว่าการเก็บเงินในบัญชีออมทรัพย์ธรรมดา ถึงจะได้เงินดอกเยอะครับ ?
ถึงจะเป็น ME ก็เหอะ ก็เป็นเงินฝากธรรมดา
ผมว่าคนที่ทำธุรกรรมการเงินบน internet อยู่แล้ว
ควรจะผูกบัญชีเงินฝากของตัวเอง กับ บัญชีกองทุน
แล้วเอาเงินไปเก็บใน กองทุน Money Market หรือว่า กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น จะดีกว่า
เสนอเป็นทางเลือกครับ
ยังเก็บเงินในออมทรัพย์อยู่อีกหรือ ?
โดยผกติคงต้องบัญชีออมทรัพย์คู่กับบัญชีอื่นๆเพื่อการลงทุนอยู่แล้วแหละครับ
เพราะงั้นถ้าออมทรัพย์มันได้ดอกเบี้ยสูงขึ้นก็น่าลองออกนะฮะ :D
ติดอยู่ประโยคเดียวครับ "การลงทุนมีความเสี่ยง"
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
ความเสี่ยงคือการที่ได้ผลตอบแทนมากกว่า หรือน้อยกว่า ที่ระบุเอาไว้ โดยการฝากเงิน คือการลงทุนประเภทหนึ่ง ซึ่งธนาคารรับประกันผลตอบแทนครับ จริงๆ การฝากเงินก็มีความเสี่ยง แต่ก็อยู่ในกลุ่มการลงทุน ที่มีความเสี่ยงต่ำ เกิดธนาคารเจ็ง ขึ้นมาไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยได้ ก็ถือเป็นความเสี่ยงเหมือนกัน
ตามความเข้าใจของผม เรียงลำดับความเสี่ยงการลงทุนดังนี้
การฝากเงิน > การลงทุนในตราสารหนี้ (เช่นพันธบัตร) ภาครัฐ > การลงทุนในตราสารหนี้ (เช่นหุ้นกู้) ภาคเอกชน > การลงทุนในสินค้าโภคภันฑ์ ทอง น้ำมัน ฯลฯ (ในกลุ่มนี้แต่ละประเภทมีความเสี่ยง ไม่เท่ากัน)> การลงทุนในตราสารแห่งทุน (หุ้น) > การลงทุนในตราสารที่อ้างอิงกับตราสารในอนาคต เช่น พวก อนุพันธ์ (ฟิวเจอร์) > การลงทุนในต่างประเทศ
ถ้ามองความเสี่ยงเป็นแบบนั้นทุกอย่างก็เสี่ยงไปหมดแหละครับ ผมไม่ได้ไม่เห็นด้วยนะ แต่รู้สึกว่ามันสุดโต่งไปหน่อย คือถ้าความเสี่ยงมันน้อยมาก (ธนาคารเจ๊ง) ก็ถือเสียว่าไม่มีความเสี่ยงไปเลยดีกว่า อย่างน้อยก็ในความรู้สึกของคนทั่ว ๆ ไป เขาจะรู้สึกว่าการฝากเงินไว้กับธนาคารมันต้องได้ดอกเบี้ยแน่ ๆ
และถ้าเข้าไปอ่านบทความตามลิงค์ข้างล่าง จะเห็นว่ามีวิธีพิจารณาซื้อกองทุนอยู่ 3-4 ข้อ การที่เราต้องพิจารณาอะไรซักอย่าง (ที่มีผลกระทบโดยตรงต่อผลตอบแทน) นั่นแปลว่ามีความเสี่ยงแล้วล่ะครับ ชาวบ้านตาสีตาสาทั่วไปคงไม่มีใครอยากจะศึกษามากขนาดนั้น อย่างมากเขาก็แค่ดูว่าธนาคารไหนให้ดอกเบี้ยมากกว่า (เผลอ ๆ ไม่ดูด้วย เพราะดอกแต่ละธนาคารมันไม่ได้ต่างกันมาก) ใกล้บ้านกว่า ตู้ ATM มีให้กดใกล้มากกว่า
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
การฝากเงิน ก็คือ การเอาเงินไปฝาก ... ก็คือไปเอาคืนได้โดยที่มันไม่หายไปไหน ในความเป็นจริงก็อาจจะไม่จริงซะทีเดียว เพราะว่าปัจจุบันเรามีการประกันเงินฝากแค่วงเงินต่ำกว่า...ไม่กี่ล้าน (ลืมแล้วว่าเท่าไหร่) เท่านั้นเอง การฝากเงินไม่ใช่การลงทุน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการเพิ่มเงินที่ฝาก แค่ว่าธนาคารใช้ดอกเบี้ยเป็นแรงจูงใจให้คนเอาเงินไปฝาก เหมือนเป็นการตอบแทนที่เอาเงินไปกองไว้กับเขา (ซึ่งเขาก็จะเอาเงินเราไปหมุนทำอะไรสักอย่างเหมือนกัน แต่ว่า เราจะเห็นแค่ว่าเงินเรามีอยู่ไม่หายไปไหน และถ้าเขาทำกำไรได้จากเงินของเราเขาก็จะไม่เอามาจ่ายเรา)
