เรื่อง slammed open source ก็ยังไม่แก้ข่าวกันเลย คน /. เลยโยงกันสนุกสนาน เละหมด ประเทศไทย (นึกภาพ ตอนไปประชุมหรือทำงานกับต่างชาติ ต้องคอยอธิบายเขาอีก)

อะโห ประเทศไทย..............

ผมว่าดีแล้วนะ คิดเหมือนกันเลย คือ บุคคลากรยังไม่พร้อมแล้วจะเอามาให้เป็นขยะ อิเล็คโทรนิคทำไม แต่ส่วนตัวแล้วอยากได้ olpc มากๆ เลย ชอบแนวคิด notebook แบบใช้งานจริงๆ อย่างเดียว ที่ไม่ใช่ของเล่นอย่างทุกวันนนี้ แถมใช้พลังงานสะอาดด้วย มันเป็น notebook อุดมคติจริงๆ

ยังไงอยากให้เอามาขายดูก่อน ก่อนจะตู้มมาลงเอาที่เด็กนักเรียนทีเดียว เอามาให้ลองใช้ก่อนดิ จะได้ช่วยกันผลิตบุคคลากรกัน

เมื่อไหร่จะมีข่าวดีๆ กับเขาบ้างเนี่ย - -'

แต่มันก็้จริงนะครับ บุคลากรไทย ยังไม่พร้อม ...

ต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไปครับ ... การศึกษาพื้นฐานเองคงต้องแน่นก่อนครับ ... เราเริ่มจากการขยายจากกรุงเทพและชานเมือง - เชียงใหม่ - ขอนแก่น - ภูเก็ต - สงขลา - หาดใหญ่ - อยุธยา - กาญจนบุรี - สุรินทร์ แล้วค่อยๆขยายก็ได้นี่ครับ .... ไม่ต้องรีบร้อนครับของอย่างนี้ : )

ขอบคุณครับ สวัสดีครับ

:: Take minimum, Give Maximum ::

โดยส่วนตัวเห็นด้วยเหมือนกันว่าเมืองไทย "ยัง" ไม่พร้อมที่จะใช้เทคโนโลยีในห้องเรียนในตอนนี้

แต่ที่กลัวคือไปซื้อ notebook ตกรุ่นใกล้พังให้เด็ก เพราะภาคธุรกิจแม้จะไม่เห็นด้วยกับ OLPC แต่ก็อยากให้รัฐซื้อคอมเข้าโรงเรียนอยู่ดี

ผมว่าแนวคิดคือถ้าจะใช้ ก็ใช้ OLPC ถ้าไม่พร้อมก็อย่าเพิ่ง แต่ก็น่าจะศึกษาไว้ก่อน อาจจะเตรียมโรงเรียนนำร่องเอาไว้บ้าง จะได้มีองค์ความรู้ไปพัฒนาครูที่ไม่พร้อม ให้พร้อมเมื่อถึงเวลา ------ LewCPE

ถ้าไม่เอาเข้ามาเนื่องจากเหตุผล content ไม่พอที่จะรองรับก็ ok ครับ

แต่เมื่อเรารู้แล้วว่าเราไม่มี content มารองรับที่พอเพียงก็ควรสร้าง content เสียแต่วันนี้ เพราะเมื่อรู้ปัญหาแล้วก็น่าจะแก้ไขและให้มันรองรับเสีย เพราะเมื่อถึงวันที่มีโอกาสอีกก็จะได้ไม่ต้องมานั่งพูดเรื่อง content ไม่พอรองรับให้เซงเล่น ๆ อีกครับ

ผมว่า เหตุผล รมว. ศึกษา ฟังขึ้นกว่า รมว. ICT ประมาณ ร้อยเท่า

หากเอาเงินที่ซื้อ OLPC ไปใช้ในการศึกษาอย่างอื่น ความคิดเห็นของผมคือ เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วครับ เพราะ เอา OLPC มาปุ้บ ใช่ว่าเด็กจะเอาไปใช้ได้เลย ยังต้องมีเรื่องการจัดการ เรื่องบุคลากร และเรื่องเนื้อหา ซึ่งจุดนี้ ผมว่าบ้านเรายังไม่พร้อมนะ

แต่หากบอกว่า OLPC มันเป็นของเล่น เอาเงินไปซื้อคอมจากนายทุนคนอื่นดีกว่า อันนี้ ของร่วมวงด่อว่าด้วยคน

