เล่าเหตุการณ์ให้ฟังกันก่อน
สัปดาห์ที่แล้วมี โอกาสได้ลงโปรแกรมให้กับเพื่อน ซึ่งเพิ่งโดนไวรัสไปสดๆ หมาดๆ เพิ่งจะฟอร์แมท ได้แผ่นสำหรับลงโปรแกรมมา 3 แผ่น คือ office 2007, Adobe CS3 suite และ ACDsee ซึ่งแผ่นทั้งหมดนี้มาจากแถวพันทิพย์นั่นเอง ถือว่าเป็นโอกาสดีมากสำหรับครั้งนี้ที่ได้เห็นว่า ซอฟต์แวร์เถื่อนนี่อันตรายจริงๆ มาดูกันค่ะว่าเกิดอะไรขึ้น นี่ขนาดมีแค่ 3 โปรแกรมเอง รอบนี้แจ๊กพ็อตจริงๆ เริ่มต้นด้วยการติดตั้ง Adobe CS3 Master Collection ยังไม่ทันไรก็เจอเลย พยายามจะเปิดโปรแกรม Key generator เพื่อสร้าง serial number ให้ เจ้า Trojan ก็ฝังตัวอยู่ในตัว Key generator นี่แหละ
ยังไม่แค่นั้น ตอนลง ACDSee ต่ออีก ก็เจอ CN911.EXE ซึ่งเป็นโปรแกรมพวก back door อีก ซึ่ง trojan พวกนี้อันตรายมากกับความปลอดภัยของข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์ เพราะมันคือโปรแกรมที่เปิดทางให้ hacker สามารถขโมยข้อมูลในเครื่องของเราได้ มีหลักการทำงานเดียวกับ client/server เลย แบบว่า remote เข้ามาได้โดยที่เราก็ป้องกันอะไรไม่ได้ ซึ่งน่าเศร้ามาก ที่ Trojan พวกนี้จะถูกฆ่าได้ก็ต่อเมื่อต้องเป็นตัวโปรแกรม antivirus แบบมีลิขสิทธิ์เท่านั้น เพราะเราจะสามารถอัพเดทฐานข้อมูลไวรัสล่าสุดได้ ไม่ว่าจะมาไม้ไหนก็จับได้หมด แต่ถ้าใช้ antivirus เถื่อน ก็จบ
คราวนี้คิดหนักแล้ว เหลือ Microsoft Office 2007 อีกตัวที่ยังไม่ได้ลง จริงๆ ก็ไม่อยากจะยุ่งแล้ว แต่ว่าเพื่อนก็ต้องการใช้มากๆ เพราะเรียกได้ว่าเป็นโปรแกรมหลักของเครื่องเลย เราก็ทำใจไม่ได้ อยากจะช่วยเพื่อนแต่ไม่อยากจะทำร้ายเพื่อนในเวลาเดียวกัน ก็เลยลองไปหาในเว็บ ก็เลยได้เห็นว่า Microsoft มีโปรโมชั่นอยู่พอดี คือให้ซื้อ Microsoft Office Home and Student 2007 ในราคาถูกสุดๆ แค่สามพันเท่านั้น แถมซื้อหนึ่งได้ลงได้ถึง 3 เครื่อง เลยพาเพื่อนไปซื้อพร้อมกันเลยเพราะก็อยากได้มาใช้งานเหมือนกัน เสร็จแล้วก็กลับมาลงให้ที่บ้านเพื่อน แกะกล่องดู เห็นสิทธิประโยชน์ได้พร้อมมาด้วยก็รู้สึกสบายใจ ก็เลยมานั่งคิดชั่งใจว่า...
จริงหรือ? ที่ทุกวันนี้เราใช้ของฟรีแบบไม่มีค่าใช้จ่าย ถ้าวันหนึ่งของปลอมพวกนี้มาทำร้ายคอมพิวเตอร์ของเรา ถึงขนาดพังไปเลยแก้ไม่ได้ เราจะทำยังงัย คุ้มกับเงินหลักหมื่นที่เราเสียไปไหม? คุ้มกับข้อมูลที่โดนแฮกไหม?
ของฟรี...ดีจริงหรือ
ของ ดี และยังฟรี ใครๆ ก็ชอบทั้งนั้น แต่บางคนคงเคยได้ยินว่า ของฟรี ไม่มีในโลก แต่อยู่ที่ว่า จะมีใครรู้บ้างว่า เราต้องเสียอะไรไปกับของฟรีบ้าง? ผู้เขียนเป็นคนหนึ่ง ที่โดนกล่อมเกลาในเรื่อง plagiarism หรือ ความรู้จักละอายใจเมื่อก๊อปปี้ของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง และเป็นคนหนึ่งที่เป็นตัวตั้งตัวตีกับผู้คนรอบข้าง ที่จะให้ใช้ซอฟท์แวร์ถูกลิขสิทธิ์ วันนี้เลยคิดว่าเป็นโอกาสดี ที่จะมาพูดคุยให้กับชาว Blognone เห็นประโยชน์กับการไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ เผื่อจะเป็นแสงสว่างนำทาง ให้เพื่อนๆ เลือกที่จะทำสิ่งที่ดี อย่างที่ผู้เขียนได้เรียนรู้ในตอนนี้ค่ะ
โดยปกติของคนส่วนใหญ่ แน่นอนว่าต้องอะไรที่ได้มาง่ายๆ หรือฟรีๆ และด้วยความชอบของฟรีแบบนี้ ทำให้โลกนี้ เกิดการละเมิดลิขสิทธิ์ทางปัญญามากมาย โดยเฉพาะด้านซอฟต์แวร์เป็นด้านที่เห็นได้ชัดมาก เพราะลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ส่วนใหญ่มีราคาค่อนข้างสูง การก๊อปปี้จึงเป็นวิธีการที่ง่าย และราคาถูก ที่จะได้มาซึ่งซอฟต์แวร์ โดยที่ผู้ใช้ ลืมคำนึงถึงข้อเสียกันเลยทีเดียว เพื่อให้เห็นภาพชัด จึงขออ้างอิงข้อมูลทางวิชาการจากวิทยานิพนธ์ของนักศึกษาปริญญาโท สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย เกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ ซึ่งได้เก็บสถิติเกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ในประเทศไทย โดยได้ข้อมูลจากรายงานของ BSA พบว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์มากที่สุดเป็นอันดับ ที่ 5 ในเอเชียแปซิฟิกในปี 2006 ซึ่งนับได้ว่า ประเทศไทยทำอันดับการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ได้ดีทีเดียว แล้วแบบนี้เราสมควรจะภูมิใจไหม ที่มีชื่อเสียงด้านการก๊อปปี้ติดอันดับ TOP 5 ของเอเชีย
ด้วยเหตุนี้ ก็สร้างความกังวลให้กับรัฐบาลไทย จึงพยายามเป็นอันมากที่จะกำจัดปัญหานี้ โดยกำหนดเป็นนโยบายในรัฐธรรมนูญไทยในปี 2007 และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฉบับที่ 10 2007-2011 เพื่อโน้มน้าวให้ทั้งองค์กรราชการและอิสระ ร่วมมือกันใช้ซอฟต์แวร์ที่ถูกกฎหมาย และมากกว่านั้น เชื่อไหมว่า จากการศึกษาของ IDC พบว่า หากอัตราการละเมิดลิขสิทธิ์ลดลงจาก 80% เหลือ 70% จะทำให้อุตสาหกรรม IT เติบโตจากเดิมเป็น 91% และทำให้เกิดตำแหน่งงานด้าน IT เพิ่มขึ้น กว่า 2,100 งาน เลยทีเดียว
ถึงเวลาหรือยัง ที่พวกเราควรกลับมาทบทวน เรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ด้านซอฟต์แวร์ จริงหรือ? ที่เราจะต้องเกิดความสูญเสียมากขึ้น จากการที่เราคิดจะใช้ซอฟต์แวร์ที่ถูกลิขสิทธิ์ เคยคิดไหม ว่ามันอาจจะเป็นแค่นิสัยชอบใช้ของฟรีเฉยๆ โดยลืมคิดถึงความคุ้มค่า และข้อดีข้อเสียจริงๆ ของสิ่งที่เราใช้ และราคาซอฟต์แวร์เดี๋ยวนี้ก็ไม่ได้แพงเหมือนแต่ก่อนแล้ว ลองดูตัวอย่างซอฟต์แวร์ที่เราใช้กันบ่อยๆ ดีกว่า
ซอฟท์แวร์สามัญประจำบ้าน
ยกตัวอย่างโปรแกรม ป้องกันไวรัสชื่อดังอย่าง Bitdefender มีราคาเพียงกล่องละ 380 บาทเท่านั้น (ถูกกว่าพิซซ่าถาดกลางเสียอีก) แต่สิ่งที่คุณจะได้มากกว่าซอฟต์แวร์แบบเถื่อนคือ คุณจะได้รับบริการหลังการขาย การอัพเดตฐานข้อมูลไวรัสที่เป็นปัจจุบันที่สุด หากเกิดความสูญเสียกับข้อมูลของคุณจากการใช้งาน ก็จะมีผู้รับผิดชอบหากมันเกิดจากไวรัส!