การลงทุน ก็คือ การเอาเงินไปให้คนอื่นใช้ เมื่อใช้แล้วได้กำไรเท่าไหร่ก็เอามาคืน ไม่ว่าจะเป็นหุ้น หรือกองทุนก็เหมือนกัน มันมีโอกาสที่เงินที่เราลงทุนไปตอนแรกจะสูญ และก็เป็นไปได้ที่ว่าเงินมันจะเพิ่มขึ้นจากการลงทุน อันนี้คือความเสี่ยงของการลงทุน
การลงทุนกับกองทุนเป็นการกระจาย/ลดความเสี่ยงอย่างหนึ่งโดยการเลือกให้คนที่มีประสพการณ์และมีความรู้ความสามารถในการลงทุนเป็นคนเลือกที่จะเอาเงินของเราไปกระจายเงินลงสู่แหล่งลงทุนหลาย ๆ แหล่ง อาจจะเป็นหุ้น ตราสารหนี้ และอื่น ๆ แต่มันไม่ได้หมายความว่าเงินเราจะมีแต่เพิ่ม ๆๆ อย่างเดียว สมมติว่ามีกองทุน A ดันเอาเงินเราไปลงทุนหุ้นของ Facebook ที่เปิดที่ $45 แล้วผ่านไปเดือนนึงหุ้นก็ร่วงๆๆๆ เหลือแค่ $19.50 (ราคาวันนี้เลยมั้ง ไม่แน่ใจ) ก็เท่ากับว่าเงินเราก็สูญไปกับส่วนของ FB อย่างเดียวประมาณ 50% เมื่อกระจายๆ กันแล้วก็ลดไปประมาณ 5% ได้ กองทุนนึงลงทุนกับหุ้นหลาย ๆ ตัวอยู่แล้ว แต่เงินฝากไม่มีการลดลงในจุดนี้
การเล่นกองทุนจริง ๆ ถ้าเล่นระยะยาว จะซื้อลืมก็ได้ (แต่ถ้าถอนออกมาบ่อย ๆ ก็จะโดนชาร์จเยอะ โดยเฉพาะพวก backend-load fund) หรือถ้าเล่นระยะสั้นก็อาจจะได้ผลตอบแทนดีกว่า แต่เราก็ต้องตามสถานการณ์วันต่อวัน ต่างกับพวกหุ้นที่ต้องตามรายชม. เพราะราคากองทุนจะอัพเดตทุกสิ้นวัน เงินฝากไม่ต้องมาตามอะไรเลย ไม่ต้องกังวลว่าราคาหน่วยจะขึ้นหรือลด เพราะมันไม่มี กังวลแค่จุดเดียวคือแบงค์ล้มละลาย ซึ่งก็มีการประกันเงินฝากมาคุ้มครองอีกต่ออีก (แต่อาจจะถอนเงินยากหน่อย แค่ไม่สูญแน่ ๆ) ความต่างอีกอย่างก็คือในขณะที่เงินฝากสามารถถอนได้ตลอดเวลา กองทุนจะต้องรอหนึ่งวันหลังจากขายก่อนที่จะได้เงิน เพราะว่าราคาจะออกตอนสิ้นวัน
ผมคิดว่า กองทุนควรเป็นเงินกองที่สอง นับจากเงินฝาก คือ เป็นเงินที่สามารถจ่ายได้ไม่มากังวลมากว่าวันนี้จะมีเงินเหลือกินหรือเปล่า ในความเป็นจริงกองทุนมีความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้นมาก เพราะว่ามีการกระจายความเสี่ยง (ดูกรณี FB ข้างบนก็ได้ ถ้าเอาเงินทั้งหมดไปลงกับ FB ตัวเดียวนี่เงินหายไปกว่าครึ่งเลย) และคนที่เอาเงินไปลงทุน (หรือผู้จัดการกองทุน) เป็นนักลงทุนกลุ่มสถาบันที่มีความรู้ความสามารถมากกว่าตาสีตาสาพนักงานบริษัททั่วไป และทำงานตรงนี้เป็นอาชีพ (ในขณะที่ถ้าเราลงไปลงทุนจริงจังกับหุ้นเองอาจจะถูกไล่ออกได้ง่าย ๆ เพราะหุ้นต้องตามข่าวรายชม. งานการไม่ต้องทำพอดี) ดังนั้นเราอาจจะลงทุนตรงนี้ได้ค่อนข้างสบายใจ แต่ถ้าชะล่าใจไปหรือไม่ระวังเงินที่ลงไปก็อาจจะสูญได้ (นึกสถาพตอนเราซื้อตอนกองทุนมัน peak แล้วก็ร่วงเอา ๆ กลายเป็นเด็กดอย ...)
