lossyWAV เป็นกระบวนการประมวลผลเสียงแบบ PCM ที่ลดทอน bit depth บางส่วนที่สำคัญน้อยลงไป เพื่อนำไปใช้สร้างไฟล์ที่มีประสิทธิภาพในการบีบอัดด้วยรูปแบบ lossless ได้สูงขึ้น โดยที่คุณภาพตกลงเพียงเล็กน้อย จนหูของมนุษย์ไม่สามารถแยกความแตกต่างได้ แล้วยังเข้ากับมาตรฐานเดิมของรูปแบบ lossless นั้นๆ
ประสิทธิภาพของ lossyWAV ที่ค่ามาตรฐานของโปรแกรม (q 5) หากใช้ร่วมกับบีบอัดแบบ FLAC จะทำให้ขนาดไฟล์ลดลงครึ่งหนึ่ง จากขนาดไฟล์ FLAC ปกติ
ผมจึงคิดว่า lossyWAV เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการไฟล์เสียงคุณภาพดี (ดีกว่า MP3 320 kbps) แต่ไม่มีเนื้อที่มากเพียงพอสำหรับไฟล์แบบ lossless แท้ๆ
สำหรับรายละเอียดเชิงเทคนิค และวิธีนำไปใช้สามารถอ่านได้จากที่มาครับ
ที่มา - Hydrogenaudio
Comments
ก็คือทำแค่ครึ่งเดียวของ mp3 หรือ encoding ทั่วๆไปสินะครับ
onedd.net
ไม่เชิงหรอกครับ น่าจะเป็นการลดขนาด wav ที่สูญเสียน้อยสุด
แล้วค่อย encode เป็น FlAC ที่ตามปกติจะใหญ่มาก ก็จะเล็กลงกว่าเดิม
แต่ได้คุณภาพ(ที่มนุษย์ฟังออก)เหมือนเดิม
Kohsija
จะว่าแบบนั้นก็ได้แหละครับ เพราะมันไม่มีการตัดย่านเสียงสูงออกไปเหมือน mp3
ขยายความอีกหน่อยโดยเขียนเป็นแผนการทำงานได้ดังนี้
เสียงต้นฉบับ(.wav) -> lossyWAV -> เสียงที่ปรับแต่งแล้ว(.wav)
ซึ่งเสียงต้นฉบับกับเสียงที่ปรับแต่งแล้วในขั้นนี้จะมีขนาดเท่ากัน เราก็ต้องนำไปผ่านการแปลงเป็น lossless ก่อนเช่นแปลงเป็น FLAC ก็จะได้
เสียงที่ปรับแต่งแล้ว -> เข้ารหัสเป็น FLAC -> ไฟล์ FLAC ที่ขนาดลดลงครึ่งหนึ่งจากไฟล์ FLAC ที่แปลงจากเสียงต้นฉบับโดยปกติ
mp3 และอีกหลายตัว - บีบใน feq domain แต่ละช่วงความถี่ได้รับ bandwidth ไม่เท่ากัน
lossywav - บีบใน time domain โดยการลดความแตกต่างของ amplitude ในช่วงเวลาที่มันไม่ต่างกันมากนัก เหมือนกับลดจาก 16 บิต เหลือ 8 แต่ลดแบบ dynamic และฉลาด
ปล. นั่งเทียนมั่วมากๆ
iPAtS
iPAtS
ประโยชย์จาก Signal Processing ที่ได้เรียนกัน ฮ่าๆๆๆ
อยากรู้ว่ามีคนที่แยก MP3 320 Kbps กับ Lossless ออกจริง ๆ หรือเปล่าครับ
ในเมื่อคนได้ยินเสียงความถี่สูงสุด 20 KHz นี่นา
ยิ่งอายุมาก ๆ ความสามารถในการรับเสียงที่ความถี่สูง ๆ ก็ลดลงด้วยอีก
อืม ผมก็ว่างั้น ฟัง 128k กับ 320k ถ้าไม่ใส่ฟูฟังไม่เห็นจะต่างเลย หรือ ลำโพงเราห่วยหว่า 555
320 Kbps มันไม่น่าจะเกี่ยวกับ 20KHz ที่คนได้ยินเลยนี่ครับ
อย่างแรกมันคือความละเอียดของ Sample * จำนวน Sample ใน 1 วินาที
ในขณะที่ตัวหลังมันคือความถี่ของเสียง
onedd.net
Sampling ใน 1 วิ เฉยๆ ครับ
ไม่เกี่ยวกับหูคนเลย
สับสนแล้วครับ 20kHz นั่นความถี่สูงสุดที่มนุษย์(ที่ประสาทหูดี)ทั่วไปได้ยิน
แต่ 320Kbps หมายถึงจำนวนข้อมูลต่อวินาทีที่ใช้สร้างเสียง เป็นค่าคนละมิติกันครับ
ส่วนตัวแล้ว ผมแยกไม่ออกนะ MP3 ที่ 320kbps น่ะ
แต่ MP3 128kbps กะ 192kbps นี่ผมว่าผมรู้สึกตัวนะ
128 192 320 นี่ แยกง่ายครับ
แต่ 320 กับ lossless นี่ ผมก็แยกไม่ออกนะ สงสัยหูไม่ถึง
อย่ามองมนุษย์เป็นเครื่องมือวัดสิครับ แม้มนุษย์โดยทั่วๆไป ไม่สามารถที่จะแบ่งแยกลักษณะ องค์ประกอบของเสียงเชิงเดี่ยวได้เด่นชัด เท่ากับที่เครื่องมือทดสอบในห้องปฏิบัติการทำได้
แต่สำหรับเสียงดนตรีนั้น ประกอบด้วยกลุ่มของเสียงอันหลากหลาย ทั้งฮาโมนิคที่ผสมผสาน และหักล้างกัน จังหวะ รวมทั้งระยะเวลาที่เกี่ยวเนื่อง เหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์สามารถ แยกแยะความแตกต่างของคุณภาพได้ ประมาณว่าเราไม่สามารถที่จะระบุตำแหน่งที่แน่นอน หรือมวล ของริมฝีปากและดวงตาได้ แต่เรารู้ว่าเธอสวย 5555
+10 เรารู้ว่าเธอสวย แต่ไม่รู้ว่าสวยอย่างไร lol
Lastest Science News @Jusci.net
Lastest Science News @Jusci.net
อ้างอิงจาก BHX
ผมใช้ WMA lossless อยู่
อันในข่าวนี้ก็น่าลอง แต่ซื้อ Grammy มามันจะให้ลง WMA
แล้วมันจะสามารถทำ audio cd ที่ compatible กับเครื่องเล่น cd ในปัจจุบัน แล้วสามารถใส่เพลงได้เยอะขึ้นกว่าเดิมได้หรือเปล่าครับ
ไม่เกี่ยวกันครับ
audio CD มันมีลักษณะคล้ายๆ ไฟล์ wav ซึ่งไม่มีการบีบอัดใดๆ ด้วยซ้ำ แล้วก็ไปเปลี่ยนลักษณะมันไม่ได้ด้วย ไม่งั้นจะไม่เข้ามาตรฐาน