BioLawCom.De

ผมมองว่า OLPC เป็นลักษณะของ electronic Infrastructure ชนิดหนึ่ง ซึ่งความคาดหวังคือมันจะช่วยบรรเทา หรือส่งเสริมให้เด็กใช้งานเนื้อหาได้ ง่าย, ทั่วถึ่งและสะดวกกว่าที่เป็นอยู่

ผมกลับไปนึกถึง กรณีของ Nintendo DS ครับ ตอนต้นมันออกมา processor power ก็ไม่สูง, interface ก็แปลกๆ (มีสองจอ จอหนึ่ง touch screen อีกด้วย) แล้ว Sony PSP ก็ออกมา ทั้งแรงกว่า ดูหนังก็ได้ interface ก็เหมือนชาวบ้านร้านถิ่น คนสงสัยว่า NDS จะประสบความสำเร็จรึเปล่า !?!

แต่ตอนนี้ หลายคนคงไม่สงสัยแล้วว่าในเทอมของจำนวนที่ขายได้ ใครจะมากกว่ากัน

เพราะอะไร ผมคิดว่าที่มันประสบความสำเร็จได้ คือ - คอนเทนต์ ไม่ดึงความสามารถของ NDS (สองจอ, touch screen) นั่งใช้แต่ปุ่มกากกะบาท A, B แล้วมันก็จะมีคำถามว่า จะซื้อ NDS ไปทำไม ทำไมไม่ GBA (เด็กทำ/ศึกษาได้ด้วยตัวเอง อิสระจากสถานที่ มากกว่าสมุดเล่มหนาๆ จมตัวในห้องสมุด ทุกที่คือห้องเรียน)

- พันธมิตร ระบบไม่ง่าย, พัฒนาเกมส์ (content) ได้ยาก, ต้นทุนสูงมาก เกมส์ก็ออกมาน้อย ไม่หลากหลาย แล้วคนจะมาซื้อ/ใช้ NDS ทำไม? ซื้อ GBA ไม่ดีกว่ารึ เกมส์เป็นพันๆ (จะใช้ OLPC ทำไม ใช้ PC ไม่ดีกว่ารึ แรงกว่า, แรมเยอะกว่า, ราคาแพงกว่า, พังได้ง่ายกว่า, สามปีต้องซื้อเครื่องใหม่มาเปิด Windows 12)

เลยมองแล้วคิดว่า ต้องขบโจทย์ให้แตก อะไรคือแกน, อะไรคือกระพี้ ลองมานั่งคิดผลักดันให้ OLPC ประสบความสำเร็จ ประเด็นเรื่องความพร้อมในการรับปรับมาใช้งาน วิธีการเรียนการสอน วิธีการพัฒนาเนื้อหา วิธีการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างเด็กกับคุณครู (วิธีการส่งการบ้าน, วิธีการตรวจงาน, วิธีการทำ Quiz) มันจะโดนกระทบอย่างจัง

มันจำเป็นต้องมีการทำ pilot run อย่างยิ่ง เพื่อศึกษาหาส่วนผสมที่จะทำให้สำเร็จ

รัฐบาลไหนจะกล้าลงทุนวิจัย มันไม่ feedback ใน 4 ปี

สุดท้ายมันก็แค่เครื่องมือ อีกมากมายอยู่ที่ เนื้อหา, กระบวน, และ การจัดการ พิมพ์ไปก็นึกสงสาร เด็กไทย ...

--tekkasit "รัฐบาลไหนจะกล้าลงทุนวิจัย มันไม่ feedback ใน 4 ปี" รัฐบาลที่แล้วไงครับ

OLPC ...ผมคิดว่านะ ถ้ามันเข้าถึง รร จริงๆ คงเป็นแต่เด็กในเมืองที่ได้ใช้งาน แต่ต่างอำเภอคงเป็นประมาณสิ่งหวงห้าม ห้ามแตะต้องหรือกดเล่นได้ตามใจชอบ แล้วมันก็เข้ากรอบเดิมเหมือนกับคอมพ์ที่ไปตั้งทิ้งไว้ แล้วไม่มีคนใช้งาน เพราะกลัวใช้ไม่เป็นแล้วทำพัง

Kerberos : ไม่อยากนอกเรื่องนะครับ แต่โครงการนี้มันไม่ใช่การมองการไกลของรัฐบาลชุดที่แล้วหรอกครับ แต่มันเป็นเรื่อง ประชานิยมครับ ผมไม่อยากแตะเรื่องนี้มากครับ เพราะมันจะเป็นเรื่องการเมืองเกินไป

