ผมเชื่อว่าผู้อ่าน Blognone คงไม่มีใครไม่รู้จัก Norton โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ยอดนิยม Norton Antivirus (หรือถ้าใครแก่พอจะทัน Norton Commander ก็ไม่ว่ากันนะครับ :P)
แม้ว่าจะเป็นเจ้าตลาดมานาน แต่ภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ตรา Norton ในสายตาของพวกเรา คงหนีไม่พ้นประโยคทำนองว่า "ช้า กินแรงเครื่องมาก น่ารำคาญ จับไวรัสได้น้อย" อันเนื่องมาจากความประทับใจใน Norton รุ่นเดิมๆ ที่สร้างชื่อ (เสีย) ไว้มาก
หลายคนจึงหนีไปใช้ผลิตภัณฑ์แอนตี้ไวรัส (หรือรักษาความปลอดภัยที่เป็นมากกว่าแอนตี้ไวรัส) ค่ายอื่นๆ ซึ่งก็มีตัวเลือกมากมายในตลาด รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ฟรีอย่าง Microsoft Security Essentials, AVG หรือ Avast! เป็นต้น
ทางบริษัทแม่อย่าง Symantec คงเห็นส่วนแบ่งการตลาดลดฮวบฮาบ เลยถึงเวลาต้องยกเครื่องครั้งใหญ่ จึงเป็นที่มาของ Norton Internet Security 2009 คิดใหม่ ทำใหม่ ที่ว่ากันว่าเร็วขึ้นมาก อย่างไรก็ตาม ผมก็ไม่เคยกลับไปใช้ Norton อีก เพราะมีผลิตภัณฑ์ฟรีที่ใช้งานได้ดีให้เลือกอยู่ในตลาดอยู่แล้ว (โดยส่วนตัวผมใช้ Microsoft Security Essentials ซึ่งเป็นสิทธิ์ของคนซื้อ Windows 7 แผ่นแท้อยู่แล้ว)
จนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่ง ทางตัวแทนของ Symantec ในไทยได้ส่ง Norton 360 มาให้หนึ่งกล่อง เลยลองเล่นเสียหน่อย เพื่อดูว่าโลกพัฒนาไปมากแล้ว Norton เพื่อนเก่าของเราเป็นอย่างไรบ้าง และนี่คือรีวิว (แบบผ่านๆ) ของ Norton 360 เวอร์ชัน 4.0 ครับ
หมายเหตุ: รีวิวอันนี้สนใจเรื่องฟีเจอร์และประสบการณ์ในการใช้งาน ผมไม่มีความรู้และเครื่องมือพอที่จะทดสอบอัตราการตรวจจับไวรัสหรือภัยคุกคามประเภทอื่นๆ ได้ คนที่สนใจผลการทดสอบในระดับนี้ สามารถอ่านได้จาก white paper ด้านความปลอดภัยของต่างประเทศ ซึ่งก็มีอยู่หลายเจ้าในท้องตลาดครับ
Norton 360 เป็นผลิตภัณฑ์ที่ถือว่าใหม่มากของบริษัท Symantec บอกตามตรงว่าตอนแรกที่ผมได้มา ก็งงเหมือนกันว่า Norton 360 คืออะไร ต่างจากผลิตภัณฑ์อย่าง Norton Antivirus หรือ Norton Internet Security อย่างไรบ้าง
บนเว็บของ Symantec มีคำตอบครับ
ตอนนี้ผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัยสำหรับพีซีจาก Symantec มีรุ่นหลักๆ อยู่ 3 ตัว
