หนังสือพิมพ์ Wall Street Journal มีบทความเขียนถึงภาวะขาดแคลนนักพัฒนาซอฟต์แวร์บนมือถือ ซึ่งเกิดจากความนิยมของการสร้างแอพบนมือถือขององค์กรต่างๆ
ตัวเลขจากเว็บไซต์หางานบ่งชี้ว่างานที่เกี่ยวข้องกับ iPhone เพิ่มขึ้น 3 เท่าระหว่างปี 2010-2011 ส่วน Android เพิ่มขึ้น 4 เท่า ส่วนเว็บไซต์หางานสำหรับฟรีแลนซ์ชื่อ Elance.com บอกว่าตำแหน่งงานด้านมือถือโตขึ้น 2 เท่าจากปีก่อน
องค์กรหลายแห่งก็ระบุแผนขยายทีมพัฒนาด้านมือถือของตัวเอง เช่น Ning จะขยายทีมมือถืออีกเท่าตัวเป็น 17 คน, Where เปิดศูนย์พัฒนาที่ประเทศโครเอเชีย ซึ่งให้เงินเดือนสูงกว่าบริษัทอื่นในท้องถิ่น
กระบวนการแย่งชิงตัวนักพัฒนาบนมือถือก็เริ่มดุเดือด Ning ตระเวณจัดงานตามมหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อหาเด็กจบใหม่ที่มีฝีมือ และจัดงานสัมมนาด้านเทคโนโลยีเพื่อดึงดูดคนนอก นอกจากนี้ ถ้าหาพนักงานด้านมือถือไม่ได้จริงๆ ก็มีโครงการเทรนวิศวกรด้านอื่น ๆ ให้พัฒนาซอฟต์แวร์บนมือถือได้
การชิงตัวที่ดุเดือดทำให้เงินเดือนของนักพัฒนาซอฟต์แวร์บนมือถือเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จากการสำรวจของเว็บไซต์หางาน Dice.com มีบริษัท 31% ที่บอกว่าค่าจ้างนักพัฒนาและดีไซเนอร์ด้านมือถือเติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม
สำนักพิมพ์ Hearst ซึ่งมีแล็บพัฒนาซอฟต์แวร์ของตัวเอง ให้ข้อมูลว่าการแข่งขันที่รุนแรงทำให้เงินเดือนของนักพัฒนามือถือที่มีประสบการณ์ไม่เยอะนัก เพิ่มขึ้นเท่ากับนักพัฒนาด้านอื่นที่มีประสบการณ์ 10 ปี
ที่มา - Wall Street Journal
ผมไม่มีตัวเลขของประเทศไทย แต่เท่าที่รู้ก็คล้ายๆ กันคือมีองค์กรที่รู้จักหลายแห่งอยากมีแอพของตัวเอง ถ้าใครมีข้อมูลก็สามารถแลกเปลี่ยนกันได้ครับ
พื้นที่โฆษณา
Comments
ไม่ต้องบนมือถือก็ได้ครับ แค่นักพัฒนาสำหรับงานทั่วไปหรือพัฒนาเว็บก็แย่งตัวกันจะตายแล้ว เพราะตอนนี้หายากเหลือเกิน -_-"
น้องๆ ผมตกงานเพราะจะเอาเงินเดือนสูงๆ ทั้งๆ ที่ยังไม่มีประสบการณ์
เด็กเดี๋ยวนี้ทำไมหนักไม่เอา เบาไม่สู้เลย แล้วก็บ่นว่าตกงาน ผมจบมาด้วยเกรดเฉลี่ย 2 กว่าๆ ยังได้งานทันทีเลย (ได้งานทาสกับชาวอินเดียเป็นงานแรก ทนทำอยู่ 1 ปี)
จริงๆ น่าจะเพิ่มหลักสูตรเข้าไปเป็นวิชาเลือกได้แล้วนะ วิชา Mobile Software Development รับรองเด็กๆ เลือกเรียนตรึม
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
ที่ผมเรียนก็เพิ่งปรับหลักสูตรครับ มีตัวนี้ด้วย
ขาดแคลน ผู้สอน....