BioLawCom.De

จริงๆ ก็เห็นด้วยนะว่าบุคลากรของเราไม่พร้อม ซึ่งจริงๆ น่าจะขยายความไปได้ด้วยว่าระบบที่เราเรียกกันว่าการศึกษาของไทยก็ยังไม่พร้อม (ได้คอมฯ มาแล้วจะให้เด็กเอาไปทำอะไร) แต่ถ้าเราถอยออกไปมองภาพรวมของโครงการ OLPC ซึ่งจะทำในอีกหลายประเทศ (บราซิล อาร์เจนติน่า ลิเบีย และ ไนจีเรีย) ผมว่าไม่มีประเทศไหนพร้อมซักที่หรอก แต่ทำไมเขาถึงกล้าทำ? เขาบ้าระห่ำ หรือว่าเขามองอะไรได้ไกลกว่าบ้านเราหว่า

แล้วจากข่าววงในที่ทราบมาพอรู้ว่าถ้าไทยเราถอนตัว เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และ อินโดนีเซีย เขาจ่อคิวชิงสิทธิ์เข้าร่วมโครงการฯ จากเราอยู่ ทาง OLPC เขาให้สิทธิ์เมืองไทยเพราะเราเสนอตัวไปก่อนคนอื่น ถ้าโดนเขาเสียบอย่างนี้จะเรียกว่าเมืองไทยเสียโอกาสการเป็นผู้นำ (เช่นเคย) เหรือเปล่าเนี่ยะ

AdmOd - "แต่ต่างอำเภอคงเป็นประมาณสิ่งหวงห้าม" พูดเกินไปหน่อยครับ สำหรับตามอำเภอ เด็กๆคนไหนก็ใช้คอมเป็นกันหมดแล้วล่ะครับ มีส่วนน้อยมากที่ใช้ไม่เป็น

บางทีคนกรุงเทพก็ไม่เคยมาสัมผัส ตจว. จริงๆจังๆ ทำให้ประเมินภาพ ตจว. ต่ำเกินไป เหมือนตอน สอบ o-net a-net น่ะแหล่ะ ที่บอกว่า เด็ก ตจว. จะเอาอินเตอร์เน็ตที่ไหนดู โหย..พี่น้อง ร้านเน็ตมีทั่วบ้านทั่วเมือง เน็ตที่บ้านก็มีกันเยอะเยะ

สำหรับโครงการนี้ อาจจะเป็นปัญหาสำหรับ หลายโรงเรียนๆ จริงดังที่ รมต. กล่าว แต่ทำไมเราไม่ลอง นำร่อง เอา OLPC เข้าไปลองใช้ในโรงเรียนที่พร้อมก่อนล่ะครับ ถ้าทำแบบนี้ก็น่าจะดีนะครับ

เห็นข่าวนี้หลายวันแล้วเหมือนกัน อีกไม่นานจะมีข่าวเด็ดกว่านี้อีก เฮ้อ... ผมมองว่าถ้าคิดว่ามันไม่ดีก็น่าจะมี pilot run ไม่ใช่กล่าวหา กันมั่วซั่ว สงสารคนที่ทุ่มเทให้กับงานนี้ ป่านนี้จะรู้สึกไงหว่า ยิ่งคิดยิ่งเศร้า...

ถึงแม้ข้ออ้างที่ว่าบุคลากรยังไม่พร้อมจะดูฟังขึ้น.. แต่สำหรับผม.. ผมว่า สิบปีที่แล้วมันไม่พร้อมยังไง ตอนนี้มันก็ยังไม่พร้อมอยู่นั้นแหละ แล้วก็อ้างไปเรื่อยว่ายังไม่พร้อม ไม่รู้ทำไมมันไม่ทำให้มันพร้อมซักที

พอจะให้พร้อมก็บอกขาดเครื่องมือ พอจะให้เครื่องมือก็บอกยังไม่พร้อม

สรุปแล้ว จะเอาอะไรก่อนกันแน่ ---------- iPAtS

I called him Vishit SriiSraLarn+

He did a lot of bad things to TH EDU by thinking that it was good and correct doing.

