เมื่อวานนี้ (22 ก.ย.) ช่วงบ่าย น.ส. จีรนุช เปรมชัยพร ผู้อำนวยการเว็บไซต์ประชาไท ถูกกักตัวอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ หลังจากเดินทางไปประชุม Internet at Liberty 2010 ที่ประเทศฮังการี
คดีที่ถูกจับกุมนั้น ถูกฟ้องโดยนายสุนิมิต จิระสุข ชาวขอนแก่น เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 และ 15 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เนื่องจาก น.ส. จีรนุชเป็นผู้ดูแลเว็บบอร์ดประชาไท โดย ข้อความตามคดีถูกโพสต์เมื่อ 27 เม.ย. 2552 และระบุสถานที่เกิดเหตุเป็น จ. ขอนแก่น ทำให้ น.ส. จีรนุชถูกควบคุมตัวไปยังขอนแก่นทันที
เมื่อเวลา 00.58 ของวันที่ 23 ก.ย. ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น ได้ให้ประกันตัว น.ส. จีรนุช โดยใช้เงินสด 200,000 บาท วางเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน
ด้านหนังสือพิมพ์มติชนออนไลน์ ได้สัมภาษณ์ พ.ต.ท.ชัชพงษ์ พงษ์สุวรรณ์ พนักงานสอบสวน(สบ.2) สภ.เมืองขอนแก่น 1 ในคณะพนักงานสอบสวนคดีดังกล่าว ได้ข้อมูลดังนี้
มีผู้มาร้องทุกข์กล่าวโทษ น.ส.จีรนุช ในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตั้งแต่ปี 2551 โดย มีการดำเนินการพิจารณาความผิด ผ่านที่ประชุมคณะกรรมการตำรวจภูธรภาค 4 และขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินคดีในชั้นของ กองคดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนกรณีที่ไม่มีหมายเรียกไปยัง น.ส.จีรนุช ก่อนหน้านี้นั้น พ.ต.ท.ชัชพงษ์ กล่าวว่า เป็นคดีที่ไม่ต้องออกหมายเรียก เพราะมีอัตราโทษร้ายแรง
ข้อมูลเพิ่มเติม
รายละเอียดอื่นๆ อ่านกันเองตามลิงก์
เนื้อข่าวหลัก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หมายเหตุ: ถ้าไม่สามารถเข้า prachatai.com ได้เพราะถูกบล็อค ลองเข้าผ่าน prachatai3.info แทน
Comments
แบ๊ะ แบ๊ะ
เป็นใบ้กันทั้งประเทศ
้เป็น2คำที่ตรงที่สุด
อู้อี้ๆ แบ๊ะๆ
สงสัยว่าในเวบ จะระดมเงินเอาไปทำอะไร (กลัวจอดับแบบอีกหัว) - -?
เหมือน donation ของซอฟต์แวร์หลายตัวนั่นล่ะครับ
ที่น่าตลกเข้าไปอีกคือเว็บทุกเว็บที่ลงข่าวนี้ ส่วนใหญ่ได้ทำการปิด Reply Box ไม่ให้คนแสดงความเห็นในข่าว
การปิดสื่อเก่ง ๆ แบบนี้ คือสาเหตุที่ กสช. และ กสทช. จะไม่มีวันเกิดขึ้นได้ในเร็ววัน จนกว่าจะมีการปฎิรูปสื่อเพื่อความโปร่งใสอย่างจริงจัง น่าเสียดายที่รัฐบาลนี้มีความเข้าใจกลับด้าน คิดว่าสื่ออิสระเกินไป?
@TonsTweetings
"เว็บทุกเว็บ" ปิด reply เพราะโดนปิดกั้น
มั่ว ไม่เชื่ออ่ะ 555+ แล้วที่ตอบกันนี้มันอะไร
ผมสงสัยว่าการปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวข้องอย่างไรกับ กสช. และ กสทช. ครับ
มี กสช. แล้วคุมยากขึ้นครับ ทุกวันนี้มีสัมปทาน อสมท กับกองทัพ อนาคต ช่องอะไรไม่รู้จะโผล่ขึ้นเต็มไปหมด คุมยาก การที่คุมยากทำให้ไม่สามารถปิดกั้นได้ง่ายเหมือนทุกวันนี้
@TonsTweetings
ยังไม่เห็นข้อความต้นฉบับว่าโพสด้วยเนื้อหาแบบไหน ถ้าผิดจริงก็ต้องจัดการไปตามกฏหมายครับ
ถ้ามีข้อความแบบเดียวกันถูกโพสต์บน Blognone ผมก็คงโดนด้วย
ผมพยายามหาใน google ก็ไม่เจอเช่นกันครับ
ทุกอย่างเป็นการ ออกแบบ โดยตั้งใจ
พรบ ความผิดคอมพิวเตอร์คืออะไร ให้ดูผลในทางปฎิบัติว่า โดยนัยสำคัญมันคืออะไรกันแน่ ถูกบังคับใช้ในทางไหน
ใครคือผู้ออก คนเหล่านั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร
กสทช ผมกำลังเกรงว่าจะเป็นไปลักษณะเดียวกัน คือเป็นองค์กรณ์สำหรับครอบงำสื่อเบ็ดเสร็จ
กสทช ดูในระดับเนื้อหา การออกใบอนุญาติ วิทยุชุมชน คงไม่พ้นต้องอยู่ใต้ร่มอุดมการณ์แนว xx
และกีดกันแนวคิดอุดมการณ์ yy
ที่มาของ กสทช ก็ให้ดูจากที่มาของรัฐบาลนี้ มีกลวิธีมากมายที่จะ ทำให้ได้ กสทช ที่เป็นไปตามที่ต้องการ
ให้ระวัง ในจังหวะที่ ทุกฝ่ายหวังจะให้ได้ กสทช เร็ว ๆ เพื่อออกใบอนุญาติ 3g
รัฐบาลสามารถสอดไส้ คนในอุดมการณ์ฝ่ายตัวเองเข้าไปได้ง่าย เพราะถ้าใครขัดขวาง
ก็จะอ้างได้ว่า เป็นตัวการทำให้เกิดความล่าช้า
จึงอาจเป็นที่มา ที่ทำให้เราต้องรอ กสทช. ทุกวันนี้???....
อ่านข่าวนี้ทำให้ผมนึกถึง Police Order และนึกถึง Quote อมตะของ Jacques Ranciere ที่บอกว่า Police order เป็นอะไรที่กำหนด "what can't be said, seen, and done."
อ่านข่าวไป เหนื่อยใจไป ประเทศนี้...
I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.
ถ้าคนเว็บนั้นเขียนดีๆ ใครจะไปจับล่ะครับ
แต่ละคนเขียนแรงๆทั้งนั้น ของสูง ของต่ำไม่มีเว้น
ที่บอกว่าเป็นใบ้นั่น ต้องคิดนะครับ ว่าเรื่องมันเหมาะสมที่จะพูดเปล่า
กฎหมายเล่านั้น ถูกแทรกเข้ามาในสมัย เผด็จการ
โดย ตั้งใจ และเป็นระบบ ของอำนาจการเมืองนอกระบบ
ถูกสืบทอดอุ้มชูหล่อเลี้ยง ภายใต้อิธิพลอำนาจนอกระบบผ่านกลไกต่างๆ
มายาวนาน
ทำไมถึงไม่เหมาะสม ? คุณให้เหตุผลได้หรือไม่
ถ้าเป็นการใส่ร้าย หมิ่นประมาท กล่าวเกินจริง ก่อให้เกิดความวุ่นวายในประเทศ
ประเทศอื่นๆเขาก็จับเหมือนกันแหละ
บางประเทศ แค่ซื้อของมาอีกต่อ บุกจับกันถึงขั้นพังประตูบ้าน :lol
ประเทศไหนบ้างครับ ที่มีแบบเรา ?
กรณีไหนบ้างครับ
อยู่เมืองไทย ก็ใช้กฏหมายของไทยสิคับ
จะเอาไปเปรียบเทียบกับบ้านเมืองอื่นทำไมครับ
มันเป็นเรื่องของ มนุษย์และธรรมชาติครับ ใหญ่กว่ากรอบชองชาติ
ทำไมคุณใส่กางเกง ไม่ใส่โจงกระเบน
ทำไมคุณไม่เคี้ยวหมาก
ทำไมคุณเล่นเน็ต ไม่เล่นม้าก้านกล้วย
ทำไมคุณนับถือพุทธ มันของอินเดีย (คริสต์ก็ของตะวันตก)
ทำไมคุณใส่เสื้อ คนไทยตะก่อน ไม่ค่อยใส่เสื้อ
มีสามจีไปทำไม ประเทศอื่นก็ส่วนประเทศอื่นสิ
คำตอบของคำถาม เหตุผลคล้าย ๆ กันครับ
ทำไมต้องใช้ไฟด้วย ช่างเผ่าอื่นมันสิ
ผมคิดว่าตัวอย่างที่ยกมามันผิดหลัก ผิดประเด็นไปหน่อยนะคับ
ที่คุณกล่าวมือนั่นคือการเปลี่ยนผ่านไปตามกระแสโลกคับ ไม่ได้เกียวอะไรเลยคับ
เรากำลังพูดถึงกฏเกณท์และกฏหมายคับ ไม่ใช่แฟชัน เทคโนโลยี หรือศาสนา คับ
สมมติว่าบ้านคุณมีกฏห้ามลูกร้องเพลงตอนกินข้าว วันนึงลูกคุณร้องเพลงเสียงดังตอนกินข้าว
คุณตักเตือนวันแรก ลูกหยุดร้องเพลง มาวันที่สอง ลูกคุณก็ร้องเพลงอีก คราวนี้เอาตะเกียบเคาะโต๊ะไปด้วย
คุณจะทำยังไงครับ คุณตีลูกร้องไห้เสียงดัง คนข้างบ้านได้ยินเค้าก็คงไม่ห้ามคุณหรอกคับ
เพราะมันคือกฏของคุณที่คุณตั้งขึ้นมาในบ้าน
แต่ละบ้านก็มีคนเกณฑ์ที่เหมาะสม สำหรับบ้านนั้น ๆ
เพราะฉะนั้นบ้านที่เราอยู่คือประเทศไทยครับ ควรทำตามกฏหมายของไทยสิคับ
ผมเกิดมาในยุคปัจจุบ้นครับ ใส่เสื้อผ้าเหมือนคนอื่น ๆ ไม่เคี้ยวหมากเพราะมันเหม็น ม้าก้านกล้วยก็เคยเล่นมาแล้ว นับถือศาสนาตามพ่อ แม่ และแน่นอนคับ อยากมี 3g ใช้เหมือนคนอื่น ๆ คับ
-พ่อข่มขืนลูกในบ้าน ไม่ต้องสน?
-ลูกทารุณแม่พิการ อย่าไปยุ่ง?
-พ่อกินเหล้า สูบบุหรี่ แม่เล่นไพ่ ลูกต้องทำด้วย เพราะบ้านเค้าเห็นว่าดี?
ฯลฯ
เกณฑ์ที่ว่ามันไม่ต้องยึดหลักอะไรบางอย่างเลยหรือครับ?
คำว่า "เหมาะสม" ที่ว่า เหมาะสมยังไง? เหมาะสมกับเจ้าของบ้าน? (และเจ้าของบ้านเป็นใคร ตัวอย่างที่ 3 ลูกมีสิทธิ์ตั้งเกณฑ์ไหม?)
ส่วนย่อหน้าสุดท้าย เค้าถึงอธิบายว่าสิ่งเหล่านั้นมันไม่ได้ล้วนมาจากประเทศของเราอย่างที่คุณว่าไงครับ ไม่ได้หมายถึงไม่ให้ทำตามกฎหมายไทย แต่ควรปรับปรุงส่วนที่ไม่ดีให้มันดีขึ้นต่างหาก ไม่ใช่พอคนบ่นว่าไม่ดี และยกตัวอย่างที่อื่นที่ดีกว่า แล้วแถว่า ก็นี่กฎหมายประเทศเราจะไปเอาเหมือนเค้าทำไม?
เนื้อหาที่เค้าสนทนากันในหัวข้อนี้ หลาย ๆ คนก็พยายามจะบอกว่า มันมีข้อไม่ดีที่ควรปรับปรุง ไม่เห็นมีใครบอกว่าให้เปลี่ยนไปใช้กฎหมายของประเทศอื่นเลยนี่ แต่ถ้าตัวอย่างที่เค้ายกมาเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ก็โต้แย้งในเหตุผลของเรามาว่าไม่ดียังไงไม่ดีกว่าเหรอครับ
ผมไม่ได้เรียนนิติมา แต่ก็พอจะเข้าใจว่ากฏหมายทั่วไปเขียนอยู่บนพื้นฐานของการทำ "กรรมดี" ไม่เบียดเบียนให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้้อนจากการกระทำของเราคับ
ส่วนกรณีตัวอย่างที่คุณยกมา นั่นก็มีแต่เรื่องการทำไม่ดี เบียดเบียน ผู้อื่น ส่งผลเสียหายต่อสังคมโดยรวม ซึ่งผมก็คิดว่านั่นก็เปนการกระทำที่ผิดต่อกฏหมายนั้นแหละคับ
ไม่เห็นมีใครบอกว่าให้เปลี่ยนไปใช้กฎหมายของประเทศอื่นเลยนี่ << คุณ Iterator ตั้งคำถามขึ้นมาว่า "ประเทศไหนบ้างครับ ที่มีแบบเรา ?"
ที่ผมเขียนอธิบายตอบข้างบน ก็เพื่อตอบคำถามนี้ของคุณ Iterator ไม่ได้จะสนทนากับท่านอื่นคับ
กฏหมายที่ไม่ดีก็ควรปรับปรุง อันนี้เห็นด้วยครับ แต่ในช่วงเวลาที่กฏหมายนั้นมีผลบังคับใช้อยู่ คนเราก็ควรปฏิบัติตามนะคับ
ส่วนเรื่องอื่น ๆ ไม่มีข้อข้องใจ รับทราบครับ แล้วจะนำไปพัฒนาแนวคิดให้ดีขึ้นครับ
มันเป็นเรื่อง การบังคับใช้กฎหมายต่างหากครับ
ไม่ใช่แค่ว่า มีกฎหมาย
ตัวกฎหมายก็มีปัญหา การบังคับใช้ก็มีปัญหา
และไม่ใช่ทุกการบังคับใช้ จะสมควรให้เราเชื่อฟังอย่างงมงาย ควรพิจารณาดูเสียก่อน
กฎหมายและวิธีการบังคับใช้ขณะนี้ มีลักษณะไหน
เทียบกับหลาย ๆ กรณี ถ้าคนติดตามข่าวสารเพียงพอ น่าจะเข้าใจได้
การที่ผมและคุณไม่สามารถอภิปรายเกี่ยวกับกฎหมายนี้ได้เต็มที่ นั่นก็เป็นปัญหาที่ชัดเจนในตัวเอง
กฏหมายไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของการทำ "กรรมดี" ทั้งหมดครับ ตัวอย่างก็เช่น เราดื่มสุรา ผิดศีล เป็นบาป แต่กฏหมายไม่ได้ห้ามให้ดื่มสุราครับ (ถ้าอายุถึง และภายในเวลา และสถานที่ ที่กำหนด)
คิดง่าย ๆ ให้เหมือน คุณเล่น OS ประหลาด ที่ต้อง เอา เท้ามาคลิ๊กที่หน้าจอเท่านั้น ใช้มือทัชไม่ได้
คุณจะไม่ไปเทียบกับ OS อื่น ๆเลยเหรอครับ
มันเป็นเรื่องของ platform
รัฐเกิดจากทุกคน ไม่ใช่ทุกคนเกิดจากรัฐนะครับ
รัฐไม่ใช่พ่อแม่
คุณจ่ายเงินให้รัฐเรียกว่าภาษี คุณมอบอธิปไตยส่วนตัวให้รัฐไปจัดการแทน เช่นการใช้กำลังตัดสินปัญหา
เจ้าของบ้านคือทุกคน รัฐคือบริษัทจัดการกลาง ที่เราให้อำนาจและทรัพยากรบางส่วนไปให้จัดการแทน
ไม่มี OS ไหนดีพร้อมหมด ถ้าคุณชอบใช้ OS ไหนคุนก็ต้องทำตาม กฏ ที่วางไว้ ถ้าคุณไม่ชอบ OS นี้ก็สามารถย้ายไป OS อื่นได้ แต่บอกเลยว่า ไม่มี OS ใดสมบูรณ์ ทุกอย่างมีความงาม ความดีอยู่ภายใน เช่น เรารู้ว่าประเทศยักษ์ใหญ่ที่เป็น คอมมิวนิส เป็นระบบที่ไม่ดี แต่ในขณะที่เกิดวิกฤต ประเทศนี้สามารถแก้ไขปัญหาได้ดีกว่า ระบอบประชาทิปไตย เพราะคำสั่งเดียวของเขาสามารถคุมคนพันล้านคนได้ ผมไม่ได้เห็นด้วยว่าการปกครองแบบคอมมิวนิสต์เป็นระบบที่ดี แต่ผมจะบอกว่า ถึงแม้ว่าจากระบบที่เราคิดว่าแย่ที่สุดภายในมันยังมีความดีอยู่
บ้านทุกบ้านมีกฏ มีสิ่งที่คนนับถือ มีสิ่งที่ควรและไม่ควร บ้านเรามีพ่อมีแม่ ถ้ามีใครมาว่าให้พ่อแม่เราเสียๆหายๆ ก็ไม่ควรอยู่บ้านเรา ย้ายไปอยู่บ้านอื่นซิครับ
ผมมีพ่อหนึ่งคนแม่หนึ่งคนครับ ส่วนคุณผมไม่รู้ครับ
คอมมิวนิสต์ผมว่ามีปัญหาโดยหลักการอิงกับวิทยาศาสตร์แบบเก่าที่ล้าสมัย
เห็นยกตัวอย่างพันล้าน รู้ไหมว่า คอมมิวนิสต์จีน โดยการนำของเหมา
วางแผนเศรษฐกิจด้วยความไร้เดียงสา และ ด้วยพลังบุคลิกภาพและความเป็นผุ้นำของเหมาคนเดียว
ทำให้ผู้นำคนอื่น ๆ ไม่กล้าแย้ง
สุดท้าย ทำให้คนอดตายไปอย่างไม่เป็นธรรมชาติ 20 ล้านคน
หาอ่านได้นะครับกับ great leap forward
ชัีดเจน อย่างนั้นเลยเหรอ !!!