หรือมองย้อนกลับมามองซอฟต์แวร์ไทยยอดฮิต อย่าง Thai dictionary ของ ส.เศรษฐบุตร ก็มีราคาอยู่ที่หลักร้อยเท่านั้น หรือใครที่ไม่อยากเสียเงินเลย ก็หันมาใช้ของฟรีแบบไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ทดแทนได้ เช่น ใช้ Gimp แทนการใช้ Photoshop ก็ได้ความสามารถที่เท่าเทียมกัน แถมไม่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์อีกด้วย แม้แต่ Enterprise Software เดี๋ยวนี้ยังมีให้ใช้ฟรีเลย ยกตัวอย่าง ERP ชื่อดัง เช่น Apache OFBiz มีทุกคอมโพเนนท์เกี่ยวกับด้านธุรกิจให้ใช้งาน แถมสามารถแก้ไขปรับปรุงให้เหมาะกับองค์ได้
หรือจะกล่าวไปถึงระบบปฏิบัติการ แทนที่จะต้องมาใช้แผ่นวินโดวส์เถื่อนให้มันเสี่ยงต่อความปลอดภัยของ คอมพิวเตอร์ของคุณ เพราะว่าคุณจะอัพเดตมันไม่ได้หรอก เค้าจะจับได้เอา พอพูดถึงระบบปฏิบัติการยอดฮิตที่ทุกคนคุ้นเคยอย่างเช่นวินโดวส์ ปัจจุบันนี้เราก็สามารถใช้วินโดวส์ถูกลิขสิทธิ์ได้ง่ายๆ เพราะมันถูกแถมมากับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กอยู่แล้ว ไม่ต้องก๊อปปี้ให้เสียเวลา แถมได้ความอบอุ่นใจด้วยว่า เราจะได้ระบบปฏิบัติการที่มีเสริมความปลอดภัยให้กับข้อมูล อัพเดตโปรแกรมได้ตลอดเวลาและจะได้รับการดูแลแบบถูกกฎหมายหลังการใช้งาน และที่มากกว่านั้น แม้แต่ซอฟท์แวร์ชื่อดังอย่างไมโครซอฟท์ออฟฟิศ ก็ดิ่งราคาลง จากราคาหลักหมื่น เหลือแค่สามพันบาทเท่านั้นเอง ! มันไม่ได้มากมายอะไรเลย ถ้าเราจะเสียเงินเพื่อบริการหลังการขาย และความมั่นใจในการใช้งานว่าข้อมูล ที่มีค่ามากกว่าเงินสามพันของเรา จะไม่เกิดความเสียหาย และรู้สึกภูมิใจกับการใช้ของลิขสิทธิ์ เหมือนเวลาที่เรายอมควักเงินเพื่อซื้อ iPOD หรือ iPHONE
ยิ่งอ่าน ยิ่งคิด ก็ยิ่งรู้สึกว่า แล้วเราจะใช้ของปลอมกันทำไมเนี่ย!
อ้างอิงจาก DETERMINANTS OF SOFTWARE PIRACY IN THAILAND by Chatwalai Taechasaensiri, Asian Institute of Technology, May 2008
Comments
เข้าทำงานที่ใหม่ open source 100% ก็อยู่ได้ปกติดีครับ
ที่บ้านก็ open source ก็ 100%
น่าจะมีให้เช่าเหมือนร้านเน็ตเนอะ อยากพิมพ์รายงานซักสองชม. ก็จ่ายไป 20 บาท
อยากเล่นเกมส์ซะหน่อย ก็จ่ายไป 60 (ชม.ละ 20)
อยากจะ 3D ด้วย Maya ซักวันนึงก็จ่ายไปพันนึง
ไม่มีตังซื้อทั้งตัวก็น่าจะมีให้เช่าได้มั่ง login ก่อนใช้ ใช้มากมีโปร แถม EXP 25% (อิอิ)
ใช้ไม่เป็นก็ไปฝึก skill กับศูนย์ฝึก ฝึกฟรี
ก็พิศดาลไปอีกแบบ :)
มีซอฟท์แวร์บางตัวเริ่มเอาโมเดลเช่าใช้มาใช้แล้วครับ เช่น XMind (Mindmap Plug-in บน Eclipse) เพิ่งประกาศตัวว่าเป็น Opensource แต่ก็มีรุ่นโปรที่สามารถ Subscribe ใช้งานได้กี่เดือนกี่เดือนก็ว่ากันไป
อีกหน่อยก็น่าจะมี Office Live ที่คาดว่าน่าจะเช่าใช้ได้เหมือนกัน (ถ้าจำชื่อไม่ผิดนะ)
จริงๆ ขาใหญ่ในวงการบางค่ายเขาก็เล็งโมเดลการทำธุรกิจแบบนี้ไว้แล้วนะ เพียงแต่อาจจะยังไม่แพร่หลายหรือตกถึงปากของผู้บริโภคทั่วไปเท่าไรนัก
ezybzy.info blog
ตอนนี้ก็มีบางแล้วแต่ยังไม่แพร่รายและมีฟีเจอร์มากหนัก รออีกไม่นานให้เน็ตเร็วกว่านี้คงมีมากขึ้น
ลองดู SAP หรือซอฟแวร์พวก sass ซิครับ
</mOkin™>มีความสุขที่พอดี กับชีวิตที่พอเพียง</mOkin™>
ของลอกเลียนแบบต่างๆ สารพัด เช่น อะไหล่รถปลอม mp3 ภาพยนตร์ ถ่้่า่ยเอกสารหนังสือ/textbook น้ำหอมปลอมเอ๋ย เสื้อผ้ายี่ห้อปลอม นาฬิกา กระเป๋า
อย่ายึดติดกับเฉพาะเรื่อง pirate software เพียงอย่างเดียว
ถ้าคิดแบบนี้ ก็ไม่ต้องแก้อะไรกันพอดีสิคะ ประเทศนี้
บลอกของ natty
บลอกของ natty
ประเด็นคือ ถ้ายังแก้ไอ้พวกข้างบนไม่ได้... เรื่อง software ก็ไม่ต้องหวังล่ะมั้งครับ - -''
โลกในอุดมคติกะโลกของความจริงมันช่างแตกต่างกันอย่างโหดร้าย...
แล้วไม่เริ่มที่ตัวใดตัวหนึ่งมันก็ไม่มีจุดเริ่มต้นหรอก สำหรับบทความนี้คือจุดเริ่มต้นของการใช้งานซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ ส่วนสื่ออื่น ๆ ก็คงต้องดูกันไปในหมู่คนกลุ่มนั้น ๆ ที่สันทัด
ส่วนตัวแล้วหนังกับเพลงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาซื้อแต่ของแท้หมด CD เพลง แผ่นหนังทั้งหมด อยากดูหนังตั้งแต่มันเข้าโรง ก็ไม่ยากไปสรรหาแผ่นมาดู เข้าโรงไปดูเลยทีเดียวระบบเสียง ภาพดีกว่าเยอะ ส่วน CD เพลงนี่ซื้อครับ อันไหนโหลดแบบลิขสิทธิ์ได้โหลด อันไหนไม่มีก็ซื้อแผ่นมา rip ซะก็จบเรื่องแล้ว ทำให้คิดถึงสมัยเด็ก ๆ อยากฟังอะไรก็เปิดวิทยุเอา เพลงไหนเพราะก็ซื้อมาฟังซะ ซึ่งตอนนี้ก็อารมณ์นี้ครับ
ส่วนแผ่นเก่า ๆ หนังเก่า ๆ ก็พยายามซื้อเก็บตามกำลังที่มีอยู่เรื่อย ๆ แต่ไม่ละเมิดคนอื่นอีกแล้วหล่ะครับ
โลกมันไม่มีอุดมคติหรอก เพียงแต่ว่าสำหรับประเทศเรา "มันมากเกินพอดีไปเยอะแล้ว" ทำกันจน "ไม่มีความละอาย" ต่อความผิดครับ ผมมว่า "มันมากเกินไปหน่อย"
Ford AntiTrust’s Blog | PHP Hoffman Framework
+1
บลอกของ natty
บลอกของ natty
+1 ครับ
พูดยากครับ ในเมื่อปัญหาเรื่องปากท้อง ยังมาก่อนเสมอ
Me too. ด้านหนังกับเพลงแนวนี้เลย ไม่เช่าก็ซื้อ ดูโรง ฟังวิทยุเอา
</mOkin™>มีความสุขที่พอดี กับชีวิตที่พอเพียง</mOkin™>
ต้่องขออภัยด้วย ผมคิดไ้ด้แค่นี้ครับ
จริงอยู่ หัวข้อนี้เกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์ทาง software แต่เห็นความเห็นของหลายท่านพูดถึงกฏหมายลิขสิทธิ์
ลิขสิทธิ์มิได้มีเฉพาะทาง software เพียงอย่าเดียว แต่ยังรวมถึงทรัพย์สินทางปัญญาและสิทธิทางปัญญาในรูปแบบอื่นๆด้วย
มิใช่ ปากก็พูดว่าต้องใช้ copyright software แต่ดันใส่กางเกงยีนส์ปลอม
นายรู้เปล่า เครื่องเรานะใช้ software ถูกลิขสิทธิ์หมดเลย แต่ดัน download หนังผ่าน P2P
แบบนี้มันไม่ใช่
อยากให้ทุกคนให้ความสำคัญแต่คนกลุ่มอื่นๆด้วย
ไม่ได้ตั้งใจจะพูดแรงๆ นะคะขอโทษด้วยค่ะ แค่อยากจะหมายถึงว่า ถ้าเราไม่เริ่มต้นสร้าง มันก็จะไม่เกิด แค่นั้นเอง
ขอโทษอีกครั้งที่ทำให้เข้าใจผิดค่ะ
บลอกของ natty
บลอกของ natty
โห ไม่ต้องมาขอโทษครับ เรื่องนี้เอง
คนเราคิดและมองไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ไม่มีถูกไม่มีผิดอยู่แล้วครับ
ขอถามเฉพาะคนที่เคยใช้ของปลอมครับ ไม่ว่าจะใช้ในเครื่องตัวเองหรือคนอื่น (ใช้ในเครื่องคนอื่นนี่ก็เหมือนรับของโจรหรือเปล่าครับ) แล้วตอนนี้ได้เปลี่ยนมาใช้ของแท้ครับ เราตามจ่ายค่าลิขสิทธิ์ ค่าปรับกันยังไงครับ และได้จ่ายกันหรือยัง ? ผมอยากรู้ว่าเราตามจ่ายค่าลิขสิทธิ์ ค่าปรับกันยังไงครับ
