ข่าวจาก Ludington Daily News รายงานว่านักวิศวะเกษตรชาวแดนิชได้ประสบความสำเร็จในการหาทางออกในการกำจัดวัชพืชโดยไม่ใช้สารเคมี
ล่าสุดหุ่นยนต์ Hortibot ขนาดกว้าง 3 ฟุตสูง 3 ฟุตหนักเพียง 450-650 ปอนด์ได้ถูกประดิษฐ์ขึ้น มีความสามารถในการระบุตำแหน่งของวัชพืชกว่า 25 ชนิดได้ด้วยตัวเองโดยใช้คอมพิวเตอร์และ GPS เข้าช่วย
สำหรับวิธีในการกำจัดวัชพืชนั้นเจ้า Hortibot ก็สามารถทำได้หลายวิธี ตั้งแต่การฐอนหญ้าแบบธรรมดาด้วยวิธีดึงหรือจะสเปรย์หรือแม้แต่จะใช้ไฟเผาหรือใช้เลเซอร์ยิงใส่ ด้วยความสามารถอันมากมายเหล่านี้สามารถลดการใช้สารเคมีในการกำจัดพืชได้มากถึง 75% เลยทีเดียว
ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่หุ่นยนต์ตัวนี้ขณะนี้มีราคาอยู่ที่ $71,000
ที่มา - Slashdot
Comments
น่ากลัวเหมือนกัน อนาคตหุ่นยนต์ตัวนี้เอาไปใช้รบได้... โดยการสเปรย์หรือพ่นไฟหรือยิงปืนเลเซอร์... เหอๆ แทนที่จะระบุตัวพืชไประบุคนแทน
@TonsTweetings
อาวุธมันนี่สุดยอดเกินกว่าจะใช้กำจัดวัชพืชอย่างเดียวแล้วกระมัง - -" ---------- String llun = String.revert("null")
Skynet!!
---------- iPAtS
iPAtS
กำเนิด มหาวิบัติหม้อแปลงสังหารถล่มจักรวาล
อุตส่าขี่ช้างจับตั๊กแตนซะขนาดนั้น ทั้งที่เกษตรอินทรีย์บ้านเราสามารถลดการใช้สารเคมีได้ถึง 100% เลยทีเดียว
บ้านเรา เริ่มไม่มีคนทำแล้ว ไปเป็นหนุ่มสาวโรงงานกันหมด + ค่าแรงสูงมาก
วันนี้ผทเพิ่งขับรถผ่านทุ่งกุลาร้องไห้
มีแต่คนแก่ กับเด็ก ที่ทำงานในไร่นา
ได้แต่ถอนใจ
เกษตรธรรมชาติ + ไร่นาสวนผสม
ต้องเสียค่าหุ่นยนต์ + ค่าพลังงาน แพงว่าวิธีธรรมชาติมากมาย - -*
----------- arthuran.net
มันไม่มีใครอยากทำหรอกครับไอ้การเกษรตกรรมเนี่ย เพราะปัจจุบันมันเป็นการใช้แรงงาน เหนื่อยยาก มีผลต่อสุขภาพระยะยาว ผมล่ะสงสัยจริง ๆ พวกที่บอกว่าอยากให้มีคนทำเยอะ ๆ อย่าทิ้งงานนี้ ให้ภาคภูมิใจว่าเป็นกระดูกสันหลังของชาติ แต่ตนเองดันมาทำงานในเมืองสบาย ๆ
ส่วนตัวอยากให้มีเทคโนโลยีมาช่วยตรงนี้มากกว่า ให้ทำแทนคนได้เลยยิ่งดี พวกเกษตรกรจะได้เวลาไปศ๊กษาหาความรู้จะได้ไม่โดนเอาเปรียบอย่างปัจจุบัน แล้วปล่อยให้เครืองมันทำให้
กลัวว่าจะยิ่งกว่าเดิมน่ะสิ เพราะต้องหาเงินมาผ่อนค่าเทคโนโลยีที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนคิด
มันต้องทำให้ได้แบบพวกฝรั่ง ที่คนทำเกษตรกรเป็นคนรวย ชีวิตมันถึงจะเท่าเทียม
ตอนนี้ที่รวยคือไอ้พวกโรงสีครับ โครตเอาเปรียบเกษตรกร รวยเอา ๆ ส่วนพวกเกษตรกรตอนนี้ก็ไร้ความรู้ทางการค้า ผลิตเป็นอย่างเดียว ขายไม่เป็น เลยโดนหลอกเอาเปรียบตลอด
เรื่องพวกนี้มันติดอยู่กับหลายปัจจัยครับ เกษตรกรเองก็ไม่รู้จักประมาณตนและหาความรู้ใหม่ๆ เอาแต่ผลิตเยอะๆๆๆ แบบไม่ยั้งคิด ข้าวล้นตลาด ราคาตก การต่อรองก็ต่ำ คิดแต่ว่าผลิตเยอะๆ จะได้เงินเยอะๆ มันต้องใจกล้าปรับวิธีคิดใหม่จริงๆ
