เปิดตัวในไทยแล้วเมื่อต้นเดือนธันวาคม สำหรับ ZenFone Max (M2) สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดจาก ASUS ซึ่งความโดดเด่นมาพร้อมหน้าจอขนาด 6.3 นิ้ว, ชิป Snapdragon 632, เป็น Pure Android และแบตเตอรี่ขนาด 4000 mAh ที่จัดว่าใหญ่พอใช้งานได้ทั้งวัน ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นสมาร์ทโฟนในราคาไม่ถึงหกพันบาทอีกด้วย
สเปก ASUS Zenfone Max (M2) ที่นำมารีวิวมีดังนี้
ZenFone Max (M2) ใช้โลหะเป็นวัสดุหลักสำหรับฝาหลังและกรอบรอบตัวเครื่อง หมดปัญหาเรื่องรอยนิ้วที่มักเกิดขึ้นกับฝาหลังแบบกระจก ซึ่งดีไซน์ในภาพรวมเน้นความเรียบง่ายเป็นหลัก ตัวเครื่องมีความบาง 7.7 มิลลิเมตร น้ำหนัก 160 กรัม มีความเบาและสะดวกต่อการหยิบถือด้วยมือเดียว
หน้าจอเป็น IPS ขนาด 6.3 นิ้ว ความละเอียด HD+ (1520 x 720 พิกเซล) ครอบทับด้วยกระจก มาพร้อมรอยบาก ไม่มีเมนูซ่อนรอยบาก ความละเอียดการแสดงผลอาจไม่สูงนัก เมื่อเจอกับสภาพแสงมากๆ ก็สู้แสงได้ดีระดับหนึ่ง มีเงาสะท้อนที่กระจกหน้าจอบ้าง แต่ก็สามารถมองเห็นแอพและตัวอักษรต่างๆ ได้
ปุ่มและพอร์ทตัวเครื่องประกอบไปด้วย ขอบตัวเครื่องด้านขวาเป็นปุ่มปรับระดับเสียง ถัดลงมาเป็นปุ่มพาวเวอร์ ส่วนขอบด้านซ้ายเป็นถาดใส่ซิมแบบ 3 slot ใส่สองซิมและ microSD ได้พร้อมๆ กัน
ขอบตัวเครื่องด้านบนเป็นช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร และขอบด้านล่างเป็นช่องลำโพงเสียงกับพอร์ท micro-USB
Zenfone Max (M2) ใช้ชิป Snapdragon 632, จีพียู Adreno 506, แรม 4GB และสตอเรจ 64GB เป็นสมาร์ทโฟนในสเปกระดับกลาง มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo เป็น Pure Android ไม่มี ZeunUI ครอบทับ และแอปจาก ASUS ติดตั้งมาด้วย ทำให้การใช้งานค่อนข้างลื่นไหล และมีโอกาสสูงที่จะได้ไปต่อกับ Android ในเวอร์ชันใหม่ๆ แต่ตอนนี้ข่าวการอัพเดตเป็น Android 9 Pie ยังเงียบ
ประสิทธิภาพการเล่นเกมอยู่ในระดับดี จากที่ผู้เขียนทดสอบกับเกม Asphalt 9 พบว่าการตอบสนองต่อการกดรวดเร็ว การเคลื่อนไหวตามการหมุนตัวเครื่องทำได้ดี ยังไม่พบอาการสะดุดระหว่างเล่น
เรื่องของเสียงใน Zenfone Max (M2) ใช้ชิปเสียง NXP 9874 แบบเดียวกับที่ใช้ ROG Phone เสียงที่ขับออกจากลำโพงหากปรับระดับจนสุดจะให้เสียงที่ดังมาก และรู้สึกได้ว่าเสียงไม่แตก
ด้านหลังของ Zenfone Max (M2) มีปุ่มสแกนลายนิ้วมือ แค่แตะก็สามารถปลดล็อกหน้าจอได้รวดเร็ว แต่หากนิ้วมือเปียกน้ำจะไม่สามารถสแกนติดได้
ส่วนฟีเจอร์จดจำใบหน้านับว่ามีความรวดเร็วในการปลดล็อกเช่นกัน หากใช้งานในห้องขณะปิดไฟ ก็สามารถใช้งานได้ เพียงแต่จะปลดล็อกช้ากว่าเวลาใช้ในสภาพแสงปกติเล็กน้อย
กล้องหลังของ Zenfone Max (M2) เป็นเลนส์คู่ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล + 2 ล้านพิกเซล, รูรับแสงกว้างสุด f/1.8, แฟลช LED, กันสั่น EIS, มี AI ช่วยถ่ายภาพ (แต่เครื่องที่ได้มารีวิวยังไม่มี AI ต้องรออัปเดตซอฟต์แวร์ที่กำลังจะเปิดให้ดาวน์โหลดช่วงต้นปี พ.ศ. 2562 จากข้อมูลของ ASUS) และรองรับการถ่ายวีดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 4K
