The University of Waterloo ที่มีชื่อเรียกขานกันว่า MIT ทางเหนือของประเทศแคนาดานั้นได้ไอเดียใหม่ที่จะกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาแอพพลิเคชั่นใหม่ ๆ จากนักเรียนชั้นนำของตัวเอง
โดยวิธีใหม่นี้คือการสร้างหอพักพิเศษภายใต้ชื่อ VeloCity โดยจะเป็นที่พักในตัวมหาวิทยาลัย โดยนักเรียนชั้นนำ 70 คนต่อเทอมจะได้มาอยู่ร่วมกันเพื่อช่วยกันพัฒนาแอพพลิเคชั่นประเภท Web หรือ Mobile Application
ทางมหาวิทยาลัยได้บอกถึงสาเหตุของไอเดียนี้ ซึ่งเกิดมาจากการที่นักเรียนหลาย ๆ คนได้ทำการสร้างแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ เองนอกเวลาเรียนอยู่แล้ว ทำไมไม่นำนักเรียนกลุ่มนี้มาอยู่ร่วมกันเพื่อพัฒนาแอพพลิเคช่ันด้วยกันไปเลย?
ตอนนี้หอพักนี้กำลังถูก "อัพเกรด" อย่างแรงด้วยเงินเกือบครึ่งล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยการเพิ่ม Wi-Fi พื้นที่สำหรับเซิร์ฟเวอร์ เพิ่มแบนด์วิธ และใส่จอโปรเจคเตอร์ขนาด 12 ฟุต นอกจากนี้ยังจะมีพื้นที่ที่จะให้ความรู้นักเรียนกลุ่มนี้เกี่ยวกับธุรกิจอีกด้วย
สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากลิงค์ที่มาครับ
ที่มา - PC World
Comments
มหาลัยของเราน่าจะมีอย่างนี้บ้างนะครับ การพัฒนา Application กับการวางแผนทำธุรกิจไม่ใช่จบมาก็จะเป็นลูกจ้างเขาตลอดไป เคร้าใจๆ
ideas ดีครับ น่าสนับสนุนให้บ้านเรามีอย่างนี้ด้วย :)
Patrickz's blog | blog @ G2K | blog @ narisa | AsteriskThailand
Patrickz's blog|
linkedin
ในไทยเค้ายังมองว่าธุรกิจออนไลน์คือการขายของครับ ส่วนธุรกิจซอฟท์แวร์ส่วนใหญ่ก็จะเป็นรับทำงานตามออร์เดอร์ (เช่นตาม software house ต่างๆ)
การที่ว่าจะมีไอเดียดีๆ แล้วทำเว็บสร้างรายได้ขึ้นมาผมว่ายังถือว่าใหม่มาก ดูจากการส่งเสริมของภาครัฐก็ได้.. ก็มีแต่พัฒนาซอฟท์แวร์เอาไปขาย ไม่ก็ทำเว็บขายของ
แนวๆ ว่า เรายังนิยมทำงานตามสั่งอยู่
ตอนนี้มีคนถามว่าผมทำอะไร พอบอกทำเว็บ.. ก็มีคำถามกลับว่า.. เว็บขายอะไรล่ะ? ไม่ขายของแล้วรับทำเว็บด้วยหรือเปล่า? ไม่รับงานแล้วเอาตังมาจากไหน?
---------- iPAtS
iPAtS
ต่อมาเรื่องของโฆษณาบน internet ที่ยังยึดติดกับ rating ของ view สูง ๆ มากกว่า performance/view ที่น่าจะมี ratio สูงจริง ๆ ของ community น่ะครับ
อย่างในเว็บที่ผมดูแลอยู่นี่พอจะรู้เลยว่าตลาด nice marketing ในไทยนี่กำลังซื้อเยอะมาก แต่ว่า agency ซึ่งจัดการสื่อโฆษณาบน internet มองว่าไม่คุ้ม เพราะตัวเลข hit ใน stats ไม่มากพอที่สนใจลงโฆษณา
Ford AntiTrust’s Blog | PHP Hoffman Framework
หลังจากโฆษณาเข้า blognone ในช่วงนี้ ผมว่าแนวคิดอย่างนี้เริ่มไม่จริงเท่าใหร่แล้วล่ะครับ ธุรกิจบ้านเราเริ่มเห็นความสำคัญของกลุ่มชุมชนเฉพาะทางกันมากขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ อย่างเช่นเว็บ thaidphoto.com หรือเว็บนี้เอง
LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
+1
เนื่องด้วยการทำแบบนั้นเป็นลักษณะอะไรที่ตรงไปตรงมา หารายได้ง่ายกว่ามั้ง...
