ซัน ไมโครซิสเต็มส์ได้ปล่อย VirtualBox เวอร์ชัน 3.1 ให้ดาวน์โหลดกันแล้ว โดยเวอร์ชันนี้มาพร้อมกับการปรับปรุงประสิทธิภาพหลายส่วนด้วยกัน เช่น การจัดการหน่วยความจำที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 30 เปอร์เซ็น การเร่งความเร็วในการประมวลผล การเร่งความเร็วสำหรับการแสดงภาพเคลื่อนไหวแบบสองมิติ และการปรับปรุงประสิทธิภาพการรับส่งข้อมูลผ่านเครือข่าย เป็นต้น และความสามารถใหม่ที่โดดเด่นของเวอร์ชันนี้ก็คือ live migration โดยทางซันเรียกความสามารถนี้ว่า teleportation
ความสามารถ teleportation ใน VirtualBox คือ ความสามารถที่ virtual machine ที่กำลังทำงานอยู่บนคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งสามารถย้ายที่ไปทำงานบนคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นได้โดยไม่ต้องหยุดการทำงานของ virtual machine และคอมพิวเตอร์ปลายทางที่ virtual machine กำลังย้ายที่ไปนั้นไม่จำเป็นต้องใช้ระบบปฎิบัติการและสถาปัตยกรรมของโปรเซสเซอร์ชนิดเดียวกันกับคอมพิวเตอร์ต้นทางที่ virtual machine กำลังทำงานอยู่
ที่มา - eWEEK
Comments
ข่าวดีในรอบปีเลยสำหรับคนบางกลุ่ม
กำลังใช้อยู่เลยครับ กับการหาทางออกให้เปิดไฟล์ Excel บน Ubuntu กับสั่งพิมพ์งานไปยังเครื่องพิมพ์ที่ Linux ไม่มี Drivers
ชื่อเท่มากเลย Teleportation ต่อไปคงได้ใช้ทดสอบอะไรหนักๆหน่อยละ แต่ยังนึกไม่ออกแฮะว่าจะใช้ทำอะไรกับงาน Desktop
Live migration allows a server administrator to move a running virtual machine or application between different physical machines without disconnecting the client or application.
VirtualBox supports live migration since version 3.1.
สุโค่ยยยย
ไม่ชอบอย่างเดียวครับ มันเป็นหน้าต่างแยกๆ ออกมา รันหลาย OS แล้วมันรก ชอบแบบหน้าต่างเดียวหลายแท็บแบบ vmware มากกว่า
WE ARE THE 99%
ฺฺBoot USB รอต่อไป
อัพเดทเรียบร้อยแล้วครับ..
ลื่นไหล เร็วขึ้นพอสมควรเลยครับ
WE ARE THE 99%
Zero downtime ใกล้เข้ามาแล้วสินะ
ที่ต้องคิดกันต่อคือทำยังไงให้มันย้ายตัวเองได้ก่อนจะล่ม
ให้เดาคือน่าจะอาศัย signal จากพวก UPS ว่าตอนนี้จ่ายไฟจากแบตเตอรี่อยู่
ระหว่างนี้ก็สั่งให้ย้าย VM ไปอยู่ site อื่นซะ
พอย้าย ใช้ไฟหนัก แล้ว UPS ก็ดับในทันใด
lewcpe.com, @wasonliw
จริง แถมถ้า network ดับซะอย่างก็ไปหมดอยู่ดี
เหมือนหนังซักเรื่องเลย แต่คิดไม่ออก เรื่องอะไร
Auto migration เป็นงานวิจัยที่กำลังอยู่ในช่วงเข้มข้นพอสมควรครับ Auto migration ในผลิตภัณฑ์หลายๆตัวในตอนนี้จะออกไปในแนวแบ่งภาระของโฮสต์ครับ
ถ้าเรื่องป้องกันการล่ม (เป็นศาสตร์ด้าน fault tolerance / fault resilience) ตอนนี้ เขาใช้วิธี VM cloning กันครับ มีงานตัวหนึ่งสนับสนุนโดย Platform Computing (ใช้ Xen) มีชื่อว่า snowflock เขาทำการโคลน VM ไว้หลายๆเครื่อง และมีวิธีลด overhead ต่างๆเพื่อให้โคลนได้เร็ว และมี data consistency ทำให้ข้อมูลอย่างเช่น memory paging มันเหมือนกันใน VM ทุกโคลนครับ
My Blog
ทำไมคณะผมไม่ย้ายไปใช้ VirtualBox กันเสียที ใช้แต่ VMWare (เถื่_น) อยู่ร่ำไป เน่าง่ายมาก เหอะๆ
ป.ล. ผมไม่ใช่ใช้ VirtualBox นานและ หลังจากลง Windows 7 Professional แล้วเล่น Virtual PC หุหุ
คำตอบคือ vmware กับ NAT มันทำงานดีกว่า เวลาจะเรียกใช้ service ของ guest os เจ้า vmware สามารถเรียกใช้ผ่าน guest ip address ตามด้วย port ของ service แล้วมองเห็นเลย แต่ virtualbox จะทำแบบนี้ได้ ต้องตั้งค่าหลายอย่าง ซึ่งมันไม่สะดวกสบายแบบ vmware
+1
I will change the world, to the better day.