จริงๆ เช่นเคย เมียห้ามไว้ อย่า post ในข่าวนี้เจตนาแค่มากัน Edit ครับ :)
Ton-Or
ผมแปลให้ชัดอีกครั้ง
ในหลักฐานทางราชการของผมระบุว่า ผมมีบิดาหนึ่งคน มารดาหนึ่งคน
เปิดดูตามทะเบียนบ้าน
เขาพูดเหมือนจะนับญาติผม ผมเลยบอกไปตามนั้น
แหมเหรอจ๊ะ ดิฉันไม่ได้ทานหญ่านะคะ
^^^^^^
เมียผมอดไม่ได้มาตอบครับ ผมไม่เกี่ยว
ไม่ให้ post ก็ไม่ได้เดี๋ยว ต้องหาข้าวกินเอง
ไปดีกว่า
Ton-Or
ผมว่าประโยคที่คุณคนก่อนหน้าพูดไว้ถูกต้องแล้วครับ
"ระบอบการปกครองทุกระบอบย่อมมีลักษณะเด่นและคุณความดีของมัน"
ไม่ใช่ว่ามันจะแย่ไปทุกอย่าง
คุณยกตัวอย่างประเทศจีนในสมัยก่อนขึ้นมาว่ามีความผิดพลาด อันนี้ก็เป็นเรื่องจริงครับ ทุกระบอบก็มีความผิดพลาดได้เหมือนกัน แต่คุณก็ควรจะมองมุมอื่นประกอบด้วย ประเทศจีนตอนนี้เป็นอย่างไรครับ อยู่ในฐานะผู้ผลิตของโลก ประชากรมากกว่าคนยุโรปทั้งทวีปเสียอีก ฐานะการเงินมั่นคง ผมเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าถ้าโลกนี้เกิดมีวิกฤตอะไรสักอย่าง เช่น แผ่นดินไหวรุนแรงทั่วโลก จีนจะเป็นหนึ่งในประเทศที่สามารถจัดการกับปัญหาระดับนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด อย่างน้อยผมเชื่อว่าต้องการจัดการได้ดีกว่าประเทศไทยที่เป็นระบอบประชาธิปไตยแน่นอน
ผมอ่าน comment ของคุณทั้งหมดในข่าวนี้แล้วผมตีความได้ว่าคุณไม่ค่อยชอบบางอย่างของประเทศนี้เท่าไร คุณบอกว่ากฎหมายฉบับนั้นมันไม่ดีสมควรถูกปรับปรุงแก้ไข คุณก็ต้องทำไปตามกระบวนการตามระบอบตามกติกาครับ คุณก็ต้องเลือกส.ส.เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวแทนของคุณไปหาทางแก้ไขหรือยกเลิกกฎหมายฉบับนั้นผ่านระบบสภา ดังนั้นตราบใดที่กฎหมายฉบับนั้นยังไม่ถูกยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลง คุณซึ่งเป็นประชาชนคนหนึ่งของประเทศนี้ก็มีหน้าที่ที่ต้องเคารพกฎหมายนั้นครับ จะมาอ้างว่าด้วยการพินิจพิเคราะห์ส่วนบุคคลของคุณหรือกลุ่มคนที่คิดเหมือนคุณแล้วพบว่ากฎหมายฉบับนี้ไม่สมควรปฏิบัติตาม ไม่สมควรเคารพ เพราะเนื้อหาใจความทำให้ประเทศไม่เจริญและมีที่มาที่ไม่เป็นประชาธิปไตย มันไม่ใช่สิ่งที่คุณจะมีสิทธิ์กระทำได้ในระบอบประชาธิปไตยครับ แค่ความคิดความเชื่อส่วนบุคคลมันไม่มีเหตุผลหรือน้ำหนักเพียงพอที่จะอนุญาตให้คุณมีสิทธิ์เหนือกฎหมาย คุณอาจจะคิดต่างหรือไม่เห็นด้วยได้แต่ยังไงคุณก็ต้องเคารพกฎหมายครับ ถ้าไม่เคารพก็ต้องยอมรับว่ากระทำผิดกฎหมาย
ส่วนตัวผมเองก็ไม่ได้เห็นด้วยกับกฎหมายฉบับนั้นมากมายนัก แต่ในเมื่อกฎหมายนี้ยังมีผลบังคับใช้อยู่อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ผมในฐานะประชาชนของประเทศก็มีหน้าที่ที่จะต้องเคารพกฎหมายนั้น ๆ ครับ อีกอย่างผมก็ไม่เห็นว่ากฎหมายนี้จะทำให้ประเทศเสียหายตรงไหน ในทางกลับกันกฎหมายหลาย ๆ ฉบับที่ออกมาในอดีตกลับทำให้ประเทศเสียหายมากกว่าก็มี ดังนั้นผมจึงไม่เห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่หรือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ควรกระทำเลยแม้แต่น้อย แต่หากคุณยังรู้สึกไม่พอใจอะไรหลาย ๆ อย่างของประเทศนี้จริง ๆ ผมก็ขอแนะนำให้คุณย้ายประเทศครับ อย่าบอกว่ามันยากเพราะผมเห็นหลายคนที่ที่บ้านไม่มีคอมพิวเตอร์ใช้ด้วยซ้ำก็ยังสามารถย้ายตัวเองไปอยู่ประเทศอื่นได้ ไม่ต้องดูอื่นไกล ดูจากคนต่างด้าวทั้งหลายที่มาทำงานที่ประเทศไทยก็ได้ครับ ขนาดคนเหล่านั้นยังทำได้ถ้าคุณจะทำจริง ๆ ผมก็ว่าทำได้เหมือนกัน
That is the way things are.
ผมสงสัยแค่ว่ามีประชากรเยอะนี่เป็นเรื่องดี?
ประเทศจีน ดีขึ้นมาในวันนี้
ไม่ใช่เพราะระบอบคอมมิวนิสท์แต่อย่างใดครับ และยิ่งไม่ใช่เพราะระบอบเผด็จการด้วย
ตรงข้าม เป็นเพราะระบอบทุนนิยมที่เปิดรับเข้าไปผสมต่างหาก
เศษซากมรดกทางแนวคิดมันอาจจะมีความงาม แต่ไม่ใช่ว่ามันจะมีความถูกต้องอยู่ในนั้น
ระบอบเผด็จการมีความงาม ที่มันเคยใช้ทำประโยชน์บางอย่าง
แต่เมื่อพัฒนาระบบที่ดีกว่าขึ้นมา ระบบเก่ามันก็กลายเป็นระบบที่ห่วยกว่าครับ
และคนที่ไม่เปลี่ยนมาใช้ ก็มีสองทาง
คือจะพัฒนาระบบที่ดีกว่านั้นขึ้นไปอีก
ไม่ก็ล้าหลัง
กลับมาที่เรื่องกฏหมาย
ทำไมกฏหมาย "ฉบับนี้" ถึงมีผลบังคับใช้อย่างถูกกฏหมาย ครับ?
ตอนที่มันบังคับใช้ มีกฏหมายอะไรที่ทำให้มันถูกกฏหมาย?
กลับกันด้วยซ้ำ ฉบับนี้ เป็นกฏหมายที่เกิดจากการทำผิดกฏหมายฉบับก่อน
ผมถามกลับ แล้วการที่กฏหมายนี้เขียนด้วยการรัฐประหารฉีกกฏหมายเก่า มันทำได้ในระบอบประชาธิปไตยรึเปล่า?
ผมไม่เห็นค่าอะไรที่คนจะต้องเคารพ
กลับกันต่างหาก ตัวกฏหมาย จะต้องทำตัวให้น่าเคารพ คนถึงจะเคารพ ไม่ใช่ต้องบังคับให้คนมาเคารพกฏหมาย
การทำตามโดยไม่เคารพมันก็ทำได้ ใครก็ทำ แต่มันก็บอกได้แล้วว่ากฏหมายไม่ควรค่าแก่การเป็นกฏหมาย
แล้ว ทำไมผมต้องย้ายออก?
ประเทศนี้ไม่ใช่ของใคร ไม่ใช่ของคุณ และไม่ใช่ของใครทั้งนั้น
ความเป็นประเทศชาติเป็นของคนทุกคน ไม่ใช่อยู่ที่กฏหมาย หรืออยู่ที่รัฐบาล
ไอ้การที่มานั่งชี้หน้าด่าคนที่วิจารณ์ว่าประเทศนี่ ผมขอเปรียบเทียบเป็นหมู่บ้าน
ถ้าหมู่บ้านไม่มีขื่อแป ไม่พัฒนา ใครไม่พอใจออกมาวิจารณ์ก็ไล่ออก ไม่ก็สั่งเก็บ
มันก็เป็นสลัมมาเฟีย
หมู่บ้านสมัยใหม่ พัฒนาแล้ว มีแต่ว่า ถ้าใครไม่พอใจออกมาวิจารณ์ คนดูแลก็จะรับฟังแล้วหาทางแก้ไข เพราะหมู่บ้านอยู่ได้เพราะมีคนอยู่
มันก็เจริญ
อยากให้ประเทศเป็นแบบไหน?
OS คนอื่นเป็นเจ้าของ เราแค่ซื้อ Copy มาใช้
ส่วนประเทศ เราเป็นเจ้าของครับ
การที่มีคนหนึ่งคน อยู่มาด้วยกัน อยู่ๆถือตัวมาเป็นเจ้าของบ้านคนเดียว มาออกคำสั่งในบ้านคุณ
คุณไม่พอใจ จะออกไปเอง หรือจะไล่มันออก
นี่คือความจริงของระบอบเผด็จการ
ถ้าแค่ต้องการความเด็ดขาด ก็มีระบอบประธานาธิบดี(แบบอเมริกา)ให้ใช้
บ้านทุกบ้านมีกฏ
แต่ประเทศไม่ใช่บ้าน ไม่มีใครเป็นพ่อแม่ ทุกคนเป็นเจ้าของเท่ากัน
ทั้งคนในปัจจุบัน และคนในอนาคต
ความคิดแบบคุณเป็นความคิดแบบเก่า เป็นค่านิยมในสังคมเรา
แต่สมมุติว่าคุณอายุ 60 คุณจะยังเป็นเด็ก ต้องมีพ่อแม่ผู้ปกครองอยู่อีกหรือ?
การอยู่ในบ้านที่ต้องแบ่งฝักแบ่งฝ่าย
ถ้าพ่อของแผ่นดิน ของคุณกับผม เป็นคนเดียวกัน
ผมจำได้ว่าท่านไม่เคยสอนให้เราไล่คนที่ว่าท่านออกไปไหน
ท่านสอนให้เราอยู่ร่วมกัน ท่านสอนให้ยึดหลักศาสนาพุทธ
ท่านสอนให้เรา ยอมรับความแตกต่าง ยอมรับคำวิจารณ์
กฏหมายคือสิ่งที่บัญญัติขึ้นมาให้ทุกคนปฏิบัติตาม เพื่อให้อยู่ด้วยกันอย่างสันติครับ
ทุกอย่างเปรียบกับครองครัวไม่ได้หรอกนะครับ กรณีนี้ เป็นความสัมพันธ์ ทุติยภูมิ
ไอ้ ตีลูกเนี่ย มันเป็น ความเคยชินของครอบครัว บางบ้านเขาไม่ได้ตีลูกกันหรอกนะ
มันเป็นกฎเกณฑ์เผด็จการที่ตกค้างมาต่างหาก และมีอำนาจนอกระบบพยายามหล่อเลี้ยงมันไว้
เราเปรียบเทียบระหว่าง รัฐกับรัฐถูกต้องแล้ว ในแง่ที่ว่า คุณเกิดมาเป็นมนุษย์
ควรได้รับการปฎิบัติที่ถูกต้องจากรัฐ
ยิ่งประเทศไทยไปรับ ปฎิณญาว่าด้วย สิทธิมนุษย์ชนสากล บรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญด้วยซ้ำนี่แล้ว
กรณีนี้ยิ่งลักลั่นใหญ่
กฎหมายเปลี่ยนแปลงได้ครับ และควรถูกทดสอบท้าทาย ไม่ใช่งมงาย ยิ่งเป็นกฎหมายที่เกิดจากการติดตั้ง
จากการรัฐประหาร ซึ่งเกิดจากคนไม่กี่คนกำหนดขึ้นมา
มนุษย์เราย่อมแสวงหาสิ่งที่ดีกว่าด้วยเหตุผล ยอมรับด้วยเหตุผล ไม่ใช่เชื่อฟังอย่างงมงาย และยอมรับด้วยความกลัว
เห็นด้วยครับ เคยมีคำกล่าวไว้ว่า ปรัชญา เกิดจากการถามตอบ หากขาดกระบวนการนี้ไป เหลือเพียงแต่ขั้นตอนปฎิบัติสืบทอดกันมา ยามนั้น ปรัชญา ก็จะกลายเป็นศาสนาไปในทันใด
-1 ไม่เห็นด้วยกับข้อความนี้
-1ไม่เห็นด้วยกับข้อความนี้ครับ
รับทราบ แต่ไม่มีเหตุผลกำกับ จึง ไม่นำพา
เออ...ผมว่าผมไม่เห็นด้วยกับประโยคนี้
"อยู่เมืองไทย ก็ใช้กฏหมายของไทยสิคับ
จะเอาไปเปรียบเทียบกับบ้านเมืองอื่นทำไมครับ" ของคุณ alcanfane
ผมอาจจะอธิบายไม่ถูก เพียงแค่รู้สึกลึกๆว่ามันไม่ถูกต้อง เป็นเหตุผมที่ฟังไม่ขึ้น
ส่วนของคุณ Iteratorผมเห็นด้วยกับประโยคนี้
"กฎหมายเปลี่ยนแปลงได้ครับ และควรถูกทดสอบท้าทาย ไม่ใช่งมงาย
ยิ่งเป็นกฎหมายที่เกิดจากการติดตั้งจากการรัฐประหาร ซึ่งเกิดจากคนไม่กี่คนกำหนดขึ้นมา
มนุษย์เราย่อมแสวงหาสิ่งที่ดีกว่าด้วยเหตุผล ยอมรับด้วยเหตุผล ไม่ใช่เชื่อฟังอย่างงมงาย และยอมรับด้วยความกลัว"
ถ้าผมทำอะไรให้เข้าใจผิดโดยผมไม่รู้ตัว ขอให้อดโทษแก่ผมด้วยครับ
ผมเข้าใจผิดไปเองครับ เผอิญมันซ้อนกันหลายชั้น
สนับสนุนให้ทั้งเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย มาอภิปรายกันด้วยข้อมุลเหตผล กันอย่างสร้างสรรค์ครับ
แต่ละประเทศกฎหมายไม่เหมือนกันนะ แตกต่างกันเล็กๆน้อย
แต่หลักของการใช้ก็น่าจะเหมือน ๆ กันนี่ครับ? เช่น ใครทำก็ได้รับผลเหมือนกัน?
ก็นั่นแหล่ะ ตรงที่ว่า ....เขียนดี ๆ ใครจะไปจับ...
