ต้องขอเกริ่นนำอย่างนี้นะครัีบ ว่ามีน้องมาปรึกษาเรื่องหัวข้อโปรเจค ผมก็เลยบอกไปว่าทำโปรแกรมตรวจจับภาพอนาจารสิ ปรากฏว่าผ่าน เอาละสิ น้องขาก็ถามผมว่าจะทำยังไง เพราะอาจารย์บอกว่าให้ใช้ matlab น้องมันมาถามผม ผมก็ไม่รู้ทำไม ก็เลยบอกไปว่าลองใช่ python + PIL + อะไรก็แล้วแ่ต่ที่ทำได้ดูมั้ย มันก็ถามว่าทำไง ตัวผมเองก็เขียน python + PIL เล็กน้อย แ่ต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไง แต่ที่คิดไว้จะเป็นประมาณนี้
เปิดภาพ | คิดค่าสี | ถ้าสีเนื้อมาก | ใช่
พอเป็นไปได้มั้ยครับ ตอนนี้ก็จะไปเขียนบน ubuntu + python 2.5 + PIL แล้วก็มองๆ pygame ไว้ถ้าทำได้ก็จะเอามารวมด้วย หรือถ้าท่านใดพอรู้ว่า python สามารถทำอย่างไรได้ ขอคำแนะนำด้วยครับ
รู้สึกว่าจะมี นักศึกษา ม.รังสิตทำแล้วเรื่องนี้ นับจากค่าสี ก็เลยถามว่า ถ้าเราไม่นับค่าสีเราจะทำอย่างอื่นได้มั้ยเช่น รูปทรง เป็นต้น
งั้นถ้าเป็นรูปเอ็กซ์แบบใส่เสื้อผ้า หรือแนวผิวดำ หรือมี BG มากๆ หรือนู้ดบอดี้เพนท์ หรือการ์ตูนขาวดำ หรือการ์ตูนที่สีผิวของสิ่งที่เอ็กซ์ไม่ใช่สีเนื้อ มันก็จะผ่านฟิลเตอร์นะครับ
ในทางตรงข้าม ถ้าเป็นรูปหน้าคนเปล่าๆ หรือซูมบางส่วนของคน เช่นมือ แขน เท้า ท้อง ก็จะไม่ผ่านนะครับ
แล้วก็ภาพธรรมดาที่ออกสีกระดาษเก่าๆ สีเซเปีย บางทีก็จะคล้ายๆสีเนื้อนะครับ
และสีเนื้อคนก็มีเป็นสิบๆเฉด จะดักทุกเฉดยังไงครบ
ผิดตั้งแต่คิดโปรเจคต์นี้แล้วครับ ความเป็นไปได้มันไม่มีเลย และที่สำคัญ ผมว่ามันไร้สาระ
ภาพอนาจารไม่มีความจำเป็นต้องซ่อนจากสายตาใคร ควรปรับทัศนคติของผู้ใหญ่มากกว่าครับ
ความน่าจะเป็นแบบนึง คือ แทนที่จะมีระบบตรวจภาพอนาจารด้วยคอมพิวเตอร์ อาจจะเป็นระบบยิงความเห็นแทน
ประมาณในเว็บบอร์ดน่ะครับ ที่มีระบบโหวตลบทิ้ง อาจจะมีแอดออนของไฟร์ฟ็อกซ์ เวลาใครเจอภาพอนาจารก็คลิกขวา->Report สั่งยิงเข้าเซิร์ฟเวอร์เราว่าภาพนี้ๆ อนาจาร แล้วมีโปรแกรมอีกตัวที่ทำตัวเป็นแอนตี้ไวรัส คอยเช็คฐานข้อมูลว่ามีภาพจากแหล่งไหนบ้างที่เป็นภาพอนาจาร ถ้ามีคน Report ไว้ ก็อาจจะมีแจ้งเตือน และถ้ามีคน Reportมากๆเข้า ก็บล็อกภาพนั้นไปเลย อันนี้อาจจะเป็นโปรแกรมติดตั้งที่ ISP หรือ ศูนย์โทรศัพท์
การดักภาพอนาจารในอุดมคติที่ผมคิดออก มีสองวิธี
หนึ่งคือ มันจะคล้ายๆโปรแกรมสไมล์ช็อท คือเอาภาพมา แซมปลิงดูว่าคนในภาพอยู่ในท่าอะไร ในโครงของคนนั้นตรงไหนเป็นตรงไหน ตรงไหนเป็นนม ตรงไหนเป็นตรงนั้น กำลังเปลือยส่วนนั้นอยู่หรือไม่ ถ้าไม่ แล้ว มีการกระทำอะไรต่อส่วนนั้นหรือไม่ เช่น มีมือผู้ชายอยู่ตรงหน้าอกผู้หญิง
สองคือ ทำให้คอมพิวเตอร์มี AI ความหื่นเหมือนคน เห็นภาพแล้ววัดความอนาจารได้
แต่ระวังมันจะเห็นหมอนข้างแล้วคิดว่าอนาจารนะครับ :P~
เป็นไปได้ครับ มีคนทำแล้ว...
