แอพ LINE เวอร์ชันล่าสุด รองรับการเติมเงินรถไฟฟ้า BTS ผ่านบริการ Rabbit LINE Play จากแอพ LINE โดยตรงแล้ว
กระบวนการใช้งานคือเข้าเมนู BTS จากใน Rabbit LINE Pay จากนั้นเชื่อมบัตร Rabbit เข้ากับแอพ LINE แล้วนำบัตรไปเปิดใช้งาน (activate) ที่สถานี BTS ซึ่งปัจจุบันยังใช้งานได้ 5 สถานีคือ อโศก, อนุสาวรีย์ชัย, ช่องนนทรีย์, ศาลาแดง และเพลินจิต
Rabbit LINE Pay เป็นบริษัทร่วมทุนที่เริ่มต้นโดย LINE และกลุ่มรถไฟฟ้า BTS ในปี 2016 จากนั้นได้ AIS เข้ามาร่วมทุนด้วยอีก 1 รายในช่วงต้นปี 2018
Comments
ก็ถือว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดี แต่จะดีกว่านี้ถ้าทำระบบ cross ให้ตัดเงินในแอพได้โดยตรงเลย เหมือนบัตรเป็นแค่สื่อกลางเข้าสถานี
ผูกครับ ระบบจะให้เลือกว่าจะใช้ RLP balance หรือบัตรเครดิต ถ้าเลือกตัวเลือกแรกยอดเงินในบัตรจะโอนเข้ามารวมกับ RLP ถ้าเลือกตัวเลือกหลังยอดเงินก็จะโอนเข้ามารวมกับ RLP แต่เวลาไปแตะจะหักบัตรเครดิตแทน
เอาจริงคือแบบนั้นเลยครับ ถ้าคุณลงทะเบียนจะเห็นเมนูให้เลือก Payment Method ของบัตร Rabbit ซึ่งสามารถเลือกบัตรเครดิตที่คุณผูกไว้กับ RLP ได้ด้วยครับ และเมื่อ Activate บัตรที่สถานี เงินในบัตรจะโอนเข้า RLP ครับ
จริงๆ มันคือตัดเงินจาก RLP (แล้ว RLP เลือกตัดเงินจาก wallet หรือบัตรเครดิตอีกทีตามที่เราตั้งไว้) ครับ บัตรเป็นสื่อกลางเฉยๆ...
แล้วทำไมต้อวไปเปิดใช้งานที่สถานีด้วยแถวยาวไม่พออีกใช่ไหม
เปิดใช้งานครั้งแรกครั้งเดียวครับ เข้าใจว่าเพื่อทำ KYC เฉยๆ หลังจากนั้นแตะเข้าได้ตามปกติเลย
ถ้า KYC ก็มีวิธีอื่นนี่ครับ ไม่ได้ทำแค่คนเดียวลูกมีกี่พันคนละครับ แกติแถวยาวอยู่แล้วจะเพิ่มอีกเหรอครับ
ลูกค้าก็เป็นคนที่ใช้บัตรกลุ่มเดิมนี่ครับ แต่แทนลูกค้ากลุ่มเดิมจะต่อแถวไปเติมเงิน ก็เปลี่ยนไปต่อแถว activate บัตรครั้งเดียว ยกเว้นบัตรหายหรือซื้อบัตรใหม่
ผมไม่รู้ว่าอะไรทำให้คุณพูดซ้ำๆ ว่า "แถวยาวไม่พออีกเหรอ"
คิดว่าะพอเข้าธุรกรรม E-Money แล้ว การที่จะทำให้ชัวร์สุดๆคือการเจอกันแบบ Face to face อันนี้คือ Play Safe สุดชีวิตกรณีถ้าเกิดการโกงสำหรับในแง่ร้านค้านะ
ประเด็นคือตอนที่ซื้อบัตร Ràbbit ดันไม่ได้ทำ KYC เลยต้องให้มาทำทีหลังมากกว่า
นั่นสิครับ เค้าทำให้ได้ง่านขึ้นก็บ่น เค้าไม่ทำอะไรเลยก็บ่น
มันอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ก็ให้เวลาเค้าหน่อยเถอะครับ จะเอาแบบสั่งวันนี้พรุ่งนี้ใช้ได้เลยคงไม่มีที่ไหนทำให้ได้หรอกครับ
+1 ทำไมต้องไปทำที่สถานีด้วย ไม่เข้าใจ!!
ปล. ถ้าใช้ท่านี้ จะเติมเงินอย่างเดียว (ไม่เติมเที่ยว) ด้วย Credit Card ที่ผูกกับ LINE Pay ได้มั้ย?