สรุปสั้นๆ ว่า Norton 360 ถือเป็นชุดซอฟต์แวร์ด้านความปลอดภัยและการบำรุงรักษาพีซีรุ่นใหญ่ที่สุดของ Symentec ในขณะนี้ เวอร์ชันล่าสุดคือ 4.0 (น่าสนใจที่ไม่นับเป็นเลขปีเหมือนกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ)
รายละเอียดของฟีเจอร์ในแต่ละรุ่น ดูจาก ตารางเปรียบเทียบของ Symantec ชัดเจนดี
ราคาขายของ Norton 360 แบบใช้งานได้หนึ่งปีและมีพื้นที่แบ็คอัพ 2GB อยู่ที่ 79.99 ดอลลาร์ ส่วนราคาในไทย ผมดูจาก Symentec Store อยู่ที่ 2,699 บาท ส่วนราคาของ Software.co.th อยู่ที่ 3,140 บาทครับ ใครจะซื้อรบกวนเช็คราคากันอีกทีด้วย
หมายเหตุ: เรื่องพื้นที่แบ็คอัพจะกล่าวต่อไปในภายหลัง แต่เราสามารถซื้อเพิ่มได้ถ้าพื้นที่ไม่พอใช้ หรือจะซื้อ Norton 360 Premier Edition ที่เพิ่มพื้นที่มาเป็น 25GB ให้เลยก็ได้ (ราคาเพิ่มเป็น 99.99 ดอลลาร์)
การติดตั้ง Norton 360 ไม่มีอะไรซับซ้อน เป็นการติดตั้งโปรแกรมบนวินโดวส์ทั่วไปครับ ผมมีปัญหานิดนึงตรงที่แพกเกจของ Norton 360 ที่ได้มายังเป็นแผ่นซีดี ซึ่งโน้ตบุ๊กของผมไม่มีไดรว์ DVD แล้ว (และคิดว่าของหลายคนก็เริ่มจะไม่มีเช่นกัน) ทำให้ต้องลำบากไปหา external DVD มาเสียบ
ลองไปค้นดูในเว็บของ Symantec พบว่าเค้ามี Norton 360 Netbook Edition ที่สื่อติดตั้งเป็น USB drive มาเลย (ในราคาเท่ากับรุ่นปกติ) ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี และหวังว่าในอีกไม่ช้า มันจะกลายเป็นมาตรฐานสำหรับซอฟต์แวร์แบบกล่องนะ
หน้าจอใส่คีย์ตามมาตรฐาน
เช่นเดียวกับโปรแกรมในตระกูลความปลอดภัย ต้องดาวน์โหลดแพตช์ล่าสุดก่อนติดตั้ง เพื่อความปลอดภัย
เสร็จเรียบร้อยก็จะได้หน้าต่างหลักแบบที่เห็น
จากภาพจะเห็นว่า Norton 360 แบ่งออกเป็น 4 ส่วนใหญ่ ๆ พร้อมเครื่องมือเสริมอื่น ๆ ทั้งในขอบบนและขอบล่างของหน้าต่าง เรามาดูกันทีละส่วนครับ
ส่วนนี้คือ Norton Antivirus และ firewall นั่นเองครับ เมื่อกดเข้ามาเราจะเห็นหน้าต่างรวมข้อมูลของส่วน PC Security
ส่วนของโปรแกรมแอนตี้ไวรัสคงไม่ต้องลงรายละเอียดนะครับ ไม่มีอะไรแตกต่างจากแอนตี้ไวรัสปกติแต่อย่างใด
การดาวน์โหลดไฟล์จากอินเทอร์เน็ตจะถูกแสกน แล้วขึ้นความปลอดภัยเป็นป๊อปอัพ อันนี้มาตรฐานเช่นกัน
Firewall สามารถระบุ rule ได้อย่างละเอียด (เหมาะสำหรับ power user)
Norton Insight - Application Ratings บอกข้อมูลของโพรเซสที่รันอยู่ในรูปแบบง่ายๆ เช่น บอกระดับของทรัพยากรที่ใช้ด้วยสี บอกระดับความน่าเชื่อถือโดยเทียบกับฐานข้อมูลของ Symantec และจำนวนผู้ใช้งานคนอื่นๆ