เราเคยขโมยมาก่อน อยู่มาวันนึงเราไม่ได้ขโมยแล้ว อายุความมันยังไม่หมด เราก็ยังผิดอยู่ ไม่ใช่หรือครับ ถ้าผมจำไม่ผิด อายุความด้านลิขสิทธิ์ จะมีตลอดอายุของผู้สร้างสรรค์ผลงาน และต่อไปอีก 50 ปีหลังจากผู้สร้างสรรค์ผลงานเสียชีวิต
ถ้าคุณเคยขโมยมาก่อน แล้วยังไม่ได้ตามจ่ายค่าลิขสิทธิ์ ค่าปรับ คุณก็ยังทำไม่ถูกต้อง คุณพร้อมที่จะจ่ายเงินเพื่อซื้อของแท้ แล้วใช้ของแท้ตอนนี้ แต่กลับไม่สามารถใช้เงินนั้นไปจ่ายย้อนหลังค่าลิขสิทธิ์ ค่าปรับหรือครับ
วันนี้หลายคนอาจจะไม่มีความสามารถในการใช้ของแท้ ทั้งด้านความรู้และการเงิน แต่วันนึงเมื่อเค้ามี แล้วเค้าพร้อมและมีความตั้งใจที่จะตามจ่ายค่าลิขสิทธิ์ ค่าปรับ
ผมมองว่า เค้ามีเจตนาดีกว่าคนที่มีปัญญาในการซื้อของแท้แต่ไม่จ่ายค่าปรับ ผมเห็นด้วยกับการใช้ของแท้ และการรณรงค์ที่จะใช้ของที่ถูกต้องตามกฏหมาย แต่ไม่เห็นด้วยกับหลายคนที่เคยใช้ของปลอม พอถึงเวลาที่ตัวเองพร้อมจะใช้ของแท้ แล้วมาพูดจาดูถูก ประชดประชันคนที่ใช้ของปลอมครับ
ผมว่าสิ่งที่ควรทำคือ ให้ความรู้มากกว่า
ด้วยความรู้ด้านกฏหมายแบบหางอึ่งของผม คดีทรัพย์สินทางปัญญาเป็นคดีแพ่งครับ ต้องมีเจ้าทุกข์ไปร้องต่อเจ้าหน้าที่ถึงจะเริ่มเป็นคดี พอมันไม่เริ่มเป็นคดีมันเลยไม่มีอายุความ
ถ้าคิดว่าเป็นความผิด ผมว่าไปซื้อ license ย้อนหลังมาติดบ้านก็พอได้ครับ ไม่น่ามีค่าปรับอะไร มันไม่เหมือนขับรถฝ่าไฟแดงนะครับ
ยังไม่นับเรื่องการใช้โดยไม่มีผลประโยชน์ทางการค้า ใช้งานเพื่อการศึกษา ฯลฯ ที่กฏหมายไทยระบุยกเว้นเอาไว้ หลายๆ กรณี
LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
แล้วแบบนี้ คนที่เคยใช้ของปลอมเกิดคิดว่าไม่เป็นความผิด ก็ไม่ต้องซื้อย้อนหลัง ส่วนคนที่ใช้ของปลอมอยู่คิดว่าไม่เป็นความผิด ก็ไม่ต้องซื้อของแท้ หรือเปล่า คนที่ปล่อยให้โหลด กับคนโหลด ไม่ได้ใช้โดยมีผลประโยชน์ทางการค้า เมื่อไม่เจ้าทุกข์มาฟ้องร้อง ก็ไม่ได้เป็นผู้ต้องหา ตราบได้ที่ยังไม่ถูกจับได้ ก็ยังไม่ใช่ขโมย :P
เรื่องนี้น่าสนใจครับ รอข้อมูล
"ไม่เห็นด้วยกับหลายคนที่เคยใช้ของปลอม พอถึงเวลาที่ตัวเองพร้อมจะใช้ของแท้
แล้วมาพูดจาดูถูก ประชดประชันคนที่ใช้ของปลอมครับ"
+1 เห็นด้วยกับข้อความนี้ครับ
เรื่องนี้เป็นคดีแพ่งซึ่งคงต้องดูที่ความเสียหายอัดเนื่องจากการใช้แบบละเมิดมาก่อนหน้านี้ อาจจะดูที่มูลค่า ระยะเวลา และรูปแบบการนำไปใช้ ซึ่งพวกนี้ในกฎหมายมีค่าปรับอยู่แล้ว แต่ต้องมีเจ้าทุกข์ และส่วนใหญ่ที่จับ ๆ กันก็โดนค่าปรับกันไป และต้องซื้อซอฟต์แวร์นั้น ๆ ตามจำนวนที่ละเมิดเพื่อย้อนหลังด้วยเช่นกัน แต่ผู้เสียหาต้องสามารถระบุให้ศาลเห็นได้ว่าเค้าใช้ในระยะเวลาดังกล่าว และสร้างความเสียหายจริงในอดีตครับ ซึ่งตรวจสอบกันยากอยู่เหมือนกัน แต่ก็ตกลงกันนอกศาลและยอมความกันไปได้เช่นกัน
ส่วนตัวผมใช้ของปลอมก็เยอะ เคยเป็น crack/keygen surf ตัวยงคนนึงตอน ม.ปลาย แต่สุดท้ายก็ค่อย ๆ ปรับตัว และเลิกใช้ไป ตอนมหาวิทยาลัย และใช้เฉพาะที่มหาวิทยาลัยมี license ให้ ซึ่งผมโชคดีที่มหาวิทยาลัยผมเป็น academic ในตัวซอฟต์แวร์ที่ผมใช้อยู่ทุกตัวพอดีเลยสบายใจไปหน่อย และสิ่งที่ผมทำได้ในตอนหลังจากเรียนจบ (ระยะเวลา license ของผมจะหมดอายุภายหลังจากเรียนจบอีกประมาณ 6 - 12 เดือนมั้ง) สิ่งที่ผมก็ทำได้คือ ทำให้ถูกต้อง และเผยแพร่สิ่งที่ถูกให้เพื่อน ๆ น้อง ๆ ผมซะ แต่เค้าจะทำตามหรือไม่มันอีกเรื่อง พูดในเชิงเปรียบ (แบบที่ผม reply แรก ๆ) ให้เค้าเห็นว่าเรา ๆ คนทำงาน IT สบาย กว่าหลาย ๆ อาชีพเยอะมาก และเรื่องพวกนี้บาปและกรรมันก็ติดตัวผมไปไม่ได้หายไปไหน แต่ผมก็เริ่มต้นด้วยการไม่สร้างมันเพิ่ม แต่เราไปสร้างส่วนดี ๆ เพิ่มเติมแทนจะดีกว่า หลาย ๆ อย่างเราเคยใช้และดี ก็เก็บเงินและเข้าร้านไปซื้อมาซะ กล้าที่จะเเดินเข้าไปหาตัวแทน และบริษัทที่เราจะซื้อของของเค้า ผมว่าเค้าก็ไม่ได้มองว่าเราเป็นขโมยหรือโจรอะไรหรอกครับ เค้ามองเราเป็นลูกค้าเค้าด้วยซ้ำ (เช่น Microsoft เป็นต้น อันนี้สัมผัสมากับตัวเอง) เค้าก็ห้ามผู้ใช้ตามบ้านใช้ของละเมิดไม่ได้ แต่จะให้ปราบปรามให้หมดไป เจ้าหน้าที่ในบ้านเมืองเราก็กำลังไม่พอ หรือมีผู้มีอิทธิพลเยอะ ก็ได้แต่ทำใจกันไป
ส่วนเรื่องพูดจาดูถูก ประชดประชัน อันนี้ผมมองว่ามันเป็นประโยคที่เป็นตัวหนังสือมันก็บอกลำบากในส่วนของอารมณ์จริง ๆ ของการสื่อสารออกมา ซึ่งอาจจะไม่ได้เป็นการพูดดูถูก หรือประชดประชันก็ได้ แต่ให้มุมมองในอีกมุมที่แตกต่างและเชิงเปรียบเทียบให้เห็นภาพอีกมุมหนึ่งของสังคมก็ได้ (ซึ่งผมก็ทำอยู่เช่นกันใน reply หลาย ๆ อัน) ถ้าไม่มีข้อเปรียบเทียบเราก็ไม่รู้ว่ายังมีคนที่ลำบาก และเหนื่อยกว่าเราเยอะครับ
ผมยังคิดเสมอว่าทุกคนก็ไม่ได้ขาวสะอาดกันหรอก เพียงแต่ว่าเราก็ไม่ควรให้เรื่องพวกนี้ดูเป็นเรื่องปรกติจนชาชิน (ซึ่งตอนนี้มันก็เป็นอยู่แล้ว) มันไม่ได้ส่งผลกระทบกับเราหรอก หลาย ๆ คนก็ยังเฉย ๆ แต่เมื่อวันหนึ่งมันเริ่มย้อนกลับมาทำร้ายตัวเราเองจริง ๆ เช่น เรียนจบแล้ว เข้าสู่วงการซอฟต์แวร์ และผลิตขายจริง ๆ แล้วอยู่ ๆ โดนละเมิด ผมว่าเค้าก็คงคิดย้อนกลับไปและมองเข้ามาอีกครั้ง คงรู้สึกเศร้าไม่น้อยเช่นกัน
ผมอาจจะโชคดีที่ตอนผมหักดิบ Microsoft Office, Photoshop ฯลฯ พวกนี้ผมยังทำงาน และส่งงานอาจารย์ได้เป็นปรกติ เพราะอาจารย์ท่านต้องการแค่พิมพ์ใส่กระดาษแล้วส่งเท่านั้น ส่วน format ต่าง ๆ ของเอกสารอาจจะเหนื่อยหน่อย เพราะต้องปรับตัว แต่ก็ถือว่าทุก ๆ อย่างเราต้องเปิดใจยอมรับ ความคุ้นเคยไม่เคยเปลี่ยนแปลงอะไร ต้องคิดใหม่ทำให้ เปิดใจครับ ตอนนั้นผมลำบากมาก ๆ แต่ก็ผ่านมาได้
เอกสารรายงานหลาย ๆ ชิ้นผมใช้ LaTeX (compile ด้วย MikTeX) ทำส่งอาจารย์อยู่ก็หลายชิ้น อาจารย์ท่านยังชมเลยว่าดี ๆ ยังให้ผมแนะนำเพื่อน ๆ ใช้กันเยอะ ๆ เพราะท่านก็ชอบเพราะ format ต่าง ๆ มันสวยและจัดการง่ายดี อย่างเอกสาร python ภาษาไทยใน codenone.com หรือ Fedora Core 4 นั้นผมก็ใช้ LaTeX ทำส่งอาจารย์ ซึ่งเหตุการณ์พวกนี้ผมมองว่าต้องมีผู้ใหญ่ช่วยกันส่งเสริมด้วย ไม่อย่างงั้นมันก็เข้าวงจรเดิม ๆ ซึ่งผมว่าควรเริ่มต้นจากกลุ่มเล็ก ๆ และค่อย ๆ ขยายตัวออกไปน่าจะดี
