Tags:
Node Thumbnail

ผลการศึกษาขององค์กร Carbon Disclosure Project (CDP) รายงานว่า บริษัทที่ใช้บริการกลุ่มเมฆสามารถลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนได้ถึง 50% และจากการวิเคราะห์ข้อมูลของหน่วยงานที่ใช้บริการกลุ่มเมฆทั้งในสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และสหรัฐอเมริกา มาเป็นเวลาอย่างน้อย 2 ปี ทาง CDP ทำนายว่าหากบริษัทต่างๆย้ายไปใช้บริการกลุ่มเมฆ ในปี ค.ศ. 2020 บริษัทในสหรัฐอเมริกาที่มีรายได้สูงกว่า 1 พันล้านเหรียญต่อปีจะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้ถึง 12.3 ล้านเหรียญต่อปีและลดปริมาณคาร์บอนได้เทียบเท่าการใช้น้ำมันถึง 200 ล้านบาร์เรล ส่วนบริษัทยักษ์ใหญ่ในสหราชอาณาจักรจะสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้มากกว่า 1 พันล้านปอนด์ต่อปี

ที่มา - Reuters ท่านที่สนใจสามารถอ่านรายงานฉบับเต็มได้ที่ Carbon Disclosure Project

Get latest news from Blognone

Comments

By: komkit0710
Windows PhoneSUSEWindows
on 9 November 2011 - 18:52 #352135

บริษัทลดการปล่อยคาบอนไป 50% แต่ไปเพิ่มที่ผู้ให้บริการกลุ่มเมฆหรือเปล่าครับ
อยากรู้ว่าโดยรวมทั้งบริษัทและผู้ให้บริการ มันลดไปได้เยอะหรือเปล่า

คิดไปคิดมา ก็คล้ายๆ กับผลักมลพิษให้ไปที่อื่น เช่น รถยนต์ hybrid ที่ผลักมลพิษจากน้ำมันไปอยู่กับแบตเตอร์รี่แทน

By: javaboom
WriteriPhone
on 9 November 2011 - 21:15 #352149 Reply to:352135
javaboom's picture

เป็นคำถามที่ดีครับ ตอบแบบสั้นๆก่อนว่า เป็นไปได้ แต่ผู้ให้บริการเขามีวิธีแก้ปัญหาดังกล่าวครับ

ผู้ให้บริการกลุ่มเมฆเองเขาก็ต้องลดต้นทุนพลังงานด้วยเช่นกัน โดยปกติแล้ว ศูนย์ข้อมูลทั่วไปๆจะมีค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการใช้พลังงานไฟฟ้าและระบบทำความเย็นไม่ต่ำกว่า 50% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการรันศูนย์ข้อมูลเลยก็ว่าได้ และต้นทุนของอุปกรณ์ไอทียังน้อยกว่าต้นทุนพลังงานที่ต้องรันระยะยาว (เช่น 3 - 4 ปี) ยิ่งถ้าศูนย์ข้อมูลใหญ่มากๆก็ต้องทุ่มต้นทุนพลังงานเยอะขึ้นตาม และมากไปกว่านั้น ในบางประเทศ/บางรัฐ มีการปรับค่าภาษีคาร์บอนกับพวกที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเยอะๆ อย่างที่ Colorado เคยคิดค่าภาษีคาร์บอนสูงถึง 0.49 เหรียญต่อไฟฟ้า 1 ยูนิต

