ตั้งแต่ยุคแรกเริ่มที่ทวิตเตอร์ได้อุบัติขึ้นมาในโลกนี้ ทวิตเตอร์ยังไม่มีฟีเจอร์มากมายอะไร แค่ส่งข้อความ 140 ตัวอักษรไปๆ มาๆ จนกระทั่งอยู่มาวันนึง กลุ่มผู้ใช้ที่อยากจะส่งต่อข้อความ (tweet) ที่ตัวเองเห็น ให้กับบรรดา follower ของตัวเองด้วย จึงเกิดเป็นวัฒนธรรมการ Retweet (RT) เกิดขึ้น โดยผู้ใช้เอง ไม่ได้มาจากการแนะนำของผู้พัฒนาทวิตเตอร์แต่อย่างใด
รูปแบบการ Retweet ที่ใช้กัน ก็จะไม่มีรูปแบบตายตัวแน่นอน แล้วแต่กลุ่ม เช่น มีผู้ใช้ tweet ข้อความตามนี้มา
thainetizen: "การใช้กูเกิลค้นหาข้อมูลอย่างปลอดภัย http://thainetizen.org/node/2533"
แล้วเราเกิดอยากส่งต่อให้คนอื่น ก็อาจจะ retweet ด้วยวิธีแตกต่างกันออกไป เช่น
pittaya: "RT @thainetizen การใช้กูเกิลค้นหาข้อมูลอย่างปลอดภัย http://thainetizen.org/node/2533"
หรือ
pittaya: "การใช้กูเกิลค้นหาข้อมูลอย่างปลอดภัย http://thainetizen.org/node/2533 (/via @thainetizen)"
หรือ
pittaya: "รท @thainetizen การใช้กูเกิลค้นหาข้อมูลอย่างปลอดภัย http://thainetizen.org/node/2533"
แตกต่างกันไปตามแต่ twitter client ที่ใช้ หรือความนิยมในกลุ่มเพื่อนของตัวเอง ซึ่งการ Retweet นี้ ก็มีข้อดีของมันคือช่วยกระจายข่าวสารให้คนอื่นได้ และยังมีเครดิตบอกแหล่งที่มา แต่ข้อเสียของวิธีการนี้ก็มีอยู่ คือ
A: "คู่แข่ง ipod touch http://twitpic.com/24maof" B: "RT @A คู่แข่ง ipod touch http://twitpic.com/24maof"
กรณีนี้ follower ทั้งหลายของ B ก็จะเห็นข้อความของ A ด้วย ซึ่ง A อาจจะไม่ต้องการให้เปิดเผยข้อความนี้ก็ได้
D: "Twitter for Android เวอร์ชันใหม่ออกแล้ว โหลดได้ที่ http://bit.ly/bhodGa" E: "RT @D Twitter for Android เวอร์ชันใหม่ออกแล้ว โหลดได้ที่ http://evil.com/malware"
อาจจะนำพาผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ไปสู่เว็บไม่พึงปรารถนาได้
วันหนึ่ง ทีมงาน twitter เล็งเห็นปัญหาเหล่านี้ จึงได้สร้างฟีเจอร์ retweet แบบ official มาให้ใช้ เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ (อ่านเหตุผลอย่างละเอียดได้จาก blog ของ Evan Williams) โดยหลักการของ official retweet มีอยู่ว่า
วิธีการใช้ official retweet ก็แสนง่าย แค่กดลิงก์ที่เขียนว่า "Retweet" ตามตัวอย่างในรูป แต่ถ้าข้อความไหนที่ไม่มีลิงก์นี้ให้กดแปลว่าเจ้าของข้อความเค้า protect ไว้นั่นเอง
เวลามีคน retweet ข้อความอะไรมา ก็จะแสดงใน timeline ของเราตามแบบข้างล่างนี้ แค่หนเดียว ไม่น่ารำคาญ รวมทั้งยังแสดงภาพของเจ้าของข้อความ เป็นการให้เครดิตและสืบสาวต้นตอได้ด้วย