ดูจาก app เหมือนว่าจะไม่ต้องเติมเลยครับ แตะปุ๊ปตัดบัตรเครดิตได้เลย
ผมว่าเหมือนจะมีความจำเป็นที่จะต้องทำแบบนั้นครับ จะได้เช็คได้ว่าบัตรนั้นผูกกับไอดีของเจ้าของบัตรจริงๆ เพราะเคยมีบัตรของผมที่ไมได้ register เข้าระบบ แต่ใช้งานปกติ วันดีคืนดีอยาก add เข้ากลายเป็นว่าตัวบัตรไปผูกกับไอดีที่เป็นอีเมลใครก็ไม่รู้ เสียเวลาไปกับการแก้ปัญหานี้นานพอสมควร
ทีแรกก็นึกถึงปัญหานี้ แต่ความจริงระบบเติมเงินเข้าแบบนี้ไม่ต้องลงทะเบียนก็ได้ แค่ใส่เลขให้ตรงก็พอ เพราะว่าการเติมเงิน คนถือบัตรจะได้ประโยชน์ครับ กลับกับการเชื่ิอมกับเว็บเพื่อแลก rabbit points เคสนั้นควรลงทะเบียนเพราะคือถือบัตรเสียประโยชน์ แต่ดันใส่เลขลงเว็บไปได้เลย ทีนี้ไปแอบจิ๊กเลขบัตรคนเดินทางบ่อยๆ มาแลกคะแนนสบายๆ ผมว่าตอนนี้สมองมันกลับด้านไปหมดละ หวังว่าเอาไว้จะดีขึ้น
SPICYDOG's Blog
ทันทีที่ผูกสำเร็จ เงินในบัตรจะย้ายมาเป็นยอด RLP ครับ เจ้าของบัญชี RLP จะได้เงินก้อนนั้นมาทันที
อ่อ ผมนึกว่าเป็นแบบ Easy Pass ซะอีก ถ้าเชื่อมกันสนิทแบบนั้น เอาไว้จะขึ้นรถไฟฟ้าโดยหักผ่านบัตรเครดิตอัตโนมัติเลยไหมครับนี่ ไม่ต้องเติมเงินเข้าบัตรละ
SPICYDOG's Blog
เท่าที่ผมอ่านจากขั้นตอนการผูกว่าเมื่อเลือกเป็นบัตรเครดิตแล้วจะขึ้นรถได้โดยไม่เกี่ยวว่าจะมียอดเงินอยู่เท่าไหร่ผมว่าใช่ครับ มันจะหักบัตรเครดิตให้เลย
เพราะว่าบัตรประเภทนี้มันเป็นออฟไลน์รึเปล่าครับ คล้ายๆ 7 Card ของเซเว่น ที่เติมเงินเข้าจาก K Plus ได้ แต่เงินยังไม่เข้าทันที ต้องเอาบัตรไปแตะที่เซเว่นให้เงินเข้าก่อน ถึงจะใช้ได้
มันต้องเอาบัตรไป override ใหม่ครับ
บัตรนี้จะใช้นอกระบบรถไฟฟ้าไม่ได้อีกต่อไป ตามร้านค้าต่างๆ และเติมเงินผ่านเค้าเตอร์ไม่ได้ ต้องเติมผ่านแอพมันเท่านั้น
ถ้าจะยกเลิกไม่ใช้แล้วก็ต้องทิ้งบัตรไปเลยครับ เอาบัตรเดิมมาใช้อีกไม่ได้
ไม่คับ ผมพึ่งไปลองถามที่เคาเตอร์มา เค้าเปิดบูทเฉพาะให้ Activate โดยเฉพาะ แยกจากเคาเตอร์คับ ไม่ต้องห่วงเรื่องคิวรอแออัดคับ
มันเป็นการย้ายระบบของบัตรจากระบบเดิม ไปที่ ระบบ rabbit line pay ครับ
ตามความเป็นจริงครวจะย้ายข้อมูลไปให้หมด แต่ก็นั้นเละ บางคนก็ไม่ได้ใช้ rabbit line pay
active บัตร ตอนนี้ยังรอบรับแค่ 5 สถาที่ ลองสอบถามบ้างสถานีเช่น สยาม ก็ ทำได้แล้วครับ
เพราะมันไม่ใช่การได้สิทธิ์อย่างเดียวมั้งครั้ง พอ activate แล้วจะมีการเสียสิทธิ์บางอย่างไปด้วย
May the Force Close be with you. || @nuttyi
เขาทำตามกฎของ Bank of Thailand ครับ ที่ต้องทำ KYC ก่อน
เกือบจะดีแล้ว ไม่วายยังต้องไปเปิดที่สถานีอีก
ขอให้ทำครั้งเดียวนะ ไม่ใช่ทำทุก 6 เดือนอะไรแบบนั้น
-> มีโปรโมชั่นฟรี 3 เที่ยวเมื่อผูกกับ LINE Pay แต่เป็นเที่ยวจากการเติมเงิน ต้องมีเงินคงเหลือใน LINE Pay Wallet ไม่ต่ำกว่า 15 บาท ต้องใช้ภายใน 90 วัน หลังจากการลงทะเบียน และใช้ได้ตั้งแต่ 19 ก.ย. (วันพุธ) เป็นต้นไป
-> ต้องใช้เที่ยวในบัตร Rabbit ให้หมดก่อนผูกกับ LINE Pay
-> ที่ต้องไป Activate เพราะข้อมูลการเติมเงิน/ใช้บัตร Rabbit จะเข้ามาอยู่ในแอพ LINE Pay เลย
-> มีรายงานว่าที่สถานีศาลาแดง เครื่อง Activate ยังไม่มา
ก็ยังต้องพกบัตรอยู่ดี
ยังไงก็ไม่ยอมจริงๆ
ละเดี๋ยวนี้ ทางเข้าแยกเป็น 3 แบบตามประเภทบัตรอีกต่างหาก
ห๊ะ ทางเข้าแยกตามประเภทบัตรด้วยเหรอครับ
บัตรแบบเที่ยวเดียวโดนบีบเหลือใช้ได้แค่ช่องเดียวแล้วครับ ทำคล้าย ๆ ทางด่วนที่ต้องการจูงใจให้คนไปใช้แบบเติมเงิน
ไม่ใช่ว่า บัตรเที่ยวเดียวแบบใหม่ให้ใช้ในช่องที่ติดป้าย แล้วแบบเก่าใช้ในช่องที่เหลือเหรอครับ
ตอนนี้บัตรเที่ยวเดียวมันมีทั้งแบบเก่าแบบใหม่มั้ยครับ ผมไม่ได้ซื้อบัตรเที่ยวเดียวนานแล้ว ใช้แต่บัตรแตะที่ออกได้ทุกช่อง
บัตรนักเรียน กับผู้สูงอายุได้ลดไหมเนี่ย
blog
ไม่มีแบบลงแอปแล้วใช้มือถือที่มี NFC แตะที่เกจแล้วเข้าไปเลยเหรอครับ?
