Time Warner Cable ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านระบบเคเบิ้ลในสหรัฐอเมริกา เริ่มทดลองคิดค่าบริการอินเทอร์เน็ตตามจำนวนไบต์ที่ลูกค้าใช้งาน (ข่าวเก่า) ด้วยเหตุผลที่ว่าบริษัทต้องลงทุนในเครือข่ายที่มีราคาแพง และเพื่อป้องกันลูกค้าที่ดาวน์โหลดหรืออัพโหลดข้อมูลมากเกินไป ซึ่งจะกระทบต่อความเร็วของลูกค้าคนอื่น
อย่างไรก็ดี มีการตั้งข้อสังเกตว่า แบนด์วิดท์ของระบบเคเบิ้ลอินเทอร์เน็ตนั้นสามารถอัพเกรดได้ง่ายและใช้เงินลงทุนไม่มาก ดังนั้นเหตุผลที่ Time Warner Cable ยกมา อาจเป็นเพียงข้ออ้างเพื่อที่จะปรับโครงสร้างอัตราค่าบริการให้แพงขึ้น
Time Warner Cable ได้เริ่มทดลองโครงสร้างราคาใหม่นี้ที่รัฐเท็กซัส โดยอัตราจะเริ่มตั้งแต่ 5 GB ต่อเดือนคิดค่าบริการเดือนละ 30 เหรียญสหรัฐ และไปสูงสุดที่ 40 GB ต่อเดือนคิดค่าบริการเดือนละ 55 เหรียญสหรัฐ ซึ่งหากคิดเป็นราคาต่อ GB แล้ว นับว่าแพงมาก นั่นคือสูงถึง 6 เหรียญสหรัฐต่อ GB ทั้งนี้มีการประมาณว่า ปัจจุบันลูกค้าส่วนใหญ่มีปริมาณการใช้งาน 2 ถึง 6 GB ต่อเดือน
น่าคิดว่า หากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในไทยเปลี่ยนมาคิดแบบนี้บ้าง จะเป็นอย่างไร
ที่มา - Ars Technica
Comments
ถ้าผู้ให้บริการเปลี่ยนมาให้บริการแบบนี้ในเมืองไทย ผมจะเลิกใช้ทันที
ทีม Firefox ของอินโดนีเซียเล่าให้ผมฟังว่า ที่อินโดคิดแบบนี้มานานแล้ว นั่นเป็นเหตุให้ Firefox ได้รับความนิยมสูงมาก (เพราะ AdBlock Plus)
ที่ออสเตรเลียเป็นแบบนี้ตลอดเวลา เซ็งมาก มหาลัยให้ใช้วันละ 50MB หอพักให้สัปดาห์ละ 200MB แต่ยังมีช่องโหว่ที่เด็กหอทำให้ระบบมหาลัยไม่นับ MB ที่ใช้ :P
ตอนแรกก็นึกว่าออสเตรเลียแพงแล้ว (3 ดอลต่อ 1GB) นี่แพงกว่าอีก - -''
@TonsTweetings
ผมก็จะเลิกใช้เช่นกันครับ รับไม่ได้ (เดือนนึงใช้ประมาณ 15GB นี่คิดว่าใช้น้อยแล้วนะ)
แต่คิดว่าผู้ให้บริการที่ประเทศไทยคงไม่กล้าทำอะไรแหวกแนว ขนาดสายการบินนึงคิดค่าโหลดกระเป๋ายังโดนด่าตรึมเลย
ถ้า ISP เมืองไทยคิดค่าบริการแบบนั้นจริงๆ คงจะต้องเปิด AdBlock Plus ใช้งานเต็มๆ แน่เลยครับ
my blog
คิดว่ากิจการบิตทอร์เรนท์จะถึงกาลอวสาน
และผมคงเดือดร้อน บิตเดือนละไม่ต่ำกว่า 50GB (โหลดอะไรมากมาย?)
อาจจะเป็นผลดีต่อการแก้ปัญหาละเมิดลิขสิทธิ์?