Norton Insight ยังสามารถเช็คข้อมูลของแต่ละไฟล์ได้ด้วย โดยแสดงข้อมูลจากผู้ใช้คนอื่นๆ ในฐานข้อมูลของ Symantec เป็นตัวเปรียบเทียบ ตัวอย่างนี้ทดสอบกับไฟล์ DLL ของโครงการ LAME ซึ่งผู้ใช้ Audacity ทุกคนน่าจะต้องเคยเห็น
หมวดนี้เกี่ยวข้องกับการป้องกันข้อมูลส่วนตัวบนอินเทอร์เน็ตครับ ในตัวโปรแกรม Norton 360 เอาไว้ตั้งค่าเท่านั้น การใช้งานจริงๆ อยู่บนเว็บเบราว์เซอร์แทน
เมื่อเราติดตั้ง Norton 360 แล้ว เปิด Firefox (หรือ IE) ขึ้นมาจะพบกับทูลบาร์ของ Norton ถ้าดูละเอียดสักนิดจะเห็นว่ามันเป็น extension (ตอนนี้ยังไม่รองรับ Chrome)
บนทูลบาร์ของ Norton มีปุ่มอยู่ 2 ปุ่ม เอาทีละอันนะครับ ปุ่มแรกชื่อ Norton Protection ช่วยเตือน "ความเสี่ยง" ของเว็บที่เราเข้าในขณะนั้น (หลักการทำงานคล้ายๆ กับบริเวณ favicon ของเบราว์เซอร์หลายๆ ตัวในตอนนี้ล่ะครับ) สถานะปกติจะเป็นสีเขียวพร้อมเครื่องหมายถูก เหมือนในรูปข้างบน
ถ้าเข้าเว็บที่มีข้อมูลของผู้ขายสินค้า ไอคอนจะมีรูปรถเข็นเพิ่มเข้ามา ตัวอย่างนี้คือ Facebook
หรือเว็บที่มีความปลอดภัยสูง จะเป็นรูปโล่ (ตัวอย่างนี้คือ Amazon มันควรจะเป็นรูปรถเข็นมากกว่านะ)
แน่นอนว่าเว็บที่เป็นภัยคุกคามผู้ใช้อินเทอร์เน็ต มันจะเตือนเป็นสีแดงครับ
ฐานข้อมูลที่ใช้เป็นของ Symantec เอง ไม่ใช่ของกูเกิลแบบที่ Firefox/Chrome ใช้ ตัวอย่างที่ต่างกันชัดเจนคือเว็บของกรมประชาสัมพันธ์ที่กูเกิลขึ้นเตือน แต่ Norton บอกไม่มีปัญหา
นอกจากขึ้นไอคอนเตือนในทูลบาร์แล้ว มันยังขึ้นเตือนในผลลัพธ์การค้นหาด้วย (บางคนอาจไม่ชอบเพราะดูรกตา)
เตือนภัยในหน้าผลลัพธ์การค้นหาได้เหมือนกัน
ไม่ใช่เฉพาะกูเกิล แต่ยังรองรับ Bing ด้วย (ผมลองกับ Yahoo! ก็ได้นะ)
โดยสรุปแล้วผมว่าฟีเจอร์นี้แนวคิดดี เพียงแต่มันยังไม่สามารถนำเสนอประโยชน์ที่เหนือกว่าฟีเจอร์แบบเดียวกันที่มากับเบราว์เซอร์ได้มากนัก (คือเบราว์เซอร์เตือนก็น่าจะพอแล้วสำหรับคนทั่วไป)
ปุ่มที่สองชื่อว่า Identity Safe Cards & Logins อธิบายง่ายๆ ว่ามันคือตัวช่วยกรอกฟอร์มและรหัสผ่านนั่นเองครับ ก่อนใช้งานต้องสร้าง profile ในหน้าต่างของ Norton 360 ก่อน
เมื่อสร้าง profile และกรอกข้อมูลส่วนตัวเรียบร้อย เวลาเจอหน้าที่มีฟอร์มให้สมัครสมาชิกเว็บ (รวมถึงรหัสผ่าน) Norton จะขึ้นป๊อปอัพมาถามเราว่า อยากให้ช่วยกรอกหรือไม่