แต่ถ้าเขียนซอฟต์แวร์แล้วคิดถึงเรื่องรายได้มาเป็นอันดับแรก มากกว่าเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวกับงานพัฒนา ก็คงยากที่จะมีไอเดียแปลกๆผุดออกมา
+1 คนมีไอเดียดีๆ ตอนเรียนอยู่ ประกวดงานชนะมาหลากหลายงาน สุดท้ายก็ต้องมาทำงานตามคำสั่งของบริษัทต่างชาติ ทำตามแบบแผนที่เขาบอกให้ทำ ไม่มีอิสระในตัวเอง ถ้าเปิดบริษัทเอง รัฐก็ไม่มีทุนสนับสนุนสักเท่าไหร่ ถ้าไม่เก่งจริงทุกๆ ด้านทั้งด้าน computer, marketing ก็โอกาสอยู่รอดนานๆ มีต่ำมาก
My Blog -> http://paiboonpa.wordpress.com
สุดยอด!! idea เด็ดๆ หลายๆ อย่างมันก็มาจากตอนเป็นนักศึกษานี่แหละ
ก่อนจะออกมาโดนกลืนด้วยระบบการทำงานแบบลูกจ้าง พนักงาน -_-"
เจ๋งโคตรๆ
+1000 เลยได้มั้ย
เมืองไทยคงไม่มีใครคิดอย่างนี้หรอกมั้งเนี่ย
แค่หอพักนักศึกษาตอนนี้ เนทยังเล่นได้ติดๆ ดับๆ อยู่เลย
ยังไงบ้านเราก็คงจะก้าวตามเขาไปอยู่เรื่อยๆ ใช่มั้ยยยย
บล็อกของผม: http://sikachu.com
บล็อกของผม: http://sikachu.com
สร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมนี่ก็ดีนะ..น่าลุ้นว่าจะผลผลิตเจ๋งๆอะไรออกมาบ้าง
หากประเทศไทยทำแบบนั้นเชื่อไหม ว่า ดีกว่าที่เป็นอยู่กว่า พันล้านๆๆๆ เท่า เพราะทุกวันนี้ ผมเรียนระดับมหาลัย ผมพูดถึงเรื่องการเปิดตัว iPhone, X1 แบบสดๆคือผมเข้าเวปรอรายงานผล online เพื่อนผมไม่รู้เรื่องแม้สักคนเดียว และยิ่งเอาเรื่องใหม่มาพูดมากแค่ไหน มันยิ่งไม่รู้เรื่องกับเรามาก แถมไม่พอ มันยัง เฉยๆ บอกให้มันอ่านมันก็เปิดเวปไร้สาระของมัน ทำไมถึงไม่มีใครทันตามกระแสสักคน ก็มีแต่พวกบ้าเทคโนโลยีจริงๆ เหมือนกลุ่มเราที่มีอยู่ไม่กี่คนพูดกัน ผมก็เลย สงสัยว่า มันจะเรียนวิศวะคอมไปเพื่ออะไรหากไม่ได้เรียนด้วยใจจริงกัน (ส่วนมากเด็กไทยชอบตามกระแส)
macXide Get idea to the Future
ผมเคยได้ยินเขาเล่ามาว่า เด็กวิทย์คอมพ์บางแห่งเชื่อเป็นตุเป็นตะว่า ที่เน็ตห้องแล็บช้า เพราะมีอาจารย์ดึงไปใช้ที่บ้าน...