That is the most dangerous people (mai' ruu^ tae' chee^)

Prof. Supat Faarungsang

(OLPC originator of the world) http://supat.eu.org/demoOLPC.mpg

ถ้าบอกว่า people ไม่พร้อม, content ไม่พร้อม, infrastructure ไม่พร้อม ก็พอฟังขึ้น แต่ต้องถามต่อว่า ได้ทำอะไร เพื่อให้เรื่องที่ว่าไม่พร้อม จะได้กลายเป็นพร้อมแล้วหรือยัง และจะทำให้พร้อมได้เมื่อไหร่

ถ้าแค่บอกว่าไม่พร้อม แล้วก็ตัดทิ้งไปเลย เมื่อไหร่เราจะได้พร้อมซักที หรือจะรอให้ประเทศอื่น เขาพร้อมก่อนเรา

เรียนฟรีก็ดีครับ แล้วคุณภาพการเรียนการสอนเป็นไงบ้างล่ะ ถ้ายังเหมือนเดิม คงพอจำกันได้ ผลสำรวจ IQ เด็กไทย ก็ยังย่ำแย่ เฉลี่ยแค่ 80 กว่า เด็กก็ยังไม่ฉลาดขึ้นเหมือนเดิม แค่ไม่ฉลาดแบบฟรีๆเท่านั้นเอง

ผู้บริหารโรงเรียนที่ให้สัมภาษณ์ ผมอ่านแล้วก็ผิดหวัง วิสัยทัศน์ก็แค่นั้นเอง เศร้า

สงสารเด็กไทย สงสารอนาคตชาติไทย

งั้นก็เอามาขายละกัน รับรองเด็กรวยซื้อ

pt ต้นทางเค้าจะยอมรึ เอามาขายเหมือนขาย notebook, pc มันผิดวัตถุประสงค์เค้านะ ความคิดผม ถ้ามีการถามไถ่ไปแล้วเค้า ยอมผมก็เห็นด้วย แล้วคงซื้อบริจาคซักสองสามเครื่อง

เพิ่มเติมความเห็นแรกของตัวเองนะครับ

ตอนแสดงความเห็นนั่น เพราะได้เข้าไปอ่านใน /. แล้ว ความเห็นจำนวนมากโยงไปหาเรื่อง slammed open source แล้วก็เหมารวมว่าประเทศไทย U-turn เต็มที่จริงๆ ซึ่งจริงๆ เห็นว่าควรแก้ข่าวเดิมก่อน ก่อนที่สังคมโอเพนซอร์สจะเมินประเทศไทยไปเสีย เวลาจะจัดกิจกรรมหรือขอความร่วมมืออะไร นี่คือความหมายของคำพูดสั้นๆ ว่า "เละหมด ประเทศไทย" นะครับ

แต่ยังไม่ได้พูดถึงความเห็นเรื่อง OLPC..

ผมว่า all-or-none มันแรงไปนะ ทำแบบประชานิยมแบบรัฐบาลก่อน ที่ว่าจะเอามาแจกทั่วประเทศเหมือนหว่านกองทุนหมู่บ้าน แบบนั้นตำน้ำพริกละลายแม่น้ำแน่ๆ แต่จะบอกว่าไม่เอาเลยเพราะบุคลากรไม่พร้อมอย่างรัฐบาลนี้ ก็เกินไปเหมือนกัน

เราคิดวางแผนกันน้อยไปไหม? เอามาล็อตแรกก็มาสาธิตใช้บางส่วนก่อน พร้อมกับสร้าง content เตรียมไว้ด้วย (ซึ่งไม่ว่าจะใช้หรือไม่ใช้ OLPC ก็ตาม content ก็จะได้ใช้ประโยชน์อยู่ดี) คงไม่ใช่มากระจายไปทั้งประเทศ (mesh network มันทำงานได้เหรอ ถ้ากระจายห่างแบบนั้น) พอทดลองได้ผลระดับหนึ่งแล้ว ค่อยขยายเพิ่มแบบค่อยเป็นค่อยไปก็ได้

ผมเพียงแต่คิดว่า ไม่ว่าจะเหตุผลของรัฐบาลก่อน หรือของกระทรวง ICT หรือแม้แต่ของกระทรวงศึกษาฯ นี้ ก็ยังฟังดูตื้นไปทั้งนั้น หรือว่าข่าวยังเจาะลึกไม่พอ?

ผมเห็นด้วยกับความเห้นคุณเทพนะ

คือไม่พร้อมน่ะ มันของแน่ แต่ว่าการนำเทคโนโลยีมาทดลองใช้บางส่วนไปก่อน ผมว่าเป็นสิ่งที่ทำได้

ถ้าเราขอต่อรองว่าจะซื้อแค่สัก 1000 เครื่อง (งบ ~1000*16000=16 ล้าน มันน่าจะมีงบนะ) หรือหมื่นเครื่องไปก่อน แล้วทางโน้นไม่ยอมขาย ค่อยว่ากันอีกที

jittat - ต่อให้ไม่ยอมขายตรง ผมว่าเราไปขอตัดล็อตมาจาก ลิเบีย หรือเวียดนาม ก็เป็นไปได้นะครับ คือถ้าจะทำมันทำได้อยู่แล้ว