ส่วนต่อมาคือมุ่งเน้นให้พวกผู้จำหน่ายซอฟต์แวร์ต่าง ๆ เพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้เข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น ส่วนตัวนี่ซื้อผ่านตัวแทนจำหน่ายอยู่ 2-3 ตัวเองนะ นอกนั้นผมซื้อผ่าน Internet เอาซึ่งง่ายและเร็วกว่ามาก แถมราคายังถูกมีส่วนลดอีกต่างหาก เมื่อเร็ว ๆ นี้ก็เพิ่งซื้อ Xara X1 แบบลดพิเศษมาในราคาไม่ถึง 1,000 บาท ซึ่งซื้อผ่านเว็บไม่เกินสองชั่วโมงก็ได้ใช้งานแล้ว เป็นต้น
เรื่องช่องทางการจำหน่ายนี่ผมว่าสำคัญนะอย่าง Anti-Virus หลาย ๆ ยี่ห้อทำผ่านร้านหนังสือซึ่งก็สะดวกมาก ๆ อย่างผมไปซื้อ NOD32 เข้า Se-ed ที่ไหนก็ซื้อได้ (ถ้าไม่ซวยหมดไปซะก่อน) ซึ่งก็หาซื้อไม่ยาก ผมว่าถ้าซอฟต์แวร์แบบอื่น ๆ ทำตามบ้างก็น่าจะดีครับ อาจจะไม่ต้องตั้งโชว์หรือสต็อกไว้ แต่มีระบบสั่งซื้อผ่านร้านหนังสือก็ได้ 4-5 วันได้ของอะไรแบบนี้ก็ดูจะเข้าท่าดี (เหมาะกับซอฟต์แวร์ราคาแพง ๆ หลัก 5,000 - 100,000)
อีกอย่างที่ผมว่าผู้จำหน่ายซอฟต์แวร์ในไทยยังสอบตกคือการสั่งซื้อในปริมาณที่มาก ๆ เพื่อใช้สำหรับริษัทต่าง ๆ ที่ล่าช้าจะสั่งซื้อทีนึงก็รอนานกว่าจะได้ใบเสนอราคามา แถมข้อมูลการซื้อขายก็ให้ไม่ครบ ซึ่งผมมองว่าเป็นสิ่งที่ควรต้องปรับปรุงครับ ยิ่งพวกรูปแบบลิขสิทธิ์ต่าง ๆ ที่ควรมีคู่มือให้อ่านกันไปเลยเพื่อจะได้ซื้อได้อย่างถูกต้องและตรงจุดประสงค์มากที่สุด (แถามประหยัดเงินด้วยถ้าซื้อถูกตามความต้องการของเรา) ซึ่งคงต้องปรับปรุงก็อีกนานเลย
Ford AntiTrust’s Blog | PHP Hoffman Framework
เรื่องผู้จำหน่าย ไม่ใช่แค่ในไทยครับ เพราะบริษัทผมโทรศัพท์ไปที่ Microsoft สิงคโปร์เลย แต่ก็โยนกันไปกันมาจน license เดิมจะหมด ทั้งๆที่ ติดต่อเกิน 2 เดือนด้วยซ้ำ -_-"
ผมว่าการใช้ของปลอมไม่ใช้เรื่องผิดสำหรับผมน่ะ(หรือว่าตัวเองด้านว่ะเนี้ย)แต่มันก็ไม่ใช้เรื่องที่ถูกเหมือนกัน ผมมองว่าการใช้ของปลอมนั้นมีอยู่ในทุกคนไม่ได้ว่าทุกคนเหมือนผมน่ะ แม้คุณไม่ใช้ software ปลอมแล้วไงล่ะ คุณย้งดูหนังที่คุณโหลดมา หรือหนังที่เอามาจากเพื่อนที่โหลดมา หรือฟังเพลงที่คุณโหลดมานั้นก็เหมือนกันคับ
ส่วนตัวที่ผมอ่าน comment ทั้งหมดมีที่ คุณlingjaidee และคุณthep ได้พูดไว้มากที่สุดคับมันเป็นอะไรที่ตรงกับสภาพสังคมของบ้านเรามากที่สุดคับ ผมอยากให้เราเอาจีนเป็นแบบอย่างมากกว่า เอาอเมริกาเป็นแบบอย่างน่ะคับ(ในหลายๆเรื่องน่ะ) ผมไปอยู่จีมมาเลยรู้ว่าทำไมเข้าถึงต้อง copy รู้ว่าทำไมรู้ทั้งรู้ว่าจีน copy แต่อเมริกายังต้องง้อจีนคับ จีนในต้องนี้สร้างเศษฐกิจในแบบของตัวเองจนก้าวมาเป็นเบอร์ 1 ได้คับ ผมเลยคิดว่าคนเราควรดูที่เราก่อนที่หันออกมามองข้างนอก
เราทุกคนมีความคิดเป็นของตัวเองมันทั้งนั้นคับ เราไม่สามารถบอกได้ว่าคนไหนถูกที่สุด การใช้Softwarถูกลิขสิทธิคุณอาจคิดว่าถูกที่สุดในมุมมองของคุณ แต่ในมุมมองของคนอื่นล่ะ
การใช้เวลาในการคิดว่าใครถูกนั้นมันไม่มีค่าเลย เราควรคิดว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกสำหรับตัวเรา
เพียงแค่คุณคิดดีทำดีคุณก็เป็นคนที่ดีในสังคมได้แล้วคับ
ขอแค่มีจิตสำนึกก่อนได้มั๊ยครับ
มีเพื่อนเอา blog มาให้อ่าน น่าสนใจดีค่ะ
เฮ้อ คงหายากนิดนึงนะคะ คนแบบนี้ที่น่าชื่นชม http://2how.com/board/topic.php?id=36861
บลอกของ natty
บลอกของ natty
โดนมากเลย
คิดคล้ายๆ
ทำคล้ายๆ กัน
โดนคนว่าคล้ายๆ กัน (อีกด้วย)
สมมุติว่า...
มีนักลงทุนรายหนึ่ง
ซื้อสิทธิบัตรซอพแวร์คอมพิวเตอร์เก็บสะสมไว้หลายอัน
อยู่มาวันเค้าก็ไปต่อรองกับชุมชนนักพัฒนาซอพแวร์ชุมชนหนึ่ง
ซอพแวร์ที่ชุมชนนักพัฒนานี้พัฒนาอยู่มีคาวมสำคัญและจำเป็น
ต่อระบบปฏิบัติการ และเป็นที่นิยมใช้ในวงกว้างมาก
เค้าต่อรองว่าเค้าจะเอาซอพแวร์ที่เค้าถือสิทธิอยู่นี้
ยกให้ชุมชนนักพัฒนานั้นไปเลย จะเอาไปเปิดเผยซอสโค๊ต
เอาไปทำอะไรเป็นสิทธิเต็มที่ของ ชุมชนนั้นๆเลย
โดยแลกกับให้ชุมชนนักพัฒนานั้น กีดกันไดรเวอร์ของบริษัทคู่แข่ง
ไม่ให้ไดรเวอร์ของบริษัทคู่แข่ง ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ บนระบบปฏิบัติการนั้นๆ
เค้ามีซอพแวร์ที่ถือครองสิทธิบัตรอยู่หลายชุดนัก
เป็นของสำคัญ จำเป็นต่อระบบปฏิบัติการทั้งสิ้น
เค้าจะปล่อยออกทีละชุด ทีละชุด แต่ละชุดขอเวลาแค่ 3เดือน
ให้กีดกันครั้งละ 3เดือนต่อซอฟแวร์ 1 ชุดเท่านั้นเอง
เพื่อมวลชนแล้วชุมชนเหล่านั้นจะตอบรับข้อตกลงนี้หรือไม่
แหม...น่าคิด มันไปแย้งกันจริยธรรมเรื่องกีดกันทางการค้าพอดีเลย
หากเวลา 2 ปีมีค่าหลายพันล้านบาท
ซอพแวร์ชุดละ 100-200ล้านจะซื้อมาถือครองไม่ได้เชียวหรือ
ผมเป็นพวกจินตนาการบรรเจิด คิดเล่นหนะครับ
หากไปพ้องกับเรื่องจริงบ้าง ก็ไม่ได้คั้งใจนะครับ แต่คิดเล่นๆ
อูยยย ยิ่งอ่านยิ่งยาว - -"
สำหรับตัวผม ตอนนี้ขอสรุปว่า ช่างหัวชาวบ้านก่อนละ ใครจะแคร็กจะเถื่อนไม่รับรู้ด้วยดีกว่า ขอพยายามทำตัวเองให้สะอาดอยู่รอดปลอดภัยก่อนก็แล้วกัน (รู้สึกโชคดีนิดๆ ที่เกิดมาเป็นคนไม่เรื่องมาก จับโปรแกรมอะไรก็ใช้งานได้)
ปล. เพิ่งอัพเดทให้ Hardy 8.04 แล้วทำเครื่องป่วน //เซ็งเป็ด :(
ผมพร้อม และเคยลองย้ายไป ubuntu หลายรอบแล้ว แต่มีปัญหาอยู่ว่า โปรแกรมที่ผมใช้งานจริงๆ (คือหากินเลย) มันไม่มีใน linux ก็เลยขอความเห็นพี่ๆ หน่อยว่า พอจะมีอะไรมาทดแทนได้ไหม ที่ผมใช้หลักๆ เลยคือ
Office -> กำลังพยายามปรับมาใช้ OO.o อย่างเต็มที่
Visio
Dream CS3 อันนี้กัดฟันซื้อของแท้มาครับ ภูมิใจมากมาย แต่โดนเพื่อนโต๊ะข้างๆ ว่า "ไอ่โง่" (บางทีก็คิด กูโง่จิงไหม โปรแกรมเป็นหมื่นเลย แต่มันก็หาเงินให้เราได้เรื่อยๆ เหมือนกัน)
อื่ม... ก็มีเท่านี้นี่เนอะ
พวก Eclipse ก็มีใน Linux แล้ว เขียน Java Python ได้สบายๆ
ปล. ผมเคยพยายามลอง Dream CS3 กับ Wine แล้ว ไปไม่รอดครับ หรือผมโง่ก็ไม่รู้นะ
ปล2. ลองโหลด Dream CS4 มา สวรรค์ Java script เลย หุหุ
ปล3. ในเครื่องตอนนี้ก็มีแค่ Office2003 เท่านั้นที่ละเมิด เจอราคา 2007 student ก็พอซื้อไหว แต่ลองโหลดมาแล้วไม่ชอบเท่าไหร่ + ไม่มี Visio
CMDEVHUB
เขียนเอามันส์ ลองเข้าไปดูความมันส์ได้ครับ
ลองดูละกัน ของใช้แทน Visio มีให้เลือกหลายตัวอยู่นะ
http://www.osalt.com/visio
อืม..เรื่องจริยธรรมนี่มันช่างเปราะบาง..
