การเจริญเติบโตของเทคโนโลยีเครือข่ายไร้สายต่างๆ คงจะส่งผลต่อปรากฎการณ์นี้ เมื่อ CEO ของอิริกสัน Hans Vestberg กล่าวในงานประชุม CTIA 2010 (งานประชุมของผู้นำเทคโนโลยีไร้สาย) ที่ลาสเวกัสว่าปริมาณข้อมูลแบบ Non-voice นั้นเติบโตเร็วมาก (โตขึ้นถึง 280% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา) และมากกว่าทราฟฟิคของข้อมูลเสียงบนเครือข่ายไร้สายซึ่งสูงถึงเดือนละ 140,000 เทราไบท์ไปเรียบร้อยแล้ว
Vestberg ระบุว่า แค่ในวันตรุษจีนที่ผ่านมาก็มีการส่งข้อความถึงกว่า 2.3 พันล้านข้อความในช่วงเวลาเพียงแค่วันเดียวเท่านั้น ซึ่ง Vestberg เห็นว่านี่เป็นเหตุการณ์ที่สำคัญมาก ที่คนใช้บริการข้อมูลผ่านเครือข่ายไร้สายเพียง 400 ล้านคน สามารถสร้างทราฟฟิคมากกว่าคนใช้โทรศัพท์กว่า 4.6 พันล้านคนทั่วโลกได้
นี่ถือว่าเป็นลางที่ไม่ค่อยดีนัก เพราะสัดส่วนรายได้จากการให้บริการแบบเสียงนั้นเหนือกว่าบริการข้อมูล ผู้ให้บริการเครือข่ายบางรายถึงกับให้ความเห็นว่าบริการข้อมูลแบบ unlimited นั้นอาจจะหมดไปเมื่อเทคโนโลยีเครือข่ายไร้สายความเร็วสูงอย่าง LTE หรือ 4G นั้นแพร่หลายก็เป็นได้
ที่มา - TG Daily
Comments
สำหรับคนอื่นไม่รู้แต่ สำหรับผม มันสิ้นไปนานแล้วหละ
ใช้ internet SIM คุ้ม เพราะไม่เคยโทรหาใคร...
+1 มันสิ้นไปนานแล้วเหมือนกัน ทุกวันนี้เฟสบุ๊คกะทวิตติดต่อเพื่อน
ถึงจะใช้ไม่ค่อยเยอะแต่ 350บาทใช้ BIS BES ก็เลิกโทรไปนานมากแล้ว = =
เช่นกันครับ text + data แพงกว่าโทร.
data ไม่ได้แพงกว่า voice นะครับ ถูกกว่ามากๆด้วย
โทรนี้กิน b/w ประมาณ 10 kbps เองนะครับ
ต่อไปทราฟฟิกจะนักกว่านี้อีกถ้าโหลดบิทบนมือถือได้ (N900 ทำได้ไปแล้ว..)
ปล.ทำไม 4G ทำให้ Unlimited หายไปหล่ะ ?
