Xiaomi Mi Mix 2s เป็นการสานต่อสมาร์ทโฟน (เกือบ) ไร้ขอบที่พัฒนาขึ้นจาก Xiaomi Mi Mix 2 มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์เล็กน้อย แต่ยังคงเอกลักษณ์เดิมไว้อย่างเด่นชัด เสริมด้วยสเปกที่ให้ประสิทธิภาพในการใช้งานที่แรงยิ่งขึ้น
ภายนอกของ Xiaomi Mi Mix 2s ด้านหน้าเป็นกระจก หน้าจอแสดงผล Full Screen ขนาด 5.99 นิ้ว อัตรส่วน 18:9 ความละเอียด FHD+ 2160 x 1080 พิกเซล (เท่ากับรุ่น Xiaomi Mi Mix 2) กรอบทั้งสี่ด้านเป็นอลูมิเนียม
ตัวเครื่องด้านหลังยังใช้เซรามิคเป็นวัสดุหลักเหมือนรุ่นก่อน ที่สะท้อนความเงางามและเกิดรอยนิ้วมือได้ง่ายหากไม่ใส่เคส โดยจุดหนึ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงชัดเจนที่สุด คือ กล้องหลัง ที่อัพเกรดมาเป็นกล้องคู่และขยับมาชิดด้านซ้าย คล้ายกับ iPhone X แผงของกล้องหลังและแฟลชจะนูนออกมาเล็กน้อย กรอบเคลือบด้วยสีทองที่ตัดกับสีดำได้อย่างลงตัว เพิ่มความสวยงามและน่าสัมผัส นอกจากนี้ด้านหลังยังมาพร้อมปุ่มสแกนลายนิ้วมือสำหรับปลดล็อกหน้าจอ
พอร์ทสำหรับชาร์จและโอนถ่ายข้อมูลเป็น USB Type-C และมีลำโพงเดียว
ด้านขวาของตัวเครื่องเป็นปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง กับปุ่ม Power/ปิดหน้าจอ
ถาดใส่ซิมอยู่ด้านซ้ายของตัวเครื่อง รองรับซิมประเภท Nano SIM ได้ 2 ซิม เท่านั้น ไม่รองรับ microSD card
ใน Xiaomi Mi Mix 2s จะไม่มีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. ติดมากับตัวเครื่อง อย่างไรก็ตามภายในกล่องบรรจุตัวเครื่องยังมีตัวแปลงหูฟังขนาด 3.5 มม. แถมมาให้
Xiaomi Mi Mix 2s ใช้ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 845 แรม 6GB มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 8.0 Oreo ครอบทับด้วย MIUI 9 ซึ่งในภาพรวมของการใช้งานทั่วไป อาทิ การเปิดปิดแอพจำนวนมากไม่ปรากฏอาการหน่วงให้เห็น หรือการใช้ Facebook เลื่อน News Feed เร็วๆ ทำได้อย่างลื่นไหล
ส่วนฟีเจอร์ใน MIUI 9 หลักๆ ก็ยังมีมาให้เหมือนกับในสมาร์ทโฟน Xiaomi ส่วนใหญ่ ทั้ง Second Space (พื้นที่ทับซ้อน) การสร้างพื้นที่การใช้งานใหม่ที่แยกอิสระจากหน้าการใช้งานหลัก ซึ่งสามารถสลับใช้ไปมาได้, Dual apps (แอพโคลน) เป็นการแยกแอพออกมาอีกหนึ่งตัว สำหรับในกรณีที่เราต้องการใช้งานแบบที่แตกต่างจากแอพตัวหลัก แยกคนละบัญชี รองรับทั้งแอพ Facebook, PowerPoint, Word, ROV, Excel และอื่นๆ อีกหลายแอพ
ขณะที่การเล่นเกมยอดฮิตอย่าง ROV อันนึ้หายห่วงครับ จัดว่าลื่นไหล ไม่พบอาการสะดุดหรือหน่วง เฟรมเรตในระหว่างต่อสู้ค่อนข้างสูง อยู่ระดับ 60 FPS ขึ้นไป บางครั้งสังเกตว่าพุ่งขึ้นถึงระดับ 68 FPS
เริ่มกันที่กล้องหลังคู่ มากับความละเอียด 12+12 ล้านพิกเซล, มีกันสั่น OIS แบบ 4 แกน แฟลช Dual-tone LED เลนส์ตัวหลักใช้เซนเซอร์ Sony IMX363, รูรับแสง f/1.8 เลนส์รองใช้เซนเซอร์ Samsung S5K3M3, รูรับแสง f/2.4
จุดเด่นของกล้องหลังมาพร้อม AI ที่ช่วยถ่ายภาพ สามารถแยกแยะประเภทของวัตถุ, สัตว์, สภาพแสงต่างๆ ได้หลากหลาย เพื่อให้ภาพถ่ายออกมาดีที่สุด ซึ่ง AI จะไม่ได้เปิดให้ใช้ทันทีโดยอัตโนมัติ ผู้ใช้ต้องแตะที่ปุ่ม AI ที่อยู่ด้านบนซะก่อน
เมื่อเปิดใช้ AI แล้ว ทันทีที่เราจะถ่ายรูปใดก็ตาม สัญลักษณ์ AI จะเปลี่ยนไปตามประเภทของสิ่งนั้น เช่น เมื่อถ่ายภาพอาหาร สัญลักษณ์จะเปลี่ยนเป็นรูปช้อนส้อม หรือถ่ายภาพในช่วงกลางคืน สัญลักษณ์ก็จะเปลี่ยนเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว เป็นต้น