เรื่องงบประมาณ ผมว่าแนวทางหนึ่งคือการสร้างกลุ่มโรงเรียนที่สนใจรวมๆ ยอดกันไปซื้อ โรงเรียนรวยๆ ในไทยที่อยากใช้ผมว่าไม่น้อย โรงเรียนพวกนี้บุคคลากรค่อนข้างพร้อมมาก ในแง่หนึ่งแล้วช่องว่างทางการศึกษาอาจจะถ่างออกไปอีกหน่อย แต่อย่างน้อยโดยรวมแล้ว องค์ความรู้ในการใช้เทคโนโลยีมาเป็นเครื่องมือในการเรียนการสอนก็ยังอยู่ในเมืองไทย เวลาจะใช้งานเป็นวงกว้าง จะได้ไม่ต้องบินไปเมืองนอกกันเยอะๆ ให้เสียเงินเล่น ------ LewCPE

เข้า link ที่ bangkok post ไม่ได้ -_-!

อย่างที่ pt ว่า ผมว่าเด็กรวยไม่ซื้อหรอกเพราะมันไม่ใช่ของเล่น มันเป็นของใช้งานจริงๆจังๆ

เห็นด้วยกับการเอามาลอง แย๊บ ก่อนจริงๆ ผมจะช่วยร่วมเป็นหนึ่งในเครือข่ายทดสอบให้ด้วย ถ้า quota (ขอซื้อนะ ไม่ได้ขอฟรี) มันมาถึงคนธรรมดาอย่างผมอ่ะนะ

ปล. ส่วน รมว ict เค้ายอมรับความไม่รู้เรื่องของตัวเองแล้วนะครับ อย่าเอาความกันอีกเลยเดี๋ยวจะหาว่าเหยียบซ้ำไม่เลิก

tee - "เด็ก" รวยน่ะไม่ซื้อหรอกครับ ไม่แปลก แต่ "พ่อแม่" เด็กรวยนั่นแหละครับ ซื้อกันไม่อั้นเลย

ยิ่งเล่นเกมไม่ได้ "อุ๊ยดีเลย ใช้เครื่องนี้ทำงานไปแล้วกันนะลูก เครื่องพีซีแม่เอาไปเก็บก่อน การบ้านเสร็จแล้่วค่อยให้เล่น...." ------ LewCPE

โดยความคิดส่วนตัวของผม คำว่า "ความพร้อม" ไม่ค่อยเกิดขึ้นในประเทศเรา ไม่ว่าจะตัวบุคลากร หรือตัวระบบ หลาย ๆ โครงการ เราหลับหูหลับตาผลักดันกันอย่างเอาจริงเอาจัง โดยไม่ได้ทำการศึกษาและวิเคราะห์กันให้ดีก่อน ที่จะทำมันจนใหญ่โต และก็เละเป็นโจ๊ก ส่วน OLPC ผมว่าถ้าทำไปบางส่วนที่คิดว่าพร้อม ก็น่าจะดี จะได้มีข้อมูลเพื่อวิเคราะห์และตัดสินใจ ดีหรือไม่ดี นั่งเดาไม่ได้หรอกครับ และจะไปเอาข้อมูลจากต่างประเทศมาเป็นบรรทัดฐานก็ไม่ถูกซะทีเดียว เพราะการศึกษาบ้านเขา กับบ้านเรา ไม่ได้เหมือนกันขนาดนั้น มีหลายปัจจัยที่ต่างกัน

มีหลายคำ ที่หลายคนพูดแล้ว ผมรู้สึกไม่สบายใจ คือ คอมพิวเตอร์ที่ให้ไป ยังตั้งเป็นกองขยะ อยู่เลย ซึ่งผมก็ไม่เถียงว่ามีหลายที่เป็นอย่างนั้นจริง ๆ และรู้สึกเสียดายที่เด็กในที่เหล่านั้นขาดโอกาส อย่างน้อย ๆ ทำไมเราไม่เอาขยะเหล่านั้น มาให้เด็กได้เรียนรู้หละ เพราะเด็กหลายคนอยากเรียนรู้ อยากศึกษา บางคนถึงขั้นอยากลองประกอบ ลองซ่อมด้วยซ้ำ (ผมสมัยเรียนก็คนหนึ่งหละ) ห้องคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่ก็ เปิดให้เด็กได้ใช้บ้าง ชั่วโมงเรียนก็คือเรียน ชั่วโมงว่างก็เปิดให้เด็กได้ใช้ ไม่ใช่ปิดห้องล๊อคกุญแจ และบอกว่ากลัวเครื่องพัง ปกติเครื่องมันก็พังตามอายุของมันอยู่แล้ว ถ้ามันจะต้องพัง แต่เด็กได้ความรู้ มันก็น่าจะคุ้มไม่ใช่หรือครับ ผมยังเชื่อว่าเด็กไทยเก่ง แต่ขาดโอกาสครับผม ______________________________________________________________________ Open Source Open My Mind.

