JazzMutant ผู้ผลิตจอมัลติทัชสำหรับงานดนตรี ได้ประกาศเลิกขายสินค้าบริษัทหลักชิ้นเดียวของตนเอง นั้นคือจอมัลติทัช Lemur นั้นเอง โดยได้ทำการขายสินค้าล็อตสุดท้ายไปเมื่อตอนสิ้นปีที่ผ่านมา และจะเปิดเว็บไซต์และสนับสนุนตัวสินค้าถึงสิ้นปี 2011 โดยเหตุผลที่เลิกขายเพราะปัจจุบันผู้ใช้สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีจอมัลติทัชได้ง่ายและราคาถูกกว่าเมื่อก่อนมาก
สำหรับจอมัลติทัช Lemur เองเป็นจอมัลติทัชตัวแรก ๆ โดยเปิดตัวในปี 2005 โดยถูกออกแบบมาเพื่อใช้ควบคุมโปรแกรมและอุปกรณ์สำหรับงานด้านดนตรีและวิดีโอเป็นหลัก ตัวจอเองสามารถเขียนโปรแกรมเพื่อสร้างส่วนติดต่อผู้ใช้ใหม่ ๆ ได้ตามที่ต้องการ Lemur ชนะรางวัลจากนิตยสารมากมาย รวมทั้งรางวัล Innovation of the decade จากนิตยสาร Future Music ครับ
หลายคนถ้าไม่ได้อยู่แวดวงดนตรีหรือพวก VJ อาจจะไม่รู้จักเจ้าจอตัวนี้สักเท่าไร แต่จอตัวนี้ถือว่าเป็นตำนานมากครับ มีศิลปินชื่อดังใช้งานกันอยู่มากมาย ลองดูการใช้งานได้จากวิดีโอท้ายเบรคนะครับ
ที่มา JazzMutant
Comments
ใช้เทคโนโลยีอะไรครับเนี่ย
เท่าที่ผมทราบ ตัวจอใช้เทคโนโลยี Digital Resistive ครับ สามารถจับได้ 10 จุดพร้อมกัน
เท่าที่เคยอ่านในสัมภาษณ์ของบริษัทนี้ ที่เขาเลือกใช้เทคโนโลยีนี้แทน Capacitive เพราะ Capacitive ไม่เหมาะกับงานใช้แสดงสดที่ต้องการการตอบสนองอย่างรวดเร็วและแม่นยำ นอกจากนี้ยังจับนิ้วที่เปียกหรือเหงือออกได้ไม่ดีครับ
My life and hobbies blog!
Technology and Gadget blog!
เป็นวัฐจักรของไอที เมื่อมนุษย์ทัดเทียมเทพได้ เทพก็ต้องพัฒนาหนีขึ้นไปอีก แต่เมื่อถึงทางตันเทพก็อาจยอมแพ้
ปล. ผมว่าจอแคปมันตอบสนองเร็วไป ไม่แม่น ทำให้ควบคุมยาก
เร็วจนหลายๆ ครั้งผมรำคาญ และบางครั้งก็แตะยังไงก็ไม่ติดซะงั้น (อันนี้เป็นที่ตัวบุคคล) แต่โดยรวมมันก็โอเคระดับนึงแล้วล่ะครับ
Capaนี่ไม่ค่อยเท่าไหร่ ถ้าเป็นทัชแบบ IR สิครับยิ่งกว่า บางทีแค่ยื่นมือเข้าไปมันก็คิดว่าเรากดแล้ว
เจ๊งเพราะ ipad นี่ละครับ
แต่ยังไงก็ชอบ controller แบบกดๆจริงๆมากกว่า แต่ถ้าไม่ใช่ทำงานด้านนี้ก็คงไม่มีใครไปซื้อใช้
ผมว่าจอของตู้เกมส์อันนี้เจ๋งกว่าอีก 555
ปล.ไม่ค่อยชอบตรงที่มันเป็น IR บางทีมือเผลอไปโดนจุดอื่นก็ Miss ได้ง่ายๆ -*-
Technika นี่ผมออกจะเซ็งครบ แตะได้แค่ 2 จุดเท่านั้น แล้วก็ชอบวางนิ้วผิดที่ ไปโดนจุดอื่น -__-"
บล็อกของผม: http://sikachu.com
Daft Punk กันเลยทีเดียว