2 คำถาม
นี่ผมประชดไงครับว่า ถ้าเขียนเนื้อหาในแง่ "ดี" กับคนบางกลุ่ม ก็จะไม่โดนไงครับ
และส่วนกรณีนี้ ก็เพราะมีคนไปเขียนแง่ "ไม่ดี" ก็เลยโดนหางเลขไปด้วย เพราะเค้าไม่อยากให้มีที่ที่ปล่อยให้เค้าเขียนได้(แต่ผมไม่ได้บอกว่าเห็นด้วยที่ดึงไปเอี่ยวแบบนี้นะ อยากให้ถามคนมาจับกลับไปเหมือนกันว่า แล้วจะทำยังไงให้ไม่มี ถ้าเค้าไม่ทำ Log เพื่อให้หาคนโพสต์ได้ก็ยังพอว่า)
ส่วนคำว่า ดี กับ ไม่ดี ตามหลักทั่ว ๆ ไปนั่นแหล่ะครับ หรือจะพูดง่าย ๆ ก็คือ เป็นประโยชน์กับคนพวกนั้นหรือเปล่านั่นเอง
ที่โดน เพราะไปเขียนไปกระทบของสูงไงครับ
เขียนด่ารัฐบาล ด่าทหาร ไม่โดนหรอก
แล้วสาเหตุที่บางเว็บพูดเรื่องตรงข้าม เข้าข่ายผิดเหมือนกันแต่ไม่โดนจับ ไม่โดนปิดละ ทั้งที่บางทีก็ไม่เหมาะสมที่จะพูดเช่นกัน
นี้ไงครับ Thailand Only สองมาตรฐานชัดๆ
สองมาตรฐานชัดเจน
คนมีชื่อเสียง ทำผิดขอนิรโทษกรรม
คนธรรมดา ติดคุกซะ
+1 สำหรับคำว่าสองมาตรฐาน
ประเทศเรามาตรฐานอยู่ที่ความรู้สึกไปเสียแล้วไม่ว่าจะฝ่านไหนฝ่ายไหน
ใช้คำๆเดียวไล่ว่ากันตอนว่าคนนู้นสองมาตรฐานคนนี้สองมาตรฐาน
ถ้าคุณด่ารัฐบาล ว่า ทหาร ไม่มีใครว่าคุณหรอกครับ
Thailand Only ก็แน่อยู่แล้วครับ โลกนี้มีประเทศ Thailand กี่ประเทศครับ
คุณไปอยู่ USA ที่นั่นก็มีแต่ USA Only เหมือนกัน โจรเข้าบ้านหกล้ม ในบ้านเจ้าของบ้านถูกฟ้องแทน USA Only
แล้วคิดว่าแบบไหนล้าหลังกว่ากัน ระหว่างพูดได้แบบเเปิดเผย
กับพูดแล้วตายอยากอยู่ประเทศไหนมากกว่ากันละ
ปล.อย่าบอกว่าให้ไปอยู่ประเทศอื่น เพราะอยากไปแต่ไม่รู้จะไปไง
ความล้าหลังไม่ได้แปลว่าแย่เสมอไป ขึ้นอยู่กับว่ามันเข้ากับเรา หรือมันเหมาะกับเราซักแค่ไหน การที่เราจะปรับทุกอย่างให้เหมือนประเทศอื่นโดยไม่ดูตัวเอง ว่ามันเข้ากับสิ่งที่เราเป็นอยู่หรือไม่ มันก็เหมือนกับที่เราไปเห็นคนอื่นใส่เสื้อสวยแล้วเราก็ซื้อมาใส่ตามเขาบ้างแต่ไม่ได้ดูว่า มันเหมาะกับเราหรือไม่ (ผมไม่เรียกว่าแบบนี้เป็นความล้าหลัง เพราะประชาธิปไตยมีช่องโหว่อยู่ เพราะทุก 4 ปีจะมีการเปลี่ยนผู้นำ เราไม่รู้ว่าผู้ที่ขึ้นมาเป็นคนอย่างงัย หวังแต่จะกอปโกยหรือไม่ แต่เรามีพ่อที่เป็นผู้ปกครองตลอดไป ซึ่งรักพวกเราคนไทยทุกคน ประเทศเราผ่านวิกฤติหลายครั้งเพราะมีพระองค์อยู่ คนหลายคนที่ติดตามหรือศึกษาความเป็นอยู่ของประเทศไทยเรา จะรู้สึกอิจฉาที่ประเทศเราเป็นแบบนี้ ผมไม่รู้ว่าทุก 4 ปีคนที่ขึ้นมาปกครองประเทศจะเป็นคนดีหรือไม่ จะรักผมที่อยู่คนละภาคกับเขาหรือไม่ แต่ผมรู้ว่าพ่อของผมรักผมเพราะผมเป็นคนไทย และเพราะว่าผมอยู่ในประเทศนี้)
ปล. คุณอาจยังไม่เคยไปอยู่ต่างประเทศ ไอ้ประเทศที่ว่าให้สิทธิเสรี พูดได้ทุกอย่าง นะ ว่ามันเป็นประเทศอย่างไร คุณถึงไม่เคยมีความรู้สึกที่ว่า ลิงผิวเหลือง มันเป็นอย่างไร (ไม่เชื่อลองถามร้านอาหารไทยดูซิ เวลาพวกมันมาตรวจ หรือมากินกันนะครับ)(ความไม่เท่าเทียมกัน มันมีอยู่ในทุกมุมโลก) แต่บ้านเราน่าอยู่ที่สุด
ล้าหลัง เกิดขึ้นเพราะคุณไม่พอใจในสภาพของตัวเอง ณ ตอนนี้
การไปต่างประเทศง่ายๆ ครับ เปลี่ยนจากขึ้นรถกลับขอนแก่นไปเป็นหนองคาย และข้ามไปลาวเลยครับ ลองดูไม่ยากครับ
เราไม่มีทางรู้หรอกว่า สิ่งที่เขาเขียนนั้นผิดหรือไม่ผิดตราบใดที่เรายังไมไ่ด้อ่านและหาข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งเราไม่มีวันทำได้เพราะเราโดนปิดกั้นเสียก่อน พวกที่บอกว่าโดนจับเพราะผิดแน่โดยที่ไม่เคยอ่าน คงไม่เคยรู้ว่าเมืองไทยมีแพะจากผู้มีอำนาจอยู่มากมายนะครับ
ซึ่งถ้ามันผิดจริงมันก็มีกฎหมายหมิ่นประมาทบุคคลรองรับอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้กฎหมายพิเศษที่ให้อำนาจมากเกินไปครับ
ส่วนอ้างต่างประเทศนั้น ต้องแยกแยะเป็นกรณีและข้อกฎหมายไป ไม่ใช่เอาเรื่องการพูดทางการเมืองในไทย ไปเทียบกับการรับของโจร หรือการก่อการร้ายโดยตรงครับ :P
นี่ขนาดไม่รู้และโดนปิดกั้นยังโดนปิดเกือบ 5หมื่นเวป ถ้าไม่ปิดกั้นจะขนาดไหนครับแล้วที่ปิดคิดหรือว่าเขาไม่อ่านข้อมูล คิดดูนะครับถ้าเขาไม่มีข้อมูลจะปิดเอามัน เวปพันทิพย์คงโดนปิดเพราะห้องราชไปแล้ว เออแล้วจะให้คนถูกหมิ่นไปฟ้องเองหรือเปล่าล่ะ ส่วนแพะนี่เห็นด้วยครับ
ผมแปลกใจที่คุณดันเชื่อมั่นกับจนท.ว่าเขาตัดสินใจได้เป็นธรรมมากๆ ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องการเมืองหรือผลประโยชน์อื่นแอบแฝง จนสั่งปิดเวบตั้งห้าหมื่นเวบได้เลยโดยไม่ต้องมีการพิสูจน์ใดๆทั้งสิ้น
อันที่จริงถ้ามันผ่านกระบวนการศาลจนศาลสั่งปิดทั้งห้าหมื่นเวบผมก็ไม่เถียงนะ เพราะอย่างน้อยมันก็พิสูจน์แล้วว่าผิดจริงๆ(แม้ข้อกฎหมายมันจะแหม่งๆก็เหอะ) ไม่ใช่การคิดเองเออเอง ของคุณ ของผม หรือจนท.ไม่กี่คน:P (ตามข้อมูลจริงมีไม่กี่เวบ ที๋โดนคำสั่งศาลปิดจริงๆ ที่เหลือปิดโดยอ้างกฎหมายความมั่นคง และอำนาจของศอ.ฉ.ที่ไม่มีใครเข้าไปตรวจสอบได้เลย)
ชาวนอร์ท โคเรีย ก็คงไม่มีทางรู้หรอกว่า จริงๆแล้วอเมริกาและประเทศเสรีอื่นๆเป็นอย่างไร เพราะวันๆเขาดูแต่ทีวีที่บอกว่าอเมริกาคือประเทศผู้ร้าย ที่จ้องจะทำลายโลกของพวกเขา เขาต้องเกลียดอเมริกา และต้องเชื่อผู้นำตามที่บอกไว้ในทีวีเท่านั้น!
กระทรวงไอซีที กับ ยธ ปิดน่ะครับที่บอกเป็นหมื่นน่ะ นี่ยังไม่นับรวมศอฉ.ข้อมูลหาได้ตามเน็ตอยุ่แล้วครับไม่ต้องคิดเอง เออเอง ออและที่นี้ประเทศไทยให้เสรีในการดูทีวี ดาวเทียม อินเตอร์เนต ครับ
ก็ส่วนนั้นแหละครับที่อ้างกฎหมายความมั่นคงฯ(ICT และ วธ.ไมไ่ด้มีอำนาจปิดใครในกฎหมายอาญาฯทั่วไปนะครับ) นั่นแปลว่าที่โดนปิดไปนั้นไม่เคยถูกการพิสูจน์อย่างเป็นทางการเลยสักครั้ง นอกจากเจ้าหน้าที่และผู้มีอำนาจเซ็นคำสั่งปิด ซึ่งจริงๆก็ยังเป็นข้อกังขาว่าสามารถอ้างกฎหมายความมั่นคงฯในการทำแบบนี้ได้หรือไม่(ถ้ามีคนฟ้องศาลปกครองก็อาจจะเห็นอะไรเด็ดๆ) เพราะเจตนารมณ์ของอำนาจในกฎหมายนั้นมีไว้เพื่อหยุดยั้งการกระทำที่เสี่ยงต่อความมั่นคงของชาติไว้ชั่วคราว แล้วต้องไปดำเนินคดีตามปกติ แต่ที่ผ่านมาไม่เคยมีการดำเนินคดีจริงๆสักเท่าไรเลยน่ะซีครับ สั่งปิดชั่วคราวมาตลอดหลายปี ไม่มีการดำเนินคดีต่อให้เป็นเรื่องลึกลับไปซะงั้น ไม่อยากพูดต่อเดี๋ยวจะเกินเลยเนื้อหา blog ทางIT เป็นแง่มุมทางกฎหมายที่จะเกี่ยวพันถึงนิติธรรมและนิติรัฐไปอีก
อ้อตัวอย่างชาวโคเรียของผม ครอบคลุมถึงกรอบความคิดที่ถูกปลูกฝังแล้วล่ะครับ ถึงจะัเห็นหลักฐานที่ผิดแผกขึ้นตรงหน้า กลไกdefend mechanismก็จะสั่งให้เราแก้ตัวหาข้อปฎิเสธขึ้นมาได้ทันที ทำบ่อยๆเข้าก็จะกลายเป็นว่าเราสามารถเชื่อและตัดสินได้โดยที่ไม่ต้องอาศัยการพิสูจน์ใดๆอีกแล้ว ตรงนี่้แหละที่น่ากลัว คือเราคิดว่าเราเสรีที่จะคิดแต่จริงกลายเป็นว่าเราถูกตีกรอบทางความคิดไว้ตั้งแต่แแรกแล้วตะหาก!(อันนี้พูดถึงทั้งสองแนวคิดทั้งที่เชื่อและปฎิเสธโดยทันที ไม่ได้ครุ่นคิดก่อนเลยสักนิด)
+หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นเก้าพันสี่ร้อยสามสิบหกล้าน
ศาลเชื่อถือได้ และยุติธรรม เพราะกระบวนการ และคำอธิบาย ที่เปิดเผยโปร่งใสมีเหตุผล
ทุกคนสามารถเข้าถึง และตั้งคำถามได้ และควรจะมีคำตอบ
มันเป็นกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และตรรกศาสตร์
หาใช่อำนาจสูงส่งใด ๆ ที่ทำให้มันเชื่อถือได้
"มันเป็นกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และตรรกศาสตร์
หาใช่อำนาจสูงส่งใด ๆ ที่ทำให้มันเชื่อถือได้"
ถูกครับทุกอย่างต้องมีหลักฐานและพิสูจน์ได้ไม่ใช่นึกเอง เออเอง
ศาลมีคำตอบทุกอย่างดังการแถลงตัดสินแต่ละอย่างที่ยาวเฟื้อย อยู่ที่ว่าเราจะฟังหรือไม่
ประเด็นไม่ใช่เรื่องยาวไม่ยาวครับ
ประเด็นคือความสมเหตุสมผล
ไม่ใช่แค่ฟัง แต่ใช้สมองคิดวิเคราะห์ครับ
คุณคงไม่รู้ด้วยว่าคดีประเภทนี้มักพิจารณาคดีแบบปิด แทบตรวจสอบอะไรไม่ได้เลย
การวิจารณ์เนื้อหาก็แทบทำไม่ได้เพราะเสี่ยงต่อการต้องโทษเสียเอง
+1000
"Those who make peaceful revolution impossible will make violent revolution inevitable." JFK.
จะว่าไปกรณีนี้ องค์การนิรโทษกรรมสากล (Amnesty) และึคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งเอเชีย คณะกรรมการเฝ้าระวังสิทธิมนุษยชนของสภาสหรัฐ เคยออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ ประนามกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย ในกรณีที่ทำการไต่สวนลับและพิพากษาลับคดีที่ว่าด้วยเช่นกันครับ ลง CNN reuters ไปทั่วโลก แต่ไม่ลงข่าวไทยสักแอะ (ที่เด็ดคือของสหรัฐเขาประนามเราพร้อมๆกับ พม่า ปากีสถาน โคเรียเหนือ ฯลฯ ด้วยนะครับน่าภาคภูมิใจจริงๆ)
ศาลประเทศไทย ถูกทำให้ อยู่ในสถานะที่คุณต้องเชื่อเท่านั้นไม่ว่า คำตัดสินจะออกมาเป็นเช่นไร หรือ แปลกประหลาดเช่นไร ด้วยกฏหมาย หมิ่นศาล
มันเป็นวิธีการ ถ้าไม่มีถึงที่สุดมันก็ไม่จบ จะชอบไม่ชอบคุณก็ต้องรับ ตรรกะนี้ง่ายมาก
คนหมู่มากอยู่ด้วยกันก็ต้องมีวิธีจัดการ บางครั้งถูกผิดก็ใช้ไม่ได้ นี่คือความจริง
Thailand only...
ถ้าผิดจริงก็เอาเลยครับ
ถ้า Blognone มีคนมาโพสต์ แล้วมีคนมาฟ้อง ผมโดนจับในฐานะเว็บมาสเตอร์ คุณจะตอบแบบเดียวกันหรือเปล่าครับ?
ประเด็นในนี้เหมือนจะสื่อว่า ?
เวบมาสเตอร์รู้เห็นเป็นใจกับผู้โพสที่ผิดกม.ใช่ไหม ?
ทั้งที่เคยถูกเตือนก็แล้ว
ทำไมยังมีการปล่อยให้โพสข้อความที่ผิดต่อกม.ได้อีก
บางเวบแค่สมาชิกโพสรูปนมหลุด WM.ยังโดนเรียกไปให้ปากคำที่โรงพักเลย (ส่วนคนโพสก็ซวยมีเจ้าทุกข์ฟ้องจริง)
เอ มีคอมเมนต์ไหนที่คุณอ่านแล้วรู้สึกว่า "รู้เห็นเป็นใจ" หรือครับ?
แล้วคุณว่าคอมเมนต์ใน "ประชาไท" เวบมาสเตอร์เคยตรวจสอบดูแลหรือปล่อยให้พิมพ์ใส่กันล่ะ ?
