หลังการแถลงผลประกอบการ Tesla ไตรมาส 1/2018 ท่าทีหนึ่งของ Elon Musk ที่แสดงออกมาชัดเจนคือไม่พอใจการตั้งคำถามของนักลงทุนเท่าใดนัก (บางคำถามเขาถึงกับเลือกตอบว่า "น่าเบื่อ คำถามถัดไปมาเลย")
ผลข้างเคียงจากการแสดงออกของ Musk ก็คือนักลงทุนจำนวนหนึ่งเลือกตอบโต้โดยใช้วิธีขายชอร์ตหุ้นของ Tesla (อ่านเพิ่มเติม) ถ้าอธิบายง่ายๆ คือปกตินักลงทุนจะได้กำไรเมื่อหุ้นราคาเพิ่มขึ้น แต่การขายชอร์ตจะได้กำไรเมื่อหุ้น Tesla ราคาลดลง
ที่ผ่านมาหุ้น Tesla เป็นหุ้นหนึ่งที่มีการขายชอร์ตค่อนข้างมาก Musk เองก็ไม่พอใจ โดยเขาเลือกทวีตตอบโต้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เตือนว่าใครขายชอร์ตอยู่ให้รีบปิดสถานะเสีย ถือว่าบอกกันแล้ว
ผลคือเมื่อต้นสัปดาห์ Elon Musk รายงานต่อ กลต. (คณะกรรมการกำกับดูแลหลักทรัพย์) ว่าเขาได้ซื้อหุ้น Tesla ด้วยเงินตนเองเพิ่มอีก 33,000 หุ้น คิดเป็นมูลค่า 9.85 ล้านดอลลาร์ ทำให้เขาเป็นผู้ถือหุ้น Tesla ที่มีหุ้นเกือบ 20% แล้ว ซึ่งแม้จะไม่ได้ทำให้ราคาหุ้น Tesla ขยับขึ้นลงมากนัก แต่ก็สะท้อนให้เห็นวิธีการของ Musk ว่านอกจากจะตอบโต้ด้วยวาจากับบรรดานักลงทุนแล้ว เขายังพร้อมสู้ด้วยเงินจริงด้วย อาจจะบอกว่าเป็นสไตล์ก็ว่าได้
ที่มา: Business Insider
Comments
ถามด้วยความไม่รู้ครับ
ถ้าผมประกาศขายชอร์ต แล้วผู้ถือหุ้นรายใหญ่ประกาศซื้อหุ้นเพิ่มขึ้นอีกมาก หากราคาหุ้นยังไม่ขึ้น (ซึ่งแปลว่ารายได้จากการขายชอร์ตยังไม่หดหาย-ถูกมั้ยนะ?) แบบนี้แล้วผลลบที่ผมจะได้รับจากเหตุการณ์นี้คืออะไรเหรอครับ?
หรือว่าโดยมากแล้วหลังเหตุการณ์แบบนี้ราคาหุ้นจะค่อยๆ ขึ้นในภายหลัง?
ช่างไฟสมัครเล่น (- -")
สอนเล่นหุ้นแบบเร่งด่วนรวบรัด
| TFEX | DW | เล่นสูงต่ำ | ความหมาย |
| Short | Put | แทงต่ำ | ยิ่งน้อยลงยิ่งได้กำไร(ตรงข้ามคือเสีย) |
| Long | Call | แทงสูง | ยิ่งมากขึ้นยิ่งได้กำไร(ตรงข้ามคือเสีย) |
ขอบคุณครับ
ช่างไฟสมัครเล่น (- -")
ถ้าหุ้นไม่ลง หรือหุ้นขึ้น อันนี้คนขายชอร์ตเสียครับ
การถมเงินลงไปปั่นฝั่งซื้อมันก็เป็นการลดการลงราคาหุ้น อาจจะทำให้ขึ้น หรือคงที่ หรืออาจจะลงแต่น้อยลงกว่าไม่ซื้อครับ
ขอบคุณครับ
ช่างไฟสมัครเล่น (- -")