เพราะซื้อของแท้อาจจะถูกกว่าจ่ายค่า download charge
การละเมิดลิขสิทธิ์มาใด้หลายทางนะครับ บ้านเราก็ที่เห็นๆกันอยู่ก็พันtip
... ทีนี้ลองคิดว่า cd mp3 เข้ามาแทน iTune หรือ dvd mkv movie เข้ามาแทน netflix ที่นั้นหละครับ
^^
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
bbs จะกลับมา ฮ่าๆ
ขอแบบบน DOS เลยนะ งดกราฟิค งดลายเซ็นต์เป็นรูป ประหยัดเห็นๆ
เดี๋ยวราคาจะลดลงครับ ผมว่า ... แต่ยังไงก็จะสูงเป็นขั้นๆครับ เช่นว่า
โหลดสุดๆ จ่ายเยอะกว่าปกติหน่อย
โหลดเยอะ จ่ายมากกว่านิดนึง
โหลดปานกลาง จ่ายถูก
โหลดน้อย เช็คเมล์อย่างเดียว ... จ่ายถูกเวอร์ๆเลย
ขอบคุณครับ สวัสดีครับ
:: Take minimum, Give Maximum ::
อาจจะเกิดบริการแบบ Opera Turbo แต่บีบเยอะกว่า
_________________pawinpawin | blog
ถ้าจำกัดปริมาณข้อมูลแบบนี้แล้วจะมี Internet Broadband ไปทำไมละครับ
เหมือนกับว่ามีถนนกว้าง 10 เลน แต่มีบังคับว่าห้ามขับรถมากเกินไป ไม่งั้นรถจะเต็มถนน -*-
ผมไม่ใช่สายโหลด วันๆก็แค่อ่านข่าว เล่น twitter + im นิดหน่อย
ถ้าคำนวณแล้วคุ้มกว่าผมก็คงเปลี่ยนไปใช้นะ
ผมว่าคิดแบบนี้ลูกค้าส่วนมากได้ประโยชน์นะครับ
ผมเชื่อว่าลูกค้าส่วนน้อยแบบพวกเรานั้นล่ะคัรบที่กิน b/w มากกว่าครึ่ง
ถ้าแบบนี้จริงก็ต้องแยกด้วยล่ะคัรบว่า Inter ราคาเท่าไหร่ Local ราคาเท่าไหร่
ตายแระ ทำไงดี เดือนๆ DOWNLOAD เดือนละ 1.2 TB
ใช้อินเตอร์เน็ตความเร็วเท่าไหร่เหรอครับ?
ในเมืองไทยก็น่าจะมีเป็น option ให้ลูกเลือกนะครับ ว่าอยากจะให้คิดเงินแบบไหน แบบตาม MB,GB ก็อาจจะถูกลงไป ผมว่าน่าจะมีลูกค้าที่เช็คเมล กับดูเว็บเป็นหลักเยอะนะครับ
ไม่เอา ผมจะดูดบิทไม่ได้ โอ้วไปประท้วง
Link Inter แพงครับ พอคนไทยใช้แบบ 4-8Mbps แล้วออก Inter ได้ไม่เต็มก็จะบ่น ๆ
แต่ถ้าขึ้นราคาค่าบริการก็บ่น ๆ พอแยก Local กับ Inter ก็บ่น ๆ
ที่น่าแปลกคือถึงจะมีคนบ่นอย่างไรก็ตาม ISP ก็ยังไม่ทำแพคเกจออกมาที่ Inter มากกว่า Local หรือแม้แต่ Upload มากกว่า Download
Otaro เค้าให้เช่า IIG 1mb/s speed 1:1(เข้าใจว่าหมายถึง up/down) เดือนละ 24,000 TT
ถ้าเป็นผู้ใช้ตามบ้านตัวเทคโนโลยีของ ADSL มันไม่รองรับการ Upload เยอะๆอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ผมไม่แน่ใจไม่ใช่สายเทเลคอม
จำได้ว่ามีบางเจ้าที่ให้บริการ DSL แบบอื่นนี่หน่า ส่วนถ้าเป็น ISP ให้บริการตาม Data center นี่ผมไม่รู้เลยจริงๆ
onedd.net
onedd.net
ADSL เป็น asymmetric ตามชื่อครับ แปลว่า uplink กับ downlink ไม่เท่ากัน
ถ้าสองข้างเท่ากันจะเป็นพวก SDSL
อยากให้ upload > download ต้องเอา dslam มาตั้งไว้ที่บ้าน เอา modem ไปตั้งชุมสาย
เน็ตความเร็ว 2Mbps เดือนนึงจะวิ่งได้เต็มที่ประมาณ 650GB คิดปริมาณการใช้งานทั่วๆ ไป (มั่วเอา ไม่นับพวกโหลดโหดๆ) น่าจะประมาณ 20% ก็ 130GB ต่อเดือน ที่ราคาประมาณ 600 ตก GB ละ 4 บาท สรุปว่าถ้า ISP ไทย คิดราคาต่ำกว่า GB ละ 5 บาท ก็น่าจะยอมรับได้นะ
