Abhishek Singh เป็นนักพัฒนาที่ชอบทดลองอะไรใหม่ๆ และเทคโนโลยี AR ดูจะเป็นอะไรที่ดึงดูดใจเขาเอามากๆ หนึ่งในงานทดลองทำเล่น (แต่ไม่แน่ว่าอาจจะได้ทำขายกันจริงสักวัน) คือการสร้างเกมที่ใช้ระบบ AR แต่เกมที่ว่าไม่ใช่เกมแนวท่องโลกทำภารกิจแบบ Pokemon Go หากแต่เป็นเกมต่อสู้ Street Fighter
Singh สร้างเกม Street Fighter II ขึ้นมาใหม่ ตัวเกมดั้งเดิมนั้นออกมาตั้งแต่ปี 1991 และได้รับความนิยมไปทั่วโลก Singh เลือกเอาเกมเวอร์ชั่นนี้มาทำใหม่ให้เล่นได้กับ ARKIt ของ Apple โดยนำเอาโมเดลตัวละครแบบ 3 มิติจาก Street Fighter IV มาใช้ในเกม (เพราะ Street Fighter II ไม่มีโมเดล 3 มิติ) แต่ยังใช้เพลงประกอบจาก Street Fighter II เช่นเดิม
Street Fighter เวอร์ชั่น AR นี้สามารถเล่นแข่งกัน 2 คนได้ การควบคุมตัวละครนั้นก็เหมือนเกมต้นฉบับ แต่สิ่งที่แตกต่างคือภาพมุมมองที่ได้รับผ่านหน้าจอของผู้เล่น เพียงแค่เลือกพื้นที่เหมาะๆ อาจจะเป็นลานกว้างกลางแจ้ง, โต๊ะว่างๆ ไร้สิ่งของวางเกะกะ หรือมุมโล่งๆ ภายในบ้าน ก็สามารถจะเปลี่ยนมันเป็นลานประลองของยอดนักสู้ในเกมได้ทั้งนั้น
อย่างไรก็ตาม น่าเสียดายที่นี่เป็นแค่การทดลองสาธิตความเป็นไปได้ในการสร้างเกมกับ ARKit เนื่องจากงานนี้ไม่ได้รับสิทธิ์อย่างเป็นทางการจาก Capcom เจ้าของเกมต้นฉบับ Singh เองยังลังเลที่จะทำเกม Street Fighter เวอร์ชั่น AR นี้ให้สมบูรณ์ เพราะ Capcom ก็มีแผนที่จะทำเกมข้ามแพลตฟอร์ม และอาจจะทำเกมแบบ AR ของตัวเองออกมาในอนาคต
อันที่จริงแล้ว Singh เคยสร้างผลงานเกมแบบ AR ที่น่าสนใจ อย่างเมื่อปีที่แล้ว เขาได้สร้างเกม Super Mario Bros แบบเล่นด้วย HoloLens มาครั้งนี้กับการสร้างเกมให้เล่นได้ด้วย iPhone ยิ่งดูน่าสนใจและเท่ากับเปิดประตูแห่งโอกาสในการพัฒนาเกมเพื่อการพาณิชย์ได้จริงจังกว่าที่เคย
ที่มา - CNET, VentureBeat
Comments
ไม่ค่อยเข้าใจเหตุผลที่ต้องทำเกม ar เลยครับ ประสิทธิภาพการเล่นลดลงฮวบๆ แค่แลกกับทัศนวิศัยจริง
ก็ไม่ต้องเข้าใจ
ก็ไม่ต้องเล่น
