นับตั้งแต่การเปิดตัว XPS รุ่นหน้าจอเกือบไร้ขอบในปี 2015 ที่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ XPS ทาง Dell ก็แทบคงดีไซน์หลักเอาไว้ตลอดและปรับปรุงย่อยเป็นหลัก ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของรุ่นปี 2018 นี้ถึงแม้จะยังคงไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แต่ก็ค่อนข้างเห็นได้ชัดจากทั้งดีไซน์และสีใหม่ ไปจนถึงพอร์ทที่เปลี่ยนเป็น USB-C ทั้งหมด
Dell XPS 13 รุ่นปีนี้จะใช้รหัสรุ่น 9370 โดยรุ่นที่ถูกนำเข้ามาขายในไทยมี 3 รุ่นย่อย จากทั้งหมด 4 รุ่น และรุ่นที่ Dell ประเทศไทยไม่ได้เอาเข้ามาขายคือรุ่นล่างสุดที่ใช้ Core i5-8250U แรม 4GB SSD 128GB
ส่วนรุ่นที่ Blognone ได้รับมารีวิวเป็นรุ่นท็อป ใช้ซีพียู i7-8550U แรม16GB SSD 512GB หน้าจอทัชสกรีนความละเอียด 4K UHD (3840 x 2160) ส่วนสีที่ได้มาเป็นสีดำ ฝาหลัง Platinum
ดีไซน์ภายนอกหากมองผ่านๆ แทบจะไม่แตกต่างจากเดิมมากนัก ฝาหลังยังคงเป็นอะลูมิเนียม ซึ่งโทนสี Platinum ค่อนข้างคล้ายคลึงกับสีของ MacBook Air / MacBook Pro รุ่นเก่า ให้ความรู้สึกค่อนข้างพรีเมียม
ด้านข้างของตัวเครื่องเป็นจุดที่แตกต่างจากรุ่นเก่า คือถูกออกแบบใหม่ให้มีความบางมากขึ้น แต่ยังคงทรงลิ่มไว้เช่นเดิม ส่วนปัจจัยที่ทำให้เครื่องสามารถบางลงได้ก็มาจากพอร์ทด้านข้างที่เปลี่ยนเป็น USB-C ทั้งหมด และทุกพอร์ทรองรับการชาร์จไฟ โดยด้านซ้ายเป็น Thunderbolt 3 สองพอร์ท ส่วนด้านขวาเป็น 3.5 มม., USB 3.1 และ microSD
ด้านท้องเครื่องยังคงดีไซน์แบบเดิม มีรูระบาดอากาศให้ด้วย (ไม่รวมช่องระบายอากาศที่บริเวณข้อพับหน้าจอ)
ด้านในตัวเครื่องในส่วนของสีดำนั้นยังคงใช้วัสดุเดิมคือคาร์บอนไฟเบอร์ ป้องกันรอยขีดข่วน (วัสดุใหม่จะเป็นรุ่นสีขาวที่ชื่อ crystalline silica ซึ่ง Dell ระบุว่าของขาด ดีมานด์ทั่วโลกสูงกว่าซัพพลาย ไม่รู้ของจะเข้าไทยเมื่อไหร่) เช่นเดียวกับคีย์บอร์ดที่เป็นแบบ chiclet ฟูลไซส์ มาพร้อมไฟ backlit ปรับได้สองระดับ
ทัชแพดเป็น Precision Touchpad ปัญหาคือขนาดของทัชแพดที่ส่วนตัวรู้สึกว่าค่อนข้างเล็กไป ทำให้พื้นที่ในการกดและลากไม่เพียงพอ
กล้องเว็บแคมถูกย้ายเอามาไว้ด้านล่างตรงกลาง จากเดิมที่อยู่มุมซ้ายล่าง ทำให้ถึงแม้มุมจะยังคงเป็นมุมเงย แต่ยังเงยในองศาที่พอเหมาะและดูเป็นธรรมชาติมากกว่าอยู่มุมซ้ายเช่นเดิม ที่สำคัญคือรองรับ Windows Hello ด้วย
หนึ่งในปัญหาและความรู้สึกไม่เข้าใจส่วนตัวเมื่อใช้งานแล็บท็อปที่ไม่ใช่ 2-in-1 หรือพับได้ 180 องศาแต่มาพร้อมฟีเจอร์ทัชสกรีนคือจะมีมาให้ทำไม ถึงแม้ Windows 10 จะถูกออกแบบมาให้รองรับทัชสกรีน แต่ด้วย XPS เครื่องนี้พับไม่ได้ ก็แทบจะหา use case ของทัชสกรีนเลย
ส่วนหน้าจอ Infinity Display ความละเอียด 4K ยังคงเป็นจุดเด่นของ XPS 13 เช่นเดิม ภาพคม สดใส สามารถสู้จอ Retina Display บน MacBook Pro ได้อย่างไม่เขินเลย ดู Netflix ที่รองรับ HDR ได้เต็มๆ ที่สำคัญคือสามารถสู้แสงแดดได้ดี เล่นกลางแจ้งก็ยังเห็นหน้าจออยู่