แต่ตอนนี้เลือกไม่ถูกเลยระหว่างไป แมงมุม หรือ Rabbit ดี?
https://youtu.be/AGTPS9JQ8i0
มีมาสักพักแล้วครับ
อันนั้นมันต้องใช้ซิมพิเศษครับ ไม่ใช่ลงแอพแล้วมือถือที่มี NFC เครื่องไหนก็ได้
คือต้องไม่ผูกกับค่ายใด ค่ายเงินสิครับ อย่างนี้ผูกกับ AIS และมือถือ Samsung กับ Sony บางรุ่นเท่านั้น
ผมหมายถึง ลงแอป Rabbit Line Pay ในมือถือเครื่องใดก็ได้ที่มี NFC แล้วแตะที่เกจแล้วเดินผ่านไปเลย...ของ่ายๆ เงื่อนไขไม่ต้องเยอะ...
.
ใช้กับบัตร Be1st Rabbit ไม่ได้นะครับลองมาละ
T_T ถ้าเติมผ่าน app ธนาคารกรุงเทพฯ ไม่ได้ละก็สงสัยเลิกใช้ แต่ดูเหมือนธนาคารกรุงเทพฯ เค้าก็ไม่ค่อยอยากให้ทำแล้วด้วย
ผมลอง ais mpay rabbit sim ที่เป็น nfc ก็ใช้ไม่ได้ครับ
ดูเหมือนต้องเป็นบัตร rabbit ปกติอย่างเดียวเลย
ถามผ่าน LINE@ BTS มาแล้วเค้าบอกว่าถือเป็นบัตร Corporate ครับจึงใช้ไม่ได้ ดังนั้นตามความเข้าใจของผมคือบัตรที่ไม่ได้ออกโดย BTS โดยตรงน่าจะใช้ไม่ได้ทั้งหมด
ใช้ได้เฉพาะบัตรธรรมดาครับ
บัตร cooperate , business partner (บัตรผู้สูงอายุ,เดบิต-เครดิตการ์ดแรบบิต) และ ais rabbit simcard ใช้ไม่ได้ครับ
อันนี้เหตุผลคืออะไรครับ รู้สึกยุ่งยาก จะผูกเลยก็ไม่ได้ ต้อง activate แล้วยังต้องรอใช้เที่ยวให้หมดก่อนอีก
rabbit line pay กับ rabbit card มันจะแยกจากันทำไมตั้งแต่แรก
พอมาโคกันก็ยุ่งยากไปอีก
เพราะมันไม่เกี่ยวกันแต่แรกไงครับ
rabbit มีก่อน
line pay (เฉยๆ ไม่มี rabbit) เกิดตามมา
แล้ว rabbit ก็ไปซื้อหุ้น line pay
แล้ว ais ก็ซื้อหุ้น rabbit line pay
https://www.blognone.com/node/79565
จากข่าวนี้เขาร่วมทุนกัน 50:50 ระหว่าง rabbit (ของbts) กับ line pay (ของ line)
กลายเป็นrabbit line pay ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามีการโคกันมาตั้งนานเเล้ว ตั้งแต่ปี2016
ดังนั้นจะบอกว่าไม่เกี่ยวกันเลย เหมือนเป็นคนละบริษัทแล้วมาร่วมงานกันครั้งแรก มันก็ไม่ถูกซะทีเดียว
บัตรมันออกมาก่อนหน้านั้นนิครับ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
rabbit เกิดเมื่อปี 2012 ครับ...
บริษัท rabbit ก่อตั้งมานานเป็นส่วนนึงของ BTS จน Line (ของบริษัทชื่อ Naver เป็นของเกาหลี) เข้ามาทำตลาดในไทยจนมี Line pay อยู่พักนึง ทาง rabbit ก็ไปซื้อหุ้นมาร่วมทุนกันตามข่าวที่คุณแชร์ครับ
ปล.อย่าเสพข่าวครึ่งๆ กลางๆ สิครับ ไม่รู้ก็ถามอย่าใช้วิธีการเถียง
โอเค..ยอม
มีหลายบัตรที่ยังใช้งานไม่ได้จริง ทั้งๆ ที่ปัจจุบัน ใช้งานบัตรเหล่านั้นอยู่ การทำแบบนี้ จะ Refund เงินออกจากบัตรเดิมก็ทำไม่ได้ ขั้นตอนจริงอาจจะต้องไปที่สถานี เพื่อทำรายการยาวนาน ยิ่งกลางวันคนเยอะแทบจะทุกสถานี
บางทีก็ไม่เข้าใจตรรก ของคนคิด Process ทำให้มันถูกต้องและสะดวก คงทำได้แค่นี้ละมั้ง?
ได้แต่ให้กำลังใจ และคิดว่าจะดีขึ้นจริงๆ ซะทีนะ
ระหว่างนี้คงต้องหาบัตรใหม่ไป
คนที่ active คือคนที่จะย้ายระบบไป rabbit line pay ครับ
ในมุมกลับกัน บางคนก็ไม่ได้ใช้ rabbit line pay ครับ
ทำไปได้
แล้วมันจะกลายเป็นบัตรเติมเที่ยวไปเลยหรือเปล่าครับ หรือยังเป็นบัตรเติมเงินครับ
เพราะปกติ BTS ไม่ให้เติมเงินด้วยบัตรเครดิต แต่เติมเที่ยวได้
อีกอย่างคือ เอาไปใช้กับร้านที่รับบัตร Rabbit อย่างเช่น Familymart หรือพวกฟู้ดคอร์ท ได้ไหมครับ
คำถามน่าสนใจครับ ผมก็สงสัย
1.) บัตรที่ผูกกับแอปแล้ว จะใช้ขึ้น BTS ได้เท่านั้น ไม่สามารถใช้แตะจ่ายเงินที่เครื่องรับตามร้านค้าต่างๆได้อีกต่อไป
2.) บัตรที่ผูกกับแอปแล้ว จะไม่สามารถทำรายการใดๆผ่านห้องจำหน่ายตั๋ว BTS ได้
3.) บัตรที่มีเที่ยวเหลืออยู่ ต้องใช้ให้หมดก่อนไป Activate นะ
เพิ่มเติม
ถ้าจะเลิกใช้บัตรนี้กับ rabbit line pay ลบบัตรออกจากแอพแล้วบัตรจะเป็นขยะทันที เอามาใช้อีกไม่ได้ ทิ้งไปเลยครับ
ดูลำบากกับชีวิตเหมือนเดิม -_-
ลบออกทันไหมครับ
1.) บัตรที่ผูกกับแอปแล้ว จะใช้ขึ้น BTS ได้เท่านั้น ไม่สามารถใช้แตะจ่ายเงินที่เครื่องรับตามร้านค้าต่างๆได้อีกต่อไป
แต่ผมคิดว่าได้คับ เพราะปกติ ตัว Line pay ก็จ่ายเงินผ่านร้านค้าได้อยู่แล้วด้วย QR code (โดยตัดบัตรเครดิต) บัตรที่ผูกกับแอปก็น่าจะจ่ายผ่านร้านค้าได้คับ(เพราะบัตรเองก็ดึงเงินจาก Line pay ซึ่ง Line pay ผูกกับบัตรเครดิตอีกที) เรื่อง Transaction fee ไม่น่าเกี่ยวแล้วคับ(เค้าคงไม่งกแล้ว 555)
มีคนลองแล้วครับ คือทัชไม่ได้ แต่ถ้าเอา line pay จ่ายก็ผ่าน qr ซึ่งต้องจ่ายผ่านมือถืออยู่แล้ว ไม่เกี่ยวกับบัตร
คือตัวบัตร ไม่สามารถทัชกับระบบ rabbit เดิมได้ แต่ถ้าจะจ่าย line pay ก็ต้องจ่าย qr แทน (ซึ่งจะผูกบัตรหรือไม่ผูกไม่เกี่ยว) ผมว่าจุดประสงค์ของคนที่อยากผูกบัตรคือ ตัดผ่านเครดิตง่ายๆด้วยการทัช ครับ
หลังจากย้ายไปแล้ว จะมีระบบเติมเงินและเติมเที่ยวจะอยู่ใน Line pay เลยครับ (ก็คือซื้อเที่ยวในแอปได้เลย ไม่ต้องไปเคาเตอร์ พอเที่ยวหมดก็กลายเป็นแบบเติมเงินแทน)
พี่ตี๋ดังใหญ่ละ มีคนแชร์โพสเต็มเลย 555
เหมือนผูกกับ ais mpay rabbit sim ยังไม่ได้มันขึ้น หมายเลขบัตรไม่ถูกต้อง ตลอดเวลาเลย
ref comment https://www.blognone.com/node/105285#cid-1071244
ใส่หมายเลข 13 หลักไปแล้วมันขึ้นว่า Unrecognized card number ครับ อะไรเนี่ย +_+
ฺBe 1st หรือเปล่าครับ ถ้าใช่ก็เหมือนว่าบัตรพวกเราจะยังใช้ไม่ได้นะครับ ผมลองมาแล้วเช่นกัน
ref comment
https://www.blognone.com/node/105285#cid-1071244
รายละเอียดนะครับ สำหรับคนที่สงสัย
1) บัตรที่เอาไปผูกได้ จะต้องเป็นบัตร Rabbit ธรรมดาทุกประเภท (รวมถึงบัตรลายพิเศษที่เคยออกขาย เช่นลายคุมะมง หรือลายกันดั้มที่ขายอยู่) แต่ยกเว้น บัตร Rabbit สำหรับผู้สูงอายุ/บัตร Rabbit ธุรกิจ และบัตรร่วม (เช่นบัตร Rabbit ที่เป็นบัตรเครดิต หรือบัตรเดบิต ของธนาคารกรุงเทพ/บัตรเครดิต Aeon/บัตร M Generation ที่เป้น Rabbit/บัตร Rabbbit ที่เป็นบัตรสมาชิก Happy Club ของ McDonalds/บัตร Rabbit ที่เป็นบัตร McCafe/บัตรนิสิต-นักศึกษาที่เป็น Rabbit/บัตร Rabbit ลายอุ่นใจ (AIS) และซิม AIS Rabbit mPay ทุกประเภท)/บัตร Rabbit ที่ไม่ได้ออกในเขตกรุงเทพมหานครทุกใบ (เช่นบัตร Rabbit ที่ใช้เดินทางกับรถ CM Smart Bus ของเชียงใหม่)
2) ผูกบัตรแล้ว บัตรจะโดนเขียนข้อมูลทับให้เป็นบัตรผ่านของ RLP และจะใช้ได้เฉพาะโดยสารรถไฟฟ้า BTS กับรถ BRT เท่านั้น ไม่สามารถใช้ชำระที่ร้านค้าต่าง ๆ (เช่น Family/Gourmet Market/Foodcourt the mall) และที่ท่าเรือคลองภาษีเจริญได้ (พวกร้านค้าทดแทนโดยใช้มือถือจ่าย) และกรณีที่ลบบัตรออกจาก RLP บัตรจะไม่สามารถใช้งานอะไรได้อีก (โยนทิ้งได้เลย) นอกจากออกบัตรใหม่มาใช้ทดแทนเท่านั้น
3) ผูกบัตรแล้ว เงินทั้งหมดจะถูกโอนเข้า RLP และการตัดจะใช้การตัดจาก RLP โดยตรง เลือกได้ว่าจะให้ตัดจาก E-Wallet หรือจากบัตรเครดิต
4) ผูกบัตรแล้วเติมเที่ยวโดยสารในบัตรได้เหมือนเดิม
สอบถามเพิ่มครับ ฉะนั้นแล้ว บัตรจะไม่สามารถเติมเงินได้ แต่จะตัดยอดเป็นเที่ยวอย่างเดียวใช่มั้ยครับ
สมมติว่าใช่ แต่ก่อน 40 เที่ยวจะได้ราคาพิเศษ (ผมจำราคาไม่ได้) ถ้าตัดรายเที่ยวจะคิดตามราคาจริงตามระยะทางใช่มั้ยครับ
ทุกอย่างเหมือนเดิมครับ แต่กระเป๋าเงินมันจะเปลี่ยนจากกระเป๋าบนบัตร เป็นกระเป๋าของ RLP
เวลาเติมเงินให้เติมผ่านบูธของ BTS หรือ AIS เข้า E-Wallet แทนเติมบนบัตร เวลาใช้มันก็จะไปหักตรงนี้
เที่ยวสามารถซื้อเพิ่มได้ตามปกติ ใช้ราคาปกติของ BTS เลยครับ
นึกภาพไม่ออกครับ ถ้าสมมติผมจะซื้อเที่ยว 40 เที่ยวจาก RLP ได้มั้ยครับ
ขออภัยที่ถามเยอะ เพราะไม่กล้าลอง ลองแล้วถอยหลังกลับไม่ได้
ได้ครับ ใน app RLP มีเมนูให้ซื้อครับ
ขอบคุณครับ ผมว่าก็ไม่แย่ซะทีเดียวนะ
ลบบัตรแล้วใช้งานไม่ได้
ฟ้อง สคบ.ดีไหม
ทางเทคนิคคือมันเขียนข้อมูลบัตรใหม่ทับใส่ข้อมูลเดิมทั้งหมดเลยครับ มันเลยทำให้บัตรเอาไปใช้แบบเดิมไม่ได้ (บัตรที่ผ่านการเขียนข้อมูลแล้ว เค้าจะมีสติ๊กเกอร์ Rabbit Line Pay แปะไว้ยืนยันว่าไม่ใช่บัตรแบบเดิมครับ)
บัตร rabbit ที่แอดเข้าแอพไลน์แล้วแต่ยังไม่ได้ไป active ที่สถานี สามารถลบออกจากแอพไลน์ได้มั้ยฮะ ถ้าลบออกแล้วบัตรจะยังใช้งานได้เหมือนเดิม(ก่อนแอดเข้าแอพไลน์)มั้ยฮะ
ได้ครับ ถ้ายังไม่ Activate ก็เอาออกได้โดยไม่มีปัญหาครับ
ขอบคุณมากมาย ตอนแรกใจไม่แข็งพอ ตอนนี้กดออกมาละฮะ 5555
อ้าว แล้วแทนที่จะทำให้จ่ายหน้าร้านได้เหมือนเดิมไปด้วย - -" เร็วกว่ามายืนกดยืนยันเปิดแอปสแกนนะครับ
ยิ่งทำยิ่งแย่ยิ่งซับซ้อนละแบบนี้ แทนที่จะจ่ายร้านค้าได้ด้วย แย่เลยแบบนี้
มันเป็นขยะไม่ได้ครับ
ทุกคนที่ซื้อบัตรมีค่ามัดจำบัตรนะครับอย่างลืม 50 บาท
80 บาท 100 บาท บ้างแล้วแต่ยุค
ขอผมบัตรยุคแรกๆค่า่มัดจำบัตร 50 บาท....
บัตรรุ่นใหม่ (ที่เริ่มขายเมื่อเมษาปีที่แล้ว) ไม่มีค่ามัดจำบัตรแล้วนะครับ ของเดิมมีค่าธรรมเนียมออกบัตรใหม่ ค่ามัดจำบัตร และค่ามัดจำการเดินทาง ภายหลังเอาค่ามัดจำบัตรกับค่ามัดจำการเดินทางออกไป เหลือแค่ค่าธรรมเนียม 80 บาทเท่านั้นครับ
บัตรรุ่นเดิมเห็นว่าจะคืนค่ามัดจำบัตรให้ ส่วนค่ามัดจำการเดินทางจะโอนเข้า RLP ไปด้วย อันนี้ไม่ชัวร์ ลองไปถามที่บูธดูนะครับ
น่าทำโพลนะครับ ว่าคนใช้บัตร BTS จะผูกกับ RLP มั้ย
แล้วระบบ EMV ละ? แทนที่จะให้คนที่เอาบัตรเครดิตไปเติมเงินเข้าบัตร สู้ทำให้บัตรเครดิตและเดบิตตัดตรงๆไปเลยสบายกว่าเหรอ? แถมผลดียังช่วยให้ขาจรกับนักท่องเที่ยวไม่ต้องไปแออัดได้อีกเยอะ
ปล.ช่วยปล่อย function ที่ lean ออกมาทีเถอะ แล้วให้คนที่ต้องซื้อกลายเป็นพวกขาจรแค่ไม่กี่คนซักที T.T
ตามข่าวก็เป็นแบบนี้ครับ ผูกบัตรแล้วตัดผ่านบัตรเครดิตได้เลย ไม่ต้องไปเติมเข้าบัตรก่อน
แต่ถ้าหมายถึงจะให้ตัดผ่านบัตรเครดิตแบบ Paywave เลย นั่นต้องให้ BTS รื้อระบบทำใหม่ทั้งระบบครับ เพราะ Rabbit ที่ใช้อยู่เป็น Close loop (MRT/ARL เป็น Open loop นี่เป็นเหตุผลว่าทำไม BTS ใช้แมงมุมไม่ได้)
มีอยู่ในแผนงานของ สนข. ครับ ปี 2021 น่าจะได้ใช้
เพราะทุกเจ้าต้องเปลี่ยนระบบแตะบัตรให้รองรับ EMV ด้วยครับ
ตามแผนยังปี 2021 จะใช้จริงได้เมื่อไหร่เนี่ย เพราะดูจากประวัติแล้วโดนเลื่อนตลอด
ผมไม่แน่ใจว่านี่เป็นผลพลอยได้จากสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีชมพู/เหลือง หรือเพราะความตั้งใจจะทำให้ผู้โดยสารด่าน้อยลง หรือเพราะเอไอเอส
เชื่อว่ามาจากทั้งสามเหตุอย่างละนิดละหน่อย
1.สัมปทานสายสีชมพูและสายสีเหลือง ที่บีทีเอสชนะการประมูลไปนั้น กำหนดในสัญญาว่าต้องสามารถใช้ตั๋วร่วมได้ นั่นหมายความว่า ทั้งสองสายใหม่นี้ใช้บัตรแมงมุมได้ตั้งแต่วันที่เปิดให้บริการแน่นอน แต่บีทีเอสย่อมทำให้รองรับบัตรแรบบิทและตั๋วเที่ยวเดียวเดิมได้ด้วย เป็นการบีบให้บีทีเอสต้องเลือกว่าจะปรับระบบเก่าหรือผสมมันในระบบใหม่
ซึ่งบีทีเอสเลือกปรับระบบเก่า ดังจะเห็นได้จากการเปลี่ยนตู้จำหน่ายตั๋วใหม่ เตรียมรองรับสายใหม่ และเปลี่ยนบัตรแถบแม่เหล็กเดิมเป็นแบบแตะเข้าแทนการสอดแล้ว แต่ก็ยังยื้อ ไม่ยอมตอบตกลงว่าจะรับบัตรแมงมุมมาใช้กับระบบเดิมสักที รัฐเองก็ยังไม่มีอำนาจ ต้องรอพ.ร.บ.ตั๋วร่วม ตอนนี้ทำได้เพียงแค่ขอความร่วมมือเฉยๆ
2.ความพยายามเป็นมิตรกับผู้โดยสาร ตั้งแต่ตอนอาณัติสัญญาณขัดข้อง บีทีเอสก็รับฟังเสียงผู้โดยสารไปเยอะพอสมควร บวกกับ
3.เอไอเอสที่เข้ามาลงทุนในไลน์เพย์ ก็คงเห็นดีเห็นงามและผลักดันให้เกิดระบบนี้ ถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้วจะยังงกค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตก็ตาม
เกรงว่าทำอันนี้แล้วบัตรแมงมุมจะเป็นหมันเลย แต่ถ้าเป็นหมันแต่ได้เป็น EMV ก็คงจะดีกว่านี้อีกเยอะ
เป็นผม คงใช้คำสั่งศาลสั่งให้รองรับบัตรแมงมุมอะครับ BTS นี่เห็นแก่ตัวจริงๆ คุณภาพก็ไม่พัฒนา อยู่กับที่ เอาแต่ดูดเงินคนใช้ แต่ไม่พัฒนาการให้บริการเลย รถก็น้อย คนรอรถก็เบียดจนเต็มชานชาลาแล้ว
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ผมว่ามันก็เกี่ยวกับผลประโยชน์นั้นแหละ BTS ทำแบบนี้เพื่อมีอำนาจในการต่อรองมากขึ้น
ควรเปิดบัตรแมงมุมให้ใช้ BTS ด้วย ขอจำกัดก็ยังเยอะ จุกจิกเหมือนเดิม
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
เท่าที่อ่านหลายความเห็น การผูกบัตรคือ เอาบัตรแรพบิตนี้ แปลงร่างเป็นบัตรเครดิตการ์ดเพื่อเข้าระบบ BTS โดยเฉพาะ (Direct credit ได้โดยไม่ต้องเติมเงิน) ... อะไรที่ตัดบ้ตรได้โดยตรง คงต้องจำกัดสิทธิ์ก่อน และมีกระบวนการระบุตัวตน (KYC ตามระบบแบงก์) ตามสมควร
ถ้าไม่ระงับธุรกรรมประเภทซื้อสินค้าอื่นๆ ลองคิดว่าถ้าทำแรพบิทหาย ซึ่งแรพบิตดันเป็นบัตรที่สามารถแตะจ่ายกินอะไรก็ได้ที่รับบัตรได้ แล้วไม่มีอะไรผูกตัวบุคคล เข้ากับบัตรเครดิตหรือยืนยันตัวอะไรไว้เลย หรือยังมีสิทธิ์ทำได้เท่าเดิม แล้ววันดีคืนดีทำบัตรแรพบิทหาย หรือลืมไว้สักที่ (ซึ่งก็เกิดบ่อย) บัตรใบนั้นจะรูดอะไรก็ได้จนกว่าเจ้าตัวจะรู้ตัวเลยนะ ก็เลยต้องเอาฟีเจอร์ในการจ่ายร้านค้าอื่นออก เพราะถ้าบัตรหายความเสียหายที่จะเกิดและต้องชดใช้ มันจะสูงกว่าแค่ความเสียหายจากราคาค่าเดินทาง (ซึ่งจะลดความเสียหายและการรับผิดชอบแค่ร้อยกว่าบาท แถมเป็นอัฐยายซื้อขนมยายด้วย)
ส่วนพาร์ทที่เคยต้องใช้แรพบิทในการแตะจ่ายเงิน
Action ที่เกิดขึ้นของเรา (ในการเอาบัตรไปผูก Rabbit line pay) เท่ากับเป็นการยืนยันว่าลูกค้าคนนี้ก็มีมือถือที่ใช้จ่ายเงินได้ ... ดังนั้นไม่ต้องมีบัตรก็ควรไปทำธุรกรรมผ่านโทรศัพท์ ซึ่งมีกระบวนการยืนยันและตรวจสอบ รวมไปถึงความปลอดภัยที่สูงกว่าแทน ก็น่าจะเมคเซนส์อยู่นะครับ
ฟังดูดีครับ ขอบคุณครับ
ต่างอะไรกับทำบัตรเครดิตหายครับ
บัตรเครดิตมีขั้นตอนของระบบยืนยันตัวอย่างลายเซ็น (อืมมม นับสักหน่อยก็ได้) กับ PIN ครับ (แต่ถ้าใช้ออนไลน์ก็ปลิวไป) แต่บัตร Rabbit นี่มันไม่มีอะไรเลยนะ แตะผ่านแตะผ่าน ทางผู้ให้บริการก็คงไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้
ไม่เห็นยากเลยครับก็เพิ่มระบบPINเข้าไปเฉพาะตอนใช้บัตรจ่ายเงินที่ร้านค้าสิ กดเลขที่เครื่องEDCเอา
ใช้PINเดียวกับของRLPที่ผูกบัตรไว้ก็ได้
บอกลูกค้าไปว่าเพื่อความปลอดภัยเผื่อทำบัตรหาย อย่างน้อยก็จำกัดได้เฉพาะเอาไปใช้กัยBTSซึ่งมันก็ไม่กี่บาท
ดีกว่าใช้ไม่ได้ไปเลย
แล้วถ้าทำงั้นทำไมไม่เอามือถือ scan จ่ายไปเลยละครับ เพราะคนที่ผูกแบบนี้ต้องมี line pay อยู่แล้ว ง่ายกว่าอีก จะไปเพิ่มระบบที่ยากกว่าทำไม
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ต่างตรงที่ บัตรเครดิต มีธนาคารรับรองอยู่ มีกฎหมายคุ้มครองค่อนข้างมาก มีระเบียบแบงก์ชาติคุ้มครองค่อนข้างมาก
