เมื่อเช้านี้เวลาตี 5 ในสหรัฐ เซิร์ฟเวอร์ส่วนหนึ่งของ Amazon Web Services ที่อยู่ในรัฐเวอร์จิเนียตอนเหนือได้ประสบเหตุล่ม ส่งผลให้ลูกค้าที่อยู่บน cloud นี้ในสหรัฐส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบ ซึ่ง Amazon กำลังดำเนินการแก้ปัญหานี้อยู่
"เวบไซต์ขายปลีกออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Amazon ได้เปิดบริการ Cloud Computing เพื่อเป็นทางออกให้กับหลายบริษัทที่ต้องการ outsource ส่วนของ data center ออกไป ด้วยค่าบริการที่ถูกและปลอดภัย แต่ทว่าการล่มในครั้งนี้คงชี้ชัดได้ว่า บริษัทเหล่านั้นคงไม่สามารถเชื่อได้อย่างสนิทใจต่อไปว่าบริการ cloud จะสามารถดูแลจัดการส่วนสำคัญของธุรกิจเหล่านั้นได้อย่างที่เข้าใจกัน" Vanessa Alvarez นักวิเคราะห์ของ Forrester Research กล่าว
Alvarez ยังกล่าวต่อไปว่า "ลูกค้าคงจะต้องเริ่มพิจารณาใหม่และจะต้องไม่ทึกทักว่า cloud จะสามารถจัดการทุกอย่างแบบที่เข้าใจ เพราะว่ามันไม่ใช่ และก็ไม่ควรไว้วางใจบริการ cloud อย่าง Amazon ด้วยว่าจะสามารถจัดการกู้หายนะในครั้งนี้ได้จริงๆ"
หลังเกิดเหตุ Foursquare, Formspring.me และ Reddit ได้ออกมาโวยด้วยว่าเหตุการณ์นี้ทำให้เวบไซต์ของบริษัทล่มตามไปด้วย และลูกค้าในกลุ่ม cloud นี้ยังมี Netflix, Eli Lilly &Co., Zynga รวมถึงไปถึงบริการของ Heroku ของบริษัท Saleforces
ซึ่งให้บริการแอพพลิเคชั่นบนมือถือและ social network ให้กับบริษัท Best Buy และ Comcast ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน
ที่มา : Bloomberg
Comments
1 ในลูกค้า EC2 -__-
อุ้ย ! ใช่ มายองจาก ไทยเสี่ยว ป่าวเนี่ยะ
ไม่ใช่ลูกค้าของ EC2 แต่เป็นคนเล่นเกมของZynga Cityville เล่นไม่ได้เลย
ถึงว่า ช่วงเย็นๆเมื่อวานผม check-in ไม่ได้ 555
ผมด้วย เซ็งเลย
ถูกกก งงมากกก เป็นอะไรของนาง
หลักพันเอง จิ๊บๆ
ของไทย ไทยคมสัญญาณล่ม
เอาแล้วไง ไหนบอกว่า Cloud ไม่มีทางล่ม นี้ครั้งที่สองแล้วนะครับ ครั้งแรงให้อภัยแต่ครั้งนี้คงไม่ให้ละ
cloud กับ high availabiity เป็นคนละเรื่องเดียวกันเลยนะครับ
EC2 การันตีไว้ที่ 99.95% แปลว่าหนึ่งปีล่มได้ 263 นาที
Cloud ชูหลักเรื่อง reduce cost น่ะ ไม่ได้ชูเรื่อง High Availability นะ
EC2 ผมอยู่ที่ Virginia เหมือนกันแต่ไม๋โดนแฮะ
About.me ก็เข้าไม่ได้ อยู่ใน Amazon เหมือนกัน
EC2 มีอยู่ที่อเมริกา 2 ที Virginia กับ California
ยุโรป 1 ที Ireland
เอเชีย 2 ที Singapore กับ Tokyo
ผมกำลังสงสัยว่าในเมื่อมันมี Elastic Load Balancing ทีทำงานข้ามโซนได้ ทำไม่พวกร้ายใหญ่ๆ ถึงไม่ใช้ข้อดีในจุดนี้ กระจายความเสี่ยงในแง่ที่ว่าเมื่อ DC ใด DC หนึ่งล่ม จะกระจายโหลดไปให้ DC อื่นรับแทน
+1 น่าสงสัย
รายใหญ่ๆเขาอาจจะทำก็ได้นะครับ ส่วนรายเล็กๆหรือที่ไม่มีงบมากเขาไม่ทำกันเพราะเขายอมรับความเสี่ยงน่ะครับ การใช้ Amazon มีความเสี่ยงอยู่ อย่างมากที่รับประกันก็มี downtime 0.05% (หรือ 99.95% annual uptime) ดังนั้น บางรายเขาก็ยอมเสี่ยงตรง 0.05% นี่แหละ ถ้าไม่อยากเสี่ยง (risk averse) ก็ต้องควักตังค์จ่ายเงินเพิ่มสำหรับ elastic load balancing พร้อมกับติดตั้ง redundant instance เพิ่มอีก ถ้าเอาชัวร์ก็ทำ 3 redundant ไว้ 2 instance ใน region เดียวกันแต่คนละ zone อีกตัวไปไว้อีก 1 region ที่ไกลออกจาก region เดิมมากๆ แต่ท้ายที่สุดก็มีต้นทุนเพิ่มอย่างน้อย 3 เท่า ถ้าเงินที่เพิ่ม 3 เท่าคุ้มค่ากับการกำไรที่จะได้จากการทนต่อ downtime ที่มีโอกาส 0.05% ต่อปี มันก็คุ้มค่าอยู่ครับ ผมคิดว่าบริษัทใหญ่ๆ เขาอาจจะมีฝ่าย risk management วิเคราะห์ส่วนนี้ร่วมด้วยครับ
ใน Virginia จะมีอยู่หลาย availability zone ผมได้ยินบางคนเขาก็บอกว่า เขารัน instance ที่ Virginia แต่ก็ไม่ได้รับผลกระทบ ผมคิดว่าน่าจะมาจากที่เขาโชคดีไปอยู่ใน zone ที่ไม่ล่ม
My Blog
+1
iPAtS
ผมเคยตั้งกระทู้ถามเกี่ยวกับความมั่นคงของ cloud
มีแต่คนบอกว่ามันไม่มีวันล่ม เพราะมันกระจายตัวไปทุกที่ - -*
แล้วตอนนี้...
ใช้มา 3 ปี เพิ่งเห็นคราวนี้หนักสุด
ของลูกค้าผมไม่เป็นไร เพราะมีอยู่ทุกโซน
ข่าว cloud ตปท.ล่มมาก่อนข่าวดาวเทียมไทยคมหงายแฮะ ^^"
skynet..
May the Force Close be with you. || @nuttyi
cloud ล่มได้ครับ หลีกหนีไม่พ้นทุกขัง อนิจจัง อนัตตา หากแต่ cloud มี service level agreement (SLA) เป็นตัวค้ำประกัน โดยส่วนใหญ่ไม่มีใครกล้าประกัน 100% uptime เห็นก็แต่ GoGrid นี่แหละที่กล้าทำ 100% uptime (หรือ 10,000% Guarantee) แต่เคยล่มหรือยังก็ไม่ทราบครับ ใครคิดจะใช้ cloud เพื่อ 100% uptime ก็ขอให้นึกถึงกฎไตรลักษณ์ไว้ด้วยก็ดี และก็อย่าลืมทำความเข้าใจ SLA ควบคู่ไปด้วย
My Blog