ถ้าต้องการก็ตอบตกลง ฟอร์มส่วนที่ Norton ช่วยกรอกจะแสดงเป็นสีเขียว เพื่อบอกว่าอันนี้ข้อมูลปลอดภัย Norton ช่วยกรองให้แล้ว อะไรประมาณนี้
ผมคิดว่าเบราว์เซอร์หลายตัวก็มีความสามารถด้านเก็บข้อมูลส่วนตัวเพื่อช่วยกรอกฟอร์ม และตัวจัดการรหัสผ่าน ฟีเจอร์นี้ของ Norton 360 จึงไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่นัก เพียงแต่มันช่วยให้เราสบายใจกว่าเดิม ว่ามี Symantec รับประกันคุณภาพ
อันนี้เป็นฟีเจอร์เฉพาะของชุด Norton 360 โดยตรง มันช่วยแบ็คอัพข้อมูลสำคัญๆ ลงดิสก์ภายนอกอื่นๆ หรือจะเลือกแบ็คอัพผ่าน cloud ไปไว้ที่เซิร์ฟเวอร์ของ Symantec ก็ได้ ในชุด Norton 360 ให้เนื้อที่ 2GB เท่ากับบริการคู่แข่งอื่นๆ อย่าง Dropbox หรือ Ubuntu One อยากได้ที่เพิ่มก็ต้องจ่ายเพิ่มตามสูตร
หน้าต่างแบ็คอัพไม่มีอะไรพิสดาร แค่เลือกชุดของไฟล์ที่ต้องการแบ็คอัพ และช่วงเวลาที่ต้องการให้ Norton รันแบ็คอัพให้เท่านั้น
ผมไม่ได้ลองทำไฟล์เสียแล้ว restore นะครับ :P คงกล่าวถึงเรื่องแบ็คอัพได้แค่นี้ แต่ถ้าให้เทียบบริการลักษณะเดียวกัน ก็ต้องบอกว่า Dropbox ทำได้เท่ากันในราคาถูกกว่า
อธิบายแบบคนแก่ๆ ก็ต้องบอกว่ามันคือ Norton Utilities แบบลดรูปนั่นเอง
มันสามารถทำการปรับปรุงพื้นที่บนดิสก์, ล้าง registry, วิเคราะห์ปัญหาของเครื่อง และจัดการกับ startup ของระบบ (ฟีเจอร์หลายอันในนี้ หาได้ใน CCleaner ซึ่งแจกฟรี)
เรื่องการล้าง registry และไฟล์ชั่วคราวต่างๆ คงไม่ต้องกล่าวละเอียดนะครับ แค่สแกนแล้วกดล้างไปตามปกติ
Diagnosis Report คือรายงานปัญหาของเครื่อง มันจะคล้ายกับ Action Center ของ Windows 7 แต่ละเอียดกว่า ครอบคลุมเรื่อง Windows Update, โปรแกรมที่ติดตั้ง และฮาร์ดแวร์ได้ด้วย
การใช้งานไม่ต่างอะไรกับการเปิด Control Panel, Device Manager หรือ Windows Update ขึ้นมาเอง เพียงแต่มีรายงานสรุปพร้อมสัญลักษณ์ให้ดูง่ายๆ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
Startup Manager ช่วยจัดการโปรแกรม startup ที่แอบไปซุกอยู่ใน registry ฟีเจอร์นี้มีใน CCleaner เช่นกัน แต่ของ Norton สามารถสั่งให้ delay startup ได้ด้วย
นอกจาก 4 หมวดหลักของโปรแกรมแล้ว Norton 360 ยังมีเครื่องมืออื่นๆ มาให้อีกไม่น้อยเลยครับ
เริ่มจาก Norton Tasks เป็นลูกผสมของ Task Manager กับ scheduler สำหรับรันฟีเจอร์ต่างๆ ของ Norton 360