ก็เหมือน ถ้ามีสาวกอวยศาสดาใน blognone มีการว่ากระทบยี่ห้ออื่นตามอารมณ์
แล้วคุณ mk ทำเฉย ไม่ไปแบนไม่ไปตักเตือน ปล่อยให้พิมพ์อวยไปแขวะไป
คนนอกมาอ่านๆไปก็ต้องมองว่า คุณเป็นสาวกไปด้วย :P
งั้นผมขอแบนคุณเป็นการทำหน้าที่แล้วกันครับ ไม่งั้นจะมาอวยศาสดาอยู่เรื่อยๆ เดี๋ยวจะมีคนมองว่าผมเป็นสาวกไปด้วย
ก่อนอ่าน rep นี้ก็คิดอยู่ว่าขึ้นอยู่กับว่ารู้เห็นเป็นใจไหม
ดูพฤติกรรมได้พอสมควรครับ แยกได้ว่า รู้เห็น และ/หรือ เป็นใจ กรณีประชาไทก็น่าโดนไม่น้อย เหมือนกับหากคุณก่อตั้งกองกำลังที่เป็นปรปักษ์ ถ้ายังเล็กๆ ปลาซิวปลาสร้อยเขาก็ไม่เล่นคุณ แต่ถ้าคุณเริ่มส่งผลกระทบที่มีปัญหากับเขา แน่นอนเขาเล่นคุณแน่ กลับกันครับ หากอีกฝ่ายมีอำนาจอีกฝ่ายก็โดนเฉกเช่นเดียว
พฤติกรรมแบบผมนี่รู้เห็นเป็นใจกับสาวกแอปเปิลได้ไหมครับ หรือกับแอนตี้สาวกก็ได้ ผมอยากรู้วิธี judge ของคุณน่ะครับ อันนี้ถามเฉยๆ ลองดู
ผมเข้าใจว่าคุณรู้เห็นเรื่องพวกนี้พอควร เพราะคุณปล่อยให้สาวกแอปเปิ้ลเติบโต คุณถือเป็นแหล่งสิงสถิตของสาวกเหล่านี้แน่นอน ส่วนเป็นใจนั้นผมคิดว่าไม่ หลายครั้งพฤติกรรมคุณบ่งบอกว่าวิจารณ์อย่างตรงไปตรงมาตามแบบฉบับคุณ ทั้งด่าทั้งอวย อย่างไรก็ตามวิธีการ judge แบบผมก็คิดแบบผมเท่าที่ติดตามเท่านั้น ผมเพิ่งเป็นสมาชิกไม่นานและเข้ามาที่นี่บ่อยๆ ดังนั้นช่วงเวลาดังกล่าวทำให้ผมมองในมุมนี้ ส่วนคนอื่นอาจมองว่าคุณปันในให้กับแอปเปิ้ลก็เป็นได้ เพราะข่าวฝั่งนี้เยอะ ไม่แปลกที่เยอะเพราะคุณไม่ได้คิดจะต้านกระแสของมัน มันก็ถูกที่คุณเป็นสื่อจะเสนอข่าวที่ฮอตฮิต
กลับมาประเด็นประชาไทนิดนึง การเป็นสื่อที่ดีต้องเลือกเสนอข่าวให้ดีด้วย หากเลือกเป็นแดงช่วงนี้ก็ลำบากหน่อย เหมือนเหลืองก็เคยโดนเล่นช่วงแดงขึ้น ทีใครทีมัน ผมไม่สนการปกป้องสื่อหรือเห็นใจ(แม้จะดูไร้คุณธรรมบ้าง) เพราะผมไม่ใช่สื่อ ผมเป็นเพียงผู้เสพและร่วมเสวนาให้เนื้อข่าวมันขยายครบถ้วนขึ้น(ตามที่ผมคิดเห็น)เท่านั้น
+1 แต่ว่าในกรณีที่มีหลักฐานว่าได้แจ้งให้เว็บลบความเห็นแบบนี้เนื่องในกรณีนี้ๆ... ไปแล้ว
แล้วไม่ยอมลบความเห็นนั้น ผมว่าสามารถฟ้องจับได้น่ะครับ
ถ้าคนไทยด้วยกัน ไม่รักพ่อแม่ เราจะอยู่ในประเทศนี้ได้อย่างไร
ผมเชื่อว่า คุณรู้ว่าสิ่งใหนควรให้ Post สิ่งไหนไม่ควรให้ Post
เพราะข่าวที่ว่ามันแจ้งไว้ชัดว่าหมินใคร
งั้นผมขอบล็อคคุณ เพราะโพสต์หมิ่นเหม่ไม่น้อยครับ (ความเห็นบนๆ) ตามที่คุณแนะนำว่าผมควรรู้ว่าสิ่งไหนไม่ควรให้ Post
มองในแง่ บ. ถ้าพนักงานของ บ. ฉ้อโกงเงินลูกค้าไป บ. ต้องรับผิดชอบไหมครับ?
เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าครับ? ผมเคยให้เงินเดือนคุณด้วย? ค่าจ้างมาอ่านเว็บ? ค่าจ้างมาคอมเมนต์?
เอาตัวอย่างง่ายกว่า บ. แล้วกันครับ (คิดน้อยๆ เข้าใจง่ายๆ)
นาย กอไก่ มีสนามฟุตบอลแห่งหนึ่ง เปิดให้ใครก็ได้มาเล่นฟรีๆ แต่คนที่มากลับไม่ได้เล่นบอล พวกเค้ามาเพื่อเล่นพนัน มีคนแจ้งแล้วนาย กอไก่ก็นิ่งเฉย ตำรวจมาแจ้งก็ยังนิ่งเฉย
ต่อมา นาย กอไก่ โดนจับ นายกอไก่อ้างว่าไม่รู้ไม่เห็น แบบนี้คุณ mk จะบอกว่าตำรวจผิดหรือว่านาย กอไก่ผิดครับ
คุณรู้ได้ยังไงว่านาย กอไก่ นิ่งเฉยล่ะครับ
ผมว่ามันก็เหมือนๆกรณีที่มีคนเล่นไพ่ในบ้านเราอ่ะครับ
ถึงเจ้าของบ้านไม่ได้เล่นด้วย ก็ต้องมีความผิด
ถามว่าจะถูกจับด้วยไหม ก็คงไม่ถูกจับ ถ้าเจ้าของบ้านไม่ยอมให้บุคคลอื่นมาทำสิ่งผิดกฎหมายในบ้านตน
ผมว่ามันก็อยู่ที่สิ่งที่คุณเปรียบเทียบนะครับ จะเปรียบเทียบให้มันดูแลง่ายๆอย่างบ้านมันก็ได้ แต่คนที่ได้สัมผัสจริงถึงจะรู้ว่ามันลำบากยังไง
My Blog
ครับ ถึงไม่เคยสัมผัสจริงๆ แต่ผมก็พอเข้าใจแหละครับ ว่ามันยาก
แต่ต้องถามว่าเค้าได้พยายามหรือทำแล้วหรือยัง
ซึ่งอันนี้ผมก็ไม่รู้ เพราะแค่เคยเข้าไปดูให้เห็นกับตาว่าเว็บเค้าหมิ่นจริงมั้ย
แล้วก็เจอเพียบเลย ซึ่งผมเองก็ค่อนข้างรับไม่ได้นะ
อย่างเว็บนี้ คุณ mk เค้าก็มีกฎของเว็บ ใครทำผิดกฎก็ว่ากันไป แบนกันไป
ทำให้ที่นี่มีคุณภาพ แล้วเว็บพวกนั้นล่ะ ทำหรือยัง ถึงได้มีข้อความพวกนั้นเยอะแยะไปหมด
สนใจเป็นอาสาสมัครตรวจคอมเมนต์ดูสักอาทิตย์สองอาทิตย์ไหมล่ะครับ
นั่นสิครับ
ผมว่าเอาแค่คอมเมนท์ในข่าวนี้ข่าวเดียว จะมีคนอ่านครบทุกตัวอักษร ตรวจเนื้อหาหมิ่นเหม่เสร็จสรรพ ได้ซักกี่คน
ช่วงนี้ข่าร้อนก็เยอะด้วยสิ
คงไม่ล่ะครับ ^^
อย่างที่บอกไปว่าผมเข้าใจครับว่ามันยาก
แต่อยู่ที่ว่าเค้าคิดจะทำหรือป่าว อย่างให้สมาชิกช่วยกันตรวจสอบและแจ้งลบ อะไรพวกนี้
เพราะที่เคยเข้าไปอ่านอยู่พักนึงก็เห็นมีเพียบเลย
นักการเมือง ออกกฎหมาย --> ตำรวจ รักษากฎหมาย --> ศาล ตีความพิพากษาตามกฎหมาย --> เรา เคารพคำสั่งศาล
ผู้มีอำนาจ ยึดอำนาจ --> ผู้มีอำนาจ+นักการเมือง ออกกฎหมาย --> ตำรวจ รักษากฎหมาย --> ศาล ตีความพิพากษาตามกฎหมาย --> เรา เคารพคำสั่งศาล
บางทีกฎหมาย ก็อยู่ที่ใครเขียน ใครมีอำนาจก็เป็นคนเขียน ศาลทำตามหน้าที่ และเรา ก็เคารพศาล...เหมือนเดิม
แม้..เรา อาจไม่ยอมรับการยึดอำนาจ (ไม่ชอบผู้ที่อยู่ในอำนาจ) แต่เราก็ต้อง เคารพศาล
...หลักการนี้ ดูไปแล้วก็ตลกดี แต่มันเป็นไปอย่างนั้นจริงๆ...และมีวิธีเดียวในการเปลี่ยนแปลงคำสั่งศาลได้คือ คุณต้องไปมีอำนาจ เพื่อออกกฎหมาย มาให้ศาลตีความพิพากษา ในสิ่งที่คุณต้องการ...
+1 อธิบายได้น่าคิดดีครับ
ยอมรับว่านิติบัญญัติ ของเราไม่แข็งแกร่ง อย่างที่ควรจะเป็น
เพราะมี นักการเมืองตัวแทนอุดมการณ์นอกระบบอยู่มาก และที่เหลือส่วนมาก
ไม่กล้าพอหรือต้องการประโยชน์ส่วนตัว
เคารพศาล คือ สุดท้ายเจ้าหน้าที่บังคับคดีมาจัดการ คุณทำอะไรทำตามนั้น นั่นคือเคารพ
เคารพศาล ไม่ใช่ พินอบพิเทาศาล คนละเคารพครับ
อำนาจทุกอำนาจต้องตรวจสอบได้ ไม่ใช่ขึ้นชื่อว่า ศาล คุณก็ต้องเชื่ออย่างงมงาย โดยไม่กล้าแม้แต่จะ
คิดตรวจสอบ
คุณเชื่อมั่นได้ตลอดเวลาอย่างไรว่า ศาลจะทำงานอย่างถูกต้องเสมอไป?
คุณขาดกลไกสำคัญไปครับ นั่นคือพวกเรากันเอง
อื่น ๆ มากมาย
อยากให้คน IT มอง เป็น ระบบ เหมือนที่คุณใช้ ระบบ คอมพิวเตอร์ ไม่ได้ทำงานด้วย อำนาจลึกลับ
มันอธิบายได้ ไม่งมงาย มีที่มาที่ไป
ยิ่งคุณสัมผัสกับเมืองไทยเบื้องลึกเท่าไหร่ คุณจะยิ่งงมงายน้อยลงเท่านั้น
ทุกระบบที่คุณอ้างมามีความลึกลับอยู่ข้างใน ตั้งแต่ ระบบคอม ระบบโทรศัพท์ ไปจนถึงบัต atm หรือบัตร credit ที่คุณใช้อยู่ ระบบนี้มีอยู่เพื่ออะไร คุณอย่าคิดว่าคอมที่คุณใช้ หรือโทรศัพท์ที่ใช้อยู่ มันไม่มีสิ่งลึกลับอยู่ สิ่งนี้มีอยู่เพื่อความปลอดภัยของทุกคน และมันก็พัฒนาโดยประเทศที่คุณคิดว่าให้เสรีกับทุกๆคนนั่นแหละ
ผมกำลังจะบอกว่า ผมยอมรับได้ถ้าสิ่งนั้นมันเป็นสิ่งที่ดีต่อคนส่วนใหญ่
อยากให้คลิปนี้ได้ลงทีวีจริงๆ ฮาๆๆ
http://www.youtube.com/watch?v=Rsxba_2ggB8
เสธไก่อบ ฮามากมายไม่น่าโดนแบน
ความเห็นผม
ประเทศไทย ตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ว่า เป็นประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
ไม่ใช่มีเพียงแค่กฏหมายเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวพันไปถึงพึ้นฐานขนบธรรมเนียม จารีต ประเพณี และศาสนาอีกด้วย
การจะเอาประเทศเราไปเทียบกับประเทศอื่น ก็ต้องดูเหตุผลและความเหมาะสมด้วย
อีกอย่าง คนไทยเราชอบเปรียบเทียบกันแต่เพียงผิวเผิน (อย่างที่เคยที่คนพูดไว้)
ประเทศอื่นเป็นประชาธิปไตย ก็อยากเป็นมั่ง แต่ไม่ดูความพร้อมของประเทศ ถึงขนาดไปยึดอำนาจมาจากสถาบัน แล้วสุดท้าย ก็เป็นประชาธิปไตยที่ป้อแป้อย่างที่เห็นทุกวันๆ
แต่ก็ยังมีคนพยายามจะเอาความเป็นประชาธิปไตยที่มันไม่เต็มอย่างทุกวันนี้มาอ้างเรื่อยๆ แหละนะ
แล้วยังเช่น ญี่ปุ่น - อมเริกา เป็นเป็นประเทศการพนันเสรี
แต่ด้วยพื้นฐานทางศาสนาของประเทศเรา จึงไม่อาจทำได้เป็นต้น
อยากจะพูด อยากจะบ่นอะไร ก็บ่นกันไป
แต่พื้นฐานของประชาธิปไตย ในหลวงของเราก็ได้ทรงแนะนำไว้แล้ว
"ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี
ไม่มีใครจะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด
การทำให้บ้านเมืองมีความปรกติ สุขเรียบร้อย
จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี
หากอยู่ที่การส่งเสริมให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง
และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ
ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้"
(ไม่มีกระทบ ไม่มีหมิ่นอะไรนะนี่ครับ เสียวโดนนิดๆ)
คนดีไม่ดีเราจะรู้ได้อย่างไรครับ ?
ไม่ได้เกี่ยวนะครับ คนดีไม่ดี เราจะรู้ เราก็ต้องมีข้อมูล เราก็ต้องตรวจสอบได้
คนดีไม่ดี ก็ต้องตรวจสอบได้ ต้องเอาผลงาน มา ประเมินผลได้
ข้อมูลเรื่องญี่ปุ่นและอเมริกาก็ผิด
ญี่ปุ่น บ่อนกาสิโน ผิดกฎหมาย มีสนามม้า ปาจิงโกะ ลอตเตอรี่ พนันรถแข่ง
อเมริกา บ่อนกาสิโน แล้วแต่รัฐ ต้องมีใบอนุญาติ ไม่ใช่เสรี
ไทย เราก็มี สนามม้า ว่าง ๆ ไปดูได้ พนันก็ได้
บ่อนไก่ ชนวัวถูกกฎหมายก็มี
ถ้านับดีกรีความเสรี ตามการบังคับใช้กฎหมาย ไทยเรา เสรีกว่า ทั้งญี่ปุ่นและอเมริกา
บ่อน ซ่อง เถื่อนเพียบ เศรษฐกิจใต้ดินส่วนนี้เทียบต่อ gpd ติดอันดับโลก (ไม่อ้างบ้างเหรอว่าเกิดจากพื้นฐานศาสนา ของเรา ไหนเราพร่ำบนเสมอว่ามันดีกว่าใคร)
ข้อมูลอื่น ๆ ที่ยกมาผิดพลาด แต่ยาวเกินไปที่จะอธิบาย
คำว่าเสรี ที่เค้าพูดน่ะถูกแล้วครับ คือใครจะทำก็ได้ต้องมีใบอนุญาติ ไม่ใช่เสรีแบบขายข้าวแกงที่ใครอยากจะทำก็เปิดร้านหน้าบ้านตัวเองได้ แล้วการบังคับใช้กฏหมายบ้านเรามันไม่ได้เสรีหรอกครับ แต่คนใช้กฏหมายนั่นแหละไม่บังคับใช้อย่างจริงจัง โดนตำรวจเรียกคนขับก็ยัดร้อยนึงแล้ว กฏหมายมันจะศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร?? ถ้าคุณไปทำที่ญี่ปุ่น หรืออเมริกา จะโดนข้อหาติดสินบนเจ้าหน้าที่
เขาเรียกว่า มีบ่อนการพนันถูกกฎหมาย ที่ใช้คำว่าเสรี มันไม่ถูก
ผมบอกว่า สภาพการบังคับใช้กฎหมายของเรา ทำให้เกิด เสรีภาพในการเปิดบ่อน ในทางปฎิบัติ ที่มากกว่าประเทศ ที่เขายกมา
พระราชดำรัสนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับประชาธิปไตยครับ
ประชาธิปไตยคือให้คนที่ได้รับเสียงส่วนใหญ่จากประชาชนได้ปกครองครับ ไม่เกี่ยวกับว่าดีหรือไม่ดี
pittaya.com
ผมว่าเกี่ยวนะ เพราะเสียงส่วนใหญ่ ก็ต้องเลือกสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดสำหรับตนเอง
ถ้าชาติ คือ ประชาชนในชาติ สิ่งที่คิดว่าดีที่สุดสำหรับ ประชาชนส่วนใหญ่ในชาติ ไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด งั้นหรือครับ
ดีหรือไม่ดี เป็นเรื่องแล้วแต่บุคคลไงครับ ที่คุณว่ามาก็สมเหตุสมผลครับ ถ้าเรานับว่า 1 คน 1 เสียงเท่ากันนะ
pittaya.com
ทุกคนก็เลือกคนที่ตัวเองคิดว่าดีกว่าครับ
ทุกคนพยายามไม่เลือกคนที่ตัวเองคิดว่าเลวกว่า
มันจะมามีคนไม่ดี ก็เมื่อเลือกไม่ตรงกัน
เราก็จะชี้หน้าคนที่คนอื่นเลือก ว่าเลว แล้วชี้หน้าคนที่เราเลือก ว่าดี
การอ้างพระราชดำรัสแบบนี้ ผมว่ามีแต่ทำให้แตกแยก
ผมอยากจะบอกว่า อังกฤษกับญี่ปุ่น ก็มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ความเสรีก็คนละทางกัน
แต่ข้าราชการสองประเทศนั้น ไม่เคยเอามาอ้างเพื่อทำลายระบอบประชาธิปไตยแบบบ้านเรา
อังกฤษก็เคยปิดกั้นมันทุกอย่าง เพราะเชื่อว่าจะทำให้ประเทศสงบเรียบร้อย
ญี่ปุ่นก็เคยห้ามอบายมุขทุกชนิด เพราะเชื่อว่าประเทศจะพัฒนา
สองประเทศนี้เลิกบ้าปกครองคนไม่นานนี้เองครับ ไม่ถึงร้อยปี คุณว่าเพราะอะไร?