จากปัญหาต้นทุนพลังงานนี่เอง ผู้ให้บริการกลุ่มเมฆก็ต้องการลดต้นทุนเองด้วย ดูได้จากกรณีของกูเกิล (ข่าวเก่า) และไมโครซอฟท์ (ข่าวเก่า) และ (ข่าวเก่า) ซึ่งต่างค้นหาวิธีลดต้นทุนพลังงาน และคิดค้นวิธีทำความเย็นแบบใหม่ๆ เช่น ใช้สมาร์ทมิเตอร์และสมาร์ทกริดเพื่อควบคุมการซื้อขายไฟฟ้า, ตั้งศูนย์ข้อมูลในทำเลที่เย็นๆ, ใช้น้ำจากแม่น้ำระบายความร้อน, ตั้งศูนย์ข้อมูลแบบไร้หลังคาบนพื้นที่หลายเอเคอร์ เป็นต้น อีกทั้งค้นหาพลังงานทางเลือกอย่างพลังงานแสงอาทิตย์และกังหนลม และยังมีการคิดค้นวิธีการเปิดปิดและปรับ clock speed ของเซิร์ฟเวอร์และอุปกรณ์อื่นๆ รวมถึงการใช้เทคโนโลยี virtualization เป็นต้น

หากคำนึงถึงค่า PUE ซึ่งเป็นค่าของอัตราส่วนของพลังงานไฟฟ้าที่จ่ายให้อุปกรณ์อย่างอื่น (เช่น ระบบทำความเย็นและแสงสว่าง) ต่อพลังงานที่ใช้กับอุปกรณ์ไอที (ยิ่งค่าสูงก็แปลว่าไม่คุ้มค่าลงทุน) โดยปกติแล้ว ศูนย์ข้อมูลทั่วไปจะมี PUE มากกว่า 2 แต่ผู้ให้บริการกลุ่มเมฆหลายเจ้าสามารถดำเนินศูนย์ข้อมูลของตนให้ได้ PUE ต่ำกว่า 2.0 อย่างกูเกิลก็ทำได้ที่ 1.15 (อ้างอิง) ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ศูนย์ข้อมูลทั่วไปจะทำได้

การดูแลศูนย์ข้อมูลที่คำนึงถึงการลดต้นทุนพลังงานดังที่กล่าวมานั้น จำเป็นต้องลงทุนมหาศาลและใช้ผู้เชี่ยวชาญ เช่น ซื้อพื้นที่ตั้งศูนย์ข้อมูล ลงทุนระบบทำความเย็นที่อนุรักษ์ธรรมชาติ ลงทุนกับพลังงานทางเลือก เป็นต้น เป็นไปได้ที่ลูกค้าจะลงทุนพัฒนาศูนย์ข้อมูลให้ได้อย่างผู้ให้บริการก็จริง แต่ปัญหามันจะย้อนกลับมาในเรื่องของ total cost of ownership (TCO) ที่ลูกค้าเองต้องการจะลดเช่นกัน หากแต่ผู้ให้บริการกลุ่มเมฆเขาทุนหนาพอและเหตุผลเพียงพอที่จะลดต้นทุนด้วย economies of scale


My Blog

By: komkit0710
Windows PhoneSUSEWindows
on 9 November 2011 - 22:17 #352223 Reply to:352149

ขอบคุณมากครับสำหรับข้อมูล ผมก็ลืมคิดถึงข้อนี้ไป คือการที่ใช้บริการกลุ่มก้อนเมฆนั้น ผู้ให้บริการจะเป็นผู้พัฒนาระบบมาเพื่อลดต้นทุนพลังงาน

By: azx
iPhoneWindows
on 9 November 2011 - 19:43 #352150 Reply to:352135
azx's picture

วิศกรเค้าคิดหัวแถบผุ ก็ว่ายังไปจะว่าเค้าอีกนั้น

By: hisoft
ContributorWindows PhoneWindows
on 9 November 2011 - 20:42 #352182 Reply to:352150
hisoft's picture

ผมว่าเค้าถามออกแนวอยากรู้มากกว่านะครับ

By: azx
iPhoneWindows
on 9 November 2011 - 21:31 #352204 Reply to:352182
azx's picture

ผมหมายถึงรถ hybrid นะ55

By: hisoft
ContributorWindows PhoneWindows
on 9 November 2011 - 21:39 #352211 Reply to:352204
hisoft's picture