ข้างบนเป็นกราฟแสดงโหลดของระบบ (ที่ผมชอบคือแสดงโหลดของโปรแกรม Norton 360 เป็นสีเหลืองควบคู่ไปด้วย เป็นการบอกว่า "ตูไม่ได้กินโหลดนะเว้ย" แบบอ้อมๆ) ส่วนข้างล่างเป็นตารางงานพวกแสกน, อัพเดตฐานข้อมูลไวรัส ฯลฯ ที่จะรันเวลาเครื่องไม่ถูกใช้งาน
Network Security Map วิเคราะห์ความเสี่ยงจากเครื่องที่อยู่ในวงแลนเดียวกัน อันนี้ก็ดูเข้าใจง่ายดีครับ
System Insight แสดงประวัติของระบบทั้งหมด ตั้งแต่ติดตั้ง Norton 360 ไม่ว่าจะเป็นประวัติการสแกนไวรัส การอัพเดตฐานข้อมูลไวรัส การแบ็คอัพ รวมไปถึงการติดตั้งโปรแกรมของเรา และความเสี่ยงต่างๆ ที่เกิดขึ้น
หน้าต่างนี้แสดงเป็นไอคอนพร้อม timeline แยกเป็นเดือนสวยงาม ดูง่ายดี (โดยเฉพาะเวลาที่มีปัญหา)
แต่ถ้าอยากดูข้อมูลแบบละเอียดก็มี log manager ให้ดูเช่นกัน
Norton 360 รองรับ Windows 7 เป็นอย่างดี มีฟีเจอร์เล็กๆ น้อยๆ อย่างพวก jump list ให้ด้วย
ผมลองใช้งาน Norton 360 มาเกือบเดือน สามารถตอบคำถามที่ทุกคนสงสัยว่า "หน่วงไหม" ได้ว่า "ไม่หน่วงแล้วครับ" ยืนยัน ลืมภาพลักษณ์เดิมๆ ของ Norton ไปได้เลย
ในแง่ฟีเจอร์โดยรวม เท่าที่ว่ามาทั้งหมด ผมคิดว่า Norton 360 มีมาให้พร้อมสรรพไร้ข้อกังขา การทำงานระหว่างฟีเจอร์แต่ละอันนั้นประสานงานกันเป็นอย่างดี โดยรวมแล้วคิดว่า Symantec ทำได้ยอดเยี่ยมเลยล่ะ
ประเด็นอยู่ที่ว่า ผมสามารถใช้งานฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการบำรุงรักษาระบบในลักษณะเดียวกัน ได้จากโปรแกรมฟรีในท้องตลาด เช่น
ได้อยู่แล้ว (ถ้าให้ประเมินก็ประมาณ 70% ของสิ่งที่ Norton 360 ทำได้) คำถามจึงไปอยู่ที่ว่า เราควรเสียเงิน 79.99 ดอลลาร์ ให้ Norton 360 หรือเปล่า?
คำตอบคงขึ้นกับปัจจัยของแต่ละคน คงฟันธงได้ยาก ผมพอสรุปเป็นแนวทางได้ว่า ถ้าเป็นลูกค้าองค์กรที่เน้นความปลอดภัยของข้อมูล และมีเงิน (บริษัท) จ่าย ควรซื้อ ส่วนผู้ใช้ตามบ้านทั่วไป ใช้ของฟรีคุ้มกว่า
Comments
ที่ย่อหน้าที่ก่อนสุดท้าย 79.99$ ครับ ไม่ใช่ 77.99%
แก้ไขแล้วครับ
ผมทัน Norton Utilities ครับ :P อ้าว ไม่ได้ถามนิ 555
ฝากสวัสดีคุณลุง Peter ด้วยนะครับ ;-)
ใช่ ผมทันรุ่น 3.0 ที่ลงเสร็จจะมีลุง Peter Norton ออกมาบอกว่า
Thanks for choosing me อะไรประมาณนี้ มีน้องผู้หญิงบอกว่า "หล่อ" ดีด้วย อิอิ
เนื่องจากสภาพแวดล้อมของตลาด และความรู้พื้นฐานของผู้ใช้เปลี่ยนไปมากแล้ว ของฟรีดีๆ ก็แข่งกันนำเสนอ โดยเฉพาะการที่ MS ทำ Anti Virus ซะเอง มีผลกับตลาดนี้เป็นอย่างมาก .. เห็นด้วยกับประโยคสุดท้าย ..