iPAtS
iPAtS
ผมเปิดเว็บเฉยๆ ดู youTube บ้างเป้นบางครั้ง เดือนนึงก็ใช้ไป 5-7 GB แล้วครับ
LongSpine.com
อาจจะต้องจำนองบ้านมาจ่ายค่าเน็ท
มันจะต้องแพงกว่าเดิมแน่นอน
เหมือนย้อนกลับไปสมัย 28.8k
แต่ตอนนั้นเป็นจำกัดชั่วโมงใช้งาน
pittaya.com
pittaya.com
ถ้าไทยทำแบบนั้นผมว่า Flash จะตายก่อน
เพราะเว็บชอบใส่ Flash Effect เอะอะอะไรก็ Flash
บางเว็บแค่วิ้งๆ ก็กินไปหลาย MB แล้ว
แล้วจะจบที่ Firefox Block Flash :P
ข่าวแบบเต็ม ๆ จากเวบของ TimeWarnerCable ครับ
http://www.timewarnercable.com/corporate/announcements/cbb.html
พอดีผมใช้อยู่แล้วก็อยู่ที่ Texas ด้วย เลยรู้กลัวว่าจะกระทบ ดีที่มันคนละเมืองกัน (เพิ่งเปลี่ยนจาก DSL ของ AT&T มาเป็นเคเบิ้ลของ TWC)
Trials will begin in Rochester, N.Y., and Greensboro, N.C., in August. We will apply what we learn from these two markets when we launch trials in San Antonio and Austin, Texas, in October
ผมเดาว่า AT&T และ้เจ้าอื่นๆ ก็คงอยากลองอยู่เหมือนกันครับ คงรอให้ TWC ขว้างหินถามทางไปก่อน
ถ้าเอามาใช้บ้านเรา งั้นสงสัย GPRS/EDGE 999 บาท/เดือน ไม่จำกัดปริมาณน่าจะคุ้มกว่าล่ะมังครับ
คุ้มครับ ถ้าไม่ขาดใจตายระหว่างรอโหลดก่อน กว่าจะโหลดได้แต่ล่ะหน้า
ถ้าเอามาใช้บ้านเรา ผมว่าของที่จะตายก่อนคือบิตครับ ไม่ใช่แฟลช เพราะบิตมันเห็นกันชัดๆว่ากินไปเยอะ พวกเล่นบิตก็จะลำบากมากขึ้น ธุรกิจพวกขายแผ่นทั้งหลายจะเติบโตอย่างมาก ต่อมาที่จะซวยคือพวกอัพโหลดหนังหรือโปรแกรมใต้ดินทั้งหลายเพื่อกินเงินค่าดาวน์โหลด (ประเภทเวบฝากไฟล์ที่มีคนมาโหลดเยอะๆแล้วได้เงิน) จะส่งผลให้เวบขายแผ่นผีบูมขึ้นไปอีก (รวมทั้งขายแผ่นข้างทางหรือตามห้างไอทีด้วย) ต่อมาที่จะตายถึงจะเป้นเวบพวกแฟลช เพราะผ่านไปสามสี่เดือน พวกนี้ถึงจะสงสัยว่า "เอ๊....ตูไม่ได้โหลดบิต โหลดหนังแล้ว ทำไมมันยังกินไปเยอะจัง?" ซักพักก็จะมีคนมาตั้งกระทู้โฆษณา "FireFox+AdBlock+NoScript+FlashBlock ช่วยท่านได้" อะไรประมาณนี้
/me จินตาการไปไกลเลยแฮะตู - -"
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
hi5 นี่แหละตัวดี
วัยรุ่นไทยอาจเซ็งเพราะ package แบบนี้ อิอิ
หอพักนักศึกษาบางแห่งแถวๆ นี้ก็จำกัด 1 GB เวลาจะโหลดอะไรใหญ่ๆ (โดยเฉพาะ Podcast) ต้องยกมาโหลดกันที่มหาวิทยาลัยกัน
แสดงว่ามันเป็นกระแสของผู้ให้บริการที่ต้องการจะตัดตอน BitTorrent?
ezybzy.info blog
ทำโครงสร้างราคาแบบนี้ ก็น่าจะหารายได้เพิ่มจากคนที่ใช้เกินมาเล็กน้อย เช่น สมัคร 5 GB แต่ใช้เกินเป็น 6 GB ในขณะที่หลายคนก็คงจะซื้อให้เกินๆ เผื่อไว้ก่อน ก็ได้สองต่อละ
สุดท้ายแล้วก็ต้องจะมี package แบบ unlimited ออกมาอยู่แล้วล่ะครับ ราคาก็น่าจะตั้งให้คิดหนัก เรียกว่าจะว่าแพงก็แพง แต่ไม่แพงเว่อร์ แล้วก็เป็น unlimited เชียวนะ
ยังไงก็มีคนซื้ออยู่แล้วล่ะ จริงมั้ย?