ผมลองเอา Snitch มาใช้แล้ว พบว่า
มันเจอภาพโมเดลหัวคน 3D
ภาพการทำคลอดสดที่ผมเคยเปิดดูในเว็บ (อาจนับได้ว่าอนาจาร เห็นอวัยวะเพศหญิงแบบเน้นๆ)
ภาพหน้าเด็กที่โดนไฟไหม้ที่อยู่ในเมล์ผม
ไฟล์วีดีโอหมาธรรมดา
รูปลูกกระต่ายที่ผมเก็บไว้ใช้เป็นไอค่อน MSN (อนาจารมั้ง? กระต่ายเด็กโป๊ ไม่ใส่เสื้อผ้า น่ารักมาก)
วิดีโอที่ไม่ติดเรทแม้แต่นิดเดียว
และ รูปหน้าปกการ์ตูนติดเรทไม่ถึง 10 ไฟล์(เพราะมันลงสีเนื้อ)
ที่เหลืออีกเป็นกระตั้กที่เป็นขาวดำ อีกนิดหน่อยที่เป็นสีที่ควรจะหาเจอ มันก็หาไม่ได้
และผมเชื่อว่าถ้าเป็นรูปแปลกๆ แบบที่ผมชอบดู มันก็คงหาไม่ได้เหมือนกัน ในขณะเดียวกัน รูปที่ไม่เกี่ยวข้องโดนหางเลขไปด้วยอื้อซ่า
ผมคงไม่เรียกว่ามันทำงานได้
ลองดูอันนี้ครับ SuftRecon..
แต่ประเด็นที่จะบอกคือ มันไม่ไร้สาระ และมันเป็นไปได้ครับ
+0 อาจไม่ไร้สาระในแง่ของ technology, logic แต่มันไร้สาระในเชิงสังคม
+1 ตั้งใจจะหมายความแบบนี้ครับ
ถ้างั้นก็เห็นตรงกันครับ แต่อะไรที่ไม่เคยเห็น ไม่ใช่ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้นะครับ
ที่ผมอยากบอกคือ ด้วยเทคโนโลยีตอนนี้ การตรวจว่า ภาพไหนอนาจาร ทีละภาพ อาจทำได้โดยใช้อัลกอริธึมทั้งหมดมารวมกัน
แต่ในระดับ RealTime Checking ว่าเว็บที่เปิดอยู่มันมีภาพอนาจารหรือไม่ มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ
และถ้าคิดจะใช้อัลกอริธึมง่ายๆ อย่างตรวจจับสีผิว ก็ เห็นอยู่ว่าภาพที่ไม่เกี่ยวข้องโดนหางเลขเต็มไปหมด
ผมเอาสนิชท์ไปใช้ก็ได้อย่างที่เห็น ด้วยเวลาหลายนาที มันกรองภาพที่ไม่เกี่ยวข้องติดมาเต็มไปหมด
และอัลกอริธึมทั้งหมดในโลกนี้ ก็ยังไม่สามารถจำแนกได้ทุกภาพเลยครับ ว่าภาพไหนศิลปะ ภาพไหนอนาจาร ภาพไหนเป็นแค่รูปโป๊ ภาพไหนเป็นสารคดี อย่าว่าแต่อัลกอริธึมเลย แค่สายตา + ค่านิยมของคนก็ทำไม่ได้
อยากเซ็นเซอร์รูปอนาจาร โดยคิดว่านมและอวัยวะเพศมันอนาจาร คงต้องเซ็นเซอร์อวัยวะเพศสัตว์ หรือรูปปั้นด้วย อย่างที่เคยมีเซ็นเซอร์หัวนมหุ่นกายวิภาคในเมก้าเคลฟเวอร์
คำว่า "เป็นไปไม่ได้" ที่ผมพูด ผมคิดดีแล้วครับ
ไปกันใหญ่แล้วครับ...อยู่ดีๆ RealTime Checking มาจากไหนล่ะครับ...