อังกฤษ ปิดกั้นมากประเทศสงบเรียบร้อย อนุรักษ์นิยมสุดๆ เด็กรุ่นใหม่เลยกลายเป็นพังค์ทำลายสังคม เหมือนประเทศไทยร่ำๆจะกลายเป็นแวนซ์สกอยซ์หมดประเทศ
ญี่ปุ่น ประเทศสะสมความเครียด คนฆ่าตัวตาย เป็นโรคจิต แถมทุกอย่างที่ห้ามก็ลงใต้ดินหมดแก้ปัญหาอะไรไม่ได้ เหมือนประเทศไทยตอนนี้อีกเช่นกัน
คุณก็อาจจะอ้างไปว่าประชาธิปไตยป้อแป้
แต่มันคือการที่ประชาชน พยายามที่จะยืนด้วยลำแข้งตัวเอง
ไม่ใช่ลูกแหง่รับผิดชอบไม่ได้ เชื่อผู้นำทุกอย่าง อย่างในอดีตที่ผ่านมา
คนที่ไม่คุ้นชิน ก็ชอบคิดว่าเร็วไป
แต่กาลเวลาน่าจะพิสูจน์ได้ ว่าสมัยนี้ คนควรจะหาเลี้ยงตัวเองเมื่ออายุเท่าไหร่
อังกฤษกับญี่ปุ่น มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เหมือนประเทสไทยก็จริง
แต่ประเทศเราเปรียบพระมหากษัตริย์ดั่งสมมติเทพ จึงมิบังควรล่วงล้ำพระราชอำนาจ
แต่อังกฤษ สามารถเอา Queen หรือ ธงชาติ มาล้อเลียนได้
ผมขอแย้งตรงจุดนี้เท่านั้นนะและจุดนี้ก็เป็นประเด็นของการฟ้องร้องประชาไท
เปรียบเป็นสมมุติเทพนั่นไม่ใช่ช่วงก่อน 2475 เหรอครับ?
pittaya.com
ปัจจุบันถึงเราจะไม่ได้เป็นสมมุติเทพ แต่ความเป็นสมมุติเทพก็ยังฝังลึกในประเทศเราครับ สังเกตุได้เวลาลองไปคุยกับใคร (ยิ่งผู้เฒ่าผู้แก่ด้วย) เราแค่เอ่ยวิจารณ์กษัตริย์มานิดเดียว จะถูกด่าว่าลบหลู่ดูหมิ่นทันที หรือถ้าไปเข้าหูพวกมีอำนาจ อาจจะโดนข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพได้
ต่างกับอังกฤษและญี่ปุ่น ค่อนข้างมากอยู่
นั่นก็ไม่ใช่เพราะ ผู้มีอำนาจเขียนกฏหมาย และผู้มีอำนาจปลูกฝังมา?
ไอ้การทำแบบนี้นี่ ประเทศไหนก็เคยทำครับ อังกฤษกับญี่ปุ่นก็เคยทำ
มันเป็นก้าวย่างปกติของการพัฒนาระบอบการปกครองในประวัติศาสตร์ เมื่อมีความเชื่อทางศาสนา ราชวงศ์ก็จะเอาตัวไปผูกพันเพื่อสร้างความเคารพยำเกรงแก่ประชาชน
ไอ้การที่เราทำอยู่ ไม่ต่างอะไรกับราชวงศ์ขอม ราชวงศ์จีน เคยได้ยินคำว่าโอรสสวรรค์ใช่หรือไม่?
แต่เมื่อถึงยุคใหม่มากขึ้น ความเป็นวิทยาศาสตร์เข้ามามากขึ้น ความศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกตั้งคำถาม
การที่คนยกกษัตริย์เป็นสมมุติเทพ มันทำให้คนต่อต้านยิ่งรู้สึกว่าเป็นระบอบน่ารังเกียจ
ผมรักในหลวง แต่ผมไม่เคยเคารพในแง่ความศักดิ์สิทธิ์
และนั่นคือวิถีทางที่อังกฤษ และญี่ปุ่น เปลี่ยนมาใช้ เพื่อกลมกลืนราชวงศ์เข้าไปกับยุคโลกาภิวัฒน์
ราชวงศ์ก็เปลี่ยนแปลงตัวเอง ไม่เข้ามายุ่งการเมืองการปกครอง วางแนวทางให้ผู้คนเคารพด้วยการกุศล บารมี วางตัวเป็นสัญลักษณ์ และวางตัวเป็นคนของประชาชน ให้ประชาชนวิจารณ์ได้
คนที่ชอบกษัตริย์ก็ยังมี ที่เกลียดกษัตริย์ก็มี แต่อยู่ร่วมกันได้
เป็นวิธีที่ "พัฒนามากกว่า" และเชื่อกันว่า จะ "ยั่งยืนกว่า"
โดยหลักการแล้วไทยก็ควรใช้วิธีนี้ด้วยครับ
(การยกอำนาจให้แก่กษัตริย์ แต่ต้องใช้ผ่านตัวแทน นิติบัญญัติ ตุลาการ บริหาร การต้องมีผู้ถวายฎีกา มีผู้รับสนองราชโองการ เป็นหลักการแบ่งแยกกษัตริย์ ออกจากอำนาจที่จะใช้ถึงประชาชน)
แต่ผมเห็นแต่เหล่าผู้มีอำนาจที่อยากได้ผลประโยชน์จากราชวงศ์ ก็พยายามเพิ่มอำนาจให้ราชวงศ์ทั้งในที่ลับและในที่แจ้ง
แต่ผมว่ามันเป็นการทำลายราชวงศ์ทางอ้อมมากกว่า
งงที่คุณเปรียบกับอังกฤษและญี่ปุ่น "สองประเทศนี้เลิกบ้าปกครองคนไม่นานนี้เองครับ" แต่บอกตอนนี้ทั้งสองมีปัญหา
ที่ไหนมันก็มีปัญหากันทั้งนั้นแหละ รวยไปสบายไปลูกหลานก็เลวได้ จนไปก็บ่นว่าแร้นแค้นไม่เท่าเทียม เรียกร้องประชาธิปไตย แต่ไม่คิดจะสอนคนเป็นคนดี ซ้ำยังถามว่าที่ดีน่ะหมายถึงอะไร(ไม่รู้ดีรู้..)
ส่วนการหาเลี้ยงตัวบางครั้งปากกัดตีนถีบ ไม่มีพ่อแม่เลี้ยงก็เลี้ยงตัวเองถมเถ ชัดว่าคุณนี่วัตถุนิยมจริงๆ
ที่ไหนมันก็มีปัญหากันทั้งนั้นแหละ
=> เรามองที่ดัชนีต่าง ๆ ไม่ใช่การตีขลุมมั่วซั่วครับ
gdp per capita, crime rate, welfare, gini วัดการกระจายความมั่งคั่ง
อัตราการรู้หนังสือ อัตราการว่างงาน
คนกวาดถนนในเดนมาร์ค มาเที่ยวในประเทศไทยช่วงพักร้อนได้
ในขณะที่คนกวาดถนนในไทย ?
ถ้าเราสรุปแบบคุณ ก็แสดงว่า คนญี่ปุ่น ทั้งประเทศ โดยเฉลี่ย เป็นคนดีกว่าคนไทย
เพราะคนไทย ชั่ว คนไทยจึงแร้นแค้น ?
มันเป็นปัญหา ทุน โครงสร้าง การจัดการ ทัศนคติ และกลไก ครับ ไม่ใช่ความดีความชั่ว
ผมบอกตอนไหนครับว่า ปัญหาของอังกฤษและญี่ปุ่น เกิด ตอนนี้
พังค์เกิดเมื่อยุคห้าสิบหกสิบปีก่อนโน่นครับ
ปัญหาสิ่งผิดกฏหมายเล็กๆน้อยๆลงใต้ดินหมด ปราบไม่ได้ ของญี่ปุ่น ก็เกิดช่วงสามสิบสี่สิบปีก่อน
ผมบอกว่า ไอ้สองปัญหานี้ ที่เคยเกิดในอังกฤษและญี่ปุ่น
เกิดกับประเทศไทยตอนนี้อยู่ต่างหาก (ในรอบสิบกว่าปีที่ผ่านมา)
อ่านไม่แตกนะครับ
ใต้ดินในญี่ปุ่นหมดไปแล้วสามสี่สิบปี? เออแปลกนะ คุณรู้ดีขนาดนั้นหรือ คุณคิดว่าตอนนี้ยากูซ่ามีแค่ในการ์ตูนเหรอ คุณชอบแบบญี่ปุ่นเพราะหนัง uncen หรือชอบที่ญี่ปุ่นฆ่าตัวตายมากสุดประเทศหนึ่งในโลก
ส่วนอังกฤษตอนนี้ไม่มีฮูลิแกน?
ผมอ่านไม่แตกจริงๆ ครับ ข้อมูลที่คุณให้มันไม่ครบตามที่ผมเคยรู้ ใครอ่านแตกแสดงว่ารู้เท่าคุณครับ ความรู้ผมไม่ได้เท่าเทียมกับคุณ
อ่านไม่แตกอีกแล้ว
ผมบอกตรงไหนว่ามันหมดไปกว่าสามสิบปีก่อน? ผมบอกว่ามันเกิดหนักช่วงสามสิบปีก่อนต่างหาก
อังกฤษก็เหมือนกัน ยุคพังค์มันเมื่อห้าหกสิบปีก่อน ผมไม่ได้บอกว่าหมดแล้วซะหน่อย
มีสติหน่อยครับ ภาษาไทยทั้งนั้นนะตรงนั้น
"ผมบอกตอนไหนครับว่า ปัญหาของอังกฤษและญี่ปุ่น เกิด ตอนนี้
พังค์เกิดเมื่อยุคห้าสิบหกสิบปีก่อนโน่นครับ"
อย่าหาว่าโง่เลยนะ พิจารณาดูข้อความที่พิมพ์หน่อย เกิดเมื่อห้าหกสิบปีก่อน แต่บอกเป็นนัยว่าไม่ได้เกิดตอนนี้ ไม่ได้ใช้คำว่าหมดก็เถอะ ใช้คำที่ดิ้นไปมา แต่เนื้อความมันก็บ่งบอก
ผมคิดว่าถ้าไร้เหตุผลอย่างนี้คุณก็หมดคุณค่าที่ผมจะโต้แล้วล่ะ ไร้สาระ
ผมแค่บอกว่ามันเกิดเมื่อห้าหกสิบปีก่อน เพื่อจะบอกว่ามันไม่ได้เกิดตอนนี้
แต่มันก็ยังอยู่มาจนถึงตอนนี้ ไม่ได้บอกว่ามันหมดไปแล้วซักคำ
ถ้าผมพูดว่า คนๆนึงไม่ได้พึ่งเกิด เขาเกิดมาตั้งหกสิบปีแล้ว แปลว่าเขาตายไปแล้ว?
ผมว่าถ้าคุณอ่านภาษาไทยไม่ออกแบบนี้ก็ไม่มีค่าจะโต้เถียงแล้วล่ะ ไร้สาระ
แต่เท่าที่ผมเคยเห็น ก็เป็นพวกสีแดงเองไม่ใช่หรอครับ
ที่ดึงเบื้องสูงมายุ่งเกี่ยวกับการเมือง รวมทั้งข้อความหมิ่นเบื้องสูง
ซึ่งข้อความพวกนั้นก็ปรากฎอยู่ในเว็บที่โดนแบนเหล่านี้ (หรือไม่ใช่?)
แล้วอีกสีนึงก็ใช้จุดนี้มาปลุกระดมได้เป็นอย่างดี
ไม่ใช่ครับ
ตั้งแต่สามปีก่อน ก็มีคนกลุ่มหนึ่ง ที่พยายามทำลายล้างคนๆเดียว โดยหาเรื่องให้คนๆนั้นเป็นศัตรูของเบื้องสูงให้ได้
ตั้งแต่ที่นั่งวัดพระแก้ว ระบอบประธาณาธิบดี ปฏิญญาฟินแลนด์ รวมถึงข่าวลือข่าวลับอื่นๆสารพัด ผ้านพันคอสีฟ้าบ้างล่ะ เราจะสู้เพื่อในหลวงบ้างล่ะ ในหลวงพึ่งใครไม่ได้แล้วนอกจากพวกเราบ้างล่ะ
อ้อ ผมลืมไปว่าคนเกลียดสีแดงคงไม่นับว่าการกระทำแบบนี้คือการดึงฟ้าต่ำ คงนับเป็นการกระทำที่จงรักภักดีอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
คนที่ต่อต้านระบอบกษัตริย์ ประเทศไหนก็มีครับ
แต่เราอยู่ร่วมกันได้ จับมือกันได้
มันก็เป็นแค่ความเห็นทางการเมือง
อืม ผมเข้าใจที่คุณบอกนะครับ และคิดว่ามันก็อาจจะจริง
แต่ที่ผมจะสื่อคือ คำพูดหมิ่นต่างๆ (ด่านายกไม่นับนะ ผมไม่สน) มันอยู่ในเว็บที่ถูกแบนพวกนี้
อันนี้คุณก็รู้ว่ามันมีอยู่ใช่มั้ยครับ และเยอะด้วย
แล้วทำไมถึงคิดว่าคนที่โพสต์คำเหล่านั้นเป็นเสื้อแดง?
ในเมื่อเข้าใจว่าการกระทำข้างบนก็เกิดในคนอีกกลุ่มเช่นกัน
ผมไม่ได้บอกว่าคนโพสต์ไม่ผิด แต่ใครผิด ก็ตามไปจับคนผิดมา และดำเนินการตามขั้นตอนให้ชัดเจนเท่านั้นเอง ไม่ใช่พอไปเจอคำอะไรที่ว่าหมิ่น ก็บอกว่าเสื้อแดงหมิ่น ๆ ก็ไปจับไอ้คนนั้นมา ให้มันหมด ๆ ไป (และชัดเจน) ไม่ดีหรือ???
ดีครับ สมควรตามจับคนที่โพสอย่างยิ่ง นี่ก็เป็นสิ่งนึงที่ผมสงสัยว่าทำไมไม่ทำ ดันมาสั่งปิดแต่เว็บ
ส่วนที่บอกว่าทำไมถึงคิดว่าคำโพสเหล่านั้นเป็นเสื้อแดง
ก็ในเมื่อเว็บนั้นชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นแดง (รู้ๆกันอยู่)
แล้วพอมีข้อความหมิ่นๆ แรงๆ คนในเว็บก็ไม่เห็นมีใครออกมาปกป้องในหลวงเลย แล้วจะให้คิดยังไงอ่ะครับ
ว่าพวกสีเหลืองไปสร้างไอดีเพื่อโพสข้อความสร้างกระแสเยอะแยะขนาดนั้นน่ะหรอครับ
สรุปว่า ใครไม่ปกป้องคือเสื้อแดงเหรอครับ?
ถ้าคุณเหมาว่าใครจะโพสต์เว็บนั้นมีแต่แดงแล้วคุณเองไปเห็นข้อความที่ว่าเยอะขนาดนั้น แสดงว่าคุณก็แดงเข้มเลย ถึงได้เกาะติดขนาดนั้น??? และคุณเองปกป้องข้อความที่คุณว่าเห็นเยอะ ๆ นั้นอย่างไรล่ะครับ?