ปัญหาเดียวที่พบเจอจาก Dell XPS 13 เครื่องนี้คือพอร์ทที่เป็น USB-C ทั้งหมด โดย Dell แถมมาให้แค่สายแปลง USB-C to USB-A อันเดียว ทำให้หากไม่ได้ใช้ MacBook หรือมีพอร์ทแปลงอยู่แล้วต้องเสียเงินหาเพิ่มเติม
ส่วนแบตเตอรี่จากที่ทดลองใช้มา อยู่ที่ราวๆ 10 ชั่วโมง ใกล้เคียงกับที่ Dell เคลมเอาไว้ตอนเปิดตัว แต่ก็ขึ้นอยู่กับความสว่างของหน้าจอที่เป็นปัจจัยสำคัญในการกินแบตเตอรี่ หากลดความสว่างลงก็ช่วยเพิ่มชั่วโมงการใช้งานได้ระดับหนึ่ง
ถือว่ายังคงระดับการเป็นอัลตร้าบุ๊คสายวินโดวส์ ที่เน้นความสวยงามของหน้าจอและการออกแบบไว้เอาเช่นเดิม อย่างไรก็ตามปัญหาของ Dell XPS 13 (2018) คือพอร์ท USB-C และราคาที่ค่อนข้างสูง โดยรุ่นต่ำสุดก็ปาเข้าไป 59,990 บาท แล้ว ขณะที่รุ่นท็อปที่ผมรีวิวราคาอยู่ที่ 79,990 บาท ซึ่งราคาอาจเป็นปัจจัยสุดท้ายที่ทำให้หลายๆ คนลังเลก็ได้
ข้อดี
ข้อเสีย
Comments
ทัชสกรีนจะว่าไปน่าจะต้องเป็นความเคยชินด้วยละมั้งครับเพราะผมก็เคยคิดแบบนั้น แต่ปัจจุบันตอนนี้หลังจากมาใช้พวกจอสัมผัสพฤติกรรมมันเปลี่ยนครับ มือมันจะไปใช้จอสัมผัสแทนก่อนตลอด(ยิ่งอ่านเว็บอะไรด้วยแบบนี้) เพราะหน้าจอมันกดง่ายขึ้นมากสมัยนี้ ปุ่มต่าง ๆ มันใหญ่ขึ้น ถ้ารู้สึกกดไม่ติดกดพลาดมือถือจะไปที่ทัชแพด
ผมนั่งใช้ lenovo รุ่นธรรมดา บางทียังเผลอเอานิ้วจิ้มจอเลยครับ Mac book pro ด้วย
ผมใช้ Surface pro บางทีผมยังลืมเลยครับว่าจอมันทัชได้
โอ้วววว 80K ราคาขนาดนี้ไป Macbook Pro 13" ดีกว่าไหมครับ
ไม่ดีกว่าครับ แม็คโปร 13 ถ้า configure ให้สเปคเหมือนกันมากที่สุดกลับราคาเกิน 9 หมื่นนะครับ แถมซีพียูได้แค่ dual core ขณะที่ dell quad core แล้ว จอเดลล์ก็ดีกว่า
ถ้าคนเขาไม่ได้ใช้โปรแกรมแมค ผมว่าก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้ไปใช้แมคนะครับ ไปใช้แมคได้ cpu เก่ากว่าแรมน้อยกว่าจอก็ละเอียดน้อยกว่า (เทียบแค่รุ่น13"นะครับ) ราคาก็ไม่ต่างกัน ไอ้ตรรกะที่ว่าราคาเท่ากันถอยแมคดีกว่าโดยไม่ดูการเอาไปใช้งานกับเรื่องๆอื่นๆนี่ตลกมากครับ แต่ผมก็ไม่ได้ว่าเดลมันถูกนะ แพงเหมือนกัน แต่แพงถูกแต่ละคนไม่เหมือนกันล่ะนะ
เหตุผลอยู่ที่ตัว logo Apple ตัวใหญ่ๆ ด้านหลังไงครับ
ถ้าออกสื่อบ่อยก็เหมาะเพราะมันจะสะกดจิตลูกค้าได้ระดับหนึ่ง
เห็นด้วยครับ ซึ่งถ้าคนที่จะซื้อของที่ราคาขนาดนี้ก็น่าจะมองข้ามเรื่องถูกเรื่องแพงไปแล้ว มองเรื่องการตอบสนองต่อการใช้งานเป็นหลักมากกว่า
อยากกดไลค์จัง น่ามีปุ่มไลค์เนอะ
อย่าลืมค่า Maintainance ด้วยนะครับ
Macbook Pro ตัวใหม่ พอถึงเวลา SSD เสื่อมแล้วต้องเปลี่ยนนี่อะไหล่โครตแพงเลยครับ
มันไม่ได้ใช้ M2 SSD แต่ใช้ของ Apple เลย ไม่มีอะไหล่ขายให้ซื้อมาเปลี่ยน
ต้องยกเข้าศูนย์อย่างเดียว
อันที่จริงรุ่นใหม่พี่แกบัดกรีติดบอร์ดเลยครับ เรียกว่าเสียละทิ้งเลยดีกว่า ค่าซ่อมต่ำๆน่าจะครึ่งนึงของค่าเครื่อง (แต่ผมก็ยังไม่เคยเจอ SSDเสื่อมนะ)
กำลังหาเครื่องสเปคทำงานหนัก แต่นอกจาก Surface Book 2 ที่ว่ากันว่าแพงนี่รู้สึกจริงๆ ที่สเปคเท่าๆ กันราคามันก็ไม่ได้หนีกันเท่าไหร่
Dell XPS ราคาบ้านเรานี้แบบ ........ แถมไม่เอารุ่นล่างมาอีก ....
