จากกรณี รายงานจาก Bloomberg เผยจีนฝังชิปบนเมนบอร์ด Supermicro เปิดทางควบคุมเครื่อง ซึ่งทาง Supermicro ก็ออกมาปฏิเสธ
ล่าสุด Supermicro ยังใช้ผู้ตรวจสอบภายนอกบริษัทมาตรวจสอบเรื่องนี้อีกชั้น (เพื่อความเป็นกลาง) โดยตรวจสอบจากบอร์ดหลายรุ่นและหลายช่องทาง ผลคือไม่พบร่องรอยใดๆ ของการถูกฝังชิป
Supermicro บอกว่ากระบวนการของบริษัทใส่ใจเรื่องความปลอดภัยของซัพพลายเชนเป็นอย่างดีอยู่แล้ว และมีพนักงานของบริษัทเข้าไปกำกับกระบวนการผลิตของโรงงานตลอดเวลา จึงอยากให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่ารายงานของ Bloomberg ไม่เป็นความจริง
ที่มา - Supermicro
Comments
Bloomberg เตรียมโดนฟ้องได้เลยครับแบบนี้
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ฟ้องคืนสิครับ รออะไร
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
เอ้า Bloomberg จะว่าไงต่อหล่ะทีนี้ ตอนกล่าวอ้างก็ไม่มีหลักฐาน
ทำไมตอนแรกผมอ่านเป็น Super Mario เผยผลการตรวจสอบ .....
ไม่พบเจ้าหญิงในปราสาทนี้
แต่เจอ Bowsette แทน
ก็นะ มาริโอ้ กับคุปป้า ทะเลาะตบตีกันมากว่า 30 ปี เพื่อช่วยเจ้าหญิง
แต่ช่วยออกมาได้ทีไร ก็เล่นตัวตัลหลอด
สุดท้ายคิดได้
ก็ตัดใจโบร๊คแบ๊คเมาเท่น กันเองซะอย่างงั้น .. เฮ้ออ
กรรมของสัตว์โลก
ทำอะไรไม่คิด
ตามคาด! รายงานของ Bloomberg ขาดความน่าเชื่อถือตั้งแต่แรก ไม่มีหลักฐานอะไรมาสนับสนุนข้อเท็จจริงสักนิด ออกมาปล่อยข่าวที่ไม่เป็นความจริงแบบนี้มีหวังโดนฟ้องแหง
เอาแล้วววววววว ก่อนหน้านี้ Apple ก็ออกมาพูดว่าไม่ให้กล่าวหา และให้แสดงหลักฐานมา
แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มี ตอนนี้จะมีการฟ้องมั๊ย รอดู
ซุปเปอรไมโคร ตรวจ ช่วงเวลาไหน ถ้าช่วงปี ย้อนหลังปี -2ปีอาจไม่มีหรือเปล่า? แล้วต้องสุ่มตรวจ บางส่วน
เห็นรายงานเก่า ก็บอกว่าผังบางชุด(ไม่ทั้งหมด) แล้วก็ย้อนหลังนานแล้ว
ขอเครื่องที่โดน Bloomberg กล่าวอ้างมาแสดงจะง่ายกว่าไหม
oxygen2.me, panithi's blog
Device: ThinkPad T480s, iPad Pro, iPhone 11 Pro Max, Pixel 6
ไม่น่าจะให้ความร่วมมือหรอกนะ ทางนั้นอาจอ้างเรื่องความปลอดภัยของแหล่งข่าวก็ได้
คือต้องให้เรื่องนี้ถึงศาลอ่ะถึงจะรู้ว่า ใครเป็นแหล่งข่าวของ Bloomberg
ถ้าจะใช้ตรรกะตามเพจที่ชอบอ้างทฤษฏีสมคบคิดก็จะได้คำตอบออกมาเป็นประมาณว่า นี่ต้องเป็นแผนการทำลายชื่อเสียงฝั่งตรงข้ามและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้าของทาง Supermicro ซึ่งถ้าสืบไปเรื่อยๆ ผู้ที่ชักใยอยู่เบื้องหลังต้องเป็น Apple กับรัฐบาล US แน่นอน