ผมเห็นด้วยกับการยกเลิกนะ โครงการแจกกระจายพวกนี้ดูมันเป็นการก้าวกระโดดแบบลวกๆ ไม่ยั่งยืน ผมคิดว่าเอาเงินมาเน้นพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน พัฒนาห้องสมุดให้น่าใช้ ให้มีหนังสือดีๆที่หลากหลายให้เด็กนั่งอ่านและยืมอ่านดีกว่า ถ้าเป็นเนื้อหาข้อมูลความรู้แล้วล่ะก็ การดูผ่านแผ่นกระดาษจะสะดวกกว่าดูบนหน้าจอมากๆ ตอนผมอยู่มอต้นและมอปลายผมก็รู้เรื่องอิเลคทรอนิกส์และวงจรไมโครคอมพิวเตอร์เบื้องต้นได้โดยการอ่านหนังสือซ้ำไปซ้ำมาให้ค่อยๆเข้าใจ (ถ้ามีอุปกรณ์ก็ดีแต่มันเปลืองถ้าเอาไปแล้วไม่ได้ใช้) นอกจากนี้ยังมีเนื้อหาอื่นๆด้วยที่ผมได้รู้และเข้าใจโดยการอ่าน ถ้าจะแจกก็ต้องดูเป็นแห่งๆไปว่าบุคลากรมีศักยภาพพอที่จะใช้และสอนนักเรียนให้เข้าใจได้ไหม ระยะหลังนี้ผมเล่นเน็ตมากไปหน่อย รู้สึกว่่าเริ่มโง่ขึ้นเรื่อยๆยังงัยไม่รู้ดิ...

อืม... จากความคิดเห็นของคุณ neutron ผมก็เห็นด้วย คือถ้าบุคลากรไม่พร้อม ก็ควรเปิดให้เด็กใช้เองได้โดยสะดวก เพราะมีกรณีที่เด็กสนใจและพร้อมที่จะเรียนรู้แต่เข้าถึงอุปกรณ์ลำบาก

ลองเข้าไปอ่าน อันนี้ดูครับ มันมีประเด็นที่เราไม่ได้คิดถึง พูดถึงกันครับ

BioLawCom.De

มันสั่งวันนี้แล้วได้พรุ่งนี้เลยหรือไง สั่งวันนี้อีกปีสองปีได้ ก็เตรียมให้พร้อมสิครับ เป็นการผลักดันไปในตัวด้วย สั่งไปล้านเครื่องก็แค่สี่พันล้าน เงินหวยก็เอามาใช้ (หุ หุ) นักศึกษาภาควิชาครุศาสตร์เยอะแยะไป พวกนี้เก่งเยอะแยะ จับมาเลย มาช่วยฝึกครูใช้งานเครื่องพวกนี้

ท้อกับประเทศนี้จัง

แล้วถ้าเด็กมี OLPCคนละเครื่อง ครู อาจารย์ของเราจะปรับตัวกันยังไงครับ?

เห็นด้วยอย่างร้ายกาจครับกับการยกเลิก

แม่ผมเป็นอาจารย์โรงเรียนประถมที่เพชรบุรี พ่อเป็นหัวหน้างาน ICT ของเขตการศึกษาเดียวกัน กลับบ้านไปเยี่ยมโรงเรียนของแม่ หรือเขตการศึกษาของพ่อทีไร ก็เห็นเลยครับ ว่าบุคลากรที่จะไปสนองตรงนี้ไม่พอจริงๆ

คอมพิวเตอร์มากี่ชุดก็ตั้งไว้ฝุ่นเกาะอย่างนั้นทุกโรงเรียนแหละ เสียดายแทนกระเป๋าตังค์ของประเทศจริงๆ

ผมเห็นด้วยกับการยกเลิกการเข้าร่วมโครงการ OLPC เป็นอย่างยิ่ง

ผมว่าหลายๆคนในที่นี้คงจะ focus ไปที่ตัวเทคโนโลยีมากเกินไป จนลืมจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของโครงการ OLPC เป้าหมายที่เราคนไทยต้องการจริงๆคือ เด็กมีความรู้ความสามารถมากขึ้น มีระดับการศึกษาที่สูงขึ้น มีความคิดมากขึ้น และที่ขาดไม่ได้คือเด็กต้องมีจริยธรรมคุณธรรมควบคู่กันไปด้วย กลายเป็นประชากรที่มีคุณภาพของประเทศ นำไปสู่ความเจริญของชาติในที่สุด

การที่เราจะทำสิ่งทีว่ามาให้เป็นจริงได้นั้น ผมว่ามันไม่จำเป็นที่จะต้องเน้นหรือพึ่งพาเทคโนโลยีใหม่ๆเสมอไป สิ่งสำคัญพื้นฐานต่อการศึกษาอื่นๆอีกมากมายประเทศเรายังไม่ค่อยมีคุณภาพเลย ห้องสมุดที่เพียงพอ ครูบาอาจารย์ที่มีคุณภาพ พ่อแม่ ครอบครัว คุณภาพชีวิตที่ส่งเสริมการศึกษา สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญที่แท้จริง สำคัญมากกว่าเทคโนโลยีที่เป็นแค่ "สื่อผ่านกลาง"

ถ้าอยากทำรายงาน ไม่มี Laptop เด็กไทยก็ยังใช้การพิมพ์จากห้องคอมพิวเตอร์ หรืออย่างแย่ก็ใช้การเขียน

ถ้าอยากอ่านหนังสือ ก็ไปอ่านหนังสือเป็นเล่มๆจากห้องสมุด แม้ว่าจำนวนหนังสืออาจจะไม่มากเท่า e-book ที่อยู่ใน Laptop แต่ว่ามันก็ดีต่อสุขภาพตาของผู้อ่านมากกว่า และถามจริงๆเด็กอ่านหนังสือในห้องสมุดมากหรือน้อยแ่ค่ไหนกัน เค้าก็อ่านจาก Laptop เท่าเดิมน่ะแหละ สิ่งสำคัญคือกระตุ้นความรักการอ่าน ความสนใจใคร่รู้ของเด็กๆมากกว่า

อีกทั้งประเทศไทยก็ยังไม่พร้อมที่จะรับเทคโนโลยีเหล่านี้ บุคลากรขาดความรู้ความสามารถ คนลงมือทำมีน้อย มีแต่คนพูดคนวิจารณ์ บางคนไม่เคยรับรู้ัลักษณะการเรียนการสอนในโรงเรียนในต่างจังหวัดด้วยซ้ำ ก็ยังมาพูดทำนองที่ว่าครูใหญ่ไร้วิสัยทัศน์ ผมว่าเราไม่ควรมองตัวเราเป็นศูนย์กลางหรือบรรทัดฐานมากเกินไป อยู่แต่กับเทคโนโลยี พอคนอื่นไม่สนับสนุนเทคโนโลยี ก็มองว่าคนอื่นไร้วิสัยทัศน์ ผมว่ามันไม่ใช่

iannnnn: ปัญหาที่ฝุ่นเกาะอาจจะเป็นเพราะ เป็นเครื่องของโรงเรียน ไม่ใช่เครื่องของนักเรียน บางทีก็อยากจะเอาออกมาเล่น ถ้าครูไม่อนุญาตก็เล่นไม่ได้อะ

มีคนเคยเล่าให้ฟังว่า บางโรงเรียนพอได้รับแจกหนังสือไป ก็เอาไปใส่พานไว้ เด็กก็เปิดดูไม่ได้

สมัยเด็กผมชอบอ่านหนังสือที่มาจากห้องสมุดนะ แต่เป็นหนังสือที่ยืมได้ หลายๆเล่มครูบอกว่าเป็นหนังสืออ้างอิง อย่างสารานุกรม น่าสนใจมากแต่ก็ยืมออกมาได้ได้ กลางวันกินข้าวก็แทบหมดเวลาแล้ว เย็นก็ต้องรีบกลับบ้าน ถ้ายืมไม่ได้ก็ไม่ค่อยได้อ่าน

สำหรับคนที่อ้างถึงสภาพโรงเรียนต่างจังหวัด ผมก็คนหนึ่งที่ได้ทำงานคลุกคลีกับโรงเรียนต่างจังหวัด พอรู้ครับ ว่าสภาพส่วนใหญ่มันน่าสิ้นหวังขนาดไหน แต่ที่ไม่เห็นด้วยกับการยกเลิก เพียงเพราะว่าบุคลากรไม่พร้อมนั้น เป็นเพราะมันเหมือนไม่ยอมคิดวางแผนอะไรเลย ไม่พร้อม ก็ไม่มีแผนงานที่จะนำไปสู่ความพร้อมเลยหรือ? อย่างที่บอก ว่าอย่างน้อยก็มีรูปแบบที่สามารถสาธิตกันในจุดเล็กๆ ก่อน แล้วค่อยๆ ขยายทีหลังได้