ทำไมถึงเพิ่มเงื่อนไขเองเพื่อหาเหตุผลว่ามันเป็นไปไม่ได้ล่ะครับ
ถ้าพยายามหาเงื่อนไขมาเพิ่มเรื่อยๆ แบบนี้ ถ้าอย่างนั้น OCR ก็คงเป็นเทคโนโลยีที่เป็นไปไม่ได้เหมือนกันใช่ไหมครับ เพราะก็ไม่เห็น OCR ที่ทำงานสมบูรณ์เต็มร้อยซักกะที การที่พยายามจำภาพแนวโป๊เปลือยแล้วได้ภาพที่ไม่เกี่ยวข้องกันมา ผมว่ามันก็เหมือนกันบ OCR ที่พยายามแปลงอันที่ไม่ใช่ตัวอักษรให้เป็นตัวอักษร หรือมองไม่เห็นตัวอักษรทั้งที่มันเป็นนั่นล่ะครับ
เพราะเจ้าของโปรเจคต์ต้องการแบบนั้นน่ะสิครับ มีโปรแกรมกรองภาพโป๊จากอินเตอร์เน็ต แล้ววันนึงโปรแกรมนี้มันต้องตรวจภาพกี่ภาพกัน???
เกิดเปิดเน็ตยี่สิบเว็บพร้อมกัน เว็บละสามรูป โปรแกรมก็ค้างแล้วมั้ง
เจ้าของโปรเจคนี้หมายถึงตัวกระผมหรือเปล่าีีครับ ไม่ได้กรองภาพโป๊จาก internet นะครับอ่านๆดี ที่ผมคิดเนี้ย คิดว่าโปรเจคมันน่าสนใจ ทำได้ก็ดี ทำไม่ได้อย่างน้อยก็ได้ความรู้เอามาเผยแพร่ หรือให้คนอื่นเอาไปต่อยอด
เม็ดสีมีคนเคยทำแล้ว แต่ไม่สมบูรณ์
โปรแกรมแยก ปากกับตา ออกจาใบหน้าของคน มีคนเคยทำแล้ว ผมก็ไปค้นงานเก่าๆมา ซึ่ง ถ้าเกิดเรา สามารถ จับรูปทรงได้ก็จะเป็นผลดี แต่ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ทำได้มั้ย
แสวงหามิใช่เพราะรอคอย เชี่ยวชาญมิใช่เพราะโอกาส ชำนาญมิใช่เพราะโชคช่วย"ดังนี้แล้วลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน"chonlatee
ขอพูดถึงแต่ด้านเทคนิคนะครับ
เราลืมนับผู้ใช้เข้าไปในระบบรึเปล่าครับ ผมคิดว่าขณะนี้เรากำลังพยายามพัฒนาระบบอัจฉริยะ (Intelligent Systems) ขึ้นมาเพื่อใช้ในการกรอง "ภาพโป๊" ซึ่งในที่นี้อัลกอรัทึมที่เราเลือกใช้นี้สุดท้ายแล้วอาจต้องถูกกรองด้วยมนุษย์อีกที (e.g. Supervisory Control)
ผมคิดว่าสิ่งที่ผิดพลาดในหลายๆงานวิจัยและพัฒนาคือการคิดไปว่าเราสามารถแยกคนออกจากระบบนั้นได้ เมื่อคิดอย่างนี้แล้วทำให้ระบบที่เราพัฒนานั้นกลายเป็นระบบที่ตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง (Autonomous Systems)
เป้าหมายในที่นี้เราต้องการสร้างระบบที่สามารถตัดสินใจได้ว่าภาพไหนคือ "ภาพโป็" หรือเราต้องการสร้างเครื่องมือช่วยคนในการคัดแยกภาพโป๊ ถ้าเป็นอย่างแรกผมคิดว่าเรากำลังออกทะเล เนื่องจากระบบที่ตัดสินใจได้ด้วยตัวเองนี้นั้นในปัจจุบันยังไม่สามารถทำได้ด้วยเทคโนโลยีที่มีอยู่ ทำให้ไม่่แปลกที่เราคิดว่ามันไร้สาระ เพราะคิดมาผิดทางมันจึงไร้สาระ
ดังนั้นการรวมคนเข้าไปในระบบด้วยนั้นเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ และลืมไม่ได้ (ขออนุญาติเน้นตัวหนาเพราะผมคิดว่าตรงนี้สำคัญมาก)
ตัวอย่างระบบแบบนี้ที่ผมพึ่งสังเกตไม่นาน (เมื่อหนึ่งนาทีที่ผ่านมา ขอขอบคุณกระทู้นี้) คือ Google ที่มีการค้นหาสองแบบ แบบแรกคือการค้นหาแบบ"ปกติ"ที่เราใช้ๆกัน อีกแบบคือการค้นแบบที่เรียกกันอย่างเป็นทางการว่า "ดีใจจัง ค้นแล้วเจอเลย"
วิธีการค้นหาแบบ "ดีใจจัง ค้นแล้วเจอเลย" เทียบได้กับการให้ระบบตัดสินใจเลือกผลลัพท์ให้กับเรา ซึ่งมันมักจะให้ผลลัพท์ไร้สาระอยู่บ่อยๆ การพัฒนาระบบนี้ให้ดีอาจเป็นไปไม่ได้อย่างทีคุณว่า แต่เมื่อมองไปที่การค้นหาแบบปกติที่แม้อัลกอริทึมมันไม่สมบูรณ์แบบแต่ให้ผู้ใช้มาเป้นส่วนหนึ่งของระบบด้วยแล้ว มันทำให้ระบบมัน"เป็นไปได้" และเป็นไปได้อย่างดีด้วยนะครับ
ปล. ผมไม่รู้ว่าเราเรียก Autonomous Systems ในภาษาไทยว่าอย่างไร ผมจึงพยายามถอดความออกมาว่า ระบบที่ตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง ถ้ามีใครมีคำแนะนำเกี่ยวกับคำแปลนี้ช่วยแนะนำด้วยครับ
LongSpine.com
ผมเคยบอกเจ้าของกระทู้แล้วว่าควรใช้ระบบให้คนรีพอร์ทกันเองครับ แต่เค้าไม่เอา(ดูด้านล่าง)
จริงๆแล้วผมต้องการจะบอกว่า โปรเจคที่คุณคิดว่าเป็นไปไม่ได้เนี่ย จริงๆแล้วมันเป็นไปได้ในเชืงเทคนิค
ผมไม่ได้บอกว่าให้คนต้องมานั่งรีพอร์ท เป้าหมายเค้าวางไว้อย่างเป็นไปได้แล้วเพียงแค่ท้ายสุดจะต้องมีคนมาควบคุมอีกชั้น
คุณได้ยกทางเลือกขึ้นมาทางหนึ่งโดยการให้คนเป็นศูนย์กลางโดยการทำรีพอร์ท แต่วิธีนี้แตกต่างจากวิธีแรกคือแทนที่คนจะเป็นแค่ผู้ตัดสินใจ คนกลับต้องเป็นผู้ทำงานเองด้วย ซึ่งปัญหาก็คือเราจะเอาแรงงานคนมาจากไหน? และแรงงานนั้น"เสถียร"แค่ไหน? เป็นการเปลี่ยนจากระบบ"อัตโนมัติ"ให้กลับเป็นระบบที่ใช้คน
นี่เป็นอีกโปรเจคหนึ่งที่่แทบไม่เกี่ยวข้องกันกับโปรเจคที่วางไว้แต่แรกเลย เรามองเป้าหมายของการทำโปรเจคนี้ไม่เหมือนกันแล้ว
ผมเข้าใจว่าคุณต้องการจะแนะนำระบบอีกแบบหนึ่ง ซึ่งน่าจะดีกว่าเดิมในความคิดของคุณ แต่ผมกลัวว่าระบบนั้นผู้พัฒนาเค้าอาจจะไม่สนใจก็ได้ นอกจากนั้นผมยังมีข้อสงสัยว่ามันดีว่าจริงหรือ?