หึย ผมเคยต่อท่อเข้ามหาลัยไปโหลดบิทจริงๆนะ นับว่าดึงไปใช้ที่บ้านได้รึเปล่า
PoomK
บ้านเราคงเอาเนทแรงๆไปเล่น Hi5
จากการที่ผมเรียนอยู่ที่ออสเตรเลียตอนนี้ ทำให้ผมรู้ว่า
ประเทศเพื่อนบ้านเราด้านล่าง ๆ เช่น สิงคโปร์ และมาเลเซีย เขาก้าวหน้ากว่าเราไปมากจริง ๆ ในเรื่องการศึกษา เราล้าหลังไปมากอย่างน่าตกใจจริง ๆ
@TonsTweetings
สิงคโปร์น่ะแน่นอน นั่นเขาระดับโลก แต่มาเลเซียนะไม่จริงนะครับ
ดูข้อมูลจัดระดับมหาวิทยาลัยโลกก็ได้ครับ อาจารย์ของมาเลเซีย
เขาเป็นคนบ่นผ่าน Blog เลยว่า มหาวิทยาลัยในมาเลเซียแทบจะ
ล้าหลังที่สุดด้วยซ้ำในภูมิภาคด้วยซ้ำ
งี้ก็สูสีกับไทยเลยอะสิ
PoomK
ผมหมายถึงระดับมัธยมครับ เด็กเราด้อยกว่าเขามาก ผมยอมรับเหมือนกันว่าผมด้อยกว่าเขามากเลย
ระดับมัธยมของเขาขนาดโรงเรียนรัฐบาลสามารถที่จะเข้าเรียนต่อในประเทศอื่น ๆ ได้เลยโดยไม่ต้องมีการสอบเทียบขั้น ต่างกับเมืองไทยที่โรงเรียนรัฐบาลนี่ถ้าจะต่อในประเทศอื่น ๆ ต้องอย่างน้อยสอบ IELTS หรือเรียน Foundation Studies ก่อนครับ (ไม่นับเด็กอินเตอร์นะ)
ส่วนเรื่องมหาวิทยาลัยท้องถิ่นของมาเลเซียห่วยบรมอยู่แล้ว เพราะส่วนใหญ่คนจนเรียนกัน ส่วนมหาลัยที่นิยมกว่าจะเป็นมหาลัยของนอกแต่มาเปิดสาขาในประเทศเขา หรือส่งออกหมดครับ เพราะประเทศมาเลเซียมีการแบ่งแยกทางเชื้อชาติสูงมาก มีการคัดเลือกเข้ามหาลัยตามเชื้อชาติ ส่วนใหญ่คนจีนในมาเลย์เลยต้องเรียนนอกหมด
เพื่อนผมที่เรียน LSE ก็ตกใจทำไมมาเลเซียถึงได้เก่งถึงขั้นนั้นเหมือนกัน หรือว่าเราเจอแต่พวกหัวกะทิ/รวยกันแน่? (คิดว่านะ)
ส่วนเรากับเขาหลัก ๆ ประสบปัญหาเดียวกันคือ "การศึกษาเฟ้อ" เหมือนเงินเฟ้อครับ หมายความว่าเรียนไป จบมา เงินเดือนก็ไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ เนื่องจาก Supply มากกว่า Demand
@TonsTweetings
เป็นเพราะมาเลเซียใช้ระบบอังกฤษหรือเปล่าครับ ระดับมัธยมถึงเทียบชั้นได้ (คิดว่าประเทศในเครือก็
สามารถเทียบกันได้หมด)
การศึกษาบ้านเราที่มันเป็นอย่างที่ว่ากัน ผมว่ามันอยู่ที่ตัวเด็กด้วยเหมือนกันนะครับ
เหมือนที่คุณ macxide คนมาเรียนทางนี้ทั้งๆที่ไม่ชอบไม่รัก มันก็คงจะพัฒนาอะไรๆยากพอดูละมั้งครับ
ถ้าทำที่ไทย
เด็กจะเอาเน็ตมา load bit
เอา projector มาดูหนัง ฟังเพลง
+1 เป็นไปได้สูงมากๆ
ผมว่ามันเรื่องปกติอยู่แล้วหละที่จะใช้อินเตอร์เน็ตไปกับสิ่งบันเทิง