สำหรับผู้ใช้โปรแกรม Twitter client เจ้าต่างๆ ปัจจุบันน่าจะรองรับความสามารถ official retweet นี้กันทั้งหมดแล้ว อย่างเช่นในภาพ เป็นโปรแกรม Echofon for Mac
แต่ถึงแม้ว่า Official retweet นี้จะช่วยแก้ปัญหาหลายๆ อย่าง แต่ก็ยังมีหลายคนที่ชอบ retweet กันด้วยวิธีเก่าอยู่ เหตุผลหนึ่งคือ "สามารถใส่ข้อความของตัวเองเข้าไปได้" เช่น
F: "หมูฉึกๆ ! http://www.youtube.com/watch?v=70ukUfkXt5Q" G: "RT @F หมูฉึกๆ ! http://www.youtube.com/watch?v=70ukUfkXt5Q << น่ารักงุงิ"
เป็นกรณีที่พบเห็นกันมาก ซึ่งวิธีนี้ข้อเสียก็อย่างที่บอกไปแล้วคือเรื่องความเป็นส่วนตัวของคนที่ protect timeline ซึ่งโดยมารยาทที่ดีแล้ว เราก็ไม่ควรจะไป retweet ข้อความที่เจ้าของไม่ปรารถนาจะให้เป็น public (นอกเสียจากว่าเจ้าของข้อความจะยินยอม)
ข้อเสียอีกอย่างหนึ่งคือ สมมุติเราเห็นเฉพาะข้อความของ @G เราจะบอกไม่ได้เลยว่าตรง "น่ารักงุงิ" เป็นข้อความต้นฉบับจาก @F หรือเป็นข้อความที่ @G เอามาใส่เอง ยิ่งถ้าเกิดมีการ "คุยกัน" ด้วยการ retweet เยอะๆ สุดท้ายมันจะอ่านไม่รู้เรื่อง เช่น
A: "RT @C: RT @A: RT @C: @A ถึงไหนแล้วจ๊ะ // ถึงบ้านแล้วจ้ะ คริคริ~ << โห ไวจัง หุหุ~ ... มีคนมาส่ง >//<"
แนะนำว่า ถ้าจะตอบข้อความของคนอื่น ให้ใช้ "Reply" แทน "Retweet" จะเหมาะสมกว่า
เรื่องการใช้ Reply หรือ Retweet แบบไหนเหมาะสมกว่า อ่านได้จากบล็อกของ @tewson
(ปรับปรุงจากบล็อก การ Retweet แบบที่ (น่าจะ) ถูกวิธี)
Comments
อ่านย่อหน้าสุดท้าย เรื่องของการ reply
คลับคล้ายคลับคลาว่าเพิ่งเห็นคนที่เขาบอกว่าตัวเขา "มีชื่อเสียง" หรือว่า follow คนเยอะๆ เขาบอกว่าการใช้ปุ่ม reply เนี่ย มันทำให้ตามยากว่ากำลังคุยถึงเรื่องอะไรอยู่ แล้วเขาก็ไม่อยากมานั่งกด in reply to ด้วย มันลำบาก ...
แล้วที่เราๆ บ่นกันเรื่องการใช้ RT to reply มันแย่เนี่ย เพราะเราไม่เข้าใจถึงหัวอกเขา เพราะ timeline เรามันวิ่งไม่เร็ว !!
อ่านแล้วแอบพูดไม่ออก คิดอย่างไรกันบ้างครับนี่?
บล็อกของผม: http://sikachu.com
ใครชอบอะไรก็ปล่อยเค้าทำไปครับ ส่วนตัวผมคิดว่าก็มีข้อดี-ข้อเสีย เหมือนกันทั้งคู่ (ส่วนตัว ผมชอบกด reply เฉยๆ เพราะมันสะดวกดี ขี้เกียจมานั่งเคาะโน่นนี่กว่าจะ retweet แต่ล่ะทีได้)
หลังๆ มานี่ผมปลงไปแล้วล่ะครับ เพราะบางคนเขาก็ทำตามคนอื่นกันซะส่วนใหญ่ แต่บางทีก็เคืองนะครับเวลาที่เราจะหา reference ว่าเขาคุยอะไรกัน แล้วมันไม่มี tweet ให้อ้างถึง ในกรณีที่คุยกันโค่ดดดดยาว แล้วข้อความโดนตัดไปเยอะแล้วอะครับ มันดูลำบากมาก
แต่ปัญหาหลักๆ คือการใช้ RT to reply นี่มันเป็นขยะที่ไปขึ้นที่ timeline คนอื่นเขาน่ะครับ ถ้าใช้ native reply มันก็จะไม่มาขึ้นที่ timeline ของคนอื่นๆ ที่มา follow คนๆ นั้น