คุณคัดค้านการใช้ Computer Vision เพราะคุณคิดว่ามันไม่มีทางสำเร็จ ผมคัดค้านคำคัดค้านของคุณ ผมบอกว่ามันอาจจะสำเร็จเพราะคุณไม่ได้คิดว่าท้ายสุดแล้วระบบนี้จะมีคนควบคุม
อย่างไรก็ตามผมคิดว่าระบบที่คุณพูดมาก็น่าสนใจ สามารถเป็นโปรเจคที่ดีได้ถ้ามีทฤษฎีมารองรับ มีการออกแบบที่ระมัดระวังข้อผิดพลาดจากคน แต่ไม่ใช่ตอนนี้ที่มันยังไม่มีอะไรเลย
LongSpine.com
ปรกติงานพวกนี้ผมเห็นนิยมใช้ OpenCV กันมากกว่านะครับ
LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
ต้องขอขอบคุณท่านทั้งสองที่ให้คำแนะนำนะครับ ก็เคยเห็นว่ามีคนเคยทำได้ แต่มันไม่สมบูรณ์ก็จะลองทำดูโดยใช้ python
ตอบคุณ thaina : ไม่ได้ทำบนเว็บอะนะครับ เพราะถ้าเป็นเว็บอย่างที่คุณบอก web 2.0 มันดักและช่วยได้
ตอบคุณ thaina : คือจะทำเป็น application อะนะครับ ตอนแรกผมก็คิดแบบอย่างที่คุณ thaina คิดแหละครับ ว่า ถ้าเป็นรูปหน้าคน หรืออะไที่คุณ thaina มันก็จะคิดว่าเป็นภาพหมด
ก็เลยคิดว่าจะดักจับทางรูปทรงแต่ไม่รู้ว่า Python + PIL มันทำได้มั้ย หรือมีอะไรทำได้ก็อยากจะลองดูนะครับ
ตอบคุณ LewCPE : OpenCV นี้เป็น library ของ python เหมือน PIL หรือเปล่าครับ
แสวงหามิใช่เพราะรอคอย เชี่ยวชาญมิใช่เพราะโอกาส ชำนาญมิใช่เพราะโชคช่วย"ดังนี้แล้วลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน"chonlatee
OpenCV เป็น library มาตรฐานของทุกภาษาครับ ซึ่งใน Python ก็มีโมดูลชื่อ opencv สามารถเรียกใช้ได้ (ต้องลง OpenCV ก่อน) ผมแนะนำว่าควรใช้ตัวนี้เพราะอาจนำไปต่อยอดได้กับภาษาอื่นครับ
PIL นั้นผมไม่เคยลองแต่คิดว่ามันออกแบบมาสำหรับ Python โดยเฉพาะ ถ้าจะใช้ตัวนี้ก็คิดว่าน่าจะทำให้โปรเจคมันสะดวกขึ้นบ้าง แต่เมื่อจบโปรเจคมันจะเอาไปต่อยอดอะไรได้มากไหมก็ไม่รู้ เพราะงานด้านนี้ส่วนใหญ่จะใช้ภาษา C/C++ กัน (ซึ่งมันไม่มี PIL)
ถ้าผมแนะนำน้องเขา ผมจะบอกว่าผมแนะนำสามทางเลือก หนึ่งคือ MATLAB ตามที่อาจารย์บอก สองคือ Python + OpenCV สามอาจจะเหนื่อยหน่อยแต่อนาคตน่าจะได้ใช้คือ C/C++ + OpenCV
ปล. รูปคลาสสิคที่น่าลองไปใชทดสอบ้คือ ห-หมาน้อยโกลเด้น
LongSpine.com
ก่อนจะทำการดักภาพเนี่ย
ในกฎหมายไทยมีบอกใว้รึเปล่าครับว่าระดับไหนอนาจาร
ไม่งั้นภาพชนเผ่าไม่ใส่เสื้อ ก็อนาจาร?
nudebody อนาจาร?
รูปปั้น ไม่ใส่เสื้อผ้า (วีนัสเป็นต้น)อนาจาร?
หรือ อวัยวะเพศในเวปแพทย์ อยนจาร?