ผมพอมีความรู้บ้างเพราะว่างานที่ทำตอนนี้เป็นระบบ Mutual Fund ของต่างประเทศ (Canada, Europe) น่ะครับ แต่ถามว่ารู้ลึกแค่ไหนก็ไม่ลึกหรอก เพราะไม่ได้ลงทุนเอง (ถ้าไม่นับ Provident Fund นะ) ปีหน้าผมมีแผนจะเริ่มลงทุนตรงนี้บ้างเหมือนกัน แต่คงต้องรอกลับไทยก่อน
ปล. พี่สาวผม (ซึ่งพอดีเป็น broker ทำงานกับพวกซื้อขายเงินตราต่างประเทศในแบงค์) เคยพูดบอกผมว่าอย่าไปเล่นหุ้นตราบใดที่ไม่มีเวลาติดตามข่าวสารเป็นรายนาทีได้ ไม่งั้นก็เงินสูญหมด เขาบอกว่าเขาตลกทุกครั้งที่เห็นคนพูดเรื่องหุ้นเหมือนตาแก่คุยกันโล้งเล้ง ๆ ในโรงน้ำชา ผมว่ามันก็เหมือนจริง ๆ น่ะล่ะ เห็นเพื่อนๆ ผมคุยกันในที่ทำงานผมยังตลกเลย (มีคนที่เล่นเก่งจริง ๆ จัง ๆ คนนึง ในขณะที่คนกลุ่มใหญ่เจ๊งเอา ๆ) อ้อ อาเจ๊ผมเคยทำยอดสูงสุดในตลาดหุ้นจำลองตอนเขาเรียนอยู่ต่างประเทศด้วยนะ!
หุ้นไม่ให้การเล่นนะครับ คนไทยเจ๊งกันเพราะไปเล่นกันซะมาก
เช้าซื้อเย็นขาย วิ่งหาข่าวลือกันทั้งวัน ตัวไหนจะปั่น ตัวไหนจะขึ้น
หุ้นในตลาดมี 500 กว่าตัว
หุ้นดี ๆ ก็มีมากครับ ถ้าลงทุนในระยะยาว นี่พูดถึงระดับ 5 - 10 ปีขึ้น
ยังไงก็ชนะทุกการลงทุนที่มี
ประเทศไทยมีการออมที่สูงเกินไปแล้วครับ
แต่มีการลงทุนที่ต่ำมาก
ทำให้ประเทศไม่เติบโตไปไหน ฝากแต่ธนาคาร แล้วก็ให้เงินเฟ้อกินหมด
เงินฝากดอกเบี้ย 3% เงินเฟ้อ 3.5 - 4 แล้วมันจะอยู่ได้ยังไงครับ
ยังอยากให้คนไทย หาความรู้ในการลงทุน
น่าสนใจครับ ผมไม่ได้มีความรู้ทางนี้ซักเท่าไหร่ เคยมีคนบอกผมว่า "การลงทุนในตลาดหุ้นมันไม่ทำให้ประเทศเจริญอย่างแท้จริง" เสียดายไม่มีเวลาคุยมากนักผมเลยไม่ได้ถามรายละเอียด และผมก็ไม่รู้ว่าเขาคนนั้นรู้ลึกแค่ไหน
แต่คุณบอกตรงกันข้ามเลย ผมเลยสนใจขึ้นมาแล้วครับ
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
การลงทุนในตลาดหุ้นไม่ทำให้ประเทศเจริญ แล้วทำไมประเทศที่เจริญ ๆ
แล้ว เค้าถึงลงทุนในตลาดหุ้นกันครับ ต้องคิดข้อนี้ก่อนนะผมว่า
ประเทศทุกประเทศก็ต้องการผลักดันให้ตัวเองมีตลาดหุ้นกันทั้งนั้น
เพราะจะได้ระดมทุน เราไปลงทุนกันได้
ไม่งั้นบริษัททั้งหลายก็ต้องกู้เงินจากธนาคารอย่างเดียว
ตลาดหุ้นเป็นแหล่งระดมทุนครับ ยิ่งมีแหล่งระดมทุนที่มีประสิทธิภาพ
บริษัทก็จะเติบโตได้ง่าย และผู้ถือหุ้นก็มีกำไร