โหมดถ่ายรูปที่ให้มาไม่เยอะมาก หลักๆ จะมีโหมดถ่ายภาพบุคคล มีเมนูสำหรับปรับระดับความขาวและความเนียนใสบนใบหน้า และอีกโหมดสำหรับภาพแบบ Bokeh หรือหน้าชัดหลังเบลอ เมื่อเลือกใช้งานโหมดนี้จะสามารถปรับรูรับแสงเพื่อให้ฉากหลังเบลอมากหรือน้อยได้ตามต้องการ
ในการถ่ายภาพจริงพบว่าจังหวะการจับภาพในสภาพแสงปกติทำได้รวดเร็ว สีของภาพเป็นธรรมชาติ แต่การถ่ายภาพกลางยังทำไม่ได้ไม่ดีเท่าที่ควร สีของภาพซีด ขาดความคมชัดและแสงไฟในบริเวณรอบๆ ฟุ้งไปเล็กน้อย
ภาพถ่ายจากกล้องหลัง ไม่ปรับแต่งใดๆ แค่ลดขนาดภาพลงมาเท่านั้น
Zenfone Max (M2) มากับแบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh ที่จัดว่าใหญ่พอใช้งานได้ทั้งวัน ต่อให้เล่นเกม, ถ่ายรูป หรือเปิดดูละครย้อนหลังผ่าน YouTube ด้วย ใช้งานได้สบายๆ ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ
จากการทดสอบของผู้เขียนที่ใช้เสมือนเครื่องหลัก ใช้เช็กอีเมล, มีถ่ายรูป, เล่น Facebook, ตอบแชท LINE, ดู YouTube บ้าง กิจกรรมทั่วไปเหล่านี้แบตเตอรี่ก็อยู่ได้ราวๆ 2 วันครับ หากมีเล่นเกมแบบต่อเนื่องใน 1 วัน แบตเตอรี่ก็อึดพอที่จะอยู่ได้ 7-8 ชั่วโมง
อีกบททดสอบความอึดของแบตแตรี่ผ่านแอป LAB501 (ซึ่งเดิมทีผู้เขียนต้องการทดสอบผ่านแอป PCMark for Anroid แต่ไม่สามารถติดตั้งได้ เนื่องจากมีข้อความระบุว่าอุปกรณ์ของคุณไม่รองรับการใช้งานกับรุ่นนี้) โดยในโหมด Gaming ซึ่งผลการทดสอบพบว่าจากแบตเตอรี่ 98% เปิดให้รันแอปต่อเนื่องยาว 300 นาที แบตเตอรี่ลดลงมาเหลือ 69% หลังจากนั้นเป็นการทดสอบในโหมด Video ขณะที่แบตเตอรี่อยู่ที่ 69% ให้รันแอปต่อไปอีก 389 นาที แบตเตอรี่ลดลงเหลือ 41% และยังเหลือให้ใช้งานต่อได้อีกหลายชั่วโมง
Zenfone Max (M2) เป็นสมาร์ทโฟนอีกหนึ่งรุ่นที่เป็น Pure Android ตอบสนองต่อการใช้งานทั่วไปได้อย่างไหลลื่น พร้อมแบตเตอรี่ความจุ 4000 ใหญ่กว่าสมาร์ทโฟนบางรุ่นที่มีระดับราคาไล่เลี่ยกันอย่าง Vivo Y85 (ราคา 5,999 บาท อ้างอิงราคาจากเว็บไซต์ Jaymart) ที่มีแบตเตอรี่ความจุ 3285 mAh และ Xiaomi Redmi 6 (ราคา 5,490 บาท อ้างอิงราคาจาก Official Store ของ Xiaomi ใน Lazada) ที่มีแบตเตอรี่ความจุ 3000 mAh
สิ่งที่ผู้เขียนรู้สึกเสียดายคือ การทดสอบครั้งนี้ทาง ASUS ยังไม่มี AI ให้ใช้สำหรับถ่ายภาพ ต้องรออัพเดตซอฟต์แวร์ต้นปี 2562
สำหรับ Zenfone Max (M2) เริ่มวางขายวันที่ 7 มกราคม 2019 เป็นต้นไป มี 2 ราคา ได้แก่
Comments
ZeunUI => ZenUI
pure Android แล้ว อยู่ในโครงการ Android one ด้วยไหม
ราคาดีนะ CPU แบต โดยรวมถือว่าดี
ไม่ใช่ Android One ครับ
ต้นปี ได้ถอยอีกเครื่องแน่ๆ ไม่ถึง6พัน
แต่ อยากรู้ว่า
ไปหาตู้โทรศัพท์ แบบนี้ ถ่าย แถวไหนครับ
จำได้แต่ว่า เมื่อ20ปีกว่า ยังยืนรอต่อแถวโทรศัพท์ อยู่เลย
BTS ศาลาแดง มีมุมนึง ครับ
ผมดูข้อเดียวคือ Wi-Fi 5Ghz
อยากได้ type-c, gollira glass ด้วยครับ
ก็นะราคาแค่นี้ อยากได้นั่นนี่ .... 55+
ขัดใจตรงที่ไม่ไมี wifi AC นี่แหละ
+100 เห็นด้วยครับ เชื่อมต่อได้ไม่เต็มที่ก็เซ็งแล้วครับ
จะอัพได้ถึง Android 10 ไหม
แบตเยอะแต่ไม่ Fast ใช้เวลากี่ชั่วโมงจะเต็มล่ะนั่น
ประเด๋ยวนี้กลายเป็นว่า micro-USB เป็นสัญลักษณ์ของพวกรุ่นตลาดกลางค่อนล่างไปแล้ว
ตลาดล่างไปเลยครับ Xiaomi ราคาเกินหกพันเป็น USB-C เกือบหมดแล้