(ในเมื่อความต้องการใช้งานข้อมูลมีอยู่ตลอด)
เพราะมันเร็วเกินไปไงครับ สมัย EDGE คนก็ไม่โหลดบิทกันตลอด (นานๆ ผมจะทำสักที เปลืองแบต) แต่ถ้า 4G แล้วไม่จำกัดก็คงใช้กันจนช่องสัญญาณเต็มพอดี
ถ้ามี 4G แล้วรองรับข้อมูลมากๆ ไม่ได้ แล้วจะมี 4G ทำไม ก็ใช้ 3G ต่อไปดีกว่ามั่ง อันนี้ผมไม่รู้อนาคตน๊ะ ลองถามดู
มีไว้ใช้ครั้งคราว ไม่ได้มีไว้ใช้แช่ไม่ยอมหยุดครับ
3G อาจจะใช้เวลาซักชั่วโมงนึง 4G เหลือ 6นาที ดังนั้นคุณอยากใช้อะไรเลือกเอง
เพราะว่าความต้องการมีตลอด การตอบสนองทันท่วงที
แต่ infrastructure มีจำกัด
จริงๆอยากได้ Unlimited แต่ shape traffic ดีๆจะดีกว่านะ
แบบเอาให้โหลดบิตได้ช้าๆอะ
ผมว่ามีให้เลือกแยกแบบนี้ก็ดีนะครับ แบบไม่ต้องวิ่งเต็มก็ได้ เหมือน Wi-Fi ปัจจุบันที่มีให้เลือก package ความเร็วได้ด้วย
ถ้ามีเน็ตเร็ว ๆ เหมือนเอามือถือไปวางไว้ใน datacenter แล้วยังจะมีอะไรให้โหลดกันอีกเหรอ ? มันคงโหลดทุกอย่างเสร็จจนไม่รู้จะโหลดอะไรเลยรึเปล่า ? โหลดเพลงที่ฟังทั้งชีวิตก็ฟังไม่จบ โหลดหนังที่ดูทั้งปีก็ไม่หมด ? งี้อุปกรณ์เก็บข้อมูลก็ยิ่งขายดีขึ้นด้วยสินะ
คาดว่าเรื่องโหลดคงไม่สำคัญครับ แต่จะได้การใช้งานแบบ realtime เข้ามา
เช่นอยากดูหนังชัดๆระดับ TrueHD ซักเรื่องหนึ่ง แทนที่จะโหลดมาลงเครื่อง ก็เป็นการดูแบบออนไลน์ไปเลย ไม่จำเป็นต้องโหลดมาลง harddisk
หรืออย่างเช่นสื่อต่างๆในปัจจุบัน เช่น DVD-Games ที่ตัวลงจะอยู่บนแผ่น ก็กลายเป็นรันตัวลงบน Internet แล้วข้อมูลที่เล่นเกมได้จะเข้าเครื่องเราทันที หรือแม้แต่ไม่จำเป็นต้องลงเกม เพียงแค่โหลดไฟล์เล็กๆแล้วเข้าเกมส์ ตัวเกมส์ก็จะโหลดข้อมูลที่ใช้ต้องใช้ในขณะนั้นๆเอง เช่นเข้า map ไหนค่อยโหลดข้อมูลของ map นั้น(แบบ GuildWars) และอาจจะไม่จำเป็นต้องบันทึกลง harddisk
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
+1 ตอนนี้ดู YouTube 1080p ด้วย 4Mbps ก็แทบไม่ต้อง buffer แล้วครับ
ที่จริงเหตุผลก็อยู่ในบทความแหละครับ ตรง "รายได้จากค่าโทรมากกว่าดาต้า"
เพราะค่าโทรแพงมาก คนก็เลยใช้ Data + Text กัน
เมืองที่ผมอยู่ ค่าโทรคิดเป็นเงินไทย นาทีละ 30 บาท ถ้าโรมมิ่งกับเครือข่ายอื่น มีชาร์จอีกนาทีละ 10 บาท
แต่ Text 10 บาทเอง แล้วมีโปรโมชั่น Text กับ Data เพียบ
จะโทรอยู่ทำไม
ผมอยากให้ Text ถูกกว่าค่าโทร ๓ เท่าแบบนี้บ้างจริงๆ
ที่ญี่ปุ่น Text ถูกกว่า Voice เป็น 10 เท่า (แล้วแต่โปร)
อยากให้สิ้นมานานแล้วครับ ... ขี้เกียจคุยกะโทรศัพท์มากเลย
โครงสร้างราคามือถือใน US ต่างจากหลายๆประเทศมาก (ค่าโทรแพงมหาศาล + รับสายก็เสียเงิน)
อยากใช้แต่ Data แต่พ่อแม่ใช้ไม่เป็นเลยต้องถือ voice ไว้ต่อไป
ปกติผมใช้ Data สูงมากครับ เดือนนึงหมดค่า Data หลายร้อยบาท
แต่บางคนผมก็อยากใช้ voice มากกว่า data :)