ต่อเนื่องจากข่าว อะโดบีปล่อยโฆษณาใหม่ "We (Heart) Apple" ตอนนี้แคมเปญตัวเต็มอยู่บนเว็บไซต์ของ Adobe แล้ว ชื่อของมันคือ We Love Choice (หรือ Freedom of Choice)

หน้าเว็บของ We Love Choice ประกอบด้วย 2 ส่วน ได้แก่

  • The truth about Flash - ความจริงอีกด้าน (ที่ไม่ใช่ของสตีฟ จ็อบส์) ของ Flash
  • Our thoughts on open markets - จดหมายจากสองผู้ก่อตั้งบริษัท (ชื่อจดหมายตั้งได้เจ็บมากครับ)

จดหมายจากสองผู้ก่อตั้ง Chuck Geschke และ John Warnock ไม่มีอะไรมาก บอกว่า Adobe สนับสนุนเทคโนโลยีเปิด มีส่วนที่พูดถึงแอปเปิลเล็กน้อย

We believe that Apple, by taking the opposite approach, has taken a step that could undermine this next chapter of the web — the chapter in which mobile devices outnumber computers, any individual can be a publisher, and content is accessed anywhere and at any time.

In the end, we believe the question is really this: Who controls the World Wide Web? And we believe the answer is: nobody — and everybody, but certainly not a single company.

ส่วนบทความ The truth about Flash มีประเด็นแบบสรุปๆ ดังนี้

  • Flash รองรับอุปกรณ์ระบบสัมผัสเต็มรูปแบบ
  • Flash Player จะแปลงเนื้อหาที่ออกแบบมาเพื่อระบบสัมผัส ไปเป็นระบบเมาส์ให้อัตโนมัติ
  • Flash Player 10.1 รองรับมัลติทัช และมี Gesture API
  • Adobe อ้างว่า 75% ของวิดีโอบนเว็บ เป็น Flash
  • Flash รองรับ H.264 และมีฟีเจอร์อื่นๆ ที่สำคัญต่อวิดีโอออนไลน์ เช่น สตรีมมิ่ง, การปรับบิตเรตอัตโนมัติ, DRM
  • Flash 10.1 บน Mac OS X 10.6.3 ใช้ GPU ช่วยประมวลผลได้แล้ว
  • ทีมงานของ Adobe กำลังแก้ปัญหาประสิทธิภาพของ Flash อย่างเต็มที่
  • อ้าง Symantec Global Internet Threat Report for 2009 ว่า Flash มีช่องโหว่น้อยเป็นอันดับสอง
  • เทคโนโลยีหลายอย่างที่ใช้ใน Flash เป็นเทคโนโลยีเปิด เช่น เอนจิน AVM+ เปิดซอร์สและยกให้โครงการ Mozilla, ฟอร์แมตไฟล์บางตัวเปิดเผยสเปก, ทุกคนสามารถสร้าง Flash Player เองได้ และใช้เครื่องมืออะไรก็ได้เขียน Flash ได้

อย่าลืมว่านี่เป็น "ความจริงอีกข้าง" นะครับ ควรอ่านความจริงข้างแรกประกอบด้วย และใช้วิจารณญาณพิจารณาก่อนตัดสินใจ

Hiring! บริษัทที่น่าสนใจ

Next Innovation (Thailand) Co., Ltd. company cover
Next Innovation (Thailand) Co., Ltd.
We are web design with consulting & engineering services driven the future stronger and flexibility.
Iron Software company cover
Iron Software
Iron Software is an American company providing a suite of .NET libraries by engineer for engineers.
Nipa Cloud company cover
Nipa Cloud
#1 OpenStack cloud provider in Thailand with our own data center and software platform.

khajochi Fri, 05/14/2010 - 15:37

In the end, we believe the question is really this: Who controls the World Wide Web? And we believe the answer is: nobody — and everybody, but certainly not a single company.

แร๊งงงง

ตอนแรก คิดว่า adobe จะเงียบๆซ่ะอีก แต่ก็ตอบโต้จนได้ ดีแล้วล่ะครับ apple จะได้รู้ว่า ตัวเองก็ไม่ใช่เจ้าของตลาด device ทั้งหมด.

adobe โต้ได้เจ็บแสบ แต่ก็จริง ตามที่เค้าว่า ...