ถูก
ผมว่าเอาแค่เขียน web หลายๆมหาลัยยังขาดผู้สอนเลยครับ หรือถ้ามีก็คือรู้ทฤษฏีเผินๆ แต่ไม่ใช่เก่งๆจะไม่มีนะ
ผมว่าหลายที่เค้าก็เปิดให้เรียนแล้วนะครับ
สงสัยอีกหน่อย มหาลัยบ้านเราต้องมีคณะ IT ที่เน้นพัฒนา Software สำหรับ มือถือและ Tablet โดยเฉพาะ
ผมว่าไปเน้นที่ UI สำหรับอุปกรณ์ขนาดเล็กดีกว่าครับ เพราะผมเห็นว่า Mobile Software หลายๆ ตัวมีการทำงานที่ดี แต่ UI ไม่ได้ถูกปรับแต่งมาให้ใช้กับมือถือ
User Experience เป็นสิ่งที่สำคัญอันดับต้นๆ ในความคิดผมครับ
ผมขออนุญาตสาวกแอปเปิลยกตัวอย่างนะครับ
iTunes + iPhone เป็นประสบการณ์ส่วนตัวที่ค่อนข้างเลวร้ายมาก แค่จะเอา MP3 มาทำ Ringtone นี่เล่นเอาหน้ามืด ถึงกับต้องเปิดเว็บ How to เลยครับ
อันนั้นผมว่าไม่ได้อยู่ที่ปัญหาการออกแบบครับ ตัวตัดริงโทนของ iTunes ทำได้ง่ายมาก และซิ้งกลับเข้าไอโฟนก็ง่าย แต่ต้องเสียเงิน .99 usd ถึงแม้ว่าจะเป็นเพลงที่เราซื้อมาแล้วก็ตามครับ
สรุป ปัญหาคือ "หน้าเลือด" ครับ 555
ผมว่าเป็นเรื่องออกแบบล่ะครับ แค่ ... มันถูกออกแบบมาไม่ให้ทำได้ แล้วก็มีคนพยายามไปทำให้มันทำได้ก็เลยลำบาก
ล่ะมั้ง ? ผมก็จำไม่ค่อยได้ รู้แต่สมัยผมเล่น iPhone เปลี่ยน ringtone ไม่ได้ถ้าไม่ได้ jailbreak ครับ
ซ้ำจ๊ะ
+10 จริงๆ ทำดีๆ ทำไ้ด้ครับ แต่เหตุผลหลักก็คือหน้าเลือด 555
บางที ผมนึกไปนึกมา UI ไม่พอเสียด้วยซ้ำ บางทีต้องออกแบบ App ยังไงให้ประหยัดแบตด้วย(เรียกทรัพยากรให้น้อย)
ตัวอย่างนะครับ(ประสบการณ์โดยตรง เรื่องเทคนิคผมไม่ค่อยรู้สักเท่าไหร่ ถือว่าฟังผู้บริโภคก็แล้วกัน)
App Chat ทั่วไป เท่าที่ผมเคยใช้ยังไม่ได้ใช้ What's App นี่ใช้ เรียกแบตได้เร็วอย่างเหลือเชื่อ ใช้แค่ App เดียว อย่างกับเล่นเกม(นานมาแล้วจำ App ไม่ได้) แต่พอใช้ What's App เปิดทั้งวัน เล่นค่อนวัน ก็ไม่หมดนะครับ
น่าสนใจครับ ผมจะเก็บคำแนะนำนี้ไว้ให้มั่นเลยครับ
อาจจะเป็นเพราะว่าผู้พัฒนาเขียนโปรแกรมแบบ Polling คือการเรียกไปยังเซิร์ฟเวอร์ซ้ำๆ เพื่อดูว่ามีข้อมูลใหม่บ้างหรือเปล่า ซึ่งวิธีนี้นอกจากกินแบตแล้วยังเปลืองแบนวิดท์ด้วยครับ (ยิ่งถ้าเป็น Package แบบคิดตามปริมาณข้อมูลที่ใช้)
หลายครั้งที่นักพัฒนามักจะลืมไปว่าอุปกรณ์พกพามันไม่เหมือน PC
ผมไม่รู้ว่าต่างชาติเขายังเน้นสอนให้มี วทบ. อีกไหม? 1-2 ปีแรก สูญเปล่าไปกับวิชาที่ทุกวันนี้ยังนึกไม่ออกว่าเรียนอะไรก็มี
Demand สูงจริง Supply มีมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมากแต่ที่มีคุณภาพก็ยังน้อยอยู่จริงๆ
และอีกความจริงคือ...ประเทศไทยยังราคาต่ำนักพัฒนาแทบจะอยู่ไม่ได้กันเหมือนเช่นเคยไม่เปลี่ยนแปลง สาธุ - -
นอกจากจะไปปลูก "จิตสำนึก" การเคารพสิทธิ์ผู้อื่นตั้งแต่ชั้นอนุบาล ปัญหาพวกนี้คงทะยอยหายๆ ไปเอง...