desktop ผมลง ubuntu ไว้แต่ไม่ได้เปิดบ่อยเท่าไหร่นักแล้ว เปลืองไฟ
notebook ผมลง vista เถื่อนและโปรแกรมเถื่อนอีกจำนวนหนึ่งซักสามสี่ตัวได้ พูดแล้วอายจัง ..ที่จริงตอนนี้มีไลเซนโอเฮสแล้วนะ แม้รู้สึกเขินๆ แต่ขี้เกียจลงใหม่จังเลย ว่างๆ อยากเล่นนู่น ทำนี่ ไว้ลงทีหลังละกันผลัดไปเรื่อยๆ พูดแล้วอายอีกที
...ได้ reply ลงหน้าสองเป็นครั้งแรก ตื่นเต้นจังเลย
มีไลเวนส์ คุณจะลงเถื่อนหรือถูกต้อง ก็ถือว่าใช้ของถูกกฏหมายแล้วไม่ใช่เหรอครับ
onedd.net
onedd.net
ไม่อยากพูดเลย มหาลัยตัวเองเนี่ยแหละ
Software Project Management คาบแรกเข้าไป
"เราจะใช้ Microsoft Project"
.. หมดศรัทธาอาจารย์ไปเลย แต่ต้องลง
เพราะว่าหน่วยกิจไม่พอ เห้อ :(
ปล. อยากรู้จริงๆ ว่าทำไมอาจารย์หลายท่านยังยึดติด เอาจริงๆ นะ ..
บล็อกของผม: http://sikachu.com
บล็อกของผม: http://sikachu.com
เรามองการใช้ซอฟแวร์เถื่อน เป็นการขอยืมใช้ก็ได้ครับ
นี้แสดงว่า เราเห็นบริษัทซอฟแวร์เหล่านั้นเป็นเพื่อนเรา และสนิทมากด้วย
ไม่ยาก... เราก็มาตรองดูว่า เราควรปฏิบัติต่อเพื่อน อย่างไร
เช่นใช้แล้ว ก็จะไม่ให้เพื่อนเสียหาย เมื่อถึงเวลาก็จะเอาไปคืน แค่ยืมเฉยๆ
หรือมองว่าเป็นห้องสมุด ยืมหนังสือห้องสมุดมาใช้ ก็ต้องเอาไปคืน
ต้องมีการทำทะเบียนสมาชิก แจกแจงว่านี้เป็นการยืม
บ่อยไป ที่ผมยืมของเพื่อนมา แล้วทำหาย ทำพัง ลืมคืน หรือไม่อยากคืน
ห้องสมุดก็เหมือนกัน ตอนสมัยเด็กๆ ผมน่าด้าน ขโมยหนังสือห้องสมุดเลยก็มี
คุณลองนึกดู ในขณะที่เพื่อนคุณ คิดว่าคุณเป็นคนร้าย เอาของเค้าไปแล้วไม่ยอมเอามาคืน
แต่เค้าก็พยายามอดทน พยายามรอคอย หวังว่าเพื่อนจะอย่างน้อย เอามาคืน หรือไม่เอาอะไรใหม่ๆไปอีก
ผมว่าเพื่อนแบบนี้พอคบได้หละน่า ข่าวลือที่ว่าเพื่อนคนนี้เลวร้าย
ในมาตรฐานนั้น มันก็พอๆกัน กับคนเอาของไปแล้วไม่คืน นั้นแหละ
จะเอาอะไรกันนัก ไม่ใช่พระซะหน่อย
ส่วนท่านที่ซื้อซอฟแวร์ แล้วโดนเพื่อนๆหาว่าโง่ ซื้อมาทำไม
ก็อย่าไปบอกเพื่อนๆพวกนั้นสิ ว่าซื้อมา ซื้อมาแล้ว ก็เอาซุกไว้เลย
คราวหลังซื้อโปรแกรม ราคาเป็นแสนเป็นล้านมา ก็เอาซุกไว้เลย ไม่ต้องไปบอกใคร
เมื่อไม่มีใครรู้ ใครจะมาว่าเราว่าโง่
ซื้อมาแล้ว เหยียบไว้เลย คราวนี้การเป็นพวกนั้นมันโง่... ไม่รู้ว่าตูใช้ของแท้แล้ว วะห้าๆๆๆ
ตราบใดที่มันยังเป็นความลับอยู่ พวกที่ไม่รู้ คือคนโง่ วะห้าๆๆๆ
เมื่อรู้สึกว่าละอาย เก้อเขิล และพยายามอย่างยิ่งที่จะแก้ไข ก็ใช้ได้แล้วหละครับ
อย่าเอาไปเปรียบเทียบกับท่านที่ชอบใช้ของเถื่อน พวกท่านเหล่านั้นแค่เผลอไปเล็กๆน้อยๆ
เห็นมั้ย ท่านพวกนั้นไม่ชอบให้เมีใครไปเปรียบเทียบ เราก็ไม่เปรียบเทียบ
อย่าเอาไปเปรียบกันเลย มันเปรียบเทียบกันไม่ได้
วิธีคิดไม่ตรงกันที่ผมคิดเลยครับ แต่ผมเข้าใจว่าต่างคนต่างมุมมอง
จริง ๆ อยากจะบอกว่าเรื่องใช้ซอฟต์แวร์ก็อปปี้เนี่ย อย่าด่าคนไทยมากเลย เพราะว่าจริง ๆ แล้วการใช้ซอฟต์แวร์ก็อปปี้เพิ่มขึ้นมากในประเทศที่เจริญแล้ว ผลมาจาก P2P หรือการแชร์ไฟล์กันนั่นเอง
มหาลัยผมนะ เต็มไปหมด Lecturer เองยังพูดว่านักศึกษาที่ใช้ Photoshop แท้คงหาแทบไม่มี ถามใคร ๆ ก็ Bit หมด ขนาด Photoshop ถือเป็นเปอร์เซ็นในรายได้ที่น้อยกว่าของคนไทยแท้ ๆ
ใช้ก็อปผิดไหม? ผมเห็นว่าผิด แต่ไม่ควรใช้หรือเปล่า ผมว่าแล้วแต่ละคน ให้เขาตัดสินเอง แต่ผมจะไม่ล่วงเกิน ผมเคารพสิทธิที่เขาเลือกใช้ก็อป
ส่วนตัวผมเองเป็น Hybrid ใช้ก็อปเฉพาะไอ้พวก CS (ยอมรับ) แต่ไม่ใช้ก็อปพวก Speed Download หรือซอฟต์แวร์ที่ราคาเป็นเหตุเป็นผล
@TonsTweetings
ก็อปยังมีHybrid อีกเหรอ
ต่อมาหน้าสอง แล้วเหมือนจะเจอ bug
คือ new comments ในหน้าสองหาย เพราะต้องเข้าหน้าหนึ่งก่อนแล้วกด next มาหน้าสอง
ไม่ทราบว่าจะแจ้งได้ที่ไหนเอ่ย???
จำได้ว่าเมื่อก่อนเคยเป็น แล้วเลยตั้งให้เยอะขึ้นนี่ครับ
onedd.net
onedd.net
ตั้งอะไรหรือครับ
ฮ่าๆๆ ขอโทษทีครับ
ตอนแรกเหมือนจะให้หนึ่งหน้ายาว 50 - 100 ความเห็น แล้วก็เกิดปัญหานี้ขึ้นก็เลยปรับให้มันเยอะขึ้น
onedd.net
onedd.net
ผมเอาประเด็นนี้ไปคุยกับแม่บ้าน...เป็นเรื่องเลยครับ ประหนึ่งสีเหลืองและสีแดง :)
แม่บ้านบอกว่า มันแพงไป แผ่นจิ๋วเดียวอะไรกันเป็นหมื่น ทำไมทีเกมส์มันแผ่นละแค่สี่ห้าร้อย
ผมอธิบายว่ามันเป็นค่าความคิด ราคานี้เค้าก็ซื้อขายกันทั่วโลกเท่ากันนะ
โดนตอกกลับมาว่า เหรอ งั้นชั้นก็จะใช้เถื่อน ๆ งี้หละต่อไป (แม่บ้านผมมีคอมเป็นส่วนตัว)
ราคาเท่ากัน...คิดได้ไง เงินเดือนโปรแกรมเมอร์อเมริกามันปีละเป็นล้าน ของไทยอย่างเก่งก็หลักแสน
ที DVD ยังแบ่งโซนได้ ขายบ้านเราสามร้อยกว่าบาท เรื่องเดียวกันมีซับด้วย ทำไมทำขายได้
....
ไม่รู้จะเถียงยังไงครับ ช่วยที เถียงแพ้แล้วเสียหน้า T_T
แม่บ้านจ๊าบมาก มีเปรียบเทีียบกับเรื่องการแบ่งโซนของ DVD ด้วย ... เจอแบบนี้นึกไม่ออกว่าจะช่วยยังไงเลยแฮะ ^^"
เริ่มหลายเรื่องแล้ว
ก็พอเข้าใจปัญหาเลยครับ
พอคนนึงท้วงเรื่องลิขสิทธิ์อย่างนึงอีกคนก็จะชี้อีกเรื่องนึง
เช่น คนนึงโหลดแต่ mp3 ฟัง แล้วซื้อแผ่นหนังแท้ดู
อีกคนโหลดแต่หนังมาดูแล้วซื้อซีดีเพลงแท้
2 คนนี้ทะเลาะกัน 10ปีก็ไม่เสร็จ
สรุปแล้วตอนนี้คงมีไม่กี่คนในโลกที่จะสามารถตำหนิคนอื่นเรื่องลิขสิทธิ์ได้เต็มปาก ฮา...
คิดเหมือนกันเลย ทุกคนมองปัญหาที่เป็นเวคเตอร์ แต่ใช้ norm มาเปรียบเทียบ แล้วบอกว่ามันเหมือนกันกันทุกประการ ทั้งที่สิ่งที่เหมือนมันแค่ norm
หรือว่าผมบ้าไปเอง :P
อืมแล้วถ้าผมคิดแบบนี้ละ ถ้าเรายังไม่มีรายได้เอง
ถ้าโปรแกรมไหน มี Freeware ที่ดีผมก็ใช้ไป
แต่ถ้าโปรแกรมไหนไม่มีแล้วจำเป็นต้องใช้งานก็คงต้องพึ่งของเถื่อนซักหน่อย
ผมกะว่าถ้าทำงานมีรายได้เองแล้วจะพยายามปรับไปใช้ของแท้มากขึ้นเรื่อยๆ นะครับ
เพราะตอนนี้ ค่าขนมหักค่าใช้จ่ายแล้ว ยังเหลือยังไม่ถึงเดือนละ 500 เลยครับถ้าจะให้สอยทั้ง
MS office หรือโปรแกรมที่ต้องใช้ทำงานพวก Adobe Acrobat และ SPSS
ผมคงไม่เหลือเงินไว้กินข้าวกลางวันเป็นแน่แท้ แต่ผมก็ตั้งใจว่ามีรายได้เองเมื่อไหรก็พร้อมจะจ่ายเงินเพื่อ ซื้อของลิขสิทธิ์ครับ
ปล.ผมยังเป็นนศ ครับ ไม่มีรายได้ใดๆเป็นของตัวเอง ขอตังพ่อ แม่ใช้อย่างเดียว
ปล.2 Open office นี่มันมี Fuction ที่จำเป็นครบมั้ยครับสามารถทำงานได้โดยไม่ต้อง Online ได้มั้ย และสามารถแชร์ไฟลกับเพื่อนที่ใช้ MS Office ได้อย่างสมบูรณ์มั้ยครับ
พอดีพึ่งเห็น ความเห็นท่านอื่นๆเกี่ยวกับ เรื่อง open office ถ้าได้จะเริ่มโหลดมาลองใช้เพิ่มดูครับ
เรียนอยู่น่ะครับ
ผมมองว่า บางที นักศึกษาที่ไม่มีรายได้เนี่ย บางทีบริษัทซอฟท์แวร์ก็น่าจะเสนอให้ใช้โปรแกรมฟรีนะ
แบบของไมโครซอฟท์ co กับคณะผม โหลดพวก VS2008 ได้ฟรี
เพราะต่อไปถ้า นศ ใช้ tools นั้นๆจนชิน
ก็ต้องซื้อมาใช้ตอนทำงานอ่ะครับ
ตามสถาบันการศึกษาส่วนใหญ่ก็มักจะทำ academic program กับ Microsoft, Adobe หรือ Cisco อยู่แล้วครับ เพียงแต่ว่าจะมากจะน้อยหรือเปล่านั้นอีกเรื่อง ส่วนใหญ่เรามักจะไม่รู้กัน
อีกอย่างส่วนลดของตามสถาบันการศึกษามักจะได้ส่วนลด 80% ของราคาเต็มด้วยซ้ำครับ (เช่น Microsoft)
VS2008 Express นี่ก็เพียงพอต่อการนำไปเรียนแล้วครับ ผมทำ project ส่งอาจารย์ตอนปี 2-3 ก็ใช้ Express เช่นกันครับ
Ford AntiTrust’s Blog | PHP Hoffman Framework
ตอนเรียน ก็ได้ใช้ Software ของ IBM เหมือนกันนะคะ IBM rational software โดย IBM ให้ license มาสำหรับสถานศึกษา พอใช้แล้วก็ชิน พอเรียนจบมาก็รู้สึกอยากให้บริษัทซื้อบ้างจัง แต่คงต้องให้มีคนใช้หลายๆ คนก่อนค่ะ ซึ่งสนับสนุนนะคะ หากเริ่มต้นที่สถานศึกษาก่อน ก็น่าจะดี
แต่ไม่ใช่ว่า ใช้จนชิน จนคุ้นเคยแล้ว พอเรียนจบ กลับไปใช้ของเถื่อน สรุปก็ไม่แก้ปัญหาเหมือนเดิม
ดังนั้น นอกจากให้ความสะดวกสบายแล้ว ต้องปลูกฝังจิตสำนึกด้วย
บลอกของ natty
บลอกของ natty
ผิดก็ผิด ถูกก็คือถูก
เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงข้อนี้ได้ครับ และสำหรับบางเรื่องความถูกผิดก็ไม่ขึ้นกับมุมมองด้วยแต่เป็นเรื่องของความจริง ดังนั้นจึงไม่เกี่ยวกับเหตุผลส่วนตัวของแต่ละบุคคล
ใครก็ตามที่บอกว่าสามารถละเิมิดลิขสิทธิ์ผู้อื่นได้เพราะความจำเป็นหรือเหตุผลส่วนตัว คน ๆ นั้นก็ควรจะยอมรับด้วยว่าการใช้เหตุผลเหล่านั้นทำอย่างที่ตัวเองต้องการมันเป็นสิ่งที่ผิด และไม่ควรจะโวยวายเมื่อมีคนอื่นมาบอกว่าคุณผิดเพราะนั่นคือสิ่งที่คุณเป็นอยู่จริง ๆ
ถ้าคนจนทุกคนบอกว่าไม่มีข้าวจะกิน ต้องปล้นฆ่าชิงข้าวของจากคนอื่นมา ยังจะมองว่าคน ๆ นั้นมีสิทธิ์ที่จะำทำได้เพราะเค้ามีเหตุผลอยู่อีกหรือเปล่า?
That is the way things are.
ชักร้อนๆ เหมือนถามว่า โดนัทมีรูคือโดนัทหรือเปล่า...
ถกกันจนยาว= =
ข้อนี้ผมตอบได้ๆ เพราะแฟนผมชื่อโดนัท :P
อ่า แล้วมีรูมั้ยครับ เงอะะะะ
//ถีบๆ เป็นมนุษย์ก็ต้องมีรูสิวุ้ย :P
วันนี้สมองทำงานดี ขอหลุดโลกซักหน่อยนะ หุหุหุ
ขอเสนอ The conspiracy theory of the piracy software !
หากนับจำนวนซีพียูและเมนบอร์ดที่ขายออกไปได้ทั้งโลก จะพบว่ามันไม่สมดุลเป็นอย่างมากกับจำนวน Windows ลิขสิทธิ์ที่ขายได้ ใครจะบอกว่าเอาไปใช้กับ Linux หรือ OS อื่นๆ มันก็จริงแค่ส่วนนึง เพราะหากดูผลสำรวจเรื่องปริมาณ OS ที่ใช้กัน จะพบว่าเป็นสัดส่วนเล็กน้อยเมื่อเทียบกับ Windows
เมื่อไปนับจำนวนซีพียูที่อินเทลขายออกไปได้ จะพบว่ามากกว่าจำนวน Windows ลิขสิทธิ์ + Linux + OS อื่นๆ เยอะมากๆ
คำถามคือ ซีพียูที่เหลือนี้หายไปไหน ... Piracy! ย่อมเป็นคำตอบ
ดังนั้น มันต้องเป็นการสมคบกันระหว่างผู้ผลิตฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์แน่ๆ ! โดยอินเทลแอบจ่ายเงินหรือให้การอุดหนุนไมโครซอฟท์ในทางลับๆ เพื่อไม่ให้เอาจริงเอาจังเรื่องซอฟต์แวร์เถื่อนกับผู้ใช้บ้านๆ มากนัก
ผลก็คือทำให้อินเทลผลิตซีพียูขายได้ตามสบาย ไมโครซอฟท์ก็ได้เงินมาเปล่าๆ เพราะจะให้ไปไล่จับผู้ใช้ตามบ้านย่อมเสียเวลาเสียเงินงบประมาณไปมาก สู้นอนรอเงินอินเทลดีกว่า //ฟันธงงงง
ผู้ใช้บ้านๆ ก็ยังแครกกันสนุกสนานต่อไป ผู้ใช้ตามบริษัทก็โดนขูดรีดโดนค่าปรับกันต่อไป ^^"
เอ่อ... วันนี้จินตนากามบรรเจิด ขอปลดปล่อยหน่อยเน้อ เขียนสนุกๆ อย่าถือเป็นจริงเป็นจัง :P
...ใช้สมองมากท้องชักหิว อีกเกือบชั่วโมงจะเลิกงาน แต่แอบโดดงานไปหาของกินดีกว่า ^^
น่าสนใจดีครับ
บรรเจิดๆ
เอ่อ จริงแฮะ อิอิ
ฮ่าๆ เป็นไปได้นะเนี่ย
บลอกของ natty
บลอกของ natty
ใช่เลย!
แบ่งย่อหน้าใหม่ให้แล้วนะคะ และก็เพิ่มหัวตัวหนาด้วย ไม่รู้ว่าจะดูง่ายขึ้นหรือเปล่านะคะ
ก่อนหน้านี้ก็ทำแบบนี้แหละ แต่รู้สึกว่าย่อหน้ามันเยอะ เลยจับมารวมกัน
แนะนำด้วยค่ะ
บลอกของ natty
บลอกของ natty
เข้ามาลงชื่อ :D
บ่น บ้า บอ ไร้สาระสุดๆ ต้องที่ Suntiwong.net เท่านั้น
iauuu.com
วันก่อนบ่นกะแฟนว่าเนี่ยที่บริษัทใช้ของเถื่อน ไม่ลงทุนเลย ใช้ไม่ได้ ทำธุรกิจแท้ๆ แย่ๆ
มันดันตอบกลับมาว่า เค้าก็ต้องเอากำไรสิ ถ้าให้เค้าใช้ของจริงแพงๆ แล้วมาลดเงินเดือนคุณเอามั๊ยหล่ะ
อึ้ง กะคำตอบมัน แต่ก็ไม่พอใจธุรกิจที่ไม่ใช้ของแท้อยู่ดีอ่ะ
เรื่องต้นทุนทางบัญชีมันพูดยากครับ ไหนจะประเด็นทางภาษีอีก เรื่องลดเงินเดือนเพราะค่าซอฟท์แวร์นี่มันท้าย ๆ ของเรื่องราวเลยครับ ยิ่งผู้บริหาร รวมถึงนักบัญชีที่มองไม่เห็นความสำคัญของลิขสิทธิ์ด้วยแล้ว ต่อให้เอากฎหมายไปบีบคอเค้า ถ้าเค้าหาทางเลี่ยงได้ รับรองเงินส่วนนี้ไม่มีวันได้กระเด็นแน่นอน
บางครั้งเราที่เป็นตัวแทนจำหน่าย แต่ไม่ได้จำหน่าย sw โดยตรง
คือสมัครตัวแทนจำหน่าย hw แล้วเขาก็พ่วงจำหน่าย sw มาด้วย
ผมเห็น price list แล้วแทบจะเป็นลม คำย่อเยอะมาก
แค่ Microsoft Windows XP ก็เกือบ 20 รายการ
ส่วนของ SERVER เนี้ยแต่ละตัวเยอะมากๆๆๆ เอาแบบว่างงตึบไปเลย
และพิมพ์ด้วยอักษรเล็กๆต้องเอาแว่นขยายดู..
ผมจะรู้ไหมเนี้ยว่าผมต้องขายตัวไหนให้ลูกค้า OEM COA 5CAL และอีกเยอะแยะมากมาย
เวลาลูกค้าติดต่อขอซื้อมาทีก็ปวดหัวทีครับ เพราะข้อมูลพวกนี้ทาง microsoft ก็ support ได้ไม่ค่อยดีนัก เอกสารที่ทำแจกมาก็ไม่ชัดเจน บางทีก็ไม่ค่อยอยากขายครับ
แนะนำลูกค้าติดต่อเจ้าอื่นไปเลย
ตัวผมตอนนี้จะย้ายไปใช้ ubuntu แล้วครับ แต่ผมติดโปรแกรม Dreamvaver มากๆ
กำลังมองหาตัวที่สามารถใช้แทนกันได้
ปล. ตอนนี้ ms ช่วยร้านเน็ตโดยขายราคาถูก 1499 รวม vat แล้ว
windows xp pro ผมว่าหากขายราคานี้สำหรับหน่วยงาน office ไม่ใหญ่มาก
เป็นราคาที่น่าจะมีคนซื้อเยอะขึ้นแน่นอนครับ แต่ติดอยู่ที่ MS บอกว่าราคาเดียวกันทั่วโลก..
ทั้งที่ค่าเงินมันไม่เห็นจะเท่ากันซักหน่อย และ Windows เราใช้ภาษาไทย คนที่นุนคงไม่ซื้อไปใช้หรอก
ปล. ตอนนี้ ms ช่วยร้านเน็ตโดยขายราคาถูก 1499 รวม vat แล้ว windows xp pro ผมว่าหากขายราคานี้สำหรับหน่วยงาน office ไม่ใหญ่มาก
เออ จริงหรือเปล่าครับ ขอรายละเอียดหน่อยครับ
(หวังว่าคงไม่ใช้แบบที่ขายกันที่เป็นมือสองน่ะครับ)
ผมยืนยันว่าจะใช้ของเถื่อนทุกอย่างจนกว่าจะทำงานเก็บเงินเองได้ครับ ได้ตังจากแม่เดือนละ 3 พัน ไม่มีปัญญาซื้อครับ ไม่ได้เดือดร้อนใคร ไม่ได้ทำให้ใครตายครับ
ไม่ได้ทำให้ใครตายก็จริง แต่ว่าทำให้คนอื่นเดือดร้อนมีแน่นอนค่ะ
อย่างน้อย คนทำมาเหนื่อยแทบตาย แต่ไ่ม่ได้ตังส์
ก็เหมือนกับทำงานเกินเวลา แต่ไม่ได้โอที (กลายเป็นโอฟรีไป)
หรือว่าทำรายงานกลุ่ม ทำอยู่คนเดียว แต่ต้องใส่ชื่อคนอื่นไปด้วย (โดนแอบอ้างผลงานด้วยซะงั้น)
อะไรประมาณนี้นะคะ
เพราะงั้นถ้าคิดแบบน้องเนี่ย เห็นแก่ตัวไปนะคะ เพราะถ้าคิดแบบนี้ ถึงจะทำงานมีเงินเดือนพี่ว่าน้องก็ไม่ซื้อของแท้หรอกค่ะ
ถ้าจำเป็นต้องใช้ ก็ใช้ได้ค่ะ แต่อย่าลืมมีจิตสำนึกหน่อยนะคะ
โอ้... ดอกไม้ดอกที่สามกลางดงโจร :P
ผมยืนยันว่าถ้าทำงานได้ใช้ของแท้ครับ เพราะ software ที่ผมใช้เถื่อนทุกวันนี้ ถึงจะใช้ได้ก็จริง แต่เรื่อง support นี่ ไม่มีเลยครับ โปรแกรมที่ผมใช้หลายตัว จำเป็นต้องการ update เพื่อจะใช้งานได้ราบรืน ผมจะเก็บตังไว้อย่างส่วนนึงแน่นอน แต่ตอนนี้ยืนยัน นอนยัน ยังไงก็จะใช้ของเถื่อนครับ เหตุผลเพราะไม่มีตัง อย่างเดียวครับไม่มีข้ออ้างใดๆทั้งสื้น ส่วนที่ไม่ใช่ฟรีแวร์เพราะว่าคุ้นเคยแล้วครับ ไม่อยากไปวิ่งจุดสตาร์ตใหม่ รักสบายครับ ที่เครื่องมี freeware 2 ตัว คือ notepad++ กับ filezilla
ดีมากครับ ผมจะเอาข้อความนี้ไป Quote ทุกๆบอร์ด IT เลยครับ เรื่องลิขสิทธิ์....
เห็นเค้าก็ใช้กันทั่วโลกนะ
แล้วมันก็มี Anti Virus ที่อัพเดตได้ด้วย
บาง Community มีสมาชิกเป็นล้านเลย
แหล่งค้นหาส่วนใหญ่ก็มาจากกูเกิลนี้แหละ
อย่างเช่น กรณีของ Thaigle
Thaigle
เปลี่ยนไม่ได้ หรือ ไม่ได้เปลี่ยน เลยหาข้ออ้างสารพัดมาบอกว่าเปลี่ยนไม่ได้
ผมว่าปัญหาลิขสิทธิ์ที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ (เฉพาะ Software น่ะครับ)
มีส่วนหนึ่งที่ทุกคนอาจจะมองข้ามไป ก็คือ ผู้บำรุงรักษา
ผู้บำรุงรักษา ในที่นี้คือ ผู้ผลิตเอกสารต่างๆ เช่น หนังสือ วารสาร เป็นต้น
ผมว่าถ้าทุกคนไปดูที่ชั้นหนังสือของร้านหนังสือ จะเห็นได้ว่าหนังสือคอมพิวเตอร์ เกือบ 100 % เป็น Software ที่มีลิขสิทธิ์ทั้งนั้น อย่างที่เห็นเยอะก็ PhotoShop, Dreamwever, Office
อาจจะเพราะว่าเป็นโปรแกรมที่ใช้งานได้ง่าย แต่ผู้เขียนไม่ได้คำนึงถึงว่า ผู้ซื้อหนังสือของท่านไปนั้นจะต้องไปใช้งานตามที่ท่านได้เขียนไป(ฝึกทำตามหนังสือ) ซึ่งก็ต้องใช้โปรแกรมนั้น แต่ผู้เขียนไม่ได้คำนึงถึงว่าผู้ที่ซื้อไปนั้นจะเอาโปรแกรมมาจากไหน
ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยว่าผู้ซื้อหนังสือจะลงทุนไปซื้อโปรแกรมที่ถูกต้องมาใช้งาน ดังนั้นผู้ซื้อหนังสือก็เลยใช้โปรแกรมเถื่อน
(ไม่แน่ว่าผู้เขียน ก็ใช้ของเถื่อนอยู่ก็เป็นได้)
ผมว่าถ้ามีผู้เขียนที่ทำหนังสือเกี่ยวกับการใช้งาน Software ที่เป็น OpenSource หรือว่า FOSS
การใช้งานโปรแกรมเถื่อนก็จะลดลงไปบ้าง
ผมเห็นหนังสืออยู่ไม่กี่เล่มครับ ที่เป็น OpenSource
ถ้าผมเชี่ยวชาญโปรแกรม OpenSource ผมก็ไม่พลาดที่จะออกหนังสือ คู่มือ OpenSource ออกมาอย่างแน่นอน
ขอร้องล่ะครับ ใครเก่งๆ ก็เขียนหนังสือออกมา สู่สารธารณะชนด้วยน่ะครับ
(ขอ คู่มือ LaTeX ภาษาไทยด้วยครับขอแบบว่าอ่านแล้วทำ thesis ได้เลย)
เห็นด้วยมากๆ ค่ะ
คนไม่ใช้ FOSS เพราะใช้ยาก หาคู่มืออ่านยาก เป็นภาษาไทยก็น้อย ถ้ามีเอกสารให้อ่านเยอะ มีคนรู้เยอะ คนสอนเยอะ คนใช้เยอะ ก็จะลดโปรแกรมเถื่อนไปได้มากเลยค่ะ
บลอกของ natty
บลอกของ natty
นี่ก็อีกสาเหตุนึงที่ผมคิดว่าถ้าซอฟท์แวร์ฟรีมันหน้าตาเหมือนโปรแกรมที่ใช้อยู่ทั่วไปอยู่แล้ว อะไรๆก็อาจจะง่ายขึ้น
แต่ก็นะ ไม่ว่าจะ แก้ UI โปรแกรม หรือ เขียนหนังสือเฉพาะ
ก็ไม่ค่อยมีคนทำทั้งสองเรื่องนั่นแหละ
กระทู้นี้ hot จริงๆ
พออ่านความเห็นในนี้ แล้วได้ความรู้ และได้ทางออกดีๆ เยอะเลยครับ...
...นี้ละครับ ทางออกที่ถูกต้อง ไม่ต้องไปละเมิดตามลิขสิทธิ์เค้าครับ.
ถ้าเริ่มจาก ตัวเราเองได้ก่อนก็น่าจะดีขึ้นครับ...