ถ้ากลัวเปลืองแบนด์วิทก็ตั้ง DC++ หรือ Emule กันในหอเลยก็ได้นะครับ
มันจะไม่เกิดในไทยจริงๆ ถ้าคิดแนวนี้กันทุกคนนะ
ปล. ผมเคยใช้เน็ตมหาลัยโหลดบิท และแอบใช้โปรเจคเตอร์ในห้องเรียนเล่นเกมบอมเบอร์แมนกับเพื่อนอีกสามคน
PoomK
จำได้ว่าเคยนั่งเล่นเกมกันใต้ตึก แล้วอ.หน.ภาคเดินมาเห็น ก็บอกแค่ว่า เอาไว้เล่นนอกเวลาราชการนะ นัยว่าจะเล่นไม่ว่า แต่ขอถูกกาละเทศะนิดนึง
(อีกอัน.. เคยเห็นเด็กบางคนแบกทีวีกะ PS มาเล่นใต้ตึกด้วย พยายามสุดยอด)
---------- iPAtS
iPAtS
+1 ครับ ทำมาแล้ว ทั้งดูดบิต เอา PC ที่ใช้ทำ Project มาต่อ External 500GB เต็มในคืนเดียว นอกจากนั้น ยังทำการ Remote จากที่บ้านเข้าไปคุมได้ด้วย เหมือนมี Colo อยู่ที่มหาลัย
ส่วน Projector ดูหนังก็ทำมาแล้วเช่นกัน ตอนกลางคืนเข้าไปในห้องเรียน เปิดหนังดู แหม่.. เหมือนมีโรงหนังจริงๆ แต่ก็จบมาแล้วคับ ชักจะคิดถึงวัยมหาลัยซะและ
สงสัยว่า Geek ในเมืองไทยยัง Geek ไม่พอล่ะมั้ง 555
@TonsTweetings
สร้างหอพักพิเศษภายใต้ชื่อ VeloCity โดยจะเป็นที่พักในตัวมหาวิทยาลัย โดยนักเรียนชั้นนำ 70 คนต่อเทอมจะได้มาอยู่ร่วมกันเพื่อช่วยกัน <<< แค่ตัวอย่างเล็กๆ คงเทียบกับมหาลัยทั่วไปในไทยไม่ได้หรอก
ผมเห็นตัวอย่างที่พอเทียบเคียงได้อย่าง หอพักของนักศึกษาแพทย์ของ ม.ขอนแก่น หอพักเขาก็สุดยอดสมให้หัวกระทิของเขาจริงๆ มีเคื่องอำนวยความสะดวกทุกอย่าง สำหรับเด็กหัวทั่วๆไปก็คงหมดสิทธิจริงๆ
โฮ่ มหาลัยนี้ ผมก็มีรุ่นพี่ที่โรงเรียนเก่าได้ทุนไปเรียนวิทยาการคอม..
(รู้สึกจะนามแฝง mashihabong มั้ง...)
ブルァッブジュルァッブ!
ไม่เห็นด้วยกับการแบ่งหัวกะทิไปรวมกัน ทั้ง ๆ ที่อยู่ใน ม. เดียวกัน
เพราะการทำงานเป็นทีม ใช่ว่าทุกคนจะต้องเก่งหมด ไอ้ที่เก่ง ๆ มารวมกัน เกรงว่าจะเกี่ยงกันทำซะมากกว่า
คนไม่ใช่คอม ที่จะเอาเครื่องเร็ว ๆ มาไว้ที่เดียวกัน มันอยู่ที่ความเข้ากันได้ของคนด้วย
ตั้งเป็นโปรเจคให้ทำมาแข่งกัน แบบ บ้าได้ถ้วย ยังจะดีซะกว่า
ให้เขาเลือกทีมกันเอง เหมือน Linux distro จะเป็นการดึงให้คนเก่งและไม่เก่ง รู้จักการทำงานร่วมกันเป็นทีม
ไม่ใช่ให้คนเก่ง เก่งยิ่งขึ้น
คนไม่เก่ง คลำหาทางไปเอง
จะกลายเป็นความเหลื่อมล้ำทางสังคม
พวกคนเก่ง อยู่ด้วยกันแล้วมักไ่ม่ work นะครับ
ต้องแยกกันคนละทิศละทาง แล้วมารวมกันทางอินเตอร์เน็ต
Kohsija