ที่จริง ถ้า job แกตอบว่าถ้าต้องการ flash หรือ? ก็ไปใช้อย่างอื่นสิ

จะดีกว่ามาเขียนเบรมแบบการเมืองแบบนี้

เลยกลายเป็นด่าไปด่ามาเล่น 55+

เท่ากับให้โอกาส adobe แก้ภาพลักษณ์ใหม่เลยนะเนี่ย

Juney Fri, 05/14/2010 - 17:36

  • ทีมงานของ Adobe กำลังแก้ปัญหาประสิทธิภาพของ Flash อย่างเต็มที่

เป็นการยอมรับกลายๆ ว่ามันมีปัญหาเรื่องประสิทธิภาพจริง

วันก่อนใช้ Google Docs เปิด Drawing ขึ้นมา 2 หน้าต่าง ทำงานไป แล้วเปิดทิ้งไว้ซักพัก เครื่องก็เริ่มอืดๆ พอดู CPU ปรากฎว่าวิ่งไป 90 กว่า % ขนาดเขาไม่มีแฟรช์ในเว็บนะ

ปัญหา performance ที่เจอกันมากมาย ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะแฟรชจริง แต่ถึงไม่ใช้แฟรช แต่เขียนออกมาให้ฝั่ง client ทำงานมากๆเหมือนกัน ไม่ว่าอะไรก็คงจะช้าไม่แพ้แฟรช

ผมเริ่มเห็นด้วยกับ Apple นิดๆนะ ปัจจุบันประสิทธิภาพของ Flash บางแพลตฟอร์มก็ห่วยมากๆ เช่น Flash ใน Linux บั๊กตัวเบอเริ่มก็แก้ช้ามากๆ (หรือไม่สนเลย?)Adobe ดูจะเน้นให้ความสำคัญกับมือถือบางแพลตฟอร์มมากเกินไป แต่บางแพลตฟอร์มก็ทิ้งมันไป เช่น Windows Mobile มีแต่ Flash Lite กับ Flash Player7 ให้ใช้ ซึ่งมันห่วยมากๆ

พอพูดถึง 85% ของเว็บ ใช้ Flash Player ทำให้ผมนึกถึงวันที่ Apple ขึ้นมาแข่งกับ IBM
วันนั้นซอฟท์แวร์เกือบทั้งหมดในโลก รันอยู่เฉพาะบนระบบของ IBM

ประวัติศาสตร์มีไว้เพื่อ?

ถ้าพูดถึง PC Apple แทบไม่เคยชนะ IBM ได้ แต่ IBM แพ้ภัยตัวเอง ดันชะลอการส่งเครื่องที่ใช้ 386 ออกมาขาย (ภายหลังออกมาเป็น PS/2 ที่ทั้งเครื่องตอนนี้เหลือแต่พอร์ทสองอัน) กลายเป็น Compaq ที่หยิบชิ้นปลามันขึ้นมาผงาดเป็นอันดับหนึ่งในโลก PC

ส่วน Apple น่าจะอยู่ใน Niche Market มากกว่า

ปล. PC ในที่นี้หมายถึง Computer ในคลาส Micro Computer หรือ Personal Computer ไม่ได้พูดถึงแค่ Computer ที่ใช้ Chip จาก Intel แล้วรัน OS ของ Microsoft นะครับ

ขอบคุณที่เตือนนะครับ ทำให้ผมไปหาข้อมูลอีกรอบ จริงๆแล้วคือมันกลับกัน
คือ Apple เอง ที่พูดว่าตัวเองมีโปรแกรมถึง 40000 โปรแกรม IBM จะมาสู้ได้ยังไง

แต่ตรง ป.ล. นี่ ไม่รู้สึกว่าตัวเองก็ทำให้คนอื่นเขาตาถลนบ้างหรือครับ หรือว่าไม่รู้จักนิทานแม่ปูสอนลูก?

เขาว่าคนที่ชอบคิดว่าคนอื่นเป็นยังโง้นยังงี้ คนอื่นยึดติดกับกรอบแคบๆ มันสะท้อนว่าจริงๆตัวเองมักจะเป็นแบบนั้นนะครับ

ถ้ามองแง่เจ้าของ OS เค้าก็คงไม่อยากให้คนอื่นมาคุมทิศทางของ OS ตัวเองอยู่แล้ว
เกิด Adobe ทำแล้วก็หยุด หรือพัฒนาช้า Adobe สามารถดูแล Flash บนทุก platform ไหวหรือ แค่บน PC ใน Mac และ linux ยังมีเสียงบ่นเลย ต้องเพิ่มมือถืออีกไม่รู้กี่ Platform