บล็อกของผม: http://sikachu.com
+1
+1
ผมสังเกตว่าคนที่ชอบใช้ RT แทน Reply เนี่ย มักจะใช้ UberTwitter หรือไม่ก็ TweetDeck ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะโปรแกรมสองตัวนี้ไม่เอื้อให้ใช้ reply ปกติหรือเปล่า (พอดีไม่เคยใช้)
pittaya.com
ผมว่า TweetDeck สำหรับ Android เหมาะสำหรับ Reply มากๆเลยครับ เพราะสามารถกดดู Conversation ระหว่างคนที่ Reply หากันได้เลย (ดูแล้วนึกว่าเป็นโปรแกรมแชทเลย)
ผมว่าเป็นความเคยชินมากกว่า เคยถามหลายคนที่ชอบใช้ RT แทน Reply เค้าตอบว่า "จะได้รู้ว่าเราตอบข้อความไหน" ซึ่งมันก็จริง เวลาใช้ Twitter client บางตัวมันไม่แสดงลิงค์ที่ถูก Reply เลย
ubertwitter กด r ก็ reply ได้แล้วครับ ต่างกับ retweet ที่ต้องกด l แล้วเลือก old ถึงจะทำการ reply by rt ได้ (แต่จริงๆตั้งให้มันเปน default ได้เหมือนกัน)
ผมเห็นคนที่ใช้ RT == Reply To นี่ มีสองพวกคือ "มีชื่อเสียง" กับ "นักการตลาดบน Twitter" ครับ
จริงครับ
พร้อมกับเหตุผลเดิมๆ คือ "คนที่ follow เขาจะได้รู้ว่าเขาพูดถึงเรื่องอะไร" ทั้งๆ ที่
1) เคยรู้บ้างไหมว่าเวลาคุณ reply ไปหาคนอื่นที่ผมไม่ได้ follow ... ผมจะไม่เห็น tweet คุณบน timeline ผม
2) ผมไม่จำเป็นที่จะต้องเห็นทวีตของคุณที่ตอบคนๆ หนึ่ง เพราะผม follow คุณเพ่ือต้องการที่จะรับข่าวจากคุณเท่านั้น
3) ถ้าเขาถามเรื่องที่คนอื่นเขาถามกันเยอะแยะ ... ลองคิดว่าการที่คุณทวีตคำตอบนั้นด้วยตัวของคุณเอง จะดีกว่าไหม?
บล็อกของผม: http://sikachu.com
+1
วิธีของผม
ถ้าจะคุย ตอบ แซว อะไรก็ตามถ้าคิดว่าไม่มีประโยชน์จะเน้น reply
ส่วน retweet แบบเติมข้อความ ถ้ามันเป็นประโยชน์จริงผมก็ทำน่ะ
ถ้าผมแซวตนเองผมจะใช้ //
แต่ถ้าเมนท์ต่อท้ายคนอื่นจะใช้ <-
ส่วนเซเลปมันอาจเป็นวิธีที่งานที่สุดในการบอกคนอื่นให้รู้ด้วยมัง
ซึ่งก็น่าเห็นใจ สำหรับการตอบคำถามซ้ำไปซ้ำมา
หรืออาจจะเป็นการพิศูจน์ ถ้าไม่รักจริงก็คงไม่ตาม :P
ป.ล. ดีน่ะที่ผมไม่ตามเซเลปอะไรมากมาย เปลื้อง ไร้สาระ มากๆ
ตามคนธรรมดายังจะได้ประโยชน์กว่าอีก
เท่าที่ผมรู้ ผมไม่เคย follow เซเลปเลยนะครับ มีมาให้ผมลองกดไปดูบ้างสักคนมั้ยอ่ะ อยากเห็นว่ามันเป็นยังไง - -"
@sugree ไงครับ
@petdo ครับ
เคยเจอคำตอบแบบนี้ทำอะไรไม่ถูกครับ
ทุกวันนี้เขียน twitter client เอง ผมก็เริ่มขี้เกียจกดดู in_reply_to เหมือนกัน ก็เลยเขียนให้มันดึง in reply to อัตโนมัติ (คือได้ทวีตปุ๊บดึงทันที ไม่ว่าจะอ่านข้อความนั้นหรือไม่ แล้วแคชไว้)
client อื่นๆ ผมไม่ได้ติดตาม แต่คิดว่า celeb ควรจะเปลี่ยน client กันได้แล้วครับ client เองก็น่าจะเอา in_reply_to มาเด่นๆ ได้แล้ว