ส่วนพวกที่ยิ่งกว่านี้ มันก็คงอนาจารชัว
ไหนจะปกหนังโป๊อีก ซึ่งส่วนใหญ่ก็ใส่เสื้อผ้า
ตอบคุณ zinazisc : ในกฏหมายระบุไว้หรือเปล่าอันนี้ตัวผมไม่ทราบรายละเอียด สงสัยผมอธิบายไม่ละเอียดเองก็เลยมีคนพยายามแตกประเด็น ต้องขอโทษด้วยครับ
ภาพที่ใช้เป็นขอบเขตของโปรเจคก็คือ ภาพเปลือยท่อนบนครับ เห็นหน้าอก อะไรประมาณนี้
ชนเผ่าไม่ใส่เสื้อผ้า : ถือว่าเข้าข่าย เพราะเวลาเด็กดูคงไม่รู้ว่านี้ชนเผ่าอะไร
nudebody : ผมไม่เข้าใจคำว่า nudebody เลยตอบไม่ได้ nudebody เด็กดูจะรู้หรือเปล่าว่า nudebody
รูปปั้น : ส่วนรูปปั้นก็ต้องดูสีของรูปปั้นอีกที
อวัยวะเพศในเว็บแพทย์ :ดักแค่ท่อนบนครับ
และจะตอบว่าภาพที่อยู่ในเครื่องอย่างเช่น เราเป็นผู้ปกครองอยากจะ scan ภาพในเครื่องเราไม่ให้ลูกเรามาดูอะไรประมาณนี้ ไม่ใช่ทำบนเว็บซึ่งผมก็ได้อธิบายไปแล้ว
ผมจึุงต้องหาวิธีที่มันครอบคลุมและตรวจจับถูกรูปผมจึงมาถามว่ามีวิธีไหนพอทำได้ ถ้าผมรู้ผมคงไม่มาถามหรอกครับ
ขอขอบคุณสำหรับความคิดทุกคน
แสวงหามิใช่เพราะรอคอย เชี่ยวชาญมิใช่เพราะโอกาส ชำนาญมิใช่เพราะโชคช่วย"ดังนี้แล้วลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน"chonlatee
ขอโทษครับ ผมเข้าใจว่า web filter แบบเต็มเปา
เปลือยท่อนบนมันผิดตรงไหน การป้องกันเด็กคือสอนให้รู้จักเท่าทันอารมณ์เหล่านี้และควบคุมให้อยู่ในขอบเขตต่างหาก ไม่ใช่ปิดหูปิดตาให้เห็นว่าโลกนี้สวยงาม
(ขอโทษที่ออกนอกเรื่อง แต่รู้สึกทนไม่ได้ที่อาจารย์ก็เห็นดีเห็นงามกับเรื่องแบบนี้)
ขอบคุณครับ เดี๋ยวจะหาข้อมูลเกี่ยวกับ opencv ดูกับ matlab
ตอบคุณ cwt : ก็คือถ้าจะให้ท่อนล่างด้วยเวลาไป present มันจะน่าเกลียดอาจารย์บอกว่า ถ้าได้ท่อนบ่อนท่อนล่างก็จะได้ ที่ผมเห็นว่าน่าสนใจก็คือ มันน่าศึกษา แล้ว คิดว่ามันคงมีประโยชน์
ถ้าเกิดมีคนทำโปรแกรมตรวจลบวีดีโอผู้ใหญ่ คงมีคนออกมาพูดอีกว่า จะทำไปทำไม ก็อยากที่คุณ ABZee บอกแหละคำถ้าเกิดทำได้ก็ต่อยอดไปทำอย่างอื่นได้ด้วย
ตอบคุณ ABZee : ขอบคุณนะครับที่ให้ความแนะนำ ผมก็ว่าอย่างคุณแหละคำ c/c++ นี้เหนื่อยพอสมควร ที่จะใช้ python + PIL คือมันง่ายดี นี้จะไปดูเรื่องของ pygame ด้วย อาจจะมีตัวที่สามารถใช้ได้
แสวงหามิใช่เพราะรอคอย เชี่ยวชาญมิใช่เพราะโอกาส ชำนาญมิใช่เพราะโชคช่วย"ดังนี้แล้วลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน"chonlatee
Appearance-based nude image detection
ผมก็ยังไม่อ่านเนื้อหาครับ แต่อ่าน abstract แล้วน่าจะพอได้ แต่ต้องเป็นสมาชิกของ IEEE ก่อนครับ ถึงจะดาวน์โหลดเปเปอร์ได้ หวังว่าทาง ม. ที่ทำโปรเจคอยู่จะเป็นสมาชิก IEEE
ผมว่าระบบการทำโปรเจคในเมืองไทยมันแปลก ๆ นะ ที่จริง อ. น่าจะให้เด็กทำในเรื่องที่ อ. ทำวิจัยอยู่ เพราะ
หรือ อ. ท่านไม่ทำวิจัยกัน ?