ตัวอย่างของการทำเยอะๆ ในเวลานี้คือ เมื่อทำเยอะทำให้ต้องใช้ต้นทุนสูง พวกยาสารเคมีต้องพ่นกันเยอะมากนะครับ ลงทุกกันเป็นแสนนะครับ คนนึงทำที 40-50 ไร่นะ นั่นหมายถึงต้องใช้น้ำมัน สูบน้ำ ไถนา พ่นยา จ้างคนพ่น จ้างไถ สารพัด ในขณะที่เศรษฐกิจพอเพียงคือวิธีคิดแบบทำตามกำลังจริงๆ แค่ 4-5 ไร่นี่เรียกว่ามหาศาลทำไม่หมดแล้วครับ ทำให้มีเหลือเพราะไม่ต้องลงทุนมาก ใครที่กำลังดูแคลนเศรษฐกิจพอเพียงหรือไม่เข้าใจ ลองไปศึกษากันดูสักตั้งหน่อยเป็นไร
ที่ว่ามาผมพอเข้าใจนะครับ แต่ถ้าเกษตรกรทำแบบพอเพียงกันหมด แล้วคนอื่นที่ไม่ได้เป็นเกษตรจะเอาข้าวที่ไหนกินละครับ ผมว่าปัญหามันอยู่ที่การซ้ำซ้อนของพ่อค้าคนกลางมากกว่า เข้าใจว่าเป็นอาชีพหนึ่ง แต่มีหลายๆทอดราคาของก็ยิ่งสูงขึ้นในทางกลับกันคนที่ผลิตก็ได้เงินน้อยลง เรื่องนี้รัฐน่าจะเข้ามาจัดการนะครับ ตัดพ่อค้นคนอย่างออกไปซัก 1 ทอด ราคาข้าวขายเท่าเดิม (ปัจจุบัน) เอาส่วนต่างไปให้เกษตรกร เกษตรกรก็ได้เยอะขึ้นมากแล้วครับ ป.ล. ยายผมขายข้าวเปลือก พันธ์นกเสก(พิมผิดชัวๆ ใครทราบชื่อจริงๆแก้ให้หน่อยครับ) ราคาข้าวสารตอนนั้นกิโล 14 บาท (ขายตลาดนัด) แต่คนมารับซื้อที่บ้านซื้อไปราคากิโล 4 บาท = ='
ข้าวที่ผลิตกันมากมายล้นตลาดนั้นเพื่อส่งออกทั้งนั้น เพราะคนไทยกินไม่หมดแล้วชาตินี้ สำหรับคนในประเทศนั้นเหลือกินเหลือใช้ไปนานแล้วครับ ฉะนั้นไม่จำเป็นต้องกังวลหรอกครับว่าจะเป็นปัญหาหากต้องมาทำเกษตรแบบพอเพียงกันหมด แต่เอาเข้าจริงเกษตรพอเพียงที่ว่าก็สามารถทำเลี้ยงคนได้มากมายเหมือนกันครับ หลังจากที่เราพึ่งพาตนเองได้แล้วเป็น step ต่อไป ดูอย่างชุมชนสันติอโศกเป็นต้น
พูดถึงที่พ่อค้ารับราคาข้าวสารจากต้นทางในราคาถูกและกินส่วนต่างแพงๆ นั้น อยู่ที่ว่าเรารับราคานี้ได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้พ่อค้าเค้าก็ไม่ง้อนะครับ เพราะมีชาวนาอีกมากมายที่จำเป็นต้องขายเพื่อเอามาใช้หนี้ที่ได้ลงทุนไปแล้ว แล้วจะไม่ขายได้อย่างไรครับ ถ้าหากเราทำเศรษฐกิจพึ่งตนเองได้แล้ว พ่อค้าจะซื้อไม่ซื้อไม่จำเป็นต้องแคร์แล้วหรือถึงจะขายจริงๆ ยังไงส่วนนั้นก็คือกำไรเพราะ ส่วนที่ขายไปคือส่วนที่เราเหลือกินเหลือใช้ในครัวเรือนแล้ว ความแตกต่างมันก็อยู่ตรงนี้แหละครับ
อย่างเมกา เกษตรกรจะได้รับเงินอุดหนุนแทรกแซงจากภาครัฐครับ ไม่อย่างนั้นค้าขายแข่งกับใครไม่ได้ เพราะที่นั่นเค้าอัดเทคโนโลยีต้นทุนสูงยิ่งกว่าเราเสียอีก
มันจะรู้ได้ไงว่าอะไรเป็นวัชพืช
ถ้าต้นกุหลาบไปขึ้นอยู่ในสวนข้าวโพด มันก็ถือเป็นวัชพืชเหมือนกัน
-------------------- suksit.com
suksit.com
เครื่องนึงหนักเกือบตัน แค่เหยียบก็แบนแล้วมั้ง
--------------------- 7blogger.com
นั่นสิ ไม่ต้องกำจัดเลย แค่เหยียบก็อยู่แล้ว 55
@TonsTweetings