Official RT ใส่ #tag เพิ่มเองไม่ได้ ครับ บางสถาณการ์ณ Old RT ก็เหมาะกว่า แต่ถ้าตรงๆก็ Official RT ดีที่สุด
ส่วนใส่ข้อความใน Old RT นี่ถ้าใส่หน้าสุดจะอ่านรู้เรื่องครับ
Blognone ทำไมเราจึงควรใช้ Official Retweet
about 2 hours ago via Blognone
Retweeted by you and 53 others
IMO, for retweeting:
native is to 'Like'
and old-style is to 'Share'
มันก็แล้วแต่กรณี ปกติถ้าทวีตเพื่อกระจายเนื้อหา ผมใช้ Official อยู่แล้ว แต่ถ้าประมณว่า ทวีตเพื่อบอกว่า "กูก็หัวอกเดียวกับมึงนะ" ผมจะใช้ RT แบบเก่า (ประมาณให้เด้ง mention ด้วย ดูง่ายๆ)
ส่วนเรื่อง RT = Reply to นี่มัน #wayofceleb จริงๆครับ ทำเอาผม unfollow ไปหลายคนแล้วเชียว ไม่ได้อยากรู้เลยว่าคุยอะไรกัน - -"
ปล.สนับสนุนให้โปรแกรมอะไรต่อมิอะไร ทำระบบตาม รnreply แบบโปรแกรม Azurea ที่ลิสต์ออกมาเป็นแบบขั้นบันไดให้เลย (hierarchy อะไรสักอย่างนั้นแล)
+1
ผมก็ใช้วิธีนี้ กระจายข่าว+ข้อความก็ใช้ Official; หัวอกเดียวกัน, รู้สึกแบบเดียวกันก็ RT
โปรแกรมที่ผมใช้อยู่มี protect ให้ทั้ง Official และ User RT บางครั้งก็เลยไม่ RT บางคนแม้จะโดนใจแค่ไหนก็ตาม ;)
แต่ตอนนี้เลิกเล่นไปแล้ว เพราะ celeb ในดวงใจคนนึงของผมบอกว่า เสียเวลา! (จริง ๆ แล้วเบื่อจะบ่นให้คนอื่นฟังหน่ะ)
ปล. เหมือนเคยอ่านตอนที่เริ่มมี Official RT ใหม่ ๆ แฮะ
Jusci - Google Plus - Twitter
ทำ Reply to tweet เพิ่มมาน่าจะแก้ปัญหาพวก RT = Reply to ได้นะครับ จะได้รู้ว่าตอบหา tweet ไหน
reply to มันเป็นความสามารถที่มีมาตั้งแต่ twitter ถือกำเนิดแล้วครับ
client 98% เวลากดปุ่ม reply จากทวีตเป้าหมายที่เราต้องการตอบ มันก็จะแนบ tweet id ไปด้วยอยู่แล้วนะครับ พอเราทวีต reply นี้ขึ้นไป มันก็จะมีลิ้งค์ in reply to ขึ้นมาด้วยเสมอ
client ไหนไม่มีความสามารถนี้ ผมขอแนะนำให้เลิกใช้ไปเถอะครับ
ไอ้พวก RT = Reply To นี่มันเป็น #wayofceleb อย่างที่ข้างบนบอกนั่นแหละครับ วิธีแก้ไม่ได้อยู่ที่ software แต่ต้องไปแก้ mindset ของ user ซึ่งยากโคตร
ไอ้ RT คุยกันต่อๆ กันไปเรื่อยๆ นี่ ผมมีศัพท์เรียกว่า #retrash ครับ เพราะดูๆ ไป มันก็คือขยะบน timeline ดีๆ นี่เอง ต้องกำจัด
+999999
อ้าวเหรอครับ เพิ่งรู้จริงๆ นะเนี่ย - -" งั้นขอโทษด้วยครับ พอดีผมอ่านซะส่วนมากไม่ค่อยได้ Tweet เท่าไหร่
ขอเสริมนิดหนึ่งถ้าใช้ตัวไคลเอนต์บ้างตัว จะมีปุ่ม ให้ referent ด้วยครับซึ่งมันจะขึ้นข้อความมาว่า "RE http://bit.ly/cReyly" อันนี้ก็น่าจะเหมาะกับการตอบคำถามด้วยใช้การอ้างอิงอันเก่า
อยากให้พวก client นี่มีฟีเจอร์ให้เลือกได้ว่า
เมื่อกดปุ่ม Reply แล้ว copy ข้อความต้นฉบับมาแปะต่อให้ด้วย
จะได้หมดข้ออ้างกับการกด RT เพื่อคุยกัน
