ช่วงหลายปีที่ผ่านมา หลายๆ คนน่าจะเริ่มรู้สึกกันได้ว่าการเปลี่ยนแปลงของสมาร์ทโฟนในแต่ละปีเริ่มไม่แตกต่างกันมาก เรียกได้ว่าการพัฒนาสมาร์ทโฟนเริ่มจะถึงทางตัน
ขณะที่ทางฝั่งเกมมิ่งทั้งอุปกรณ์ โน้ตบุ๊คไปจนถึงพีซียังคงขายและโตได้เรื่อยๆ ทำให้ ณ ตอนนี้มีสมาร์ทโฟนสายเกมมิ่งเปิดตัวมาถึง 3 รุ่น ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ไล่ตั้งแต่ Razer Phone, Black Shark ของ Xiaomi และล่าสุดก็ ROG Phone ของ ASUS ซึ่งผมมีโอกาสได้เล่นสมาร์ทโฟนเกมมิ่งของ ASUS ในงาน Computex 2018 เลยเก็บมาฝากครับ
ถึงแม้จะสเปคจะจัดเต็มตามสไตล์อุปกรณ์เกมมิ่ง แต่ตัวเครื่องของ ROG Phone กลับไม่ได้หนาอย่างที่คิด (แต่ก็ไม่ถึงกับบาง) ขนาดพอดีมือสำหรับมือเดียว หน้าจอ ASUS เคลมมาว่าจัดเต็มเพื่อการเล่นเกมโดยเฉพาะและไม่มีทางแลคด้วย Refresh Rate ที่ 90Hz Response Time 1ms แพแนลเป็น AMOLED สีสันสดใส ลำโพงเป็นลำโพงคู่ด้านหน้า เหมาะสำหรับทั้งเกมและดูหนังฟังเพลง
ส่วนด้านหลังใช้วัสดุเป็นโลหะเพื่อการระบายความร้อน มีความเงาเลอะลายนิ้วมือง่าย ลำโพงด้านหลังก็มีเช่นกัน อยู่บริเวณแถบสีทองแดงใต้โลโก้
ด้านล่างตัวเครื่องมีมาให้มาครบทั้ง USB-C และ 3.5 มม.
ความพิเศษอยู่ที่ขอบด้านซ้ายของตัวเครื่อง ที่เป็น USB-C ติดกันสองพอร์ท สำหรับต่ออุปกรณ์เสริมโดยเฉพาะ หรือเอาไว้สำหรับต่อสายชาร์จหรือสายหูฟัง USB-C ก็ได้ (ลองเสียบกับ Delta Headset ก็ใช้งานได้) ซึ่งจะค่อนข้างสะดวกและเหมาะสมกับการเล่นเกม ที่ต้องถือเครื่องแนวนอน ทำให้ไม่ต้องมีสายหูฟังหรือสายชาร์จเกะกะที่มือ เวลาถือเล่นเกม
ส่วนอีกด้านของ ROG Phone ไม่ได้มีแค่ปุ่มล็อคหน้าจอกับปรับเสียง แต่มาพร้อม Ultrasonic Sensor สำหรับใช้งานเป็นปุ่มพิเศษ (ประมาณ L1/R1 บนจอยสติ๊ก) เวลาถือมือถือแนวนอน (วงกลมสีแดงในรูป)
ROG Phone มาพร้อมเคสด้วย ก็ค่อนข้างให้ฟีลถึก ทน แต่ก็ไม่หนาเกินไปเมื่อถือบนมือ
จากการลองเล่น Free Fire - Battleground เกมแนว Battle Royale บน ROG Phone ก็ค่อนข้างรู้สึกได้ถึงความลื่นไหลของหน้าจอ ไม่มีแลคไม่มีกระตุก ซึ่งเกมลักษณะนี้ยิ่งเครื่องแรงและลื่นก็ยิ่งได้เปรียบ ขณะที่การเปิด X Mode ที่เร่งประสิทธิภาพในการประมวลผลของเครื่อง รู้สึกได้ว่าการเรนเดอร์เร็วขึ้นเล็กน้อย แต่รวมๆ ไม่ได้แตกต่างจากโหมดปกติมากนัก
ตัวพัดลมของ Aero Active Cooler แอบแรงจนได้ยินเสียงหรือเอามือไปอังก็รู้สึกถึงลมแล้ว ขณะที่โลโก้ ROG ด้านล่างจะส่องแสงด้วยเมื่อเสียบกับมือถือ (เพราะโลโก้หลังมือถือโดนบังและเกมมิ่งเกียร์จะขาดแสง RGB ไม่ได้) ส่วนด้านล่างของ Aero Active Cooler เป็นพอร์ท USB-C และ 3.5 มม.