โดยจากที่ผมได้ทดสอบถ่ายภาพ สังเกตความแตกต่างระหว่างเปิดกับปิด AI พบกว่าการเปิดโหมด AI จะช่วยเพิ่มความเข้มของสีและความสว่างให้มากขึ้นจากโหมดปกติเล็กน้อย แต่สำหรับภาพบางประเภท เช่น ภาพสถานที่ตอนกลางคืน เมื่อเปรียบเทียบระหว่างเปิดกับปิดโหมด AI รู้สึกว่าแทบไม่มีความแตกต่างกันสักเท่าใดนัก
ตัวอย่างภาพถ่ายด้วย AI
โหมด Portrait หรือถ่ายภาพบุคคล มีให้ใช้กับกล้องหลังด้วย ซึ่งการใช้โหมดนี้จะมีตัวหนังสือแสดงขึ้นมาบอกระยะที่เหมาะสม ช่วยให้เกิดภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ฟิลเตอร์ที่มีให้เลือกหลายแบบ เฉพาะการใช้กับโหมด Portrait อีกด้วย
กล้องหน้าให้ความละเอียดมาเพียง 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 ซึ่งการหมุนตัวเครื่องเพื่อให้กล้องหน้าอยู่ในมุมปกติเหมือนสมาร์ทโฟนทั่วไปก่อนเซลฟี่ นับเป็นการสร้างความลำบากอย่างหนึ่ง ขณะที่การเซลฟี่ดูจะเหมาะกับสภาพแสงที่ดีในบางช่วงเวลาเท่านั้น หากใช้ในที่แสงน้อยหรือในห้องนอนที่เปิดไฟปกติ ภาพจะติด noise หรือมีจุดรบกวนบนภาพอย่างเห็นได้ชัด
ส่วนโหมดที่ใช้ร่วมกับกล้องหน้าได้จะมีโหมด Dept effect หรือการถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ, โหมด Beauty ที่ปรับระดับความเนียนบนใบหน้าได้ถึง 5 ระดับ รวมไปถึงสามารถปรับความสวยชั้นสูงที่ปรับได้ทั้งความเรียวของใบหน้าและขนาดของดวงตา
ในแง่ของดีไซน์ต้องยอมรับว่า Xiaomi Mi Mix 2s ยังคงเอกลักษณ์ของการเป็นสมาร์ทโฟนที่ใช้พื้นที่หน้าจอมากเป็นพิเศษรุ่นหนึ่ง (เกือบไร้ขอบ) การใช้งานทั่วไปภายใต้ชิปเซ็ต Snapdragon 845 ถือว่าหายห่วง มั่นใจได้ว่าเล่นเกมได้ลื่นไหล ส่วนกล้องหลังที่ใช้เลนส์คู่และเพิ่มคุณสมบัติของ AI เข้าไป เป็นตัวช่วยที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ใช้ที่ไม่ชำนาญด้านการถ่ายภาพ แต่อยากให้ภาพออกมาดูดี ขณะที่กล้องหน้ายังเป็นจุดที่ต้องปรับปรุง
และในรุ่นนี้ยังรองรับ Wireless chaging หรือชาร์จไร้สาย ที่ใช้งานร่วมกับแท่นแท่นชาร์จไฟไร้สายตามมาตรฐาน Qi ได้อีกด้วย
Comments
รอเทียบตัว Mi 8 เลยตอนนี้
ต่างกันที่ ...
จอ AMOLED 6.21 vs 5.99 นิ้ว IPS LCD
ขนาด 154.9 x 7.6 mm vs 150.9 x 8.1 mm (กว้างใกล้เคียงกัน) อันนี้ผมชอบ 7.6 มากกว่าเพราะใช้ mi max อยู่ก่อน ชอบบางๆ หน่อยๆ
กล้องหน้า 20 MP vs 5 MP อันนี้ต้องยอมเพราะเสียพื้นที่รอยบาก แลกกันไปถูกบ่นว่าขี้ก็อป (แต่แบรนด์นี้เขาบอกชัดเจนมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่ ลดต้นทุน)
GPS ใส่มา2ตัวเหมือนประชด vs ตัวเดียวแบบชาวบ้านเขาทั่วไป
กล้องหลังไม่สันทัดจะวิจารณ์ฮะ
ว่าจะหาเครื่องใหม่อยู่
ตอนนี้กำลัง Mi 8 vs Zenfone 5z อยู่
แต่เดี๋ยวขอลองไปจับตัวจริงก่อน (แล้วก็อยากให้มีขายหน้าร้านมากกว่า)
แต่ใจจริงก็เอียงๆ ไปทาง 5z เพราะตอนนี้ใช้ Zenfone 3 อยู่
เมื่อไหร่มือถือจะทำแบบใส่ Dual Sims + micro SD แยกซะทีนะ
มีเป็นบางรุ่นครับ ล่าสุดก็ Redmi S2
you mean this?
แก้ไขหน่อย รุ่นนี้ไม่รองรับเมมการ์ดเพิ่มนะครับ ใช้อยู่
อย่าลืมแก้ฮะ ใช้ Mix2 อยู่เป็นลำโพงเดียวครับ อีกข้างทำไว้หลอกๆ
น่าจะพูดถึงเรื่องแบตบ้าง
อัดวีดีโอเสียงแย่มากมาย
อัตรส่วน => อัตราส่วน
อลูมิเนียม => อะลูมิเนียม
เซรามิค => เซรามิก
อันนึ้ => อันนี้
พบกว่า => พบว่า
chaging => charging
แท่นแท่น => แท่น