วันนี้ iPhone ยังถือว่านำตลาดอยู่ ถ้าต่อไป Android ก้าวแซงไปมากๆ Adobe ก็ต้องออก Flash ใหม่ให้ Android ก่อน แล้ว Apple ต้องรอไม่รู้นานแค่ไหนจะมาลง OS ตัวเอง ถึงตอนนั้นก็คงทำอะไรแทบไม่ได้แล้ว และการให้ตัวเองไปขึ้นกับคนอื่นแบบนี้ไม่มีใครอยากทำ สู้พยายามเปลี่ยนโลกไปในสิ่งที่ตัวเองควบคุมได้ดีกว่า ซึ่ง HTML5 ไม่ได้เป็นของคนๆ เดียว เป็นสิ่งที่ทุกคนยอมรับได้ง่ายกว่า เพราะไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงให้บริษัทตัวเองเหมือนการเอาตัวเองไปแขวนไปกับ Adobe

ส่วนคำถามที่เห็นบ่อยๆ ว่าทำไมไม่ให้ตลาดเลือก ไม่ให้ลูกค้าเลือก เวลาเกิดปัญหา performance หรือแบตหมดเร็ว ลูกค้าไม่รู้หรอกครับว่าเกิดจากอะไร แม้จะทำเป็นตัวเลือกเปิดปิด จะมีคนทั่วไป (Non geek) รู้ซักกี่คนว่า Flash มีผลมากน้อยแค่ไหน และจะมาปิดการแสดง Flash บนเว็บหรอครับ หรือกรณีให้ App ที่ export จาก CS 5 ได้ App ง่ายๆ App ก็เข้าไปล้น Store ถ้าเป็นแบบนั้นคนใช้จะมานั่งดูหรอครับว่า App ไหนเขียนจากอะไร อย่าลืมว่าคนใช้ทั่วไปไม่ใช่ geek นะครับ และผมคิดว่าไม่ว่าจะมีเหตุผลอะไร หรือแม้จะไม่มีเหตุผลเลยก็ตาม Apple ซึ่งเป็นเจ้าของ OS ก็มีสิทธิเต็มในการทำอะไรกับ OS ก็ได้ ตราบที่ไม่ได้ไปละเมิดอะไรกับลูกค้า ไม่ใช่ตัด feature ที่เคยมี และไม่เคยสัญญาว่าจะมี ส่วนผลจะเป็นอย่างไร ถ้าต่อไปคนไปใช้ OS อื่นหมด Apple ก็ต้องรับไปเพราะเป็นการตัดสินใจของตัวเอง

คิดว่าไม่ผิดนะครับ ผมอาจจะไม่ได้เขียนแยกชัดเจนระหว่างเรื่องเว็บกับเรื่อง app จนอ่านยาก หรือว่ามีตรงไหนที่คิดว่าผมเข้าใจผิดช่วยบอกด้วยนะครับ (Cocoa นี่หมายถึง App ปัจจุบัน ไม่ใช่ข่าวลือเรื่อง Gianduia ใช่เปล่าครับ)

คือผมเห็นคุณพยายามสร้างความชอบธรรมให้แอปเปิล ด้วยการยก HTML5 ขึ้นมาอ้างไงครับ

แต่เอาจริงแล้ว แอปเปิลแทบไม่มีโปรแกรมที่เป็น HTML5 เข้าได้จากหน้าเว็บโดยตรงเลยนะครับ ทั้งหมดเป็น Cocoa ที่ผ่าน App Store ซึ่งปิดมากกว่า Flash เสียอีก

ผมคิดว่า apple ชอบธรรมที่เลือกอะไรให้ OS ตัวเองได้ครับ ไม่ได้คิดว่าการเลือก html5 เป็นการชอบธรรมอะไร อย่างเหตุผลที่ผมบอกด้านบนคือ Flash ขึ้นกับ Adobe ในการเลือกพัฒนา และ Apple เองถ้ามีทางเลือกก็ไม่อยากต้องพึ่งคนอื่นมาก เป็นการลดความเสี่ยงของบริษัท อันนี้น่าจะเป็นทุกบริษัทนะครับ

และ html5 ที่ผมอ้างข้างบนว่าทุกคนยอมรับได้ หมายถึงว่า ถ้าจะเลือกเครื่องมืออื่นที่ apple ควบคุมได้ และสร้างขึ้นมาเองนี่ไม่ได้แน่ๆ ต้านกระแสไม่ไหว ก็ต้องเลือก html5 ที่คนอื่นน่าจะรับได้ ไม่ได้หมายถึงคนอื่นรับ html5 ได้มากกว่า flash นะครับ

เรื่องสิทธิ์ของแอปเปิลในการกำหนดทุกอย่างให้ผลิตภัณฑ์ของตัวเองนี่ผมเห็นด้วยนะครับ

เพียงแต่จะบอกแค่ว่า แอปเปิลพยายามเอา HTML5 มาอ้างเพื่อให้ตัวเองดูดี (แต่พฤติกรรมไม่ใช่) และเสียงที่ติเข้ามานี่ก็เสียงลูกค้าแอปเปิลทั้งนั้น ไม่ต้องพยายามบอกว่าพวกนี้เป็น geek คิดไม่เหมือนคนทั่วไปหรอกครับ คนทั่วไปทั้งนั้นแหละ

