Xiaomi มีแผนนำหุ้นบริษัทไอพีโอเข้าตลาดหุ้นฮ่องกง และระดมทุนอีกทางในตลาดหุ้นจีนด้วยเกณฑ์ CDR ซึ่งเดิมมีรายงานว่า Xiaomi ต้องการระดมทุนให้ได้ 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะทำให้มูลค่ากิจการตามราคาหุ้น หรือ Market Cap อยู่ราว 1 แสนล้านดอลลาร์ แต่ดูเหมือนหลังจากโรดโชว์เสนอขายหุ้นเบื้องต้น Xiaomi อาจจะไม่ได้มูลค่าที่ต้องการ
Bloomberg รายงานว่า Xiaomi ได้เริ่มนำเสนอข้อมูลหุ้นเบื้องต้นผ่านนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ กำหนดราคาขายหุ้นละ 17-22 ดอลลาร์ฮ่องกง แต่หลังจากรับข้อเสนอและความคิดเห็นแล้ว ก็สรุปว่าจะขายหุ้นที่ราคาหุ้นละ 17 ดอลลาร์ฮ่องกง ซึ่งเป็นราคาต่ำสุดในช่วงราคาที่เสนอ ทำให้บริษัทจะระดมทุนได้ราว 4,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น และมูลค่ากิจการก็จะอยู่ราว 54,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นักวิเคราะห์จาก Counterpoint Research ให้ความเห็นว่า Xiaomi ถูกกดมูลค่ากิจการลง เนื่องจากบริษัทประกาศกลยุทธ์ชัดเจนว่าหากบริษัทสามารถทำกำไรได้ (ตอนนี้ยังขาดทุน) ก็จะรักษาอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ให้ไม่เกิน 5% ซึ่งในมุมมองนักลงทุนเห็นว่า หากบริษัทต้องการขยายกิจการไปทั่วโลก จำเป็นต้องทำกำไรเยอะ ๆ เพื่อให้มีเงินสดตุนในมือให้มากสำหรับลงทุนเพิ่มเติม
รายงานยังบอกว่านักลงทุนชื่อดังที่ Xiaomi ได้นำเสนอหุ้นไอพีโอ และต่างสนใจซื้อหุ้น มีทั้ง Li Ka-shing มหาเศรษฐีฮ่องกง, Jack Ma Yun ผู้ก่อตั้ง Alibaba, Pony Ma Huaten ผู้ก่อตั้ง Tencent และ George Soros
ที่มา: South China Morning Post และ Bloomberg
Comments
อารมณ์คนลงทุนคาดหวังว่าจะเป็น Apple แห่งเอเซีย แต่ผมว่ายังขาดองค์ประกอบอีกหลายอย่าง ในการสร้างนวัตกรรมเพื่อให้ได้ราคาอย่างที่หวัง Apple เนี่ยยุครุ่งๆ SW /HW ทำงานดีมาก (ตอนนี้ก็อีกเรื่อง) หากมี HW ดี แต่ SW ยังต้องพึ่งพาคนอื่นเต็มที่ก็ได้แค่คู่แข่ง Samsung เพิ่มอีกเจ้า ผมว่าพัฒนาการของ Oppo ยังดูดีกว่าเลย
นวัตกรรม xiaomi ตอนนี้คือซอยมือถือออกใหม่สัปดาห์ละ2รุ่น
นวัตกรรม ของเสี่ยวมี่ คือราคาครับ
ทำไมต้องรักษากำไรไว้ที่ 5% ครับ ขอความรู้หน่อยครับ
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
เดาล้วนๆเลยครับ
ควาดว่าน่าจะทำให้สินค้าราคาไม่แพง การันตีว่าคุ้มค่าแน่ๆสำหรับผู้บริโภค
น่าจะเป็นนโยบายเพื่อการตลาดอย่างหนึ่งครับ เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าถ้าติดตลาดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆแล้วจะไม่ขายเอากำไรมากมายเพิ่มขึ้นแบบค่ายอื่นๆ ที่พอติดตลาดแล้วเพิ่มราคาขึ้นเรื่อยๆเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับตัวสินค้าและกำไรที่มากขึ้น
นโยบายนี้ก็จะไปเน้นที่จำนวนที่ขายได้ก็จะได้กำไรเพิ่มขึ้น จะเห็นได้ว่ามือถือค่ายนี้สเปกตัวทอป แต่ราคาไม่ได้กระโดดแบบค่ายอื่นๆ แต่นักลุงทุนคงไม่ชอบเพราะก็เท่ากับว่าหากำไรได้ไม่มากอย่างที่สามารถทำได้แบบค่ายอื่นๆ
เมื่อ IPO แล้วผมว่ายากครับที่จะรักษาจุดยืนตรงนี้เอาไว้ได้ ไม่ค่อยเชื่อคำพูดที่ออกมาจากปากของพ่อค้าสักเท่าไหร่
อ่อ ขอบคุณทุกท่านครับ
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!