เปิดตัวในไทยไปตั้งแต่กลางเดือนกันยายนที่ผ่านมาสำหรับ Nokia 6.1 Plus สมาร์ทโฟน Android One จากบริษัท HMD Global ซึ่งดีไซน์จะแตกต่างไปจาก Nokia 6.1 ตั้งแต่วัสดุ, กล้องหลังที่เปลี่ยนมาใช้กล้องคู่ ไม่ได้มากับเลนส์ Zeiss, แบตเตอรี่ใหญ่ขึ้นเล็กน้อย ราคาวางขายในไทยอยู่ที่ 8,990 บาท มี 3 สีให้เลือก ได้แก่ สีดำ, สีขาว และสีน้ำเงิน
อย่างที่บอกไปเมื่อตอนต้นครับว่าดีไซน์ Nokia 6.1 Plus แตกต่างไปจาก Nokia 6.1 โดยฝาหลังเปลี่ยนมาใช้กระจกเป็นวัสดุหลักตามสมัยนิยมแทนอะลูมิเนียม, ขนาดหน้าจอ 5.86 นิ้ว พร้อมรอยแหว่ง, สัดส่วน 19:9, ความละเอียด Full HD+ (2280 x 1080 พิกเซล), ส่วนกรอบตัวเครื่องเป็นอะลูมิเนียม
ฝาหลังที่เป็นกระจกของ Nokia 6.1 Plus ในขณะหยิบจับไม่ลื่นและไม่ทำให้เกิดรอยนิ้วมือ ส่วนกล้องหลังเป็นแบบคู่เรียงกันเป็นแนวตั้ง ที่ไม่ได้มากับเลนส์ Zeiss, ถัดลงมาจะเป็นแฟลช และปุ่มสแกนลายนิ้วมือ
ในตำแหน่งรอยแหว่งของหน้าจอประกอบไปด้วยกล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล, ลำโพงสนทนา ซึ่งในรุ่นนี้จะไม่มีฟีเจอร์ซ่อนรอยแหว่ง ส่วนปุ่มควบคุมอย่างปุ่ม home, back และ recent app เป็นระบบสัมผัสบนหน้าจอ
ขอบตัวเครื่องฝั่งขวาเป็นปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง กับปุ่มพาวเวอร์ ฝั่งซ้ายเป็นช่องสำหรับใส่ซิมแบบ Nano SIM รองรับสองซิม เปิดใช้ 4G พร้อมกันได้
ขอบด้านล่างเป็นตำแหน่งลำโพงเสียง และพอร์ท USB Type-C ส่วนขอบด้านบนเป็นช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
Nokia 6.1 Plus เป็นสมาร์ทโฟนจาก HMD Global ใช้ชิป Qualcomm Snapdragon 636 และเป็น Android One ที่ได้รับการการันตีอัพเดตระบบปฏิบัติการ Android ไปอีกอย่างน้อยสองเวอร์ชัน พร้อมอัพเดตแพตช์ความปลอดภัย โดยระบบปฏิบัติที่มากับเครื่องตอนที่เขียนรีวิวนี้เป็น Android 8.1 Oreo โดยความเป็น Pure Android ใน Nokia 6.1 Plus จะไม่มี UI อื่นใดครอบทับ ทำให้การใช้งานลื่นไหล การเรียกใช้และปิดใช้งานแอพต่างๆ สามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว
การทดสอบเล่นเกม PUBG Mobile ภายใต้การตั้งแบบกราฟิกในระดับปกติ พบว่าการเล่นบางจังหวะมีกระตุกไปบ้างเหมือนกัน เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น แต่ไม่ได้กระทบหรือเป็นปัญหาของการเล่นในภาพรวม และตัวเครื่องไม่ร้อนเร็ว
กล้องหลังใน Nokia 6.1 Plus เป็นแบบคู่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล, f/2.0 + 5 ล้านพิกเซล, f/2.4 ไม่ได้มากับเลนส์ Zeiss ซึ่งโหมดกล้องนอกจากโหมดปกติแล้วก็มีให้เลือกไม่เยอะ ได้แก่ พาโนรามา, ไลฟ์โบเก้ (โหมดถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ) และโหมดปรับเอง นอกจากนี้แถบด้านบนของกล้องยังมีโหมดปรับระดับความเนียนของใบหน้า ในกรณีใช้ถ่ายภาพบุคคลได้
ซึ่งการถ่ายภาพในสภาพแสงปกติถือว่าออกมาดี ให้รายละเอียดของสีที่ชัด เป็นธรรมชาติ การถ่ายในระยะใกล้ให้ภาพที่มีความตื้นลึกได้ดี
ตัวอย่างภาพถ่าย ไม่มีปรับแต่งใดๆ เพียงย่อขนาดภาพเท่านั้น
แบตเตอรี่ใน Nokia 6.1 Plus ความจุให้มา 3060 mAh เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจาก Nokia 6.1 ที่ให้มา 3000 mAh หากใช้งานทั่วไป เช่น เช็กอีเมล, เปิด Facebook, แชท LINE แบตก็ยังอยู่ 1 วันได้ แต่เล่นเกมกับดูหนังหลายชั่วโมงติดกันพร้อมไปด้วยนั้นก็จะทำให้แบตเตอรี่ไม่พอที่จะอยู่ครบ 1 วัน
จากการใช้งานจริงมาระยะหนึ่งถือว่า Nokia 6.1 Plus เป็นสมาร์ทโฟน Android One ที่ใช้งานทั่วไปได้เป็นอย่างดี การหยิบจับไม่ลื่น แถมการันตีเรื่องการอัพเดตทั้ง Android เวอร์ชันใหม่ๆ และแพตช์ความปลอดภัย ส่วนการถ่ายภาพก็จัดว่าอยู่ในระดับที่พอใช้ได้ ซึ่งในสภาพแสงปกติก็ให้รายละเอียดของสีที่ชัดและเป็นธรรมชาติ
Comments
แพง รอราราพร้อมโปร
ประบบ => ระบบ
ระบบปฏิบัติ => ระบบปฏิบัติการ
เช็ค => เช็ก
ตัวนี้ CPU อะไรครับ น่าจะใส่ไว้ด้วยนะครับ
Kryo 260 8 คอร์ ทำงานที่ 1.8 GHz ครับ
ด้านหลังสวยดี จัดเลย์เอาท์ดูดี และกระจกเงางาม
แต่หน้าด้าน จอแหว่งสั้นและลึก แถมด้านล่างมีขอบหนาอีกไม่ปลื้ม
ด้านหน้า!
ด้านหน้าครับ ด้านหน้า อ่านเเล้ว ใจคอไม่ดีเลย
ถ้า 7 Plus 9990 เท่าในงาน TME รอบล่าสุด น่าเล่นกว่าเจ้านี้เยอะะะะ
จัดมาแล้วฮะ กินพายแล้วด้วย อร่อยมากๆ
ตอนไปเดินงาน ว่าจะส่อง xiaomi a2 สักหน่อย เจอ 7+ ราคานี้ เปลี่ยนใจเลย
ผมได้มาลองใช้ประมาณเดือนนึง สิ่งที่ชอบคือ
1. จอใหญ่แต่ตัวเครื่องไม่ใหญ่มากนัก
2. วัสดุเป็นกระจกทั้งสองด้านสวยงามมาก
3. ลื่น ไม่มี bloatware มากวนใจ
4. usb type c ชาร์จแบตเร็วดี
5. การันตีอัพเดตกันยาวๆ
สิ่งที่ไม่ชอบ
1. ตัวเครื่องมีความลื่นมากถึงมากที่สุด ถ้าไม่ใส่เคสจะอันตรายมากเพราะอาจหลุดมือหรือลื่นออกจากกระเป๋ากางเกงได้
2. รอยนิ้วมือเพียบต้องคอยเช็ดบ่อยๆ
3. แอบตัด nfc ออกไป