เรื่อง html5 ผมเห็นด้วยนะครับ มันเป็นข้ออ้างที่ดูดีที่ apple จะไม่รองรับ flash แต่ที่ไม่อยากรองรับ flash อยู่ก่อนแล้วด้วยเหตุผลที่จดหมายแถลงมาส่วนหนึ่ง (และแน่นอน ที่ไม่ได้บอกในนั้นอีกส่วน คงไม่มีใครเอาด้านที่ทำให้บริษัทดูติดลบออกมาบอกอยู่แล้ว)

ส่วนเรื่อง geek เนี่ย ที่ลูกค้าทั่วไปเรียกร้องเรื่อง flash นั่นใช่ แต่เวลามีปัญหาแล้วโทษ flash นี่ คงไม่ใช่ลูกค้าทั่วไปที่จะรู้หรอกครับ เวลาโดน ก็โดนเหมารวมทั้ง product ดังนั้นผมจึงอ้าง geek ไงครับ ผมไม่ได้ว่า geek คิดไม่เหมือนคนทั่วไปนะ แต่ geek นั่นรู้มากกว่าคนทั่วไปต่างหาก และมีศักยภาพพอที่จะ customize หรือปรับแต่งอะไรต่างๆ ให้เหมาะสมได้มากกว่าผู้ใช้ทั่วไป สิ่งที่ทำได้หลายอย่างมากกว่าจึงเหมาะกับ geek มากกว่าในความคิดผมนะ ส่วนอะไรที่ simple ไม่ต้องเลือกอะไรมากจึงเหมาะกับคนทั่วไปมากกว่า

ผมยังยืนยันคำเดิมครับ คำว่า (บังคับ)เลือกให้ กับ ช่วยเลือก มันต่างกัน

เมื่อลูกค้าไม่รู้ คุณ(Apple)ต้องสื่อสารให้เค้ารู้ ไม่ใช่ไปบอกเค้าว่าคุณไม่จำเป็นต้องรู้ เพราะเราเลือกให้คุณแล้ว
เมื่อคิดว่าไม่ดีต่อลูกค้า ช่วยเลือกให้ลูกค้า อย่างไรก็ตามลูกค้ามีสิทธิ์ที่จะไม่ฟังคำแนะนำ ดังนั้นอย่าบังคับและตัดสินใจแทนลูกค้า
ลูกค้าทุกคนไม่ได้เป็น geek แต่อย่าดูถูกความใฝ่รู้ของลูกค้า และคิดว่าลูกค้าทุกคนโง่และไม่พร้อมที่จะเรียนรู้

พูดถึงกรณี Flash บ้าง
Flash@plugin นั้นควรมีแต่ไม่ควรเปิด ถ้าลูกค้าจะเปิดจัดไปเลยคำเตือนให้กด accept 10 ครั้ง ลูกค้าทั่วไปไม่สนใจหรอกว่า Flash มันจะปิดหรือจะเปิด แต่ถ้าลูกค้าคนไหนสนใจ หรือเปิดเว็บเจอวิธีเปิดและนำมาลองเปิด ลูกค้ากลุ่มนี้พร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และข้อดีข้อเสียของมันแน่นอน
Flash@native เรื่องนี้ผมเคยกล่าวไปแล้วเรื่อง approve กับ non-approve เช่นเดียวกับกรณีแรก ปิดหมวด unapprove ไว้ซะ ประกาศไว้ด้วยว่าจะไม่รับประกันการใช้งานจาก App เหล่านี้ รวมถึงถ้าเป็น Flash ก็ใส่ tag Flash มันซะเลย แล้วก็อธิบายซะว่าใช้แล้วจะเกิดอะไรขึ้น ลูกค้าที่ไม่สนใจก็ไม่สนใจ ส่วนลูกค้าที่สนใจและเปิดใช้'ก็พร้อมที่จะเรียนรู้'อยู่แล้ว และ App ที่เป็น Flash@native เองก็ไม่ใช่ว่าจะแย่ทั้งหมด หรือหน่วยควบคุมคุณภาพเองเป็นแค่ ICT อย่างที่ผมเคยกล่าวไว้

