เรื่องนี้เป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องกันมาได้ราว 1 เดือนแล้ว จึงต้องขอลำดับเหตุการณ์ก่อนครับ เรื่องนี้เริ่มต้นเมื่อกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยประธานของ Olympus คือคุณ Tsuyoshi Kikukawa ได้แถลงว่าบอร์ดมีมติให้ซีอีโอ Michael C. Woodford พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากเขาบริหารงานโดยไม่สนใจคำเตือนของคนในบอร์ด ทีแรกเองนักข่าวก็มองว่าด้วยลักษณะของบริษัทญี่ปุ่นแล้วการสั่งกันไม่ได้ก็เป็นเหตุผลอันสมควรพอที่จะให้ซีอีโอต้องออกจากตำแหน่ง
ปัญหาคือหลังจากถูกปลดออกไม่กี่วัน อดีตซีอีโอ Woodford ก็เดินสายพบปะสื่อเพื่อจัดรายการ "แฉ" Olympus เองกับมือ โดยระบุว่าสาเหตุสำคัญที่ทำให้เขาถูกไล่ออกนั้น เป็นเพราะเขาได้เสนอขอรื้อโครงสร้างการบริหารภายใน Olympus ทั้งหมด เนื่องจากก่อนหน้านี้ Woodford ได้ว่าจ้างผู้ตรวจสอบกิจการภายนอกคือบริษัท PwC จึงพบว่าการเข้าซื้อกิจการบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ของอังกฤษ Gyrus Group ที่มีมูลค่าถึง 2 พันล้านดอลลาร์ในปี 2008 ของ Olympus นั้น มีรายการค่าใช้จ่ายที่ทำให้เกิดข้อสงสัย คือค่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาสองแห่งที่มีมูลค่าถึง 687 ล้านดอลลาร์
เมื่อตรวจสอบสองบริษัทที่ปรึกษานี้ก็พบว่าเป็นบริษัทที่ไม่มีใครรู้จัก ทั้งยังจดทะเบียนอยู่บนเกาะ Cayman ด้วย นอกจากนี้สองบริษัทที่ปรึกษานี้ยังมีส่วนร่วมในการเป็นที่ปรึกษาในการเข้าซื้อกิจการอื่นอีก 3 บริษัทของ Olympus ในภายหลัง Woodford มองว่าการเสนอขอรื้อโครงสร้างบริหารนี้เลยถูกมองว่าเป็นการท้าทายบุคคลในบอร์ดบริษัทซึ่งล้วนเป็นผู้สูงวัยและมีประสบการณ์ในองค์กรมานานทั้งสิ้น
อดีตซีอีโอ Michael Woodford
ภายหลังรายการแฉนี้ บอร์ดของ Olympus ก็ออกมาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและบอกว่าจะฟ้อง Woodford ฐานเปิดเผยข้อมูลภายในบริษัท แต่นักลงทุนในบริษัทต่างเริ่มแสดงอาการไม่เชื่อมั่น ส่งผลให้ราคาหุ้นของ Olympus ร่วงลงอย่างมาก เพื่อลดแรงกดดันที่เกิดขึ้น ประธาน Tsuyoshi Kikukawa จึงได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งในสองสัปดาห์ให้หลังจากการไล่ซีอีโอออก โดยแต่งตั้ง Shuichi Takayama ซึ่งเป็นประธานฝ่ายธุรกิจกล้องถ่ายรูปขึ้นเป็นประธานคนใหม่ ซึ่ง Takayama ก็ออกมาช่วยยืนยันอีกแรงว่าการออกมาแฉของ Woodford เป็นเรื่องที่ไร้จรรยาบรรณทางธุรกิจ
แม้บอร์ดจะลดแรงเสียดทานกับผู้ถือหุ้นแต่ Woodford ก็ยังคงไม่หยุดแฉ เขาเดินสายเปิดโปงข้อมูลว่าการเข้าซื้อบริษัทอีก 3 แห่งต่อจาก Gyrus นั้นล้วนแต่ไม่ได้เป็นธุรกิจที่มีประโยชน์เสริมกับองค์กรเลย อีกทั้งในขั้นตอนการเข้าซื้ออีก 3 บริษัทนี้ก็มีค่าจ้างที่ปรึกษารวมมูลค่าไม่น้อยกว่าการซื้อ Gyrus อีกด้วย เขายังบอกว่าได้ส่งเรื่องนี้ให้กับสำนักงานสอบสวนคดีพิเศษในอังกฤษและอเมริกา (เอฟบีไอ) เพื่อช่วยตรวจสอบอีกทางด้วย