อ่าวเหรอครับ 555

By: hisoft
ContributorWindows PhoneWindows
on 9 November 2011 - 20:42 #352181 Reply to:352135
hisoft's picture

แบตเตอร์รี่รถยนต์ Hybrid รีไซเคิลได้ % สูงมากเลยนะครับ ผมอยากลองขับ prius อยู่เหมือนกันเคยแต่ลอง camry hybrid เครื่อง 2400 ผลวิ่งระยะ 7X กิโลฯ ขึ้นทางด่วนถึงบ้านผมผลออกมา 19.8 km/l ซึ่งผมว่ามันคุ้มนะ honda city เครื่อง 1500 (หรือ 1600 นี่แหละผมไม่แน่ใจ) ส่วนมากผมยังขับได้ 17.X km/l เอง

By: komkit0710
Windows PhoneSUSEWindows
on 9 November 2011 - 22:20 #352224 Reply to:352181

ขอบคุณมากครับ แต่ที่ผมโพสไปนั้นคือการย้ายมลพิษไปอยู่ที่อื่นเฉยๆ ครับ อาจมีวิธีการจัดการกัลมลพิษก้อนใหม่ง่ายกว่าเดิม ไม่ใช่ว่าไม่ช่วยลดมลพิษเลยครับ

ปล. ผมเองก็อยากขับ prius อยู่เหมือนกันครับ เพียงแต่ยังไม่มีงบ (ฮ่า)

By: Thaina
Windows
on 10 November 2011 - 01:51 #352266 Reply to:352135

ผมเข้าใจว่าเขาคำนวนไปแล้วว่ามันลดลงนั่นแหละครับ เพราะการที่มันไปอยู่ที่เดียวกัน ใช้ทรัพยากรบางอย่างร่วมกันกันได้ มีการบริหารอย่างเป็นระบบ มันมีจุดได้เปรียบที่ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน ลดการใช้พลังงานทั้งหมดลง

ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงชอบมีคนที่อยู่ๆก็คิดขึ้นมาว่า "มันไม่ได้ลดจริงมั้ง พวกนี้มันแต่งตัวเลขหลอกเราให้ดีใจ"

ถ้าไม่เชื่อก็ช่วยไปอ่านดีๆก่อนค่อยมาสงสัยก็ยังทันนะครับ ไม่ใช่อยู่ๆก็อยากสวนกระแสให้เด่นเล่นแบบนี้

รถยนตร์ไฮบริดมันผลักมลพิษไปอยู่กับน้ำมัน ก็จริง แต่เขาออกมาพูดโดยคำนวนแล้วว่ามันลดหมดแล้วครับ เพราะมันบริหารการใช้พลังงานให้เหมาะสมระหว่างน้ำมันกับไฟฟ้า ทำให้มันลดการใช้พลังงานโดยรวมได้ แม้จะคิดไปถึงว่ามันไปปล่อยมลพิษที่โรงไฟฟ้า แต่ถ้าคำนวนแล้วมันก็ยังลด เขาถึงได้โฆษณากัน (และโรงไฟฟ้าก็มีหลายแบบอีกต่างหาก นิวเคลียร์ก็ไม่ได้ปล่อยมลพิษ)

By: madmod on 10 November 2011 - 12:29 #352444 Reply to:352266
 "นิวเคลียร์ก็ไม่ได้ปล่อยมลพิษ"
  นิวเคลียร์ ได้พลังงานที่สะอาดจริงครับผมสนับสนุน
  !!! แต่ขยะที่ได้จากพลังงานนี้เราอยู่ร่วมกับมันไม่ได้เลย T-T
  กาก นิวเคลียร์ ยังต้องเก็บไว้สถานที่เก็บรักษาชั่วคราว สุดท้ายถ้ามันล้นจริงๆต้องฝัง อาจจะเป็นอุโมงค์เกลือหรืออื่นๆ
  บอกตรงๆ ผมเองหล่ะไม่อยากให้มันมาฝังอยู่หลังบ้านผม
  ยิ่งถ้าเอามาคืนสภาพเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ ก็โดนจับตามองในทางไม่ดีกันอีก
  มันช่างเป็นเชื้อเพลิง ที่มีปัญหาตามมาเยอะจริงๆ
  สรุป ผมว่า นิวเคลียร์ เป็นพลังงานที่มักง่ายมากๆ
  ผมไม่สนับสนุน นิวเคลียร์ อย่างยิ่งครับ
By: Thaina
Windows
on 10 November 2011 - 13:02 #352455 Reply to:352444