ช่วยเลือก ช่วยคิด แต่อย่าเลือกและคิดแทน และอย่ามาดูถูกกัน

การอยากทำสินค้าให้ง่ายไม่ได้เป็นการดูถูกหรอกครับ เกียร์ออโต้ทำมาเพื่อดูถูกคน? กล้องถ่ายรูปเมื่อก่อนต้องตั้งอะไรเยอะๆ พอเริ่มมีกล้องอัตโนมัติ ถ่ายอย่างเดียวไม่ต้องตั้งอะไรทำมาเพื่อดูถูกคน? ผมว่ามันอยู่ที่ การกำหนดแนวทางของสินค้านั้น ซึ่ง apple รักษามาตรฐานของตัวเองแบบนี้มาตลอด และผมยังยืนยันเหมือนกันว่าลูกค้ามีสิทธิเลือกที่จะใช้ยี่ห้ออื่นครับ เพราะเป็นสินค้าที่แข่งขันกันได้ ถ้าผมเกิดตั้งโรงงานผลิตกล้องมา เฉพาะกล้องอัตโนมัติอย่างเดียวไม่มีพวกที่ปรับ manual ได้ ผมดูถูกลูกค้าหรอครับ ผมเจาะลูกค้าเฉพาะกลุ่มที่ไม่ต้องการตั้งอะไรมากต่างหาก แล้วเกิดกล้องที่สร้างติดตลาดขึ้นมา คนเรียกร้องให้สร้างกล้อง manual เยอะๆ กลายเป็นว่าผมดูถูกลูกค้าว่าโง่หรอครับถ้าผมไม่ต้องการทำ ผมว่าการทำอะไรตามลูกค้า ก็ต้องอยู่ในเส้นทางของบริษัท หรือของ product ไม่งั้นสะเปะสะปะไปหมด ซึ่งจุดนี้ Apple แข็งมา ไม่ไหวไปตามเสียงลูกค้า ทำให้ product แต่ละชิ้นมาในแนวทางเดียวกันหมด คือเน้นเสถียรภาพ และการใช้งานที่ง่าย (ในแบบ apple ที่ปรับอะไรมากไม่ได้ sync ผ่าน iTunes ทั้งหมดเองโดยไม่ต้องทำอะไร) ไม่ได้ว่าดีหรือไม่ดีนะครับ แต่เป็นจุดที่ทำให้ apple ต่างจากคู่แข่ง

เรื่องดีหรือไม่ดี ผมคิดว่ายังไงผลก็ต้องออกมาจากยอดขายในอนาคต แต่ผมไม่เห็นด้วยเลยที่บริษัทจะผลิตตามแบบที่เค้าเลือกแล้วต้องมีคนมาโวยวายอะไรกันขนาดนี้ ในกรณีของสินค้าที่แข่งขันกันได้ และไม่ได้ไปลดสิทธิตามข้อตกลงตอนซื้อ

การกำหนดไม่ให้คนใช้ ไม่เกี่ยวกันเลย กับเกียร์ออโต้ กล้องถ่ายรูป ครับ

กรณีนี้ Apple เป็นคนบอกเองว่าต้องการสร้าง web experience ที่ดีที่สุด มันไม่ได้เกี่ยวกับว่าสามารถใช้เจ้ายี่ห้ออื่นได้ แต่มันเป็นการ 'กีดกันจากสิ่งที่มันทำได้ และมีคนอยากทำ อยากใช้'

Apple ได้บอกผู้ใช้ หรือผู้ซื้อไหมครับ ว่าไอ้กรอบสี่เหลี่ยมที่ i ต่างๆมันเล่นไม่ได้ เกิดจากการปิดกั้นของ Apple เอง และไม่มีทางทำให้มันเล่นได้แม้จะอยากให้มันเล่นได้และสามารถทำได้? เกียร์ออโต้ กล้องอัตโนมัติมันเป็นสิ่งที่คนเลือกซื้อมาใช้เอง แต่การซื้อ i ต่างๆมา 'ลูกค้าไม่ได้เลือกว่าจะไม่ใช้ Flash'

เข้าใจคำว่าทำได้ กับทำไม่ได้ไหมครับ?
และใช่ครับ ผู้บริโภคมีสิทธิ์เลือก คนที่ไม่ชอบสิ่งนี้ของ Apple จึงไปเลือกซื้อยี่ห้ออื่นแล้วกลับมาบอกข้อเสียข้อนี้ของ Apple ไงครับ แล้วคุณเป็นใครหรือครับ จึงต้องมา defend Apple จากข้อเสียที่คนอื่นบอก? คุณเป็นเพียงผู้ใช้คนหนึ่งไม่ใช่หรือ? การที่ Apple จะเปิด 'option' ให้ใช้ Flash มันทำให้คุณเดือดร้อน หรือผู้ใช้อื่นเดือดร้อนหรือครับ เพราะถ้าเสนอทางเลือกที่เหมาะสมกว่าการปิดกั้นได้ ผู้ใช้จะไม่เดือดร้อนแน่นอน กลับกันจะได้รับผลประโยชน์เพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ

คุณจะให้ผู้บริโภคทำอย่างไรครับ? พูดถึงข้อดีโดยไม่พูดถึงข้อเสียเลย?