แค่ใครโพสต์เนื้อหาหมิ่นจริง ๆ=ผิด ก็พอครับ ไม่ต้องบอกหรอกว่าต้อง =เสื้อแดง ด้วย (ไม่ได้ลงรายละเอียดว่าคำว่า "หมิ่น" คืออะไรนะ)
สมัยนี้ใครเห็นต่างก็เสื้อแดงทั้งนั้นแหละครับ
My Blog
คุณไม่เข้าใจครับ
สิ่งที่ผมอยากบอกคือ การมีคนมานั่งเช็คว่าเว็บไหนหมิ่น ต้องจับ ต้องปิด มันไม่เข้าท่า
การอยู่ร่วมกัน ไม่ใช่การปิดปากไม่ให้อีกฝ่ายพูดในสิ่งที่เขาเชื่อ
เขามีเสรีภาพที่จะพูด เรามีเสรีภาพที่จะฟัง และยิ่งมีเสรีภาพที่จะไม่ฟัง
ถ้าเราขวนขวายไปฟังเขาเอง เราก็ควรจะรับฟังเฉยๆแม้จะไม่พอใจ หรือพูดเถียงโต้ตอบไปตามเสรีภาพที่เรามี
ไม่ใช่ใช้อำนาจปิดปากอีกฝ่าย แล้วบอกว่าเพราะสิ่งที่เราทำถูกต้องเสมอ เพราะเป็นสามัญสำนึก
ผมเชื่อว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องหรอก
ยังงี้ เว็บไหนหมิ่น ก็ไม่ต้องจับ ไม่ต้องสนใจ น่ะหรอครับ
แบบนี้ก็ยกเลิกกฎหมายหมิ่นไปเลยดีกว่ามั้ยครับ จะมีไว้ทำไม -*-
เรื่องเสรีภาพผมไม่เถียงหรอกครับ ถ้าสิ่งที่พูดมันไม่ผิดกฎหมาย หรือทำร้ายจิตใจผู้อื่น
ใช่ครับ
กฏหมายหมิ่นเบื้องสูง ตลอดที่ผ่านมา เป็นกฏหมายที่ใช้ทำร้ายกันทางการเมือง มากกว่าจะใช้ปกป้องสถาบันจริง
และมันบั่นทอนสถาบันมากกว่าปกป้องสถาบัน
กฏหมายหมิ่นประมาทมีให้ใช้ กำหนดขอบเขตชัดเจนกว่า
ถ้ามีถ้อยคำกล่าวหาว่าร้ายอันไม่เป็นความจริง ก็ควรจะใช้ตัวนี้ ส่งเรื่องให้สำนักราชเลขาไป
ให้ผู้เกี่ยวข้องตัดสินใจฟ้องไม่ฟ้องไปตามหลักการและเหตุผล
ไม่ใช่ให้หน่วยงานรัฐที่อยากทำงานเอาหน้า ดำเนินการฉับๆ ด้วยกฏหมายล่าแม่มดแบบนี้
การพูดทำร้ายจิตใจผู้อื่น เป็นเรื่องธรรมดาในสังคมครับ
ที่ผมเขียนอยู่ตรงนี้ ยังไงก็ไปทำร้ายจิตใจเหล่าผู้จงรักภักดีอย่างหน้ามืดตามัว ที่เชื่อว่าต้องกวาดล้างคนที่ไม่เคารพกษัตริย์
ดีแค่ไหนแล้วที่มันอยู่บนเน็ต อยู่ในเว็บบอร์ด ที่ถ้าไม่ไปขวนขวาย เราก็จะไม่ต้องเห็นมัน
ถ้าให้ผมพูด การที่มีข่าวพระราชสำนัก
หรือเวลามีข่าวหมิ่นก็มีกระแสความเห็น "อยากให้พวกที่ไม่เคารพในหลวงออกไปจากประเทศไทย"
มันก็ไปทำร้ายจิตใจคนที่เกลียดชังระบอบกษัตริย์ได้เหมือนกัน
ก็ไม่เห็นใครจะไปห่วงใยเกรงใจพวกเขา
ในเมื่อพวกเราไม่เกรงใจพวกเขา
ผมก็ไม่เห็นว่าพวกเขาควรจะต้องมาเกรงใจพวกเรา (ครับ "พวกเรา" เพราะผมอยู่ฝ่ายรักในหลวง)
สุดท้ายก็เป็นแค่เรื่องบรรทัดฐานสังคม ค่านิยมสังคม
อะไรที่คนเราเชื่อว่าเป็นบรรทัดฐาน เราก็ไม่เคยคิดว่ามันไปทำร้ายคนอื่น
เสรีภาพของคนเรา คือเราควรมีที่ทางให้กับทุกคน
ถ้าเรามีบ้านปิดมิดชิด เราจะชวนเพื่อนสิบคน มาแก้ผ้าในบ้านนั้น มันก็ไม่ควรผิดกฏหมาย
และถ้ามีพวกไม่หวังดี มาบุกพังบ้านเรา แล้วเรียกตำรวจมาบอกว่า ดูสิพวกมันแก้ผ้าอนาจาร
ควรจะผิดกฏหมายรึเปล่า
ผมว่าไม่
เว็บบอร์ด 1 เว็บก็เหมือนกัน
ประชาธิปไตยในความคิดของคนไทย คือ ทำอะไรก็ได้ พอถูกห้าม ถูกขวาง ก็บอกว่าไม่เป็นประชาธิปไตย
แต่ในความจริงแล้วประเทศที่เรามักจะบอกว่าเค้าเจริญแล้วหลาย ๆ ประเทศ ประชาชนของเขาก็ไม่ได้เสรี
ทำอะไรไปได้ซะทุกอย่าง อย่างประเทศญี่ปุ่นจะห้ามตีพิมพ์หนังสือที่มีเนื้อหาหมิ่นเหม่ทำลายความสงบ
หรือหนังที่มีเนื้อหาแบบนั้นก็มีการห้ามฉายเหมือนกัน แต่ถ้าเป็นเมืองไทยก็จะมีคนนำกระแสบอกว่า
เรื่องแบบนี้ไม่มีที่ไหนเค้าทำกัน คนไทยตาดำ ๆ ที่ไม่รู้เรื่อง ก็จะบอกว่าจริงด้วย บ้านเรานี่มันไม่เป็นประชาธิปไตย...
ยกตัวอย่างหน่อยสิครับ ผมติดตามข้อมูลมาพอสมควร ไม่คล้ายแบบที่คุณว่ามานะครับ
แต่ผมมีตัวอย่างที่คุณตรวจสอบได้มาให้อันนึงนะครับ
Hirohito and the making of modern Japan
ขายในญี่ปุ่นได้
อย่างหนังสือ ที่บอกว่า ฮิโรฮิโต มีส่วนและรับรู้ ใน หน่วยสงครามเชื้อโรคในจีนเนี่ย เป็นหนังสือขายได้
ถูกต้องตามกฎหมาย
ญีป่่น ถึงขั้น ตั้งศาสนาเองได้ และทำอะไรไม่ได้จน กว่าจะเกิดอะไรร้ายแรง แบบโอมชินริเคียว
เขาเสรีถึงขนาดนั้น
ถือว่าแลกเปลี่ยนข้อมุลกันนะครับ ลองไปหาอ่านต่อเองได้ อินเตอร์เน็ตมีข้อมูลมาก
แต่ที่นั้นอันนั้นมั่วอันไหนแถอันไหนใส่ความ เข้าคุกไวนะครับ
แล้วเข้าแล้วอยู่นานคุกแท้ไม่ใช่บังกะโลชายหาดหรือเข้าไปแป้ปๆ ออกมาลัลล้าข้างนอก
แล้วพอมีคนถามเอาหลักฐานมีแต่หลักแถอะไรที่เป็นเนื้อเป็นหนัง เป็นสถิติข้อมูลแบบละเอียดยิบๆ
แบบที่พิสูจน์ได้ว่าจริงไม่ใช่พูดพกลมหาอะไรไม่ได้อาศัยแต่ความคิดส่วนตนเองแล้วออกประกาศ
ชวนเชื่อป่าวๆ มันก้ไม่ต่างจากอีกด้านที่คุณกล่าวว่าไม่ดีงั้นงี้หรอกครับ
ทำไม่ได้ กับ ทำได้แต่ต้องรับผิดชอบ มันต่างกันเยอะนะครับ
pittaya.com
ขนาดทำไม่ได้ก็ยังทำกันอยู่นะครับ แถมทำแล้วไม่อยากรับผิดชอบด้วย
เพราะมันโทษหนักหรือเพราะปั่นน้ำเป็นตัวผสมข้อเท็จจริงด้วย เลยไม่อยากรับผิดชอบกัน
ปล. พูดถึงในกรณีคดีในข่าวนะครับ ส่วนอันอื่นไม่เม้มน่ะ
เดียวโดนไล่จับตามไม่ดีๆ
กรณีในข่าวเป็นเรื่อง "การรับผิดของตัวกลาง" นะครับ คนทำไม่โดนจับ แต่คนรับผิดชอบดันเป็นคนดูแลเว็บ
pittaya.com
เล่นไพ่ในบ้าน เจ้าของบ้านยังต้องโดนจับเลยนะครับ (ตามกฎหมาย)
ถึงว่าไงครับว่าเงียบๆไว้ เดียวซวยถึงคุณ mk จะกลายเป็นสุกี้เอาได้ถ้างานงอก
มันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องจริงไม่จริง เลยนะครับ เพราะกฎหมายไม่ได้กำหนดไว้ ว่าต้องพิสูจน์ว่าจริงหรือไม่
ลองไปศึกษากฎหมายดูดีดีนะครับ
กระบวนการพิจารณาส่วนใหญ่ก็ปิดด้วยครับ ดังนั้นกรณีนี้ คงพูดยากว่าใครใช้ความคิดส่วนตัวเองทึกทักเอาเอง
หรือชวนเชื่อกันแน่
ใน wikileaks มี torrent ที่คนไทยอยากเห็นกัน ให้โหลด
มีคน seed อยู่ตลอดเวลา ทั่วโลก
ยังไงก็ปิดไม่มิดหรอกครับ
ไขความกระจ่างด้วยครับ torrent ที่คนไทยอยากเห็นกัน
เบื่อจริง พวกสำลักประชาธิปไตย์
คนที่อยากดูมันต้องไม่ใช่คนไทยครับ คนไทยที่ไหนกันจะมาอยากดูอะไรพรรค์นี้ คนที่ดูน่ะไม่ใช่คนไทย ไล่ออกนอกประเทศไปเลย
pittaya.com
อ้าว นี้ผมต้องออกนอกประเทศแล้วรึเนี่ย~~~~
สุดโต่งมาอีกรายแล้ว
ประเทศของคนที่คิดเหมือนคุณหรอครับ
คิดต่าง ไล่มันออกไป
ง่ายเนอะ
ผมว่าเค้าประชด
ผมว่าไอ้ 5 หมื่นเว็บนี่คนทำก็ไม่กี่คน ไอ้คนไล่ปิดก็ไม่กี่คน .... วุ่นวายใช้กฏหมาย/เรียกร้องกฏหมายกัน โดยไม่ค่อยมองหลักจริงๆจังๆเสียเท่าไหร่มั้งครับ ไอ้ฝั่งพูดก็ปาวๆ ฟังปิดก็ปาวๆ ท้ายสุดประชาชนก็ไม่ค่อยสนใจครับ
คอมเมนต์ไม่เกี่ยวกับเนื้อหาเลยครับ ... คอมเมนต์เกี่ยวกับเนื้อหาดีกว่าครับ
ไม่ค่อยเห็นด้วยกับการปิดประชาไทนะครับ ... แต่รู้สึกว่ามีคนไปฟ้องนี่ครับ เค้าเลยจับกุม แต่เชื่อว่าแก้ต่างได้ไม่ยากนะครับ เพราะปิดเว็บบอร์ดแล้ว เก็บ Log แล้วแล้วก็หากมีการ Monitor อย่างเหมาะสมให้เป็นไปตามวิถีทางที่ดีครับ (ถ้าบอกว่าวิถีทางที่ดีคืออะไร ก็คงจะเป็นการแย้งอย่างสุภาพ มีหลักฐานที่ชัดเจน มีความเป็นผู้ดีในการถามตอบครับ) ซึ่งผมว่าบางคนเค้าไม่ชอบประชาไท (จนไปฟ้องเค้า) เพราะสมาชิกในประชาไทบางท่านชอบเขียนแบบโวยวาย เขียนให้อารมณ์ขึ้น มากกว่าจะเป็น Informative ครับ (Blognone ก็โต้แย้งกันบ่อย แต่มันเป็น Informative มากกว่าจะเอาหัวชนฝากันแบบคนส่วนหนึ่งในประชาไทเค้าทำครับ)
ผมว่าไอ้ตัวกฏหมายมันไม่ค่อยเกี่ยวข้องมากครับ มันถูกใช้เมื่อคนมันน้ำโหขึ้นมากกว่าครับ ก็เลยไล่ฟ้องกัน ซวย Webmaster เขาอีก
ขอบคุณครับ สวัสดีครับ
ถ้ามีคนมาพูดใส่โทรโข่งอย่างนี้ บริเวณ กทม. ผู้ว่าต้องรับผิดชอบด้วยไหมครับ
เป็นข้อกฏหมายของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่ "จงใจ" ให้มีการเอาผิดกับตัวกลางครับ อาจจะเปรียบเทียบกับอย่างอื่นได้ลำบากหน่อย
pittaya.com
รู้สึกเหมือนตำรวจต้องติดคุกด้วย หากมีการกระทำผิดในพื้นที่ของตน ในโทษฐานที่ไม่ยอมดูแล
ยังไม่แปลกใจกับคำพูดที่ใครหลายคนว่า คนไทยส่วนใหญ่ยังหัว conservative กันสุดโต่ง แต่แอบดีใจในมุมเล็กๆ ที่คนรุ่นใหม่ๆ ก็เริ่มมีหัวก้าวหน้าออกมาให้รู้สึกชื่นใจว่า ต่อไปสังคมเราจะมีแนวความคิดที่หลากหลายขึ้น..ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี
ส่วนตัวผมไม่เห็นด้วยกับ พรบ คอม ฉบับนี้ในประเด็นที่ว่า webmaster ต้องรับผิดชอบกรณีมีผู้โพสต์ข้อความที่ผิดกฏหมายในเว็บบอร์ด ในยุคนี้ log ก็เก็บแล้ว ควรตามตัวไปเอาโทษกับผู้กระทำผิดโดยตรง เพราะเว็บบอร์ดเป็นระบบอัตโนมัติที่ webmaster ไม่มีส่วนรู้เห็นด้วยกับการแสดงความคิดเห็น ผมมองว่าเป็นการมองที่ตื้นกับการลงโทษกับ webmaster ด้วยคือมันก็บังคับใช้กฏหมายง่ายดี พอมีกฏหมายตัวนี้มาพวกคนดูแลเว็บบอร์ดหัวปั่นกันหมด กลัวกันเป็นเจ้าเข้า ที่ชัดเจนมากคือ Pantip ที่กลัวมากจนต้องระแวงสุดๆ ทำระบบอะไรต่างๆ มากมายเพื่อป้องกันข้อความที่ไม่พึงประสงค์ กะว่าเซฟตัวเองสุดๆ แต่ก็มีผลกระทบเป็นวงกว้างต่อคนที่ใช้งานปกติไม่น้อย ข้อความหายบ้าง หรือการให้ไฟแดงที่น่าจะเกิดขึ้นเพราะป้องกันในกรณีนี้ (ลบกระทู้ง่ายมาก กระทู้หายช่างมันขอเซฟชีวิตเว็บมาสเตอร์ไว้ก่อน) แต่คนก็เอามาใช้ในวัตถุประสงค์อื่นๆ จนวุ่นวาย ยังมีการที่เว็บมาสเตอร์ไม่กล้าจะเปิดจะทำอะไรใหม่ๆ อีกเพราะกลัวผลที่จะตามมา เพราะเว็บบอร์ดมันเป็นปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ ไม่เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ สุดท้ายมันจะเกิดเป็นผลกระทบต่อการใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยในระยะยาว ที่มีต้นเหตุเพียงเพราะการป้องกันในเรื่องๆ เดียว
เขาไม่ได้คิดตื้น ๆ หรอกครับ แต่เป็นการใช้ ความกลัว อีกอันที่ ใช้กันมาก คือ ความเกลียด
สองอย่างนี้ใช้มานานมากแล้ว
ข้างบนไม่ได้ติดใจอะไร แค่สงสัยว่าดำเนินการช้าจัง เรื่องเกิดปีที่แล้วแต่เพิ่งจะจับเนี่ย ...
ฮาคห.คนบางคนจริงๆ ไอ้นั้นก็ไม่ดีไอ้นี่ก็ล้าหลังของชาตินั้นดีงั้นดีงี้
ไอ้โน้นปิดกั้นไอ้นี่ถึงใช่ประชาธิปไตย ต้องบลาๆๆๆ
แต่ถามหน่อยว่า "ความจริงวันนี้ของสภาพสังคมและคุณภาพประชากรไทย"
เหมาะสมกับที่คุณเขียนอ้างถึงสิ่งที่อยากเป็นรึยังครับ?
ปล. สองมาตรฐานไม่ต้องมองอื่นไกลหันหน้ามองกระจกก็เจอแล้วครับ
คุณ หัวเราะอะไร ช่วย อธิบายด้วยครับ
"ความจริงวันนี้ของสภาพสังคมและคุณภาพประชากรไทย
เหมาะสมกับที่คุณเขียนอ้างถึงสิ่งที่อยากเป็นรึยังครับ"
ทำไมถึงไม่เหมาะสม ไม่เหมาะสมเช่นไรครับ กรุณาอธิบายทฤษฎี คุณภาพประชากร กับสิทธิเสรีภาพด้วยครับ
ปล ผมส่องแล้วไม่เห็น คุณส่องแล้วเห็นเหรอครับ
ไม่ได้ถามกวนนะครับ แต่อยากรู้ในรายละเอียดเกี่ยวกับความคิดคุณจริง ๆ ครับ
การไม่ปิดกั้น การเป็นประชาธิปไตย
เป็นการยกระดับคุณภาพประชากรครับ
คุณคิดกลับกันแล้ว ว่าของสองอย่างนี้ ต้องรอให้คนเหมาะสมพอ ถึงเอามาใช้
มันต้องเอาไปให้คนที่ไม่เหมาะสม ได้ลองใช้มัน และใช้มันไปเรื่อยๆ ลองผิดลองถูก
มันถึงจะทำให้คนที่ไำม่เหมาะสม กลายเป็นคนที่เหมาะสม และพัฒนาขึ้นมาใช้มันในวิธีการเฉพาะทางที่ตัวเองถนัดทีหลัง
การที่อังกฤษ ญี่ปุ่น ใช้ประชาธิปไตย ครั้งแรกไม่มีใครพร้อม นอกจากคนที่ไปต่างประเทศ อยู่ในประเทศประชาธิปไตยมาบ้าง แค่ส่วนเล็กๆส่วนหนึ่ง
ฝรั่งเศสนี่ยิ่งแล้วใหญ่ ไม่มีใครพร้อมเลย อยู่ๆก็ปฏิวัติ เป็นประชาธิปไตยครั้งแรกในโลกยุคใหม่
คุณ ไปเอาความคิด ว่า ประชาชนต้องพร้อม ถึงควรจะได้ใช้ประชาธิปไตย มาจากไหน?