Shuichi Takayama
ความคืบหน้าล่าสุดเกิดขึ้นวันนี้เมื่อประธาน Takayama ได้ออกมาแถลงและแสดงความขอโทษต่อนักลงทุน โดยเขาบอกว่าจากผลการสืบสวนนั้นพบว่ามีการกระทำที่ไม่ถูกต้องในบริษัทจริง โดยมีผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างน้อยสามคนคืออดีตประธาน Kikukawa, รองประธาน Hisashi Mori ซึ่งถูกไล่ออกวันนี้และผู้ตรวจสอบบัญชี Hideo Yamada
ผลการสืบสวนพบว่า Olympus ได้ทำการจดทะเบียนตั้งบริษัทจัดการกองทุนไว้ที่เกาะ Cayman ไว้เมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน โดยบริษัทนี้มีหน้าที่รับไซฟ่อนหน่วยหลักทรัพย์การลงทุนของ Olympus ที่ขาดทุนเอาไว้ และ Olympus ก็ใช้ค่าธรรมเนียมในการจ้างที่ปรึกษานี้เป็นที่ผ่องถ่ายเงินออกจากบริษัทเพื่อไปโปะส่วนที่ขาดทุน ทำให้นักลงทุนไม่สามารถเห็นความผิดปกติใน Olympus ได้จากงบการเงิน
วิธีการดังกล่าวเกิดขึ้นกับบริษัทจดทะเบียนในประเทศญี่ปุ่นมาแล้วหลายครั้ง เรียกว่าวิธี Tobashi ซึ่งทุกบริษัทที่ถูกค้นพบว่าใช้วิธีซุกซ่อนตัวเลขขาดทุนทางการเงินแบบนี้ก็จบลงด้วยการล้มละลายทั้งสิ้น เนื่องจากคดีนี้ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในระบบตรวจสอบทางการเงินของตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่น เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจึงกำลังพิจารณาถอดถอน Olympus ออกจากตลาดหุ้นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนทั่วโลกกลับคืนมา
มีข้อเสนอจากนักลงทุนให้นำตัว Woodford กลับมาเป็นซีอีโอเนื่องจากเขาน่าจะเป็นผู้สะสางปัญหาได้ดีที่สุดเพราะรู้เรื่องแต่ต้น โดยตัว Woodford เองบอกว่าเขายินดีที่จะกลับมาแม้รู้ว่าคนในจะต่อต้านก็ตาม ขณะที่ประธาน Takayama ปฏิเสธว่าบริษัทไม่มีแผนจะนำตัวอดีตซีอีโอคนนี้กลับมาแต่อย่างใด
ราคาหุ้นของ Olympus นับจากที่ซีอีโอถูกไล่ออกซึ่งเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือนนั้นร่วงมาแล้วถึง 70% โดยรายได้ของ Olympus นั้นมาจากการขายเครื่องมือทางการแพทย์ 50% และกล้องถ่ายรูป 50%
อ่านข่าวนี้จบไม่รู้ชาว blognone ที่ใช้กล้อง Olympus จะรู้สึกหวั่นใจกันหรือไม่
ที่มา: Bloomberg
Comments
การไปตั้งบริษัทไว้ไซฟ่อนสมบัติที่เกาะซึ่งแทบไม่มีใครรู้จักเนี่ย .. คุ้นๆ .. หึหึ
my blog
เกาะนั้นใช่เกาะที่เอาไว้ "ทำความสะอาดเงิน" รึเปล่าคะ ไม่แน่ใจ
+1
ผมว่าถึงมีข่าวอย่างนี้ แต่สินค้าของโอลิมปัสยังดีจริง คนก็ยังซื้ออยู่
Pitawat's Blog :: บล็อกผมเองครับ
แต่ผมว่าโอลี่เองมีแผนที่จะเลิกผลิต SLR นะ
เลิกไปแล้วครับ
twitter.com/exfictz
ผลิต DSLR แทน
ไซฟ้อนก็คือเมืองสุดท้ายของโลกในไงครับ
จาก the matrix รึเปล่า
อันนั้น ไซออน ครับ
อยู่เวียดนามรึเปล่า นั่นมัน ไซง่อน ครับ ตรึก!!!