ล้วนแต่ไปผลักดัน Real Sector ให้เจริญทั้งนั้น
ปล. ความเห็นผมอาจจะเอียงนะครับ ผมทำงานในตลาดเงิน ตลาดทุน
ไม่ใช่ทุกคนที่อยากลงทุนครับ เขาชอบความแน่นอนของการฝากออมทรัพย์มากกว่าถึงจะได้ไม่มากเท่าการลุงทุน แต่มันก็ไม่เสี่ยง ไม่ยุ่งยาก ฝากก็ฝาก ถอนก็ถอน รอดอกเบี้ยออก จบ
แสดงว่ายังไม่รู้จัก money market จริงครับ
เพราะมันไม่เสียง ไม่ยุ่งยาก ฝากก็ฝาก ถอนก็ถอน รอดอกเบี้ย
แถม กฎระเบียบไม่ยุ่งยากแบบ ME ด้วย
น่าสนใจครับ ไม่เสี่ยงด้วย ช่วยอธิบายเพิ่มเติมหน่อยครับ ผมไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้
คร่าว ๆ ตามนี้ครับ
http://guru.sanook.com/pedia/topic/Money_Market_Fund_%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%88/
ไม่เสี่ยง กับ ความเสี่ยงต่ำ มันต่างกันนะครับ
"ป้องกันการโอนเงินออกจาก ม้ลแวร์" ถ้ามัลแวร์ มาเอารหัสการโอนจาก sms บนมือถือได้อีกก็ ok นอกจากจะทำบนมือถือทั้งหมดก็ไม่แน่ :)
เสียอย่างนึง เว็บที่เกี่ยวกับการเงินการธนาคารแบบนี้ น่าจะใช้ SSL แบบ EV ไม่ต้องใช้ของ VeriSign ก็ได้ ใช้ของ COMODO ก็ยังดี พอเห็นสีเขียวๆ แล้วมันรู้สึกดี
เห็นด้วย ไม่มีความเสี่ยง กับ ความเสี่ยงต่ำ มันต่างกันนะ ความเสี่ยงต่ำแสดงว่าก็ยังมีความเสี่ยงอยู่ดี เพราะฉะนั้น ME ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะกับคนไม่ชอบเสี่ยง แต่ให้ผลตอบแทนดีกว่าฝากออมทรัพย์ทั่วไปที่ดอกน้อยม๊ากกก หรือฝากประจำที่ตอนนี้ก็เตรียมลดดอกกันอีกแล้ว
อืม ... น่าจะมีแอพสำหรับอุปกรณ์พกพานะครับ มันจะเป็นแรงจูงใจเพิ่มอีกระดับนึงเลยทีเดียว
ตอนต้นปียังเป็น 3.5% อยู่เลย กลางปีปุ๊บเหลือ 3% ซะงั้น : การลงทุนมีความเสี่ยง
ดอกเบี้ยกำลังจะลงอีกครับ คาดว่าจะลงได้อีก 0.25 - 0.5
ยิ่งดอกลง ตลาดหุ้นยิ่งขึ้น
ถ้าพูดถึงเรื่องลงทุน ส่วนใหญ่ก็จะลงทุนกันในช่วงวันที่ 1 และ 16 ของแต่ละเดือนครับ
ให้ผลตอบแทนดีกว่าการลงทุนประเภทอื่นๆ ที่ทุกท่านกล่าวมา แต่ความเสี่ยงก็มีนะ แถวบ้านเรียก "หวย" แต่บางท่านอาจเรียก "ฉลากกินแบ่งรัฐบาล" ก็เป็นได้..
ฉลาก > สลาก
มันสะดวก ตรงไหน โอนไปได้แค่ บัญชีตนเอง ใน TMB เออ
บัญชีต่างธนาคารได้ครับ (อ้างอิง)
ผมว่าเป็น MMF ที่ดีที่สุดในตลาดการเงินตอนนี้เลยนะครับ