ลองเล่นแล้ว teleport บน host เดียวกัน
สรุปว่าจอเละเพราะ 3D_2D acceleration
พอเอา 3D ออกก็ย้ายได้
แล้ว guest OS ก็ไป crash บน target host ซะงั้น -*-
เงื่อนไข teleport นี่เยอะเอาเรื่อง
ยังงงมากมายครับ นึกภาพไม่ออกเลยว่าย้ายยังไงครับ
สงสัยเรื่องวิธีที่เขาย้าย virtual machine ใช่หรือเปล่าครับ? คือ มันมีหลายวิธีน่ะครับ ของ VirtualBox ไม่แน่ใจ แต่คิดว่าก็ไม่ได้ต่างจากเจ้าอื่นมากนัก
วิธีที่ง่าย(แต่ประสิทธิภาพไม่ดีพอ) คือ คัดลอก image ทั้งดุ้นของ virtual machine จากโฮสต์ต้นทางไปโฮสต์ปลายทางผ่านเครือข่าย ขั้นตอนนี้จะกินเวลานาน เวลาย้ายก็ขึ้นกับประสิทธิภาพเครือข่ายและขนาดของ image รวมไปถึงประสิทธิภาพของคอมต้นทางกับปลายทางด้วย ถ้ามันเร็วต่างกันมากเกินไปย่อมหมายถึงการประสานจังหวะ (sync) ที่ต่างกันด้วย และอีกปัจจัยก็คือ ภาระการประมวลผลของโฮสต์ทั้งสองฝ่าย อีกทั้งภาระการประมวลผลของ virtual machine ก็รวมอยู่ด้วย
เมื่อมันย้าย image ไปถึงจุดหนึ่ง (คือจุดที่ image ของโฮสต์ต้นทางเหมือนกันกับปลายทางแล้ว) สิ่งต่อมาคือการ sync เอาข้อมูลที่อยู่หน่วยความจำ+สถานะของโปรเซสเซอร์(เสมือน)เช่น ค่าในรีจิสเตอร์ เป็นต้น ไปให้คอมพิวเตอร์ปลายทาง ผมขอเรียกว่าเป็น"การส่งไม้วิ่งผลัด"ให้โฮสต์ปลายทาง ในจุดนี้มันต้องจุดมีการหยุด ซึ่งเป็นเวลาที่น้อยมากจนกระทั่งเราบอกว่ามันไม่มีการขัดจังหวะ (interruption) แต่จริงๆมันมี เพียงแต่ไม่มีนัยสำคัญชัดเจนครับ
ข้อเสียขั้นตอนที่อธิบายด้านบนกิืนเวลาที่สุดคือตอนย้ายตัว image ครับ ผมเคยวัดเวลาก่อนส่งไม้วิ่งผลัดบางครั้งกินเวลามากกว่า 10 นาทีกับ linux image ขนาดไม่เกิน 4 กิ๊ก แต่ตอนส่งไม้วิ่งผลัดนั้นเร็วมากครับ วัดไม่ทันจริงๆ ในเอกสารวิชาการ เขาเคยวัดระยะเวลานี้ของ Xen พบว่าเร็วระดับ millisecond เลยครับ
ส่วนวิธีที่มีประสิทธิภาพมากๆก็ต้องลงทุนหน่อย เช่นใช้ storage area network (SAN) หรือ iSCSI สำหรับเป็นดิสก์ก้อนกลางขนาดใหญ่สำหรับจัดสรรพาร์ติชันให้กับทุกๆ virtual machine และก็มีเครือข่ายความขั้นเทพอย่าง infiniband ก็จะดีมากๆ ขั้นตอนนี้ ตัวโฮสต์ไม่ต้องเก็บ virtual machine ไว้กับตัวเองอย่างถาวรเลย จะเอา virtual machine ไหนมารันก็โหลดเฉพาะโค้ดที่ต้องการจาก SAN มาไว้กับตน และเมื่อไหร่จะย้าย ก็ไม่ต้องย้ายทั้ง image เพราะทุกอย่างเก็บไว้ที่ SAN หมดแล้ว
My Blog
ฝั่ง admin เค้าลองด้วย hyper-v กัน จะรู้กันว่า ping หายไปอันนึงครับ เวลาย้าย
lewcpe.com, @wasonliw
เคลียร์ขึ้นเยอะเลยครับ
ใกล้ได้เวลาเปลี่ยนระบบแล้วสินะ