ขอนอกเรื่องนิดหนึงครับ มีใครพอทราบบ้างว่า "mcAfee 15 months subscription" ที่แถมมากับตัวเครื่อง activate ยังไง? ผมใช้Dell inspiron 7460 ได้โทรไปถาม Dell support Thailand แต่ตอบไม่ได้แล้ก็โยนไปให้ mcAfee เมืองนอก (ให้เบอร์เมืองนอกมา) เหตุผลประมาณว่า mcAfee ไม่ support Dell แล้วแต่พวกใบโฆษณา laptop Dell รุ่นใหม่ๆยังเห็นเขียนโหษณาว่าแถม "mcAfee 15 months subscription" อยู่เลย
กล้องด้านล่างแบบนี้มันดีกว่าด้านบนเหรอ เห็นช่วงหลังๆ เริ่มย้ายมาด้านล่างกันหลายเจ้าล่ะ
มันทำให้ขอบจอบางสุดๆ ไงครับ ทำให้สวยดี
ส่วนสภาพหน้าตาคนในกล้องจะออกมาเป็นไง จมูกบานคางบวม คนที่ใช้ไม่บ่อยก็ไม่บ่น ส่วนคนที่กล้องเว็บแคมมีความสำคัญก็ควรไปใช้รุ่นอื่นที่กล้องไม่ประหลาดจะดีกว่า
มีอีกอย่างที่เปลี่ยนไปใน gen นี้คือ ตัวป้ายปิดซีเรียลหายไปแล้ว
Coder | Designer | Thinker | Blogger
เอากล้องไปไว้ขอบด้านล่าง แถมยังมีทั้งโลโก้ และกล้องอยู่ซ้อนกัน ทั้งๆ ที่ด้านข้างเหลือเยอะแยะเลย จะขยับโลโก้ไปไว้มุมใดมุมนึง นี่กลัวไม่สมมาตรสินะ
แต่จริงๆ จะซ่อนกล้องไว้ในตัวโลโก้ ก็น่าจะเก๋ดีออกนะ ตรงกลางตัว D ก็ได้ (หากกล้องตัวเดียวอ่ะนะ) แต่เอ๊ ทำไมใช้กล้องสองตัวหว่า ? จะว่าอีกตัวไม่ใช่รูกล้องแต่เป็นไฟ Noti แต่ดูแล้ว สองรูหน้าตาไม่เห็นต่างกันเลย?
กล้องสองตัวสำหรับ Windows Hello หรือเปล่าครับ
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
กับ
เพิ่มเติม thunderbolt pci-e 4 lane แล้วนะครับ ต่อ egpu ได้เลย
รอ ram16 จอ fhd ต่อไป
ของ US ก็ไม่มีคอนฟิคนี้ตั้งแต่รุ่นก่อนๆ แล้วครับ. :(
i7-8550U
เบ้ปาก มองบน
ทำใจนะครับ กระทั่ง Surface Book 2 ก็ U ?
ถ้า CPU 45W มีในรุ่น 15 นิ้วครับ
สวยงามตามเนื้อผ้าครับ
ສະບາຍດີ :)
ยังไงก็ไม่ชอบขอบจอบางๆเลยแฮะ ผมสายใช้ลุย ทำตกมั่งกระแทกมั่ง โชคดีที่ Macbook Air ขอบหนา กระแทกจนยุบเยินบิ่นจอยังไม่เป็นไร
ถ้าคิดราคา Macbook Pro + ประกัน Applecare เทียบกับ Dell XPS รุ่นใหม่ที่ให้ประกัน On-site 3 ปี ผมพอรับได้กับราคาของ Dell XPS นะครับ เพราะราคา Ultrabook ระดับพรีเมี่ยมอยู่ใน range นี้ทุกรุ่นอยู่แล้ว ไม่ได้แปลกอะไร
ผมนี่เปิดไล่ดูเครื่องที่แรงพอทำงาน เห็นว่ายี่ห้อนั่นแพงยี่ห้อนี้แพง เอาเข้าจริงราคาก็พอกันหมดทุกเจ้า ?
แพงขนาดนี้ ทำไมหน้าตาดูคล้ายๆ acer หมื่นกว่าบาทเลยครับ
วัสดุมันถูกๆไงไม่รู้อะครับ
ผมยังไม่เคยจับตัวจริงแต่ดูแค่ภาพนี่ผมว่าวัสดุมันก็ดูดีนะครับ หรือต้องเป็นโลหะถึงจะดูแพง?