อยู่ไทยรึเปล่า นั่นมัน ไซแอม โป๊ะตึงๆ!!
ชงเองตบเองกันหมด =_=
I need healing.
นักร้องเกาหลีหรือเปล่าครับ นั้นเค้าเรียกไอดอล !!
เพิ่งรู้ว่า olympus ขายเครื่องมือทางการแพทย์ พอๆกับขายกล้อง
มีเยอะเลยล่ะครับ พวกกล้องจิ๋วต่อท่อส่องในลำใส้ก็มี อุปกรณ์ทางการแพทย์พวกนี้ราคาไม่ต้องพูดถึง
คิดตามมูลค่มั้งครับ ขายน้อยชิ้นแต่ราคาแพงระยับ กับขายมากชิ้นแต่ราคาถูกกว่า
ชอบคำว่าไซฟ่อนครับ ฟังแล้วรู้สึกได้ถึงพลังแห่งการดูด
อ่ะ อุปกรณ์ออปติคส์ทางการแพทย์ที่คณะเป็น Olympus เยอะมาก....
twitter.com/exfictz
<-- EP-L1
lewcpe.com, @wasonliw
+1 T__T
หุ้นดิ่งเหวได้น่ากลัวมาก T_T
วิธี Tobashi อืม ดูแว๊บแรก เห็นเป็น Toshiba
หมายถึงผ่อนถ่ายเงินหรือเปล่าครับ?
"ผ่องถ่าย" ถูกแล้วครับ
ความรู้ใหม่
http://www.thai-language.com/id/220714
May the Force Close be with you. || @nuttyi
พระเจ้า! ตั้งแต่อ่านหนังสือมา 29 ปีเพิ่งเจอคำนี้เป็นครั้งแรก
ไซฟ่อนเงิน สร้างค่าใช้จ่ายปลอม เพื่อตกแต่งบัญชี ปกปิดผู้ถือหุ้น
แถมมีหนังสือพิมพ์ญี่ปุ่นออกข่าวว่าอาจจะพัวพันกับ แก๊งค์ยากูซ่า
ที่จะโดนเป็นลูกระนาดรายต่อไป คือ บริษัทตรวจสอบบัญชี
คนที่ไม่มีจริยธรรมทางธุรกิจ น่าจะเป็นผู้ที่ตกแต่งบัญชีปกปิดผู้ถือหุ้นมากกว่า
น่าเสียดายผู้ผลิตอุปกรณ์ดีๆ
การทุจริตครั้งนี้ใหญ่มาก ทางการควรจะสอบสวนคณะกรรมการตรวจสอบ (audit committee) ของ Olympus และบริษัทสอบบัญชี (audit firm) ที่สอบบัญชีของ Olympus ให้ดีด้วย เพราะดีลใหญ่ขนาด 2 พันล้านที่มีค่าที่ปรึกษาประมาณ 34% ของมูลค่าของดีล เป็นเหตุการณ์ไม่ปกติและมีสาระสำคัญ ถ้าคณะกรรมการตรวจสอบและบริษัทสอบบัญชีไม่ได้มีส่วนร่วมในการทุจริตและทำตามหน้าที่ของตัวเองอย่างครบถ้วนจริง ก็ควรจะตรวจสอบการเข้าซื้อนั้นอย่างละเอียดพอสมควรนะ ไม่น่าจะปล่อยความไม่ปกติให้หลุดรอดไปได้
ไม่มีบริษัทใหญ่ๆที่ไหนไม่ตุกติกเรื่องบัญชีหรอกครับ
อย่างดีที่สุดก็คือ บริหารตัวเลขเพื่อให้จ่ายภาษีน้อยกว่าความเป็นจริง
เจ๊งแน่ๆ - -
ขอเอาใจช่วยให้ผ่านพ้นวิกฤติโดยเร็ว ผู้บริโภคจะได้มีทางเลือก เดี๋ยว sony nex จะหมดคู่แข่ง