การทำบัตรเครดิตหาย มันจะเกิดอีเวนท์ที่ตามมาหลายอย่างมากเลยนะครับ การโทรแจ้ง การติดตาม การอายัดยอด การคืนเงิน รวมไปถึงการตรวจสอบและออกบัตรใหม่ ... ทั้งหมดนี้เป็นภาระหน้าที่ของผู้ออกบัตรด้วยในหลายๆส่วน ซึ่งถ้าแรบบิทจะทำให้มันเทียบเท่ากัน ก็ต้องเปิด Customer Service/Fraud Detection/Fraud Protection/Legal ขึ้นมาในระดับธนาคารเลย ซึ่งผมว่าก็อาจจะเป็นปัจจัยหลักๆที่ทำให้เลือกทางนี้
ถ้ามองจากผู้บริโภคไป มันอาจจะดูไม่ต่างกันมาก แต่ภาระความรับผิด(+รับผิดชอบ)ของผู้ประกอบการที่จะเกิดขึ้นถ้ายอมให้ทำได้มันจะเยอะขึ้นมาก ซึ่งดูทรงแล้วทาง Rabbit เองก็คงไม่ได้อยากทำแบบนั้น
เทียบกันว่าถ้าเกิดภาระการคืนเงินและอายัดเงินเกิดขึ้นมา ถ้ามันคือค่าเที่ยวรถโดยสาร แรบบิทรับผิดชอบอย่างมากก็แค่ให้คนๆนั้นเดินทางฟรี ก็เป็นการรับผิดชอบที่ไม่ได้เสียหายมากเท่าไร และได้คืนตอนออกบัตรใหม่อยู่แล้ว ...
แต่ถ้าฟังก์ชันเท่าบัตรเครดิตเลย เอาไปแตะร้านค้าซื้อของ(ส่วนมากก็ร้านอาหาร) มื้อนึงหลักพัน ... แล้วบัตรนั้นเจ้าของดันอายัด ภาระในการชำระหนี้คือแรบบิทก็ต้องจ่ายให้ร้านค้าอยู่ดี และต้องมาไล่เอากับเจ้าของบัตรให้จ่าย ก็อาจจะนับเป็นความเสี่ยงที่ทางแรบบิทเองไม่อยากรับ หรือเปล่าครับ
แล้วทำ rabbit หาย ทำไมไม่อายัดบัตรเครดิตที่ผูกไว้กับ rabbit ใบนั้นล่ะครับ
ขี่ช้างจับตั๊กแตนเลยนะครับ
จริงๆ กดปิดการใช้งานจากแอปก็ได้นะครับ
เป็นคำอธิบายที่ดูดีเลยครับ
อันนี้ซื้อ
Make sense คับ ผมลืมข้อนี้ไปเลย 555+
ประเด็นนี้น่าสนใจครับ แต่ว่าการแตะแล้วจ่ายของเดบิทหรือเครดิทการ์ดก็มีอยู่เหมือนกัน ในกรณีที่มียอดค่าใช้จ่ายน้อยๆ ตรงนี้ผมว่าสามารถจำกัดวงเงินได้ และค่อยให้ใช้ PIN เมื่อมีการใช้จ่ายในยอดเงินที่สูงถึงระดับที่กำหนดไว้
เห็นเติมเที่ยวได้ ถ้าเติมเที่ยวโดยตัดบัตรที่มีโปร cashback กับ BTS จะได้คืนมั้ยครับ
เติมเที่ยวจะใช้โปรโมชั่นกับบัตรเครดิต หรือพวกโปรโมชั่นกับค่ายมือถือได้ไหมนะ
จริงนา่จะทำแบบบบัตร IC Card ของญีปุ่่น แอพเข้ามือถือ iPhone ได้โดยตรงเลย แถมใช้ซื้อของได้ร้านสะดวกซื้อได้ตามปกติด้วย ไม่มีข้อจำกัด
การจ่ายเงินใน RLP สำหรับ iPhonr ผมกด 3D Touch ที่ไอคอน LINE ครับ แล้วเลือก My Code Payment จากนั้นก็สแกนนิ้วยืนยัน จ่ายเงินได้ละ ไม่ได้มากดเข้าแอพ ฯ แล้วค่อยเลื่อนหาเมนู ใครไม่เคยใช้ ก็ลองใช้ตามนี้ดูนะ สะดวกดี
เสริม Android ก็ทำคล้ายๆ กันได้ครับ กด icon line ค้างไว้ เลือก My code แล้ว scan นิ้วเช่นกันครับ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
เสริมอีก เสียเวลาน้อยกว่าถ้า add My code ขึ้น home screen ไปเลยครับ กดทีเดียวเข้าเลย
ไม่ค่อยเกะกะเท่าไหร่เพราะบน home screen ผมไม่มี LINE ด้วยซ้ำ (ไม่ได้ใช้เพื่อแชต) ?
แล้วอย่างงี้ พวกโปรโมชั่น Dtac, AIS, หรือ Cash back 11% จากบัตร Citi Bank จะยังได้อยู่มั้ยคนับ ในกรณีที่เลือกตัดจากบัตรเครดิตโดยตรง
ไม่ได้แล้วครับ เวลาตัดบัตรเครดิต ข้อมูลที่ส่งไป ไม่ได้เป็น BTS แต่เป็น Linepay แทน