สงสัยว่า ป.ล. ของคุณนี่คือคุณได้เห็นทุกวัน
ไม่ขอถก"ทฤษฏี"เพราะมันแค่"ความเป็นไปได้ทางความน่าจะเป็นแต่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงปัจจุบัน"
ยกตัวอย่างอิรัก ใครๆที่เป็นคนนอกก็มองว่าน่าจะเป็นประชาธิปไตยตอนซัดดัมครองอำนาจ
แต่ปัจจุบันคุณก็เห็นว่าผลเป็นอย่างไร ไม่นับประวัติศาสตร์สยามนับแต่อโยธยาจนถึงปัจจุบัน
การเปลี่ยนถ่ายอำนาจของประชาชนโดยประชาชนเพื่อประชาชน เคยเกิดขึ้นแบบไม่จัดม็อบมีทุน
แค่ในยุคอโยธยา 3 ครั้งและทุกครั้งก็ล่มสลายเพราะการแตกคอกันเองส่วนหลังจากยุค
รัตนโกสินต์"ไม่เคยมีการพยายามเปลี่ยนผ่านโดยประชาชนเพื่อประชาชนแบบไม่จัดตั้งเลย"
ทุกครั้งกระทั้งการชุมนุมของนักศึกษาเอง ล้วนเกิดจากกระบวนการปั่นสร้างกระแสซึ่งนักศึกษาเหล่านั้น
ล้วนมีเจตนาบริสุทธ์ทว่า สุดท้ายเมื่อเวลาผ่านเราจะพบว่าพวกเขาตกเป็นเครื่องมือและเหยื่อในเกมการเมือง
ของกลุ่มการเมืองที่แย่งชิงโอกาสและความชอบธรรม ส่วนยุคนี้ตอนนี้ขอให้เลิกท่องเป็นหนอนตำรา
แล้วเดินออกไปดูสังคมครับ ทั้งการเล่นพวกไม่เคารพกฏเห็นเงินใหญ่ครองฟ้า เชิดชูชอบเลียขา
แย่งอำนาจเงินตาหน้าตาตัดขากันเอง ดูง่ายมากตั้งแต่ระบบปกครองท้องถิ่นที่แสนจะอนาถาโคตร
อบต.และอบจ.กลายเป็นรังของเหล่าผู้มีอิทธิพล และสังคมก็ถือว่า"ช่างมันเหอะ"
แก้กฏหมายเท่าไรแต่"สำนึก"ไม่มีพอในประชากรส่วนใหญ่มันก็เท่านั้น
อังกฤษ-ญี่ปุ่น-ฝรั่งเศส ใช่ครับตอนได้คนส่วนใหญ่ไม่พร้อมไม่รู้จัก
แต่เรายอมรับความจริงได้ไหม ว่าทั้งหมดท่กล่าวมานั้นล้วนมีกลุ่มชนที่"ยังมีอภิสิทธ"
ถึงทุกวันนี้ ทุกที่ล่ะครับที่มีส่วนที่เขาดีได้ดูได้ว่าสำเร็จเพราะกลุ่มคนที่พยายามเปลี่ยนคน
ของพวกเขามีจำนวนที่มากพอที่จะสร้างกระแสสังคมได้ แต่ของไทยมองไปเถอะหาคนที่มีทั้ง
ความรู้-ความจริงใจจริงจังต่อชาติ-ทุนและอำนาจหนุนหลัง ครบทุกประการที่พร้อมจะเปลี่ยนสังคมไทยรึยัง
อย่ามาเบลอว่าไม่ต้องมีทุนหรือมีไม่ครบก็เปลี่ยนสังคมได้ เพราะถ้ามันจริงปานนี้คนไทยเปลี่ยนแล้ว
เพราะคนที่มีแต่มีไม่ครบสามข้อนี้มีมาหลายคนแต่ไปไม่ถึงดวงดาวกันเลยสักคน
ประชาชนต้องพร้อมนี้ไม่ต้องพร้อมหมดหรอกครับ แค่มี"กลุ่มหนึ่งที่พร้อมทุกด้าน"
พร้อมสำหรับ"ขับเคลื่อนประเทศไปโดยเห็นแก่ปะชาชนมากกว่าส่วนตน" ก็พอแล้ว
แต่แค่นั้นเรายังไม่เห็นวี่แววกลุ่มคนที่ว่าเลย...
แนวคิดผมเองผมประมวลจากข้อเท็จจริงของ"สยาม"ที่ผ่านมาและเป็นอยู่จริงในปัจจุบัน
ไม่ขออ้างอิงบริบทต่างชาติเพราะถ้ามันอ้างถึงใช้ได้จริง
ท่านปรีดีคงทำสำร็จไปแล้วล่ะ
ปล.เรื่องส่องกระจกผมยืมจากท่านพุทธทาส คนเรามันก็สองมาตฐานกันทั้งนั้น
อะไรถูกจริตเห็นดีเห็นงามไปหมด พออะไรไม่ถูกจริตไม่ว่าเช่นไรก็รกตาไปหมด
ถึงบอกหันไปส่องกระจกก็เจอ อ้อถ้าคุณจะอ้างว่าคุณใช้เหตุผลมากกว่าความชอบใจ
ก็แค่หลอกตัวเองเปล่าๆ เพราะที่คุณโพสมันก็บอกในตัวมันเองว่าคุณเอง
ก็"สองมาตรฐาน"เห็นกันคาตาชัดๆ ทั้งคุณ Iterator และคุณ Thaina
ล่ะครับระบุชื่อกันตรงๆ เพราะผมไม่แอบไม่ซึนเดเระไม่ชอบเหน็บถกกันก็ถกตรงๆ
ปล.2 เรื่องกฏหมายข้อนี้ผมก็ไม่เห็นด้วย เพราะมันตีคลุมเกินไม่เล่นแต่คนที่"ทำ"
แถมยังเปิดช่องให้ใช้ทางเกมการเมืองมากซะน่าเกลียด
ยกตัวอย่างอิรักมาก็ดีครับ
ซัดดัมเป็นเผด็จการทหารรึเปล่า?
นี่ใช่มั้ยคือตัวอย่างของประเทศประชาธิปไตยที่ถูกอำนาจทหารแทรกแซง
ผลเป็นอย่างไร วานบอกอีกทีครับ
ขอโต้ทีละคำเลย
อยากจะบอกว่าความจริงบางทีมันต้องดูนานๆครับ ไม่ใช่ออกไปเจอหมาข้างถนนวันนี้แล้วก็มาบ่นว่า กทม. ไม่ส่งเทศบาลมาจับหมาเลย
มันเป็นปกติของทุกประเทศครับ ที่จะมีอำนาจบารมีภายในมาขัดแข้งขัดขาประชาธิปไตย แต่มันไม่ต้องมีเจ้าชายขี่ม้าขาวมาจากไหนก็ทำประเทศเป็นประชาธิปไตยได้ครับ
ดูอย่างญี่ปุ่นที่ปฏิวัติประเทศ ไม่ใช่ว่ามีใครขึ้นมานำ แต่เพราะโดนอเมริกากดหัว ระบอบอำนาจนิยมก็ฝ่อ
ที่ฝรั่งเศสก็เพราะพวกหัวรุนแรงตัดคอพวกอำนาจนิยมหมด ประชาชนก็เริ่มสร้างอิสระให้ตัวเองได้
การไปนั่งหวังพึ่งกลุ่มคนที่มีความพร้อมอย่างที่คุณบอก มันเพ้อฝันครับ การปฏิวัติในประเทศอื่นๆหลายๆครั้ง ก็ไม่ใช่ว่ามีวีรบุรุษที่สมบูรณ์ทุกด้านอย่างที่คุณอ้าง
วีรบุรุษไม่ต้องสมบูรณ์หร้อมก็ทำให้งานลุล่วงได้
วีรบุรุษที่คุณเห็น จริงๆก็อาจไม่สมบูรณ์พร้อม เพียงแต่เมื่อเขาทำภารกิจสำเร็จแล้ว ก็ไม่มีใครเห็นด้านที่ไม่สมบูรณ์ของเขา
ความเป็นจริงในประเทศอื่น แม้จะปฏิวัติไปแล้ว ก็ยังเกิดความขัดแย้งตามมาหลายครั้ง หลังฝรั่งเศสเป็นประชาธิปไตยก็มีนองเลือด เพราะอำนาจเก่าฟื้นมาทำสงครามด้วย
หรือบางทีที่นโยบายของพรรคการเมืองล้มเหลว เหล่าอำนาจเก่าก็แฝงตัวมาในคราบฝ่ายอนุรักษ์นิยม รณรงค์ต่อต้าน
การที่คุณเลี่ยงที่จะอ้างถึงบริบทต่างชาติ นั่นเป็นตัวอย่างที่ดีของคนฉลาดๆหลายๆคนในไทย ที่ชอบคิดว่าตัวเองพิเศษกว่าชาวบ้าน ชอบเชื่อเอาเองว่าเอาบริบทของชาวบ้านมาใช้ไม่ได้ ทั้งที่พอดูกันจริง ประวัติศาสตร์มันสอนเราได้เสมอ
แต่เราไม่ยอมเรียนกันเอง แล้วก็ชอบมาบอกว่าเรามีเอกลักษณ์ของเราเอง ทั้งที่สุดท้ายก็ทำเหมือนที่ชาวบ้านเคยทำ
สุดท้าย
ผมจำได้ว่าท่านพุทธทาส สั่งสอนธรรม เพื่อให้ดูตัวเอง
ผมจำไม่ได้เลยว่าท่านพุทธทาส สั่งสอนธรรม ให้คนเอามาดูถูกคนอื่น
การอ้างคนที่น่าเคารพมาเถียงกับคนอื่น เป็นการดึงฟ้าต่ำหรือไม่?
เพราะมุมมองผมไม่เชื่อในเรื่อง"เจ้าชายขี่ม้าขาว"หรือ"ผู้รับโองการฟ้า"
ผมเชื่อในเรื่อง"การเมืองคือเรื่องของการแบ่งผลประโยชน์"และ"เนื้อแแท้มนุษย์โดยแรกเริ่มคือความเห็นแก่ตัว"
ผมถึงไม่เชื่อในแนวคิดของคุณไงครับ ยิ่งที่คุณบอกให้ดูอะไรยาวๆ ผมดูยาวมาจะ 30 ปีแล้วครับ
ผมถึงเห็นว่า"กลุ่มชนละแวกนี้"มันจะทำได้แบบที่พวกคุณชอบพรรณาถึงหรือไม่
อุ้มฆ่า ค้ายา ฉ้อโกง แล้วเอาช่องว่างกฏหมาย อำนาจอิทธิผล และตำแหน่งหน้าที่
รวมถึงพรรคพวกหมู่มากในชุมชน เหล่านี้คุ้มกะลาหัวแล้วส่ายอาดๆ ผมก็เห็นมาเยอะแล้วครับเพราะไม่ใช่ในกทม.
ผมถึงกล้าบอกว่า"สภาพสังคมส่วนใหญ่"ยังไม่สามารถไปถึงที่คุณฝันถึงได้ไงครับ
หรือคุณจะเอามุมมองว่า"กทม.คือประเทศนี้" งั้นก็กลับไปท่องฝันถึงทฤษฏีคุณต่อไปเถอะครับ
ผมนี้ล่ะะใช้บริบทชาวบ้านแท้ ไม่อิงชาติอื่นมองถึงออกมามุมนี้และทุกวนนี้ผมก็ไม่คิดว่าตัวเองพิเศษตรงไหน
เพราะความพิเศษไม่ใช่แค่เรื่องความรู้ในหัวรึความสามรถพูดเขียน ถึงเรื่องเพ้อฝันสวยหรูต่างๆ
แต่เป็นเรื่องของ"การกระทำในชีวิตจริงทุกห้วงขณะลมหายใจ" ที่แยกระหว่างคนที่พ้นหมอกโคลนตม
แห่งอุปทานของตนและสังคมไปได้ ซึ่งผมไม่ได้เข้าใกล้สภาวะนั้นแม้กระพี้เลย
กิเลสหนาตัณหามาก แค่พอจะเช็คฝุ่นผงจากตาได้เล็กน้อยบางส่วนแค่นั้น
ปล. ถ้าการพูดถึงความจริงที่ท่านพุทธทาสสอนกับผู้อื่น
คุณมองว่าเป็นการดูถูกคนอื่น แสดงว่าคุณไม่ยอมรับความจริงหรือไม่ก็
ใช้ความคิดตนคำนวนความคิผู้อื่นแล้วล่ะครับ
ลักลั่นย้อนแย้งนะครับ
สรุปคุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อกันแน่?
อุ้มฆ่า ค้ายา ฉ้อโกง ช่องว่างกฏหมาย อำนาจอิทธิพล
ที่พร่ำๆมา คิดจริงๆเหรอครับว่าประเทศอื่นไม่มี?
อิตาลี่ ชิลี บราซิล เม็กซิโก หรือแม้แต่อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เคยมีมาก่อนเราแล้วทั้งนั้นครับ
ตลกครับที่คุณพูดเหมือนมีแต่เราที่ทำ
นี่คือผลของการไม่อ่านตำราหรือเปล่า?
นี่ละ่ครับบริบทชาวบ้านแท้ของคุณ ไม่อิงกับประเทศไหน
เลยไม่รู้เลยใช่ใหมว่า ไอ้บ้านคุณเป็น ที่อื่นเขาก็เคยเป็น
แทนที่จะเรียนรู้ว่าเขาผ่านมาได้ยังไง เขาทำอะไรแล้วจบที่ไหน เสียอะไรไปบ้าง
กลับเชื่อว่ามีแต่ตัวเองที่เป็น ตัวเองพิเศษ คนอื่นไม่เป็นกันหรอก
แล้วก็ไม่เรียนรู้ เพราะเชื่อว่าตัวเองพิเศษ เอาบทเรียนชาวบ้านมาใช้ก็ไม่ได้ผล
แล้วก็ทำซ้ำรอยเก่า ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
มีสามเรื่องที่ผมอยากจะนอกรอบ
หนึ่งคือ ทฤษฎี คือการอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น ว่ามีกลไกอะไร ทำไมถึงเกิดขึ้น ส่งผลอะไรบ้าง
แต่การปฏิวัติ คือการทำสงครามกับอำนาจเก่า
ฝ่ายตรงข้ามก็รู้ทฤษฎี และพัฒนาวิธีการใหม่ๆมาสู้ ทั้งการเจรจาสงบศึกชั่วคราว การสุมกำลัง การแทรกแซงขัดขา โฆษณาชวนเชื่อ
มันไม่ใช่ว่าทฤษฎีนั้นผิด แต่ในการต่อสู้ ยุทธวิธีมีการปรับเปลี่ยนเสมอ ทฤษฎีไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เราสู้ชนะ
แต่ทฤษฎี มันก็ยังบอกความจริงได้เหมือนเดิมอยู่ดี
สองคือ การตกเป็นเหยื่อเกมอำนาจ
ความเป็นจริงเป็นเรื่องไร้สาระของเราเอง ที่ชอบคิดอะไรใสซื่อบริสุทธิ์ แล้วปลูกฝังเป็นค่านิยม
เกมการเมืองคือการต่อรองอำนาจ และคนที่ถูกหลอกใช้ คือคนที่ไม่ได้ต่อรองอำนาจกับคนที่สนับสนุน
ความเป็นจริงคือเราต้องหลอกใช้กัน เราให้อำนาจกับคนที่จะทำตามที่เราสั่ง นี่คือการเมือง
แต่เรากลับชอบคิดถึงว่าทุกอย่างต้องบริสุทธิ์ สวยงาม อุดมคติ (เหมือนอัศวินขี่ม้าขาวแบบที่คุณพร่ำบอก)
ผมว่ามันไม่ได้เรื่อง ยิ่งปลูกฝังแบบนี้ยิ่งผิดทาง ค่านิยมแบบนี้มันไม่ถูก มันผิดหลักความจริง
ม็อบในการปฏิวัติประชาธิปไตย ก็มีการสร้างกระแส มีทำเป็นขบวนการ มีกลุ่มอำนาจ มีเบื้องหลังดำมืด สุดท้ายความสำเร็จเกิดจากการสมประโยชน์ ไม่ใช่ชัยชนะที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง
ที่พืชพรรณงอกขึ้่นมาได้ มันก็คือขี้กับดินโคลนทั้งนั้นล่ะครับ
สาม ความเป็นจริงที่คุณพูดมา สิ่งที่คุณเรียกว่าน่าอนาถ ทั้งการเลียแข้งขา รังของผู้มีอิทธิพล หรือพวกไม่เคารพกฏ และคนที่บูชาเงินเป็นใหญ่
มันไม่ใช่ของใหม่ มันก็เป็นมรดกที่ตกทอดมาจากระบอบอำมาตย์ในยุคก่อน และไม่ใช่แค่ประเทศเราที่มี หลายประเทศก็ยังมีเหลือ ม้แต่ประเทศที่พัฒนาแล้ว ญี่ปุ่น อเมริกา ก็ยังมีเหลือ
แต่ประเทศอื่นยังพัฒนาประชาธิปไตยได้มากกว่าเรา เพาะระบอบนี้มีอยู่ แต่ไม่มีอำนาจ
เขาทำได้อย่างไร นั่นแหละคือสิ่งที่เราควรทำตาม
ยินดีครับก็ขอต่อตามนี้
-แล้วถ้าทฤษฏีมันบอกความจริงทำไมมันถึงนำมาใช้จริงไม่ได้?