ราคาหุ้นคือราคาที่มีคนตกลงซื้อขายกันครับ โดยปกติแล้วถ้ามีคนต้องการซื้อมาก ราคาก็จะขึ้น คนต้องการขายมากราคาก็จะลง ซึ่งจริงๆ ถ้า Musk ไม่ซื้อ ราคาอาจจะต่ำกว่านี้ และหลังจากเหตุการณ์นี้ก็ขึ้นกับ action ต่อๆ ไปของ Musk และนักลงทุนคนอื่นด้วยแหละครับ ถ้าคนไม่เชื่อว่าบริษัทจะดี ไม่เชื่อว่าจะขึ้น ราคามันก็ลงอยู่ดี แต่คนชอร์ตหุ้นเค้ามีระยะเวลาที่ต้องปิด position (ซื้อคืน) ไม่เหมือนซื้อปกติ (long) ที่ถือค้างไว้ได้ แต่ Action ในการซื้อหุ้นคืนแบบนี้มันมีผลแค่ระยะสั้นแหละครับ ระยะยาวขึ้นกับซึ่งที่ Tesla ทำได้มากกว่า
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ขอบคุณครับ
ช่างไฟสมัครเล่น (- -")
จริงๆ แล้วการขายชอร์ตต้องมีคู่สัญญาด้วยครับ ธุรกรรมถึงจะสมบูรณ์ ถ้าประกาศเฉยๆ เหมือนวางของขายแล้วไม่มีคนซื้อก็ไม่มีประโยชน์อะไร
โดยหลักการแล้ว ธุรกรรม Short คือขายหุ้นมากกว่าที่ตัวเองมี (อาจจะไม่มีอยู่เลยก็ได้) โดยมีสัญญาว่าจะส่งมอบในอีก X วันข้างหน้า ระหว่างนั้นเราจะซื้อหุ้นวันไหนก็ได้ ยิ่งเราซื้อถูกก็ยิ่งกำไร กรณีนี้ทาง Elon ก็เตือนว่าให้รีบปิด Position (คือกลับมาซื้อหุ้นเตรียมส่งมอบ) ซะ หลังจากนั้นเฮียก็เข้าซื้อหุ้นเพื่อดันราคาให้สูงขึ้น (กว่าการปล่อยไว้เฉยๆ) ผลออกมาคือราคาทรงๆ ผลลบของคนชอร์ตขึ้นกับว่าขายไปในราคาไหน ถ้าราคาเท่ากับที่ทรงๆ ตอนนี้ก็ไม่ได้ไม่เสียอะไร ถ้าขายได้แพงกว่านี้ก็กำไร ถูกกว่านี้ก็ขาดทุน
ส่วนว่าหลังเหตุการณ์แบบนี้จะเป็นไง ก็คงต้องตอบว่า "แล้วแต่สถานการณ์" เลยครับ การซื้อหุ้นของ Elon เป็นการประกาศตัวเพื่อ"ปราม"ว่า เขาไม่โอเคที่จะให้นักลงทุนมาหากำไรโดยการทุบราคาหุ้น Tesla และพร้อมจะเข้าไปสู้ด้วยเงินตัวเอง ก็เป็นการวัดกำลังกันว่าใครจะโน้มน้าวใจนักลงทุนคนอื่นได้มากกว่า ถ้าตลาดเชื่อว่า Elon พร้อมพยุงราคาก็อาจเชื่อมั่นในหุ้นมากขึ้น ทำให้ราคาเพิ่มขึ้นได้ แต่ถ้าตลาดไม่เชื่อ ก็อาจรีบเทขายก่อนราคาจะลงไปกว่านี้ ทำให้ราคาลงไปจริงๆ ก็ได้ครับ
ขอบคุณครับ
ช่างไฟสมัครเล่น (- -")
9 ล้านดอลนี่มันมีผลทำให้พยุงราคาได้เลยหรอครับ & มีผลต่อเปอร์เซ็นถือหุ้นของ Musk ด้วย? บริษัทเค้ามูลค่าเท่าไหร่เนี่ย แลดูน้อยๆ
นั้นสิครับ ผมมองว่า เม็ดเงินที่น่าจะมีผลต่อ Tesla น่าจะ ระดับ 50 - 100 MUS ขึ้นไปซะอีก
volume แค่นี้ต่ำมาก แล้วก็เป็นแค่เศษเงินของ Musk ด้วยซ้ำ เหมือนเด็กเอาแต่ใจมากกว่าอีก
ถ้า Musk จะตอบโต้จริงๆ และมั่นใจในศักยภาพของตัวเอง ก็ขออนุมัติให้บริษัททำ share repurchase ไปเลย ถึงจะแน่จริง
เงินสดของ Tesla ไม่ได้เยอะแยะ ยังขาดทุนอยู่เลย เอาเงินไปซื้อหุ้นคืนคงไม่ดีหรอกครับ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว