ยาฮูประกาศหยุดให้บริการ Yahoo! Buzz (บริการแบบเดียวกับ Digg และ Reddit) ในวันที่ 21 เมษายนนี้
Yahoo! Buzz เปิดบริการในปี 2008 ตามกระแสเว็บลักษณะเดียวกับ Digg ที่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดในสมัยนั้น แต่ Buzz ไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่หวังไว้ และเป็นบริการตัวหนึ่งที่เคยมีข่าวหลุดมาว่ายาฮูจะเลิกทำ รอบเดียวกับที่มีข่าวปิด Delicious และ MyBlogLog
ที่มา - Yahoo!, TechCrunch
Comments
RIP...
WE ARE THE 99%
เฮ้อ ... ถ้าไม่มีฐานกำไรจากที่ญี่ปุ่น ผมว่า Yahoo คงจะล้มไปนานแล้ว
นี่แหละคือสิ่งที่ลุง Warren บอกว่าแกไม่สามารถตีมูลค่าและมองอนาคตของธุรกิจเหล่านี้ไม่ออก
ถ้าเป็นแต่ก่อน ผมเองก็ใช้ Yahoo เป็นหลัก แต่ดูปุจจุบันนี้สิครับ ผู้ร่วมทุนคงช้ำใจ
ปล.ชื่อดันไปพ้องกับ Google Buzz อีกแน่ะ
เข้ามาชี้แจงแทน Yahoo! นะครับ ผมเป็นอดีตพนักงานก็รู้ดีว่าจริงๆ มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด Yahoo! Japan มีหุ้นหลักคือ Soft Bank ที่ญี่ปุ่น เขาเอาแบรนด์ของ Yahoo! ไปต่อยอดจนดังเอง นั่นเป็นความสามารถเขา แต่ละปี Yahoo! ร่วมลงทุนกับ Soft Bank มาตลอด ในช่วงแรกที่ไม่มีผลกำไรก็สู้ด้วยกันไปตลอด ต่อมาพอกำไรก็ได้ผลประโยชน์คืนในรูปแบบผลกำไร แต่ข่าวต่างๆ ที่ออกมาของสำนักข่าวต่างๆ รายงานกันไปตามที่เห็นครับ แม้บริษัทจะไม่ฟู่ฟ่าเท่าแต่ก่อน แต่ว่า Yahoo! เป็นบริษัทอินเทอร์เน็ตที่อยู่ใน NASDAQ มานาน และมีกำไร มีการเติบโตทุกๆ ไตรมาส
Yahoo! Buzz ปิดไปเพราะไม่สามารถสร้างความแตกต่างได้ เดี๋ยววันนี้ผมจะเขียนสาเหตุในมุมที่ผมคิดที่เว็บผมเองละกันครับ กรุณาติดตาม
มาเขียนที่นี่ไม่ได้เหรอครับ เอาบางส่วนก็ได้
ผมแนะนำให้เขียนเป็นบทวิเคราะห์ลงที่นี่เลยจะดีมากๆ ครับ บทความที่คุณกำลังจะเขียนจะได้รับการอ่านจากผู้ที่สนใจและสมาชิกของ Blognone จำนวนไม่น้อยเลยครับ
เล่าเยอะๆ นะครับ มุมมองจากอดีตพนักงานเป็นเรื่องที่หาอ่านไม่ง่ายเลย
ปล.ขอบคุณครับสำหรับคำชี้แจง
เล่าตรงนี้ละกันครับ หลักๆ คือมันไม่ใช่ทิศทางที่ Yahoo! ภายใต้การดูแลของ CEO คนใหม่จะนำพาไป ส่วนตัวผมเห็นด้วยนะครับ จริงๆ มันก็คือการมุ่งไปสู่การเป็น Media company นั่นแหละ
ทางบริษัทเองรู้ว่าในวันนี้ไม่สามารถสร้าง "ความคลั่งไคล้ในตัวผลิตภัณฑ์" ให้เกิดขึ้นกับตัวเองได้ง่ายๆ แล้ว ถ้าย้อนดูประวัติดีๆ ปี 1997-1998 คือช่วงรุ่งเรืองของ Yahoo! ที่ไหนก็มีคนพูดถึงแบรนด์ หนังสือเล่มไหนก็มีคนเอาลง เอาขึ้นปก CEO ก็เป็น CEO of the Year อย่าง Terry Semel นี่ยุคที่ออกมาจากดิสนีย์ไปเข้า Yahoo! ใหม่ๆ แล้วทำให้มีกำไรได้ครั้งแรก และเข้า NASDAQ ก็เนื้อหอมไปเลยครับ
แต่วันหนึ่งพอ Google เข้าตลาดหุ้นได้ (ประมาณ 2001? ไม่ค่อยแน่ใจ) เขาก็ขยายตัวเรื่อยๆ จนพีคสุดประมาณ 2007 หุ้นแพงมากๆ ในขณะที่ Yahoo! ตกลงไปจากร้อยๆ เหรียญเหลือ 30-40 เหรียญ จากนั้นก็ลดลงมาเรื่อยๆ แต่ก็ยังคงเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในสายนี้
จนตอนนี้บริษัทที่ร้อนแรงที่สุดคือ Facebook แม้ยังไม่เข้าตลาดหลักทรัพย์ แต่มี VC หลายคนก็เก็งไว้ว่าเป็นไปได้สูงที่จะไม่เข้า เพราะตอนนี้แม้ยังไม่เข้าก็มีคนมาซื้อหุ้นเต็มไปหมด แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับกฏเกณฑ์ของทางสหรัฐฯ ด้วยว่าจะบังคับให้เขาเข้าไหม
และคนที่แนะนำให้ Yahoo! ลอก Digg ทำ Yahoo! Buzz ก็คือ Brad Horowitz ที่ย้ายไป Google แล้ว คนที่เชียร์ไม่อยู่แล้ว อีกทั้งโมเดลแบบนี้ก็ไม่เวิร์คแล้ว Digg ก็แย่แล้วใช่ไหมครับ? คือผมแค่จะบอกว่าเราวิจารณ์กันไป แต่ไม่ได้ดูว่าสาเหตุมันจริงๆ เป็นอย่างไร ก็แค่คุยกันสนุกปากไป
คิดว่าคงตอบคำถามคุณชัดเจนครับ
เด๋วตามไปอ่านครับ แต่อยากให้เขียนลงที่นี่ด้วยครับ อิอิ
เวลาดูสาวชอบดูสาวขาวๆ Sex Sex เวลาดู Notebook ชอบแบบ"ถึกๆดำๆ"
Twitter : @Zerntrino
G+ : Zerntrino Plus
เห็นคนชื่อเหมือนตัวเองแล้วรู้สึกแปลกๆ
เหมือนมาโปรโมทเวบตัวเองซะงั้น
"อ้าวว ผมจะเขียนแร๊วน๊าาา ตามไปอ่านกันที่เวบผมน๊าาาาา"
ไปตำหนิเค้าอีกซะงั้นครับ
อีกอย่าง .. เว็บ thumbsup.in.th ก็ดังพอสมควร หลายๆ คนน่าจะรู้จักบล็อกของเค้าอยู่แล้วครับ
เอาเข้าจริงๆ ไม่ได้เขียนที่เว็บตัวเองครับ เดี๋ยวมาเขียนลง Blognone ได้ครับ ไม่มีปัญหาอะไร
Yahoo! Buzz เกิดก่อนหลายปีนะครับ
ส่วน core business ของ Yahoo ยังดีอยู่ เพียงแต่ไม่สดใสเหมือนสมัยเปิดใหม่ๆ เท่านั้น และยังไม่สามารถขยายตัวออกจากเงาเดิมของตัวเองได้
แม้แต่ Search engine ยังถอดวิญญาณไปใช้ Bing แล้วตัวอื่นที่เหลือจะรอดเรอะ อีกหน่อยคงได้ขาย Flickr แหง๋ ซีอีโอคนใหม่นี่เยี่ยมจริงๆ เด็ดโน่น เด็ดนี่ แป้บเดียวเกลี้ยงเลย ถ้าขายให้ไมโครซอฟท์ตั้งแต่คราวนั้นป่านนี้รวยอู้ฟู่กันหมดแล้ว
ก็คงดีแล้วมั้งฮะ ไปนั่งปั้นธุรกิจอื่นที่ตัวเองถนัดกว่า
เคยโดน Yahoo โกงแบบ bait and switch ไปทีนึง หมดศรัทธา
นั่งแช่งทุกบริการ ขอให้ขาย Flickr ให้พ้นตัวเร็วๆ :)
รบกวนเล่าหน่อยครับ ผมอยากฟัง (อ่าน)