ย้ำอีกที (เพราะรู้สึกว่าความเห็นหลังๆ ไม่ได้อ่านความเห็นเดิมละเอียดเท่าไร) ว่าผมไม่เห็นด้วยทั้งแนวคิดแบบประชานิยมของรัฐบาลก่อน และแนวคิดอนุรักษนิยมของรัฐบาลนี้ all-or-none มันสุดขั้วเกินไป

อ่านแล้วท้อแทน

จริงๆแล้ว นัทคิดว่า ระบบการศึกษาของไทย มันต้องวางกันใหม่หมดอ่ะค่ะ

- มาตรฐาน โรงเรียน การเรียนการสอน - มาตรฐานการสอบบรรจุเป็นครู

นัทคิดว่า ถ้ามันดีตั้งแต่พื้นฐานแล้ว จะมีฟังก์ชันเพิ่ม อย่างมี OLPC หรือไม่มี มันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอกค่ะ

ถ้าไม่เอาเงินไปสั่ง OLPC เข้ามา ก็น่าจะเอาเงินตรงนั้น ไปทำเป็นงบประมาณ หาคนมาวางแผน ปูพื้นการศึกษาทั้งประเทศกันใหม่ให้หมดเลย

พอพิมพ์ๆแสดงความคิดเห็นไปแล้ว ก็เกิดคำถามอยู่คำถามนึงว่า

พวกเราที่ได้แต่แสดงความคิดเห็น ดีๆ อยู่ที่นี่ ก็ยังคงได้แสดงความคิดเห็นอยู่ที่นี่ต่อไปงั้นเหรอ ??

คนที่ทำงานที่เกี่ยวข้องกับด้านนั้นอยู่ ก็ไม่รู้ว่า จะได้มาอ่านความเห็นของเรารึป่าว ?

ระบบการเมือง การบริหารประเทศ มันก็น่าจะมีแบบว่า เปิดสัมมนาขอความคิดเห็นจากประชาชน ในหัวข้อเรื่องต่างๆที่เกี่ยวกับการพัฒนาประเทศ "บ่อยๆ" นะคะ

คนที่คิด กับ คนที่ทำ มันก็จะได้ช่วยๆกัน

เพราะบางที

คนที่ทำก็ไม่คิดให้ดี คนที่คิดก็ไม่มีโอกาสได้ทำ

เพราะมันคงไม่ได้มี คนที่ทั้งคิดทั้งทำ เยอะนักหรอกนะ

นัทคิดว่า .... แบบนี้

ปล. ขอเพิ่มเติมอีกอย่าง

นัทคิดว่า ประเทศไทยน่าจะสร้างครูที่มีจริยธรรม แล้วก็เก่ง (เก่งในที่นี้หมายถึงเก่งที่จะสอนเด็ก อบรมเด็กมากกว่า) คือ นัทเคยอยู่ในโรงเรียนที่จัดได้ว่า มีเด็กเกเร เยอะเหมือนกันนะคะ เลยเห็นว่า "การเป็นครูที่ดีน่ะ ยากมากค่ะ"

ยิ่งการจะดึงเด็ก ติเด็กให้ตั้งใจเรียน หรือมาหาความรู้เนี่ย ถึงจะมี OLPC ก็เถอะเป็นเรื่องยากอ่ะค่ะ ถ้าเด็กมันไม่สนใจจริงๆนะ มันก็ไม่สนใจอยู่อย่างนั้นแหละ

แล้วอีกอย่างเรื่องที่บอกว่า บุคคลากรไม่พร้อม นัทไม่เห็นด้วยค่ะ

เรามีทางเลือกอื่นที่จะมาแก้ปัญหาตรงนี้ได้ จัดให้มี "ครูพิเศษ"

อย่างเช่น การเชิญวิทยากรพิเศษ ประจำโรงเรียนเพื่อสอนนักเรียน หรือสอนการใช้งานให้กับครูต่างๆก็ได้นี่คะ ?

ทางเลือก ทางแก้มันมีเยอะค่ะ อยู่ที่ว่า จะหามันรึป่าว ?

ไม่ใช่อ้างว่า "ไม่พร้อม" แล้วก็ไม่ทำค่ะ

------ ::: Na - th :::

พอเพียงครับ

..

ทำใจ

ทำใจ

(อย่าไปหลงกับสิ่งล่อตาล่อใจ)