ผมสนับสนุนให้คิดว่าบริการเพิ่มถ้ามีการใช้มากกว่าค่าเฉลี่ยไปมาก มันจะยุติธรรมสำหรับคนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้ load แบบบ้าเลือดมากกว่า
ปกติอินเตอร์เน็ตที่คิดราคาถูกได้เพราะใช้หลักการแชร์ค่าใช้จ่าย แต่ปัจจุบันนี้คนส่วนใหญ่ต้องมาจ่ายค่าบริการให้คนที่ load หนัก ๆ สุดท้าย isp ต้องเิพิ่ม bandwidth และผลก็มาตกกับคนส่วนใหญ่ คือราคาลงได้ช้ามากหรือไม่ยอมลง ต่อไปจะ load อะไรจะได้คิดหน้าคิดหลังกันหน่อย ผมเห็นหลาย ๆ คนเล่นตั้ง server load มันทั้งวันทั้งคืน ทั้ง ๆ ที่ 70-80% ของที่ load มาก็ไม่ได้ใช้ เห็นแล้วเสียดายทรัพยากรของชาติ แถมทำให้โลกร้อนขึ้นด้วย (เกี่ยวไหมนี่ :P)
อีกอย่างจะทำให้ชุมสายโล่งขึ้นด้วย ลองคิดว่าดูว่าถ้ามีคนใช้ทรู 8MB อยู่ในชุมสายของคุณ ตั้ง load bit ทั้งวันทั้งคืน คนที่อยู่ในชุมสายนั้นจะเป็นยังไงกันละนี่
จริงๆถ้าเป็นแพคเกจแบบยึดหยุ่นก็จะดีกว่า คือคิดแบบขั้นต่ำ หากเกินค่อยจ่ายส่วนเกิน หลังๆนี้ไม่ค่อยได้โหลดบิท ก็รู้สึกไม่ค่อยคุ้ม เป็นการลำบากต้องคิดหาเครื่องมาตั้งทิ้งไว้โหลดทั้งวันจะได้คุ้มอีก โหลดมาก็มีปัญหาไม่มีทีเก็บ ไม่มีเวลาดู ครั้นพองานเร่งด่วนอยากเข้าเรื่องสำคัญเกรียนแถวบ้านก็เลิกเรียนมาโหลดบิท เล่นเกมส์ออนไลน์กันอีก
แต่ถ้าคิดราคาตามปริมาณ แอปสมัยใหม่แบบ VDO Conference อาจไม่ได้เกิด หรือไม่ขยายตัวอีกนะครับ ก็เหมือนกับแนวคิดให้ประชาชนประหยัด ก็จะไม่มีกำลังซื้อ เมื่อไม่มีกำลังซื้อก็ไม่มีคนลงทุนทำของถูกๆ ดีๆยิ่งขึ้นมาแข่งกันขาย แต่ถ้ามีคนช่วยกันใช้มากๆอย่างปัจจุบัน แม้จะมีปัญหาบ้าง แต่ก็ทำให้เกิดวัฏจักรการขยายแบนด์วิธ รวมไปถึงธุรกิจขาย Storage ก็ขยายตัวตามไปด้วย
โดยรวมแล้ว ค่าใช้จ่ายเน็ต และ Storage ก็ถูกลงมามากในรอบ 2 ปีนี้ หากไม่มี Bit หรือ Service ที่ใช้ข้อมูลมากๆอย่าง Picasa หรือ Youtube หรือเล่นเก็บเงินตามปริมาณที่ใช้อย่างในข่าวกันหมด ผมเชื่อว่าคงจะไม่ได้เห็นราคา HDD 1TB ราคาปัจจุบัน หรือ SD card 16GB พันกว่าบาท หรือ Maxnet 3Mb แบบนี้หรอกครับ
ชั่งน้ำหนักดูแล้ว เปิดเสรีให้แบนด์วิธขยายตัวไปตามแรงขับทางการตลาดจะดีกว่านะครับ ในอนาคตราคา Interlink ที่มีกำไรสูงก็ต้องมีคนมาแข่งขันเพราะกำไรมันดึงดูดนักลงทุน ทำให้ราคาก็จะถูกลงเอง ในที่สุด ขออย่างเดียวอย่าปล่อยให้มีการผูกขาดเท่านั้นแหละครับ \(@^_^@)/ M R T O M Y U M