ตัว Twin Deck มีแบตเตอรีและพัดลมระบายอากาศมาให้ในตัว พร้อมพอร์ท USB-C และ SD Card Reader รวมถึงปุ่มเสริมอย่าง L1/R1 ด้วย
พอร์ทด้านหลังของ Docking มาครบทั้ง USB-C สำหรับชาร์จ, USB 3.1 Type A 4 พอร์ท, พอร์ทแลน RJ45, HDMI, DisplayPort, 3.5 มม. สำหรับหูฟังและไมโครโฟนอย่างละ 1 ซึ่งก็คาดว่า DisplayPort เอาไว้สำหรับการแสดงผล Refresh Rate ที่มากกว่า 60Hz สำหรับหน้าจอที่รองรับ
ส่วนตัวค่อนข้างประทับใจกับ ROG Phone ทั้งในแง่ดีไซน์ ความสวยงาม ประสิทธิภาพ ไปจนถึงอุปกรณ์เสริม ซึ่งเอาเข้าจริงส่วนตัวคิดว่าที่ใช้พอจะใช้งานได้จริงๆ มีแค่ Aero Active Cooler, GamePad และ Wi-Fi Docking เท่านั้น
ส่วนราคาของ ROG Phone ในไทยจากที่สอบถามมาคร่าวๆ และยังไม่มีการเคาะราคาอย่างเป็นทางการ ก็น่าจะอยู่ที่ 30k ขึ้นไป ซึ่งราคานี้พอจะซื้อโน้ตบุ๊คเกมมิ่งตัว Entry ได้เลย เลยยังไม่แน่ใจนักว่าสมาร์ทโฟนเกมมิ่งจะไปได้ไกล เหมือนอุปกรณ์เกมมิ่งหรือโน้ตบุ๊คเกมมิ่งอื่นๆ ได้แค่ไหน แต่ก็อาจตอบโจทย์คนที่ชอบเล่นเกมบนมือถือและมีกำลังทรัพย์ก็ได้ อ้อ ไทยอยู่ในกลุ่ม Tier 1 ในการวางขาย ROG Phone ด้วยนะครับ
ส่วนอุปกรณ์เสริมก็ได้คำยืนยันมาเหมือนกันว่า ASUS จะยังคงพัฒนาให้ ROG Phone รุ่นใหม่ในอนาคตยังคงรองรับอุปกรณ์เสริมชุดนี้ด้วย
Comments
ชอตรงที่ดีไซน์พอร์ตต่อสายด้านข้างแฮะ เข้าใจคิดดี
ที่เหลือก็สไตล์เกมมิ่งเกียร์(ที่จะขาดโลโก้เรืองแสงไม่ได้)
ถ้า 30k ไปเอา Mi Shark ดีกว่าใหมอยู่ Top3 ของ aututu ราคา 16k ดูยูทูป shak vs ipx speed test ทดสอบเกมส์ทำได้ดีเลยทีเดียวถ้าเทียบกัน และคิดว่าตัวนี้ก็ไม่น่าจะต่างกันมาก แต่ราคาต่างกันพอสมควร
อุปกรณ์เสริม ไฟ RGB ลูกเล่นได้เยอะกว่านะครับ ถ้า spec ก็เอา Xiaomi ก็คงพอ
Aero Active Coole => Aero Active Cooler
ทำการบ้านด้านอุปกรณ์เสริมและการออกแบบมาได้ดีกว่า Razer Phone มาก ๆ
That is the way things are.