ว่าแต่ครูผู้สอนยังใช้ซอฟแวร์เถื่อนอยู่.... แล้วจะไปสอนเด็กได้อย่างไรหว่า...
ปัญหาเลยล่ะ แล้วผมก็พูดอะไรไม่ได้จริงๆ ก็เขาบอก for education..
ไม่ว่าโลกจะเป็นอย่าง ประเทศไทยก็ยังวนเวียนกับปัญหาเดิมๆ
อ่านข่าวนี้แล้วรู้สึกดีจริงๆ (>.<)
ในไทย เขียน App iPhone เป็น เงินเดือนสูงกว่า Android ด้วย! แต่ก็น่าอยู่ดูจากนิสัยการใช้โทรศัพท์ของคนไทย
ทำไมในไทยเงินเดือนน้อยๆ T.T
ประเด็นหนึ่ง ที่บ้านเราค่าจ้างไม่สูง ส่วนหนึ่งก็มาจากทีมพัฒนาที่ประสบการณ์น้อย ไม่เข้าใจด้านธุรกิจ ประมาณการไม่เป็น
พออยากได้งาน ก็ไปตัดราคากันจนเสียระบบไปหมด
พอลูกค้าไปเจอที่ถูกกว่าก็มาขอลดราคา ที่นี้พอเราไม่อยากเสียลูกค้า
ก็ต้องยอมลดราคา พอลดราคา ก็ไม่สามารถเพิ่มเงินเดือนได้
คุณภาพก็เป็นส่วนสำคัญครับ หลายๆคนที่เริ่มก้าวเข้ามาพัฒนาบนมือถือ ก็โก่งค่าตัวกันสุดๆ (ทั้งที่ความจริงแล้วประสบการณ์ด้านมือถือยังน้อย ถึงแม้ว่าเงินเดือนก่อนหน้าจะสูงแค่ไหน แต่พอมาเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ ก็ควรจะยอมได้เงินน้อยในช่วงที่ฝึกฝน)
อีกเรื่องหนึ่งก็คือเวลารับงานมาจนล้น เราก็ไปจ้างฟรีแลนซ์ ฟรีแลนซ์ก็ล่อราคาซะสูง แต่ติดตามการทำงานได้ยาก ควบคุมคุณภาพไม่ได้ แล้วงานต่อไปใครจะกล้าจ้างครับ
ผมยอมรับนะครับว่าผมเขียนโปรแกรมห่วยขั้นเทพ ดังนั้นผมจึงให้ความสำคัญกับโปรแกรมเมอร์มาก ขนาดผมเป็นทั้ง PM ทั้ง SA และอีกสารพัด ทำงานเยอะกว่า ผมยังยอมได้เงินเดือนน้อยกว่าโปรแกรมเมอร์เลยครับ เพื่อจะได้ให้สวัสดิการที่ดีแก่โปรแกรมเมอร์
มันไปไวกันมากๆครับเทคโนโลยี เห็นด้วยครับที่ควรจะให้เด็กเก่งในเรื่องของ self-study มากกว่าจะเอาเวลามาสอนแต่วิธีใช้เพียงอย่างเดียว
หมายเหตุ ขอโทษนะครับ แต่กว่าผมจะอ่านข้อความของคุณเข้าใจนี่ต้องอ่านกันหลายรอบเลยทีเดียว
ก่อนจะมีแอพของตัวเอง คงต้องมี Service ก่อน