BioLawCom.De
มีบางมหาลัยทำแบบนี้ครับ รู้สึกจะที่สุรนารี ไม่ก็พระนครเหนือ(เพื่อนซักคนมันบอกมา)
ม. ในไทยน่าจะเข้าได้หมดนะครับ เหมือนจะรวมตัวกันสมัครจะได้ถูกๆ
LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
ผมคิดว่าอาจจะมองความสำคัญไม่เหมือนกัน
สำหรับผมแล้ว ผมคิดว่าในการทำโปรเจ็ค ข้อ 3 เป็นสิ่งที่สำคัญสุด คือ นิสิตจะได้คิดเองว่าอยากทำอะไร
งานที่ทำครั้งแรก ผมคิดว่าไม่มีอะไรเอามาใช้ได้จริงหรอกครับ แต่ประเด็นคือถ้านิสิตได้ทำสิ่งที่เขาอยากทำ นั่นจะเป็นฐานให้เขาสามารถนำไปใช้ต่อไปได้
แน่นอนมหาวิทยาลัยก็คงจะเสียโอกาสให้นิสิตทำงานพัฒนาต่อ ๆ กันมาจนได้เป็นชิ้นงานที่ใช้ได้จริง แต่ผมคิดว่าสำหรับนิสิตที่มีศักยภาพที่จะพัฒนาตัวเองได้ ผมว่าตรงนี้เป็นโอกาสให้พวกเขาได้ทดลองแนวคิดครับ
ประเด็นนี้ผมคิดว่าเป็นประเด็นระดับปรัชญาการศึกษาเลยทีเดียว ว่าตกลงเรียนไปเพื่ออะไรแน่ และไม่น่าจะมีแนวทางใดถูกหรือผิดที่ชัดเจน
โดยส่วนตัวผมคิดว่า การเรียนในระดับปริญญาตรี จุดประสงค์ไม่น่าจะไปไกลขนาดที่สามารถตั้งต้นคิดงานขึ้นเองได้ น่าจะอยู่ในระดับผู้เชี่ยวชาญงานมากกว่า กล่าวคือ สามารถทำงานที่กำหนด และสามารถแก้ไขปัญหาบางอย่างด้วยตัวเองได้
ความสามารถในระดับตั้งต้นคิดงานขึ้นเองนั้น ควรต้องผ่านประสบการณ์การทำงานหลายรูปแบบ มีแนวคิดการแก้ปัญหาทั้งในเชิงกว้าง และเชิงลึก สามารถคาดคะเนล่วงหน้าได้ในระดับนึง ว่าจะเจอปัญหาอะไรบ้าง และควรใช้วิธีไหนแก้ จากแหล่งข้อมูลใด ใช้ระยะเวลาและงบประมาณในระดับไหน ซึ่งความสามารถระดับนี้ บางครั้งคนจบ ป. เอก ใหม่ ๆ ก็ยังไม่น่าจะมี
เพื่อให้ตรงจุดประสงค์การได้ทำในสิ่งที่อยากทำ และทดลองแนวคิดของตัวเอง ผมคิดว่า ไม่น่าจะต้องลงทุนถึงขนาดให้ นศ คิดโปรเจคเอง การเพิ่มตัวเลือกให้กว้างเข้าไว้ น่าจะได้ผลที่คล้าย ๆ กัน แต่ส่งผลดีในด้านอื่นมากกว่า อีกทั้งในชีวิตจริง ก็มีน้อยคนนัก ที่ต้องตั้งต้นใหม่ 100% และมีอิสระ 100% ส่วนมากสิ่งที่ทำได้คือเลือกจากตัวเลือกมากกว่า
BioLawCom.De
ปัญหามีอยู่ว่า บางคนที่มีอะไรอยากทำ แต่อาจารย์ไม่กำหนดอะไรที่เกี่ยวข้องมาให้เลย ก็ซวยสิครับ
ขนาดอยากเลือกเอง แต่พอไม่พอใจอาจารย์ ยังโดนสั่งเปลี่ยน อย่างวิทย์คอมที่นึง เพื่อนผมทำโปรเจคต์จบ อยากทำเกม แต่อาจารย์ไม่ยอมให้ทำ เพราะที่นั่นเน้นแต่โปรแกรมธุรกิจ โคตรน่าสงสาร
อาจารย์ที่คณะผม เค้าก็ทำวิจัยของเค้าอยู่แล้วครับ(ผมว่าทุกคณะแหละ แต่ไม่อยากฟันธง) ถ้านักศึกษาขวนขวายซะหน่อยก็รู้ว่าอาจารย์กำลังทำเรื่องอะไร(ไปถามตรงๆยังได้)