เป็นธรรมดา เทคโนโลยีใหม่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้นครับ ทั้งคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และอื่นๆ เดี๋ยวเวลาผ่านไปมันก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ ครับ นี่ก็ดีขึ้นมามากแล้ว สำหรับนักพัฒนาตอนนี้มีแบบไหนก็ทำเท่าที่ทำได้ก่อนครับ เวลาทำออกมามันช่วยให้เขาได้เห็นศักยภาพและจุดอ่อนในเทคโนโลยีเท่าที่มี มันจะช่วยพัฒนาต่อไปได้เร็วๆ ขึ้นไปครับ ถ้ามัวแต่ research ไม่มำโปรเจกต์เป็นชิ้นเป็นอันออกมา ก็เหมือนกับนั่งเขียนโปรแกรมในกระดาษ ได้แต่จินตนาการแต่ไม่มีผลงานออกมาให้เห็นจริง
SPICYDOG's Blog
เห็นด้วยครับ
ลุยก่อนแก้ทีหลัง ไม่งั้นไม่เกิดซะที
พูดเหมือนเกมทำกราฟฟิก 3 มิติแรกๆเลยครับ ตอนนั้นก็พูดกันว่ามีแต่โพลีก้อนเหลี่ยมๆวิ่งไปวิ่งมา หรือตัวเหลี่ยมๆมาสู้ๆกัน จะไปดีได้ยังไง
แล้วตอนนี้เป็นยังไงก็คงจะรู้กันอยู่แล้ว
ผมไปผิดเรื่องแฮะ สงสัยเมื่อวานเปิดหลายแท็บแล้วงงครับ ขออภัยครับ
ผมว่าอันดับแรกไปทำความเข้าใจข้อแตกต่างของคำว่า"สมรรถนะ"กับ"ประสิทธิภาพ"ก่อนก็ดีนะครับ
ต้องต่อยอดด้วย AI วิเคราะห์วัตถุในฉากตามเวลาจริง ถ้าเลือกพื้นที่เป็นกลางถนนก็แบบว่าต้องคอยหลบรถที่วิ่งไปมา หรือให้คนจริงๆโดดเข้าฉากมาร่วมแจมได้ อะไรแบบนี้น่าจะสนุก
น่าจะทำ VR เลยนะ น่าจะโหด 555
แล้วก็มี VR สำหรับผู้ชมด้วย นั่งเชียร์กันมันเลย
VR ผมว่ามันง่ายนกว่าะครับ โลกใน VR เราคุมได้หมด ส่วน AR คุมไม่ได้ สภาพแวดล้อมหลากหลาย
Taken 7 ก็มีโหมด VR นะแต่ไม่ work เลย - -"
Strett Fighter => Street Fighter
ให้ได้แค่ภาพ แต่การเล่น ไม่สนุกอย่างแรก
ตัวละครเคลื่อนไหวแย่ เงอะงะ ต่อยตีอ่อนยิ่งกว่าเด็ก
ต้องตำหนิกันถึงขนาดนั้นเลยหรอคร้าบ... เค้าเสียใจนะ T_T
AR จริง ถ้าใส่แว่นเล่นน่าจะแจ่มกว่า ทำแล้วไปต่อยอดต่อคงสบายๆ
คงต้องพัฒนาอีกเยอะ
กว่าวางขายจริงๆ
ทำเป็น AR ซ้อนบน VR อีกชั้นให้เราสวมบทเป็นตัวละครในเกมส์ได้ ตัวละครซ้อนอยู่บนภาพจริงที่ฉายจากกล้อง คงมันส์พิลึก บ้านพังกันพอดี แต่ถ้าจะเวียนหัว แล้วก็มี Delay ของภาพ ถ้ามี Delay มากๆ มีเตะโต๊ะจริงกันบ้างล่ะ แต่น่าสนใจนะ ถ้าวันนึงภาพ 3 มิติซ้อนบนโลกจริงได้โดยเราไม่รู้สึกว่ามันเป็นเพียงภาพ 3 มิติเมื่อดูผ่าน VR
ติดอยู่ตรงนั้นแหละครับ มุมมองกล้องที่กว้างเท่าระยะครอบคลุมก็ต้องใช้กล้องเฉพาะ + latency ที่ต่างกันไม่มากนี่แหละครับ (คือจากภาพจริงมาถึงตา) ที่จะทำให้เวียนหัวได้ง่ายมาก แค่ไม่กี่ ms ก็แย่แล้ว
ชุนลีขาใหญ่จัง
May the Force Close be with you. || @nuttyi
ผมว่าปกติก็ประมาณนี้นะ เจ๊แกขาโคตรใหญ่ ไม่งั้นไม่มีแรงเตะริวปลิวได้หรอก 555