ทฤษฏีที่ใช้งานจริงไม่ได้ ถือว่ายังไม่ใช่ข้อเท็จจริงเป็นแค่ความน่าจะเป็น
-ทุกอย่างที่มนุษย์ข้องเกี่ยวว่าตามตรงแล้ว ปุถุชนล้วนแต่สนใจสิ่งที่มีผลประโยชน์เกี่ยวถึงตน
ทุกเรื่องทุกการกระทำล้วนมีหลักพื้นฐานช่นนี้ กระทั้งบริบทสังคมการเมือง
ก็มีรากเหง้าเช่นนั้น ดังนั้นผู้ที่เพ้อฝันโดยมองว่าต้องประชาธิปไตยเสรีทุกสิ่ง
จึงจะเจริญได้นั้นต่างหากที่เพ้อฝันถึงสิ่งที่น่ามองด้านเดียว เสรีภาพใดที่ปราศจากความพร้อมที่จะรับผิดชอบ
สิ่งนั้นไม่ใช่เสรีภาพที่แท้จริงเป็นเพียงความงอแงอยากได้โน้นนนี่ต่างหาก
ว่าแต่มุมมองผมฝันถึงอัศวินม้าขาว? คุณเข้าใจอะไรผิดแล้วล่ะครับยอมรับหน่อยว่า
ไม่ว่าครั้งไหนในประวัติศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ล้วนต้องมีกลุ่มคนที่มีอำนาจจูงใจ
สูงพอและมีแรงต่อเนื่องพอจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากกลุ่มแนวคิด
ทว่าไร้หัวไร้กลุ่มนำนั้น ไม่เคยมีครั้งไหนมันจะรอดถึงฝันเลยสักครั้งเพราะการขับเคลื่อนที่ไร้จุดศูนย์รวมสั่งการ
มันก็ไร้ผลคลอดศกเพราะมนุษย์มีความเป็นปัจเจกมากเกินไป หากไม่มีสิ่งใดทุบทำลายหรือกดปัจเจก
มันก็ไม่อาจรวมกลุ่มหมู่คณะไปได้หรอกครับ ก่อนจะงอกเป็นต้นไม้มันมีแค่ขี้กับเลนโคลนไม่พอ
มันต้องมีเมล็ดที่สมบูรณ์ด้วย ไม่งั้นมันก็มีแต่เลนเน่าๆที่เกิดจากซากเมล็ดที่พิการนั้นล่ะ
-มันไม่ได้สืบทอดจากระบบอะไรหรอกเพราะไม่งั้นชาติอื่นทำไมมันมี?
เรียกว่าสันดานหรือสิ่งปกติในด้านสกปรกของสังคมมนุษย์จะถูกกว่า
ว่าแต่แน่ใจหรือครับว่าที่คุณยกมา มันไม่มีไอ้ที่เรียงกันมาในรายชื่อนี้?
ผมว่ามันแค่ปรับเปลี่ยนและซับซ้อนขึ้นมากกว่าเนียนกว่าแค่นั้นล่ะนะ
พวกที่ต่อต้่านก็มักจะใช้คำนี้จริงๆ
เสรีภาพ ต้องมีความรับผิดชอบ
จริงๆเข้าใจผิดมหันต์กันหมดครับ
คำว่าเสรีภาพ มันก็คือการที่เราจะได้รับผิดชอบทุกอย่างด้วยตัวเอง มันไม่ได้แยกจากกัน
มีแต่คนที่ไม่เข้าใจถึงได้ชอบหาเรื่องติ ด้วยการประดิษฐ์คำหรูๆแต่ไม่ถูกต้อง เบี่ยงประเด็น ออกมาใช้
ทฤษฎี เกิดจากการวิเคราะห์ความจริง
มันเหมือนกับว่า พูดว่า 1 + 1 เท่ากับ 2
มันไม่ได้ทำให้แก้ปัญหา 1 + 1 + 5 - 2 ให้ได้คำตอบได้ แต่มันช่วยให้เรารู้ว่า มันสามารถแทนค่าเป็น 2 + 5 - 2 ได้
สมการสังคมมีตัวแปรอีกมากมายที่ยังมองไม่เห็น ทฤษฎีคือการแก้ไขปัญหาทีละเปลาะ และมันก็ช่วยให้เรารู้ปัจจัยของเหตุการณ์บางส่วนได้
ยกตัวอย่างเช่น
ทฤษฎีที่บอกว่า ฟ้าผ่าเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ
เป็นข้อเท็จจริง ไม่ใช่ความน่าจะเป็น
แต่มันไม่ได้ทำให้เรารู้ว่า ฟ้าผ่า เกิดจากอะไร
ครับ
แล้ว
ในสิ่งที่คุณพูดถึงอันสุดท้ายน่ะครับ
ผมบอกตรงไหนว่าอะไรไม่มี?
ถ้าหมายถึงอำนาจ
ก็ต้องขอโทษที่มันห้วนไป แต่ พูดได้ว่า มันไม่มีอำนาจเหมือนที่มันเคยเป็น
เพราะเค้กอำนาจส่วนใหญ่อยู่กับคนที่ประชาชนเลือกไป
สุดท้าย
ผมอยากถามคำถาม ช่วยตอบหน่อยนะครับ
- รู้จัก ทฤษฎีห่านดำ มั้ยครับ?
- ปิรามิด ฐานล่าง กับจุดยอด อะไรสำคัญกว่ากัน?
ก็แล้วตอนนี้ดูสังคมไทยสิครับ ร้องแต่สิทธิบลาๆ แต่พอทำผิดกติกากลับแถออกโน้นนี้ไม่อยากรับผิดชอบ
แล้วแบบนี้ก็จะให้บอกว่าคนไทยพร้อมกับเสรีภาพแล้ว?
เสรีภาพก็เหมือนการเข้าร้านนกป.หรือออน.นั้นล่ะ
คุณวุฒิวัยวุฒิไม่มีมากพอจะคุมตนเอง อย่าริเข้าไปเลย
เสียผู้เสียคนก็มีมาเยอะแล้ว
-ใช่ครับไอ้ที่ไม่เคยมีไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางมี แต่ทุกเรื่องมันต้องมีเหตุก่อนจึงมีผล
แน่นอนบางเรื่องเราไม่เข้าใจเหตุ แต่การเมืองนั้นเราสามารถพยากรณ์ได้แบบขั้นต้น
ด้วยสิ่งที่เรียกว่า"ทฤษฎี" แต่หากตัวแปรในทฤษฎี เกิดจากการวิเคราะห์ความจริงไม่ครบถ้วน
มันก็จะไม่ได้คำตอบที่ถูกต้องอยู่ดี และในเรื่องนี้นั้นผมมองว่าปัจจัยตัวแปรันไม่ทำให้เกิดหงษ์ดำได้
จะเกิดก็แต่หงษ์แดงบลาๆ จะเอาแชป์นั้นนี่แต่ผ่านมานมนานเห็นเป็นได้แค่เป็ดน้ำแดง T-T
-ฐานคุณภาพไม่ถึง เสาเข็มไม่ดีจะสร้างอะไรก็พังหมดล่ะคุณ
เพราะอะไรรู้มั้ยครับ
เพราะเรายังไม่มีเสรีภาพกันจริงๆไง พอจะทำอะไรบางอย่างถึงมีข้ออ้างที่จะแถได้เสมอ
ผมย้ำอีกครั้งว่าคุณคิดกลับกัน
ถ้ารอให้คนพร้อม แล้วค่อยใช้ มันก็รอต่อไปเรื่อยๆไม่มีวันสิ้นสุด
เพราะถ้าระบบมันเหมือนเดิม คนก็จะทำตัวเหมือนเดิม มันไม่มีวันพร้อมหรอก
แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นระบบใหม่ จะค่อยๆเปลี่ยนหรือหักดิบ คนก็จะค่อยๆปรับตัวเข้าหาระบบใหม่เอง
แต่ถ้ายังอยู่ในสังคมลูกแหง่แบบนี้ ไม่มีหรอกครับที่คนจะมีความรับผิดชอบมากขึ้น
ก็รอวันระเบิดน่ะครับ
สองคำถามสุดท้าย ผมเห็นว่าคุณตอบไม่ตรงประเด็น
ถ้าเป็นไปได้ช่วยตอบใหม่หน่อยนะครับ
คุณพอรู้ประวัติศาตร์บ้างนะครับ ผมเชิญชวนให้อ่านในเบื้องลึกต่อ ๆ ไป คุณมีพื้นฐานที่ดีพอ
อย่าหยุดที่จะศึกษาต่อ ลงไปในรายละเอียด ตอนนี้มีอินเตอร์เน็ตแล้ว มีข้อมูลลึก และฟรี
แต่ก่อนอื่นต้องเอาอคติออกก่อน ให้ฟังความรอบด้าน ทั้งที่ชอบและไม่ชอบ คิดเสียว่ามันคือ
ข้อมูลและความรู้และความคิดเห็น มันคือตัวหนังสือ (อย่าเพิ่งไปมองที่คนเดี๋ยวมีอคติ)
ต่างประเทศสำคัญครับ คุณลองหาอะไรไทยแท้ ๆ ดูสิครับ แม้แต่ศาสนาพุทธก็ไม่ใช่ของไทยแท้
เรื่องสองมาตรฐาน เขาใช้กับอะไรที่มีมาตรฐาน
มีมาตรฐานแสดงว่า ต้องมีการกำหนดสิ่งที่เป็นมาตรฐานกลางไว้ เช่นกฎหมาย การบังคับใช้
เรื่องส่วนตัวไม่มีมาตรฐาน เป็นเรื่องส่วนตัว คุณมาบอกผมสองมาตรฐานผมบอกไม่เห็น
เพราะมันเรื่องส่วนตัวไม่มีมาตรฐาน เป็นอิสระเสรีของใครของมัน
ใครนึกอยากจะมีก็มี อยากจะไม่มีก็ได้ ตราบเท่าที่ไม่ไปขัดกับผู้อื่น ไม่เป็นประเด็น
ที่เขาพูดสองมาตรฐาน เป็นเรื่อง กฎหมาย และการบังคับใช้กฎหมาย
ถ้าคุณรู้ประวัติศาสตร์พอสมควรคุณก็คงทราบเช่นกันว่า ถ้าเอาอคติออกแล้ว
และไม่อาศัยแค่อินเตอร์เน็ตหรือตำรา แต่อาศัยสภาพสังคมที่มีจริง ณ ปัจจุบัน
ร่วมประกอบด้วยคุณก็จะเข้าใจเองว่าที่ผมพล่ามไปมันมีเหตุมีผล
อย่าอคติและอย่าฝันเช่นกันครับ ความจริงอยู่รอบตัวเราแค่เรามอง
ไม่พอแต่ต้องรู้ด้วยการสัมผัสด้วย เหมือนอาหารอ่านจากตำราหรือจะสู้ชิมเอง
กฎหมายและการบังคับใช้กฎหมาย
มันเป็นเรื่องของบริบทสังคมที่จะยอมรับว่าจะถือเป็นข้อตกลงร่วมกัน
ทว่าความจริงอันน่าเจ็บปวดคือ ไม่ว่าที่ไหนยุคไหน กฏหมายมันเป็นเครื่องมือของคนที่มีอำนาจ
ไม่วาจะอำนาจความรู้-เงิน-อิทธิพล-ชื่อเสียง ในสังคมไหนที่สภาพของกลุ่มคนในสังคม
ไม่แข็งพอจะค้านกับอำนาจเหล่านี้แล้วไซร้ ไม่ว่าร่างกฏหมายมาเช่นไรก็เหลวเป็นน้ำอยู่ดี
คุณยัง รู้ fact ไม่พอ และใช้ จินตนาการโรแมนติก มากเกินไป
คุณรุ้ได้อย่างไรว่าผมไม่เคยสัมผัส ? อันนี้คุณทึกทักเอาเอง
การสัมผัสโดยตรงอาจทำให้เกิดอคติต่อประสบการณ์แย่ ๆ ของตัวเอง
เขาเลยต้องดูองค์รวมดูสถิติ และฟังข้อมูลแตกต่างหลากหลายด้านแล้วประเมิน
การสังเกตด้วยตัวเองอย่างเดียวหนีไม่พ้นเรื่องรสนิยม
คุณไปดูเองได้แค่ไม่กี่ที่หรอกครับ
สำหรับกรณีนี้
ถ้าปี พศ 2500 เป็นปีธรรมดา ๆ สำหรับคุณ และคุณยังแยกแยะไม่ออกว่าสำคัญอย่างไร
กรณีนี้ คุณยังมีข้อมูลไม่เพียงพอ
แล้วคุณรู้ได้อย่างไรว่าผมรู้ fact ไม่พอ และใช้จินตนาการโรแมนติกมากเกินไป
ทึกทักเอาเองเช่นกันหรือไม่?
ดูองค์รวมดูสถิติแล้วของไทยมีสถิติไหนบ้างที่ชี้ว่า
สิ่งที่ผมว่ามาไม่ได้มีมากและหยั่งรากอย่างหนาแน่นนั้นเป็นเพียงอคติของผม?
ผมไม่ได้ใช้เพียงประสบการณ์ส่วนตัวแต่อาศัยประสบการณ์ผู้อื่นด้วย
อย่างกรณีประสบการณ์ผู้รับเหมาที่เคยคุยกันยาวๆ ท่านหนึ่ง
ไปมาแทบทุกจังหวัดทำมาตั้งแต่หนุ่มจนตอนนี้ 50 กว่าก็ยังมีคห.ในเรื่องนี้คล้ายกัน
ถึงด้านที่ไม่สะอาดของสังคมไทยที่คนทำไม่รู้ไม่ชี้กัน เป็นเหมือนกับมันเรื่องปกติ
รู้ไม่ลึกขนาดนั่เขียนบทความร่ายเป็นศัพทแสงวิชาการตะวันตกเท่ๆ ได้แต่ก็รู้พอ
จะทราบถึงที่มาที่ไปและธรรมชาติของการเมือง และบริบทสภาพค่านิยมของประเทศนี้
ที่ไม่จำกัดเพียงแค่กทม.หรือกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่ไม่ใช่ภาพรวมของ ทุกกลุ่มในสังคมนี้
ปล. 2500 คุณถามว่าทำไมไม่นับเป็นการเรียกร้องที่บริสุทธ์ ?
เพราะมันไม่ได้เป็นการเรียกร้องที่มีความต่อเนื่องพอและยังมี การแทรกแซงของกลุ่มใหม่กับเก่า
ที่เกิดพลิกกระดานกันในตอนนั้นอีก อีกทั้งการเรียกร้องก็จำกัดแค่วงนิสิตและคนในพระนครเืองอันมีฐานะ
ไม่ใช่จำนวนที่มากพอหากนับในยุคกฏบชาวนาในอดีต ที่ทั้งมีความต่อเนื่องและวงกว้างกว่า
การประท้วงครั้งนั้นกรอปกับสุดท้ายแล้ว หากมองอีกแง่การประท้วงครั้งนั้นเองอาจมองในมุม
เป็นหมากในเกมการเมืองที่ส่งผลสำคัญตาหนึ่งของสองฝ่าย ที่หลอกใช้กระแสประชาชนก็ได้
ขอแค่ เข้ามาดูนะครับ
ถ้าไม่ได้ดูหัวข้อข่าว อ่านคอมเมนต์แต่ละท่านนี่ ผมนึกว่าอยู่เว็ปประชาไทซะอีกครับ 555+
แซวเล่น ๆ ครับ ^^"
ผมเข้าใจว่าอะไรหลายอย่างมันเปลี่ยนแปลงยากนะครับ(ไทยเรา) เช่น พวกเทป ผี ซีดีเถื่อนเนี่ย -*- แต่ถ้ามันจะดีขึ้วันละนิด ก็ยังดีครับ
นี่เป็นรูปแบบหนึ่งของเอฟเฟคต์ที่เขาเรียกว่า ตายหนึ่งเกิดสิบ ครับ
น่าส่งหัวข้อเรื่องนี้ให้ drama-addict ไปให้พิจารณานะ หุหุ