อาจารย์วิชาฮาร์ดแวร์ผมเค้าทำวิจัย อยากให้นักศึกษามาช่วยแทบตาย แต่งานเค้าออกจะซับซ้อนมากเกินความรู้นักศึกษา เพราะเกี่ยวกับ 3DMath กับ OpenGL (ผมเรียนภาคมัลติ มีทั้งสายอาร์ทและสายโปรแกรม แต่คนที่เรียนเป็นอาร์ทซะมากกว่า สายโปรแกรมอย่างผมมีไม่กี่คน) ซึ่งตอนต้นปี 4 ผมยังมีความรู้ไม่พอจะไปช่วยอาจารย์เลย
มหาลัยผมไปปรึกษาว่าจะทำโปรเจคต์อะไรกับอาจารย์ก็ได้ แล้วอาจารย์บางท่านก็มีลิสท์ให้ด้วยว่าเรื่องไหนบ้างน่าสนใจ แต่ผมก็ไม่ค่อยเห็นใครเลือกของที่อาจารย์ลิสท์ให้หรอก
จริงๆที่ไปถามว่า "จะทำโปรเจคต์อะไรดี" นี่ไม่มีแต่แรกแล้ว มีแต่ "ผมจะทำโปรเจคต์นี้ น่าสนใจพอมั้ยครับ" กันทั้งนั้น
ตั้งต้นใหม่ 100% อิสระ 100% ก็คงไม่ขนาดนั้นเหมือนกันครับ
แต่การที่เค้าคิดเอง แทนที่อาจารย์จะเป็นผู้ริเริ่ม แน่นอน อาจารย์ต้องคอย guide ตามสมควร แต่โอกาสที่ไม่สามารถมีได้ในชีวิตจริง (แต่เป็นโอกาสที่ดี) เราก็น่าจะต้องทำให้มีได้ในโลกมหาวิทยาลัย ที่ที่เค้าสามารถทดลองและล้มเหลวได้ โดยไม่ได้บาดเจ็บเจียนตายเท่าในโลกของความเป็นจริง
นิสิตที่ล้มเหลวกับการทำโปรเจ็ค ด้วยสาเหตุอะไรก็แล้วแต่ เค้าก็ยังได้เรียนรู้นะครับ ถ้าอาจารย์ทุ่มเทมากพอ ก็อาจจะป้องกันได้ แต่เนิ่น ๆ แต่ถ้านิสิตอยาก "ข้ามสะพานอันตราย" ด้วยตัวเอง และอาจารย์เห็นว่ามีศักยภาพ ผมก็คิดว่าเป็นสิ่งที่ควรทำครับ
ผมคิดว่ามันขึ้นกับว่านิสิตต้องการอะไร ถ้านิสิตอยากทำเอง ก็ไม่อยากทำกับคนที่คิดให้ ผมว่าก็คงกระจายกันไป
ผมรู้สึกว่า คนวัยนั้นมันเต็มไปด้วยจินตนาการ การปล่อยให้นักศึกษาคิดอะไรออกมาเองทั้งหมด เราอาจจะไม่ได้งานจริงๆ แต่สื่งที่ได้กลับมาคือจินตนาการที่คนที่ผ่านโลกมามากหลงลืมไป อาจจะจุดประกายให้มีการพัฒนาต่อยอดโดยคนที่มีความรู้ความสามารถมากกว่า
"Imagination is more important than knowledge" Albert Einstein.
จริงครับ ผมว่าสื่งสำคัญอย่างนึงคือ นักศึกษาต้องหาเองว่าอยากทำอะไร
เขียนโปรแกรมก็มีทั้งคนอยากเขียนเกม อยากเขียนควบคุมฮาร์ดแวร์ อยากเขียนเว็บแอพ อยากเขียนระบบควบคุมฐานข้อมูล ฯลฯลฯลฯ มันควรจะได้เลือกตอนทำโปรเจคต์นี่แหละ
และมันทำให้นักศึกษาได้ใช้วิจารณญาณของตัวเองด้วยว่าชอบอะไร อย่างบางคนอยากทำเว็บแอพระบบให้ SME อีกคนอยากทำระบบเซเว่นให้ซีพี มันก็แตกต่างทางมุมมองความคิดแล้ว
ผมมักจะเตือนเพื่อนๆและน้องๆอยู่เสมอ ตั้งแต่ปีสอง ว่า หาตัวเองให้เจอ อยากไปทางไหน คิดโปรเจคต์แล้วรึยัง ให้ค่อยๆคิด ค่อยๆหาข้อมูล ตั้งแต่ปีสาม จะได้ไม่มาหัวแตกตอนที่อาจารย์ให้เริ่มทำโปรเจคต์
เห็นด้วยกับคุณ bow_der_kleine ครับ เพราะว่าโปรเจคที่นั่งกินกันหัวระเบิดว่าจะทำอะไรดี และขอบคุณนะครับ
แสวงหามิใช่เพราะรอคอย เชี่ยวชาญมิใช่เพราะโอกาส ชำนาญมิใช่เพราะโชคช่วย"ดังนี้แล้วลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน"chonlatee