ปล. การ block Google Voice นี่เป็นการ'สร้างประสบการณ์ที่ดี'ให้กับผู้ใช้หรือเปล่าครับ

เรื่อง web experience นี่ก็ยาวครับ ต่างคนต่างก็ยกเหตุผลมาอ้างว่า Flash ใช้กันเยอะจริง แต่ไม่ใช่มาตรฐาน ถือเป็นสิ่งที่เว็บเบราวเซอร์ต้องมีได้หรือไม่ อันนี้แล้วแต่คนคิดครับ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน

เรื่องเล่น Flash ไม่ได้ที่เป็นกรอบสีฟ้า เกิดจากการปิดกั้น? ในเมื่อ resource หรืออะไรก็ตามที่ apple มีให้ 3rd party app ไม่พอสำหรับ Flash แล้วไม่ทำเพิ่มให้ Flash เป็นการปิดกั้น? ถ้าอะไรที่ 3rd party คนอื่นได้ แต่ Adobe ไม่ได้ อันนั้นสิเรียกว่าปิดกั้น ไม่งั้นต่อไปเกิดอยากทำ Flash ลงในตู้เย็น เจ้าของตู้เย็นต้องไป mod ให้ตู้เย็นลง Flash ได้? (ผมยกตัวอย่างเว่อให้เกิด contrast นะ) และมันเป็นสิ่งที่ไม่มีใน iPhone อยู่แล้ว ทำไมถึงเป็นเรื่องเลือกได้หรือเลือกไม่ได้ ในเมื่อตอนซื้อมันไม่มี iPhone ก็เป็นสิ่งที่คนเลือกซื้อมาใช้เองหนิครับ โทรศัพท์ตั้งแต่ก่อน iPhone มา แทบจะไม่มีรุ่นไหนที่มีการอัพเดต software เพิ่มความสามารถเลย พอเป็น iPhone และไม่อัพเดตสิ่งที่คนใช้ต้องการกลายเป็นสิ่งผิด?

เรื่องข้อดีข้อเสีย ผมว่าทั่วไปนะ ใครจะมาแจกข้อเสียให้คนอื่นฟัง ตอนกล้องอัตโนมัติเกิดใหม่ผมเชื่อว่าเค้าก็ต้องโฆษณาเฉพาะเรื่องถ่ายง่าย คงไม่มาโฆษณาว่าจะตั้งอะไรได้ลดลง คุณภาพภาพสู้ไม่ได้หรอกครับ
Adobe เองก็ไม่ได้พูดถึงข้อเสียของ Flash เหมือนกัน ว่าจะมาพร้อมกับ bug ซึ่งของเดิมที่ออกก่อนบน mac กับ linux ยังแก้ไม่หมดเลย ต่อไปถ้าออก mobile แล้วจะแก้ทุก platform ไหวหรือ

การ block google voice ผมว่าเป็นเรื่องธุรกิจ ผมไม่เห็นด้วย รวมถึง Google Latitude ที่โดนบล็อคบอกว่าฟังก์ชั่นซ้ำกับ maps ผมก็ไม่เห็นด้วย

หลายอย่างผมก็ไม่เห็นด้วยกับ Apple นะ เรื่อง Flash ผมก็อยากให้มี แต่เมื่อเค้าไม่ทำ ก็เป็นสิทธิของเค้านะ มันคือ product นึงของเค้า และเค้ามีสิทธิตัดสินใจใน product เค้าที่จะออกมาใหม่อย่างไร ถ้าไม่ชอบก็ซื้ออย่างอื่น

เกียร์ออโต้ไม่ได้ทำมาเพื่อดูถูกคน แต่ทำให้ไม่เมื่อยเท้าเวลารถติด และก็ไม่ต้องลำบากมากเวลาติดบนทางชัน
กล้องถ่ายรูปอัตโนมัติ มันก็ตั้งค่าได้ตั้งเยอะแยะ เพียงแต่ค่า default มันมาดีอยู่แล้ว สำหรับคนที่ไม่ค่อย
สนใจจะตั้งค่าอะไร ก็ใช้งานได้ ซึ่งแตกต่างกับกรณีผลิตภัณฑ์ของ apple ที่ไม่ support flash มันไม่
ได้ทำให้ชีวิตผู้ใช้ง่ายขึ้น ถ้าวันหนึ่งต้องการเข้าถึง contents ที่เป็น flash โอว...บระเจ้า ทำไม่ได้
ชีวิตมันยุ่งยากแล้ว ถ้ายังคลั่งไคล้ที่จะใช้อยู่คงต้องแบก สองเครื่อง apple หนึ่งยี่ห้ออื่นหนึ่ง ผมว่าผู้ใช้ส่วนหนึ่ง
ชอบ design ของแอปเปิลและรับรู้ว่ามันเล่น flash ไม่ได้ (คนพวกนั้นไม่ใช่ geek แต่มีตา มีหู มีปาก
มี... เหมือน geek เพราะคนเหมือนกัน) เวลาจะเสียตังซื้ออะไร มันก็ต้อง compare อยู่แล้วใน web ก็มี
มากมาย แค่นึกไม่ถึงว่าในอนาคตจะจำเป็นต้องใช้ แต่มันกลับใช้ไม่ได้