ยิ่งถ้าเอามาคืนสภาพเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ ก็โดนจับตามองในทางไม่ดีกันอีก

ผมว่าความคิดนี้แหละมักง่ายยิ่งกว่าตัวนิวเคลียร์เองซะอีก

และคุณไม่คิดมั่งเหรอว่าพลังงานอย่าอื่นที่ปล่อยมลพิษจริงๆจังนี่แหละมักง่ายยิ่งกว่านิวเคลียร์อีก

พลังงานแสงอาทิตย์ยิ่งมักง่ายสุดๆ เพราะเห็นสะอาดนักสะอาดหนา แต่โรงงานผลิตโซล่าร์เซลล์นี่แหละมลพิษตัวพ่อ

By: madmod on 12 November 2011 - 00:45 #353094 Reply to:352455

http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROMFpXTXdNVEl6TVRJMU13PT0=&sectionid=TURNeU5nPT0=&day=TWpBeE1DMHhNaTB5TXc9PQ==

มีพลังงานแสงอาทิตย์แบบใช้ความร้อน โดยไม่ใช้แผงโซล่า ก็มีครับ ลองไปหาดูผมว่ามันเวิคมากกว่าครับ
และแผนโซล่า ยังสามารถเอาแกรบที่เหลือจากการเกษตร มาทำยังได้เลยครับ
ผมว่าเราควรหาพลังงานทางเลือกที่ดีกว่า นี้ให้ได้ครับ
ถ้าจะมี นิวเคลียร์ จริงๆ ปล่อยให้รอบบ้านเรามีไปครับ ประเทศเรามีปัญญาซื้อ ไฟฟ้าของรอบบ้านเราอยู่แล้ว เพราะปัจจุบันเราก็ซื้อเขาอยู่แล้วครับ
อย่าให้บ้านเรามีเลยครับ
By: Thaina
Windows
on 12 November 2011 - 02:03 #353109 Reply to:353094

พลังงานทางเลือก ที่มันเป็นแค่ทางเลือก เพราะให้ตายมันก็ไม่พอครับ

พลังงานแสงอาทิตย์แบบใช้ความร้อน บำรุงรักษายากนะครับทำเล่นไป ทำแล้วได้พลังงานไม่คุ้มทุน แถมไม่เสถียรด้วย(ฟ้ามืดก็เน่า) เขาถึงไม่ทำกัน

ถ้าเกิดวิกฤติขึ้นมา รอบบ้านเขาเลิกขายเพราะคิดแบบเรา ไปปิดโรงไฟฟ้าให้ใช้เท่าที่จำเป็น ใครเน่าครับ? ก็เรานี่แหละ

ในขณะที่ต่อต้านกันจะเป็นจะตาย รอบบ้านเขาก็สร้าง ถ้าเกิดระเบิดก็โดนบ้านเราอยู่ดี

ผมว่าผมคิดถึงโรงไฟฟ้าที่มักง่ายแล้วนะ เจอความคิดที่ว่า ไม่ต้องสร้าง ซื้ออย่างเดียว มักง่ายยิ่งกว่าอีกแฮะ

By: jane
AndroidUbuntu
on 10 November 2011 - 00:50 #352262
jane's picture

network บ้านเราไม่เร็วพอ และเวลา down ก็หายไปนาน