...ส่วนในวงการธุรกิจ นี้ลำบากเหมือนกันต้องช่วยๆ กัน
...เขียนบทความให้ความรู้ด้าน Open Source ให้มากๆ ขึ้นครับ.
ในบริษัทผมเองก็ยังไม่สามารถจะใช้ Open source ได้ 100% เลยครับ...
...อ่านแล้ว อย่างน้อยก็พอเห็นช่องทางที่จะปรับเปลี่ยนไปใช้ให้มากๆ ขึ้นครับ.
ก็ได้แต่หวัง... เหมือนที่เคยเป็นมา คือ อยากให้หันมามอง FOSS เป็นที่แรก ในเวลาที่มองหาทางเลือกอื่น ๆ ที่ยังไม่เคยลอง ถ้าลองลดกำแพงที่ขวางในความคิดว่า "มันต้องยาก" "มันต้องดูไม่รู้เรื่อง" "เราไม่เก่งคอมฯ จะใช้ได้หรือ" ออกไป ก็คงพอจะทำให้ได้มาสัมผัสกับสิ่งใหม่ ๆ บ้าง แต่ถ้าไม่สามารถทำได้ ก็เป็นเรื่องปกติ ที่ต้องยอมรับสภาพด้วยตัวเอง บางทีผมเห็นเพื่อน ๆ แล้วก็เหนื่อยแทน เครื่องคอมฯ มีไว้เพื่อติดไวรัส และก็ตามฆ่าไวรัส วัน ๆ ไม่ต้องทำอะไร แค่ปัญหาเหล่านี้ ก็หมดเวลาทำงานแล้ว :P
ผมเป็นคนหนึ่ง ในอีกหลาย ๆ คน ที่หันมาใช้ FOSS และพูดได้ว่า ถ้าไม่มีใครมาบังคับให้ผมต้องทำอย่างนั้น อย่างนี้ โดยซอฟต์แวร์นั้น ซอฟต์แวร์นี้ ผมก็ 100% FOSS เพราะ
OS ที่ผมใช้ก็ Debian GNU/Linux งานที่ทำประจำก็เป็น Network/Server และเป้าหมายต่อไป คือ ตัวผมเองเริ่มพัฒนา FOSS เพื่องานที่ผมมีหน้าที่รับผิดชอบ และเผยแพร่ให้คนอื่น ๆ ที่มีหน้าที่รับผิดชอบ คล้าย ๆ หรือเหมือนผม ได้ใช้กัน
"ทุกอย่าง ขึ้นอยู่กับตัวเรา คนอื่น ๆ ก็แค่สิ่งแวดล้อม!"
Neutron: Linux Addict!
อ่านแล้วอึ้งๆงงๆ ไม่รู้จะตอบว่าไงเลยขอยกเป็นข้อๆนะครับ
ยิ่งอ่านก็ยิ่งคิดว่านี่เป็นแค่โฆษณาชวนเชื่อเพื่อใช้ของลิขสิทธ์ใช่ไหมเนี่ย
ผมเห็นด้วยกับการใช้ซอฟท์แวร์ถูกลิขสิทธิ์ แต่ไม่เห็นด้วยกับบทความนี้ครับ
LongSpine.com
-การโยงว่าของปลอมนั้นอันตรายเสมอไปก็อย่างนึง
-การอ้างอิง น่าจะอ้างอิงแหล่งที่มาที่สามารถเข้าถึงได้ด้วย (ไม่ใช่บอกแต่ชื่อ กับคนแต่ง) มันทำให้ไม่น่าเชื่อถือ
บทความเป็นของนักศึกษา AIT ที่เพิ่งจบไปเมื่อปีที่แล้ว ไม่ได้อัพขึ้นที่ไหนเลยเพราะเป็นสมบัติมหาลัยค่ะ ไม่ด้ตีพิมพ์เผยแพร่ ไปหาอ่านได้ที่ห้องสมุด AIT ค่ะ
-การยกแต่ราคาซอฟท์แวร์ราคาถูกมานั้นทำให้เรามองข้ามข้อเท็จจริงว่า ซอฟท์แวร์ราคาแพงนั้นมีอยู่มาก
แล้วถ้ายกมาแต่ซอฟท์แวร์แพงๆ คนจะอยากกลับมาใช้ของถูกลิขสิทธิ์เหรอคะ? ไอ้เรื่องซอฟท์แวร์แพงเค้ารู้กันอยู่แล้ว แต่ไอ้เรื่องซอฟท์แวร์ถูก น้อยคนนะคะที่รู้ สุดท้ายก็มาอ้างเสมอ แพงจะตาย ใครจะซื้อ ขโมยเอาง่ายกว่า
-สุดท้ายโยงเข้ากับบริการหลังการขาย โดยมองข้ามว่าบริการเหล่านั้นมันมีทั้งดีมากและบางทีก็ไร้ประโยชน์ไป
สรุปว่าก็ยอมรับใช่ไหมว่าบางทีก็ดี อย่างน้อยก็ดีกว่าของขโมยมาที่ต้องหลบซ่อนใช้ บริการหลังการขายบางคนก็เอามาได้ เพราะขโมยมาเหมือนกัน
-ยิ่งอ่านก็ยิ่งคิดว่านี่เป็นแค่โฆษณาชวนเชื่อเพื่อใช้ของลิขสิทธ์ใช่ไหมเนี่ย
ไม่ใช่ค่ะ จริงๆ ต้องการให้ใช้ของ
ไม่ผิดกฎหมาย
คุณจะใช้ด้วยวิธีใดก็ตาม จะซื้อเอา หรือจะใช้ FOSS หรืออะไร มันสิทธิของคุณ แต่ไม่ใช่ว่า
ขโมย
และก็อย่าเรียกว่าโฆษณาชวนเชื่อค่ะ เรียกว่าเป็นการชักชวน และชี้ให้เห็นประเด็นว่าทำไมควรเปลี่ยนมากกว่า
ถ้าพูดแต่เรื่องจิตสำนึก ยังมีคนอีกเยอะมากค่ะที่คิดไม่ได้(อันนี้ไม่รวมถึงผู้ที่ใกล้ชิดกับวงการไอทีและรู้ว่าขโมยมามันไม่ดี) ลองไปอ่าน mthai สิคะ ขนาดชี้ให้เห็นข้อเสียแล้ว ยังไม่เห็นคิดอะไรได้นอกจาก ด่าคนที่ลงซอฟท์แวร์เถื่อนแล้วเจอไวรัส ว่ามันโง่
ขอบคุณค่ะ
บลอกของ natty
บลอกของ natty
ตรงนี้ผมว่ามันควรพูดถึงแหล่งที่มาให้ชุดเจนกว่านี้ครับ อย่างบอกว่าอยู่ในห้องสมุดอย่างในคอมเมนต์ก็ชัดเจนขึ้น ไม่เช่นนั้นมันจะกลายเป็นการอ้างเอกสารที่จับต้องไม่ได้ ผมไม่ทราบว่าการอ้างอิงของบทความที่ไม่ได้รับการตีพิมพ์นั้นเขาทำกันอย่างไรบ้าง แต่ผมว่าการบอกแค่นี้มันอาจไม่เพียงพอต่อการค้นหา (ว่าแต่มันไปอยู่ในห้องสมุดได้อย่างไรถ้าไม่ได้พิมพ์รวมเล่ม?)
อย่างไรก็ตามมันไม่ได้เกี่ยวกับตัวบทความเท่าไหร่ ผมตั้งใจบอกเพราะผมรู้สึกสงสัยเท่านั้นครับ
ผมว่ามันเป็นการชักจูงให้มองข้ามรายละเอียดครับ ถ้ายกตัวอย่างซอท์แวร์ราคาแพงมาแล้วจะเชิญชวนได้ไหม ผมว่าผมไม่รู้ เพราะการใช้ของลิขสิทธิ์มันไม่ได้อยู่ที่ว่ามันแพงหรือไม่แพงเพียงอย่างเดียว
หลายๆคำพูดผมคิดว่าอาจต้องมีการเน้นด้วยซ้ำ เช่น Gimp กับ Photoshop มีความสามารถ"เท่าเทียมกัน" เพราะคำนี้มันกำกวม แต่ผมว่าบทความนี้อาจไม่ต้องการจะใส่ความไขว้เขวให้กับตัวเองเท่าไหร่ เพราะอาจชักจูงผู้อ่านไม่ได้ ตรงนี้ที่ผมอยากชี้ว่ามันไม่ถูก
ใช่ว่าซอฟท์แวร์ของเถื่อนจะแย่กว่าเสมอไปนะครับ เช่นระบบ DRM หรือ Steam ที่ทำให้ผู้ที่เป๋็นเจ้าของของแท้หลายๆคนต้องไปหาของปลอมมาใช้แทน
และที่ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นโฆษณาชวนเชื่อก็เพราะว่าบทความพูดถึงแต่ข้อดีของซอฟท์แวร์ ซึ่งข้อดีหลายๆอย่างมันก็ยังน่าสงสัยอยู่ เช่น"ราคาถูก" "บริการดี" ส่วนข้อเสียก็มองข้ามไป
ผมเข้าใจว่าคุณอยากชักชวนให้ใช้ซอฟท์แวร์ลืขสิทธิ์ ผมเองก็ไม่ชอบนักที่เห็นคนรอบข้างใช้ของเถื่อน แต่ผมคิดว่าผมควรให้เหตุผลที่ถูกต้องแก่เขา พูดกันตรงๆไม่มีเงื่อนงำ ผมคัดค้านวืธีการชักจูงโดยข้อมูลด้านเดียวแบบนี้
อย่าโกรธผมนะครับที่ต้องการจะสื่อตรงๆ
LongSpine.com
http://www.sangaban.org <=== เค้าทดสอบออกมาแล้ว ในชุมชนนี้สามารถอยู่ได้ ถ้าหากว่าไม่มีซอฟแวร์เถื่อน
ก็ค่อยๆแก้กันไปครับ , เรื่องทัศนคติ ไม่ใช่ปัญหาที่จะสามารถแก้ได้ในเวลาข้ามคืน ,
น่าดีใจครับ ที่อย่างน้อยวันนี้หลายคนก็เริ่มตระหนัก , ผมเชื่อว่าเป็นสัญญาณที่ดีครับ ,
Pages