my blog
ทันทั้ง Norton Commander และ Keen Commander (จริงๆต้อง Commander Keen สินะ) แต่ชอบอันหลังมากกว่า:)
My Blog
ผมมีไอเดียเรื่องการใช้แอนตี้ไวรัสแบบเสียเงินฟรีๆ โดยไม่ผิดกม.มาแนะนำครับ
เรื่องมันเกิดจากตอนนี้มีแอนตี้ไวรัสดีๆออกมามากมาย และแต่ละจ้าวเค้าก็ให้เราใช้ฟรีได้ 30 วัน ใน 1 ปีผมก็ลงตัวทดลองเดือนละตัว พอครบปี มันก็ออกเวอร์ชั่นใหม่มา ซึ่งเราก็เวียนใช้แบบฟรีได้อีก
ตอนนี้ผมลงแอนตี้ไวรัสแบบฟรี 30 วัน ได้ 2 จ้าวแล้วเริ่มจาก G Data แล้วตอนนี้ใช้ F-Secure Internet Security 2010 รู้สึกอุ่นใจแบบสบายกระเป๋าดีครับ
ปล.ตะก่อนก็ใช้ของฟรีดีๆนะครับ แต่พอทำแบบนี้ลำบากก็แค่ถอดออกลงใหม่เดือนละครั้ง
เลยเอามาแชร์ครับ
กลัวมีปัญหากับการถอดออกไม่หมดน่ะครับ - - เลยใช้ร่มแดงไปพลาง ๆ
ทัน Norton Commander แสดงว่ามีวุฒิภาวะใช่มะครับ - -"
ถ้าใช้ Windows แท้ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องเสียเงินซื้อโปรแกรม Antivirus ในเมื่อมี MSE มาให้ใช้ฟรี ๆ (แต่ผมใช้ไม่ได้ เพราะมันไม่ยอมอัพเดทผ่าน Proxy)
ส่วน Norton 360 เคยใช้เวอร์ชั่น 3 ก็ถือว่าดี แต่ไม่ประทับใจเนื่องจากไม่ชอบอะไรที่วุ่นวายเกินเหตุ (ดูแลตัวเองดีเลยไม่ค่อยชอบให้อะไรมาควบคุมมากนัก)
สามารถอัพเดทโดยดาว์นโหลดไฟล์อัพเดทแบบ Offline มาใช้ได้เลยนี่ครับ จากเว็บ microsoft เองเลยด้วย (รู้สึกจะอัพทุกวันเลยนะ)
ผมเคยจะใช้ แต่ก็ติดปัญหาอัพเดตผ่าน proxy ไม่ได้เหมือนกัน
มันมีให้ download ทุกวันก็จริง แต่คงไม่มีใครมานั่งโหลดเองทุกวันอ่ะครับ
รู้ครับ แต่ประเด็นคือมันสมควรหรือไม่ ในเมื่อตัวอื่นอัพผ่าน Proxy ได้ (เสียดายเหมือนกันนะคับ)
ประเด็นที่ผมบอกแบบนั้น เพราะเห็นบอกว่า ใช้ไม่ได้เพราะมันไม่ยอมให้อัพผ่าน Proxy ไงครับ ส่วนเรื่องอัพเดทสะดวกหรือไม่ ผมก็ว่ามันมีข้อดี-ข้อเสียต่างกันนะ บางเจ้าก็กลับกัน อัพเดทออนไลน์ได้ อัพเดทผ่าน proxy ได้ แต่อัพเดทออฟไลน์ลำบาก (มากบ้างน้อยบ้าง หรือไม่ได้เลย) ใจผมชอบ Norton เพราะเค้ารองรับทุกแบบเลยนี่ล่ะ (มานานแล้วด้วย) ซึ่งมันมีผลต่อคนใช้แบบผม ที่ไม่ได้มีคอมทุกเครื่องที่ต่อเน็ทตลอดเวลา และไม่จำเป็นที่คอมทั้งหมดจะต้องไปออนไลน์โหลดไฟล์อัพเดทมาเองทุก ๆ วัน โหลดมาไฟล์เดียว อัพเดทได้ทั้งองค์กร ผมจึงมองว่ามันเป็นฟังก์ชั่นที่ควรปรับปรุงให้มีมากกว่า
เจ้าอื่น ๆ ที่ฟรีอย่าง Avast ถ้าเครื่องไม่ได้ต่อเน็ต ก็แทบหมดสิทธิ์ลงด้วยซ้ำอย่าว่าแต่อัพเดทเลย
ส่วนที่ว่าใครจะไปนั่งโหลดทุกวัน ถ้าคนที่ใช้งานโดยทั่วไปก็ไม่ได้มีความจำเป็นถึงขนาดที่ว่าจะต้อง auto update ทุกวันอยู่แล้วนี่ครับ? ในความคิดผม เดือนละครั้งก็น่าจะถือว่าเพียงพอแล้ว อย่างที่ว่าไปการ auto update ทุกวันก็ใช่ว่าดี เพราะถ้าเราทำอะไรอยู่ที่ไม่ได้ต้องการให้มันอัพ ก็ต้องมาคอยปิดมันอีก ยุ่งยากเหมือนกันนะ?
ทัน แม็คอะฟี กะ นอร์ทัน นี้เรียกแก่แล้วหรือ = ='
ลุงnorton พอหมดอายุนี้ โคตรเกะกะเครื่อง แถม remove ปกติไม่ค่อยจะออกอีก...
ผมชอบแบบธรรมดาสบาย ๆ ตรงเรื่องอย่าง nod32
เครื่องผมแก้ผ้า ไม่ใส่อะไรเลย 555
เครื่องใช้ทำงานทุกวันทั้งวันและใช้คนเดียว ถ้ามีอะไรผิดแปลกไปนิดนึงก็รู้แล้วละว่าโดนของแน่ๆ รีบแก้ไขได้ทันท่วงทีก่อนบู๊ทเครื่องใหม่
เหมือนกันเลยครับ คงต้อง Power User เท่านั้นสินะ :D
ใช้ Norton Internet Security 2010 อยู่ ใช้ได้ดีเลยนะ
Pitawat's Blog :: บล็อกผมเองครับ
ไม่ชอบ Norton Antivirus เพราะมันโดน Conflicker ทะลวงไปหน้าตาเฉย ไม่บล๊อกไรเลย -*-
ทีวี สามมม ร้อยหกสิบองศา :P
บล็อกของผม: http://sikachu.com
"ช้า กินแรงเครื่องมาก น่ารำคาญ จับไวรัสได้น้อย"มาก
อันนี้ผมว่าจริงๆเลยนะครับ พูดถึงก็จะนึกถึงว่า ช้า แล้วก็กินแรงเครื่องมาก
もういい
เดี๋ยวนี้ เรื่องกินแรงเครื่องและน่ารำคาญ คงไม่มีแล้วครับ ผมใช้อยู่ คิดว่า ใช้ง่ายกว่า ตัวอื่นๆหลายตัวเลยครับ แต่เรื่องจับไวรัสได้น้อย อันนี้ยืนยันไม่ได้เหมือนกันครับ แต่เท่าที่ใช้มาก็โอเคดีครับ
ตะก่อนผมก็รู้สึกอย่างนี้ ลงแล้วเล่นเอาขยาดเลย แต่พอมาลอง 2009 แล้วประทับใจมาก ถึงกับซื้อไลเซน IS 2009 มาลงทันทีเลยครับ
ผมว่าอันนี้เป็นความทรงจำที่เคยอยู่ในใจทุกคนน่ะครับ (ผมด้วยคนนึงล่ะ) แต่พอเขาแก้ตัวมาแล้วมันดีขึ้น ก็ต้องให้การยกย่องเขาเหมือนกัน
เขาแก้มาตั้งแต่ version 2009 แล้วครับ ใช้เวลาลงเร็วกว่าหลาย ๆ โปรแกรมด้วยซ้ำ
ตรง "CCleaner สำหรับการดูแลระบบ" เค้าเรียกแบบนั้นหรือครับ? อ่านแล้วรู้สึกแปลก ๆ ในความรู้สึกผมจะเรียกว่าเป็นลักษณะ ปรับแต่งระบบ หรือ ทำความสะอาดระบบ มากกว่า?
CCleaner is the number-one tool for cleaning your Windows PC. It protects your privacy online and makes your computer faster and more secure. Easy to use and a small, fast download.
CCleaner พวกผมไม่ยักกะถูกโรคกะโปรแกรมนี้ ลงเครื่องไหนไปถัดไปซักเดือนก็อาการไม่ดี ไม่ใช้ก็ไม่ยักกะมีปัญหา
$79.99 ผมว่าราคาแรงไปหน่อยสำหรับการใช้งาน 1 ปี
ถ้าเทียบกับราคาโปรแกรมตัวอื่นที่หาซื้อได้ในบ้านเรานะ
ส่วนตัวมองว่า หลังจากผู้ใช้เข็ดกับชื่อเสีย ของ Norton มานาน น่าจะม่แรงจูงใจเรื่องราคามากกว่านี้
ไม่ได้ล้อเล่นนะ น่าจะสัก
Norton 360 : 15$
Internet Security : 10$
Norton Antivirus : 5$
แถมซื้อ หลายๆ ปีได้เช่น Norton Antivirus ซื้อ 3 ปีก็ 15$ ได้ด้วย
ไม่งั้นผมก็คงยังไม่เปลี่ยนในอีกระยะ 2 - 3 ปีนี้แน่ๆ
Ton-Or