ทุกวันนี้เลยไม่ค่อยได้ตามใคร เพราะหลายๆ คนนี่เล่น RT มาคุยกัน
เลยล้นหน้าไปหมด ทำให้อ่านข้อความไม่ค่อยทัน ^^'
~ HudchewMan's Station & @HudchewMan~
เขาจะอ้างว่าก็เวลาเขาตอบมา ไม่รู้ว่าตอบอันไหน อยู่ดี
มันต้องทำแบบนี้ครับ
แบบนั้นเวลาคุยกันยาวๆ นี่ไม่ยิ่งแคบเหมือนกับเทรดใน blognone หรอครับเนี่ย ^^
แล้วรูปนั้นเป็นโปรแกรม twitter บน windows หรอครับ
~ HudchewMan's Station & @HudchewMan~
มันจะเลื่อนจอไปให้ได้เรื่อยๆน่ะครับ คลิกที่ขั้นไหนมันก็ยังกว้างเท่าเดิมอยู่ดี
Azurea เป็นไคลเอ็นท์บน Windows Mobile ครับ :)
เมื่อก่อนพยายามต่อต้าน แต่ไม่ทันแล้ว เพราะโดนตอกกลับว่า "ใครก็ใช้กัน"
อยากจะเชิญให้กลับไปเล่น IM จริงๆ
ที่พอทำได้คือ unfollow คนพวกนี้ แล้วเอาไปใส่ใน list Retweeters แทน
เอ.. สงสัยผมจะไม่ค่อยได้เล่น เพราะเวลาผมจะ retweet ผมก็กดปุ่มนั้นประจำ ตอนแรกๆเกิดอาการสงสัยเวลาไปดูตามหน้าคนดัง คนอื่นๆ เหมือนเขาไม่ใช้กัน หรือผมจะทำไรผิดกันแน่เนี่ย วันนี้ค่อยหายข้องใจหน่อย
คุณทำถูกแล้วล่ะครับ :D
อีกอย่าง คนดังเขาไม่ค่อย RT ข้อความคนอื่นหรอกครับ ;)
บล็อกของผม: http://sikachu.com
อ้าว ก็เห็นบรรดา celeb มี "RT" แทบจะทุกทวีตเลยนะครับ ;p
แต่เขาไม่เคย RT ของเรา = =a
มันไม่ง่ายเลยที่จะทำ GIF ให้มีขนาดน้อยกว่า 20kB
ส่วนใหญ่ไม่ใช่เพราะต้องการเพิ่ม comment ครับ
แต่เห็นด้วยนะว่าควรใช้ official retweet
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
เดี๋ยวนี้เจอ MT ด้วย
ส่วนใหญ่ป็น #twitgay :P
พัฒนาการของ MT: ดัดแปลงทวีตทั่วๆ ไป -> ดัดแปลงเป็นทวีตหื่น -> ดัดแปลงเป็นทวีตเกย์
MT = Modified/Mutated Tweet
+1 ถึงไม่เคยใช้ แต่มีสาระดีครับ
เลิกเล่น twitter เพราะ RT นี่หล่ะโครตรำคาญ(สมัยก่อน) ยิ่งบางที follow อยู่แล้ว พวก RT กันสัก 3 คน จบกัน
การใช้งานเพื่อการพูดคุยผมเลยเลิกใช้ไปแล้ว
ทุกวันนี้ใช้ update check status server ต่างๆ ที่ bot twitter เข้ามาแค่นั้น
Ton-Or
เข้ามาฮาบรรทัดสุดท้ายของภาพที่สอง
/me เผ่น
จะบอกว่าพึ่งเข้าใจ ไอ้ฟังชั่น in reply to ก็เพราะข่าวนี้แหละ ก่อนหน้านี้ไม่เคยเข้าใจเลยว่ามันใช้ยังไง...
ในเมื่อมีฟังชั่นนี้ แล้วจะ rt เพื่อคุยกันเพื่อออออ รำคาญด้วยคน ~~
@ Virusfowl
I'm not a dev. not yet a user.
จริงๆ ผมว่า Twitter เองก็ควรจะให้เพิ่ม comment ของ Official RT ได้ ก็น่าจะแก้ปัญหาสำหรับผู้ที่ต้องการ comment พร้อม RT กันได้นะครับ
คู่แข่ง ipod touch 55555
หัวข้อข่าวโดนใจ
เบื่อมานานกับการ RT ตอบของหลายๆคน เพราะมันทำให้ timeline มีแต่ของคนๆนั้น
น่าจะมาช่วยกันสร้างกระแสให้เลิก RT พร่ำเพรื่อนะครับ