อย่างไรก็ตามการที่ผลิตภัณฑ์ของ apple ไม่ support flash มันก็ไม่ได้เป็นการดูถูกคน
เพียงแต่มันทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถเข้าถึงสิ่งที่เค้าต้องการได้ ถ้าสิ่งๆนั้นเป็น flash แต่การไม่มี flash
เพื่อจะบอกในทำนองว่าให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่ผู้ใช้นั้น ก็ดูจะแถๆเหมือนกัน

เหตุผลหนึ่งที่ผมไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ของ apple เพราะมันไม่ support flash แต่ช่างมันเถอะไม่มีใครผิด

เรื่องต้องการให้สิ่งที่ดีที่สุดให้ผู้ใช้ อันนั้นมันก็คำโฆษณาอยู่แล้วแหละครับ แต่หลายๆ อย่างที่เค้าทำ เค้าก็ทำให้คนเชื่อได้เหมือนกัน แต่ที่สุดแล้วทุกบริษัททำเพื่อผลกำไร (นอกจากพวกองค์กรการกุศลนะ)

ก็จริงแฮะ= ='' ตอนiPhoneออกมารอบแรกนี่แทบช็อค แต่ว่า....
ก็มีเสียงบ่นอื่นๆจากลูกค้าแอปเปิ้ลเช่นกัน เพียงแต่ไม่ได้นำออกข่าวกันคึกโครมเท่ากับข่าวนี้เท่านั้นเอง

เพื่อนผมพยายามใช้ Legend(2.1)เพื่อเล่นเกม Restaurant City บน facebook
ปรากฏว่าเปิดไปได้ซักพัก เครื่องมันขึ้นฟ้องว่า RAM ไม่พอ... มี Flash ก็อดเล่นอยู่ดี 555

ถ้าคุณเป็นนักพัฒนา คุณคงไม่อยากให้ Flash ที่มีความไม่แน่นอนมารันอยู่บนสิ่งที่คุณพัฒนาขึ้นมาหรอกคับ

ปล.ปัจจุบันผมเลิกเล่นเกมบนเฟสบุ๊คไปแล้วเพราะลำคาญอาการกิน cpu จาก flash มาก

แน่อนผมไม่อยาก แต่ความอยากไม่อยาก มันไม่น่าจะเป็นปัจจัยหลัก

ปล. ผมยังเล่นเกม facebook อยู่และเล่นหนักมาก ยิ่งภัตราคารเนี่ย
กิน CPU เยอะมากถ้าแต่งร้าน แต่ช่างมันเถอะ ผมรับได้ ผมแค่อยากมีร้านอาหารสวยๆ
ขนาด server ไม่ stable ผมยังพยายาม reconnect ซ้ำๆ เลยแล้ว ภาษาอะไรกะแค่
CPU พุ่งและช้าในบางทีจะทำให้ผมรำคาญจนเลิกเล่นได้

จริงๆถ้าคนเล่นเกมเนี้ยเขาไม่สนหรอกว่า cpu มันจะพุ่งไปเท่าไร เขาสนแต่ว่าเกมมันสนุกไหม อยากถามว่ามีเกมอะไรไม่กิน cpu มั่ง?

ข่าวนี้ใช้คำว่า love แทนรูปหัวใจ ข่าวก่อนใช้ (heart) แทนรูปหัวใจ น่าจะปรับให้เหมือนกันหรือเปล่าครับ เขียนลักษณะเดียวกัน แต่เอามาสองข่าวแล้วเหมือน Adobe เขียนคนละแบบกันเลย

ตอนข่าวก่อนเห็น Jobs บ่น Flash อย่างโน้นอย่างนี้จนคล้อยตามไปแล้ว ดันมีข่าว Apple ทำ runtime ด้วยตัวเอง+ข่าวนี้ และ เทียบ html5 กะ flash ผลบอกว่า html5 ยังอีกไกล ตอนนี้ก็เชียร์ Adobe ครับ จะดูว่า Apple มาแก้ตัวยังไง (เราจะคล้อยตามอีกรอบได้มั้ย)

มันคนละความคิดกันนะฝั่งผู้ใช้ขอให้สะดวกที่สุดปัญหาน้อยที่สุดในราคาที่ยอมรับได้เป็นพอ ฝั่งผู้พัฒนาต้องขวนขวายมาเอง ต้องตอบโจทย์ลูกค้าให้ได้ ธุรกิจมันก็แบบนี้

boatboat001 Sat, 05/15/2010 - 01:23

RT @adamwilcox Dear Adobe, when the name of your "open" product contains two uses of ® then it isn't open. http://www.adobe.com/choice/

ที่มา - http://twitter.com/adamwilcox/status/13985132838

Apple
public://topics-images/apple_webp.png
SCB10X
public://topics-images/347823389_774095087711602_515970870797767330_n_webp.png
Windows 11
public://topics-images/hero-bloom-logo.jpg
Doom
public://topics-images/doom_logo.png
Huawei
public://topics-images/huawei_standard_logo.svg_.png
Threads
public://topics-images/threads-app-logo.svg_.png
Google Keep
public://topics-images/google_keep_2020_logo.svg_.png
Fortnite
public://topics-images/fortnitelogo.svg_.png
Instagram
public://topics-images/instagram_logo_2022.svg_.png
SCB
public://topics-images/9crhwyxv_400x400.jpg
Microsoft
public://topics-images/microsoft_logo.svg_.png
Basecamp
public://topics-images/bwpepdi0_400x400.jpg
Tinder
public://topics-images/hwizi8ny_400x400.jpg
FTC
public://topics-images/seal_of_the_united_states_federal_trade_commission.svg_.png
Pinterest
public://topics-images/pinterest.png
Palantir
public://topics-images/-nzsuc6w_400x400.png
AIS Business
public://topics-images/logo-business-2021-1.png
PostgreSQL
public://topics-images/images.png
JetBrains
public://topics-images/icx8y2ta_400x400.png
Krungthai
public://topics-images/aam1jxs6_400x400.jpg
Palworld
public://topics-images/mccyhcqf_400x400.jpg
Bill Gates
public://topics-images/bill_gates-september_2024.jpg
VMware
public://topics-images/1nj4i1gp_400x400.jpg
Take-Two Interactive
public://topics-images/0khle7nh_400x400.jpg
OpenAI
public://topics-images/ztsar0jw_400x400.jpg
Thailand
public://topics-images/flag_of_thailand.svg_.png
NVIDIA
public://topics-images/srvczsfq_400x400.jpg
ServiceNow
public://topics-images/ytnrfphe_400x400.png
PS5
public://topics-images/playstation_5_logo_and_wordmark.svg_.png
Klarna
public://topics-images/urcllpjp_400x400.png
Google Play
public://topics-images/play.png
Drupal
public://topics-images/drupal.png
Virtua Fighter
public://topics-images/virtua_figther_2024_logo.png
Paradox Interactive
public://topics-images/paradox_interactive_logo.svg_.png
Europa Universalis
public://topics-images/europa-icon.png
Nintendo Switch 2
public://topics-images/mainvisual.png
Cloudflare
public://topics-images/cloudflare_logo.svg_.png
Samsung
public://topics-images/samsung.png
Google
public://topics-images/google_2015_logo.svg_.png
Uber
public://topics-images/uber.png
Microsoft 365
public://topics-images/m365.png
USA
public://topics-images/flag_of_the_united_states.svg_.png
GM
public://topics-images/0pe0po-z_400x400.jpg
Perplexity
public://topics-images/perplex.jpg
Xperia
public://topics-images/xperia.png
iOS 18
public://topics-images/ios-18-num-96x96_2x.png
True
public://topics-images/true_logo.png
SoftBank
public://topics-images/softbank.jpg
Pac-Man
public://topics-images/pacman.png
Harry Potter
public://topics-images/harry.png
Marvel
public://topics-images/marvel.png
Skydance
public://topics-images/skydance.png
SEA
public://topics-images/sealogo.png
Find My Device
public://topics-images/find.png
Gemini
public://topics-images/google_gemini_logo.svg__1.png
Accessibility
public://topics-images/accessibility-128x128_2x.png
Material Design
public://topics-images/m3-favicon-apple-touch.png
Android 16
public://topics-images/android16.png
Android
public://topics-images/android_0.png
Firefox
public://topics-images/firefox_logo-2019.svg_.png
Google Messages
public://topics-images/messages.png
Notepad
public://topics-images/notepad.png
Singapore
public://topics-images/flag_of_singapore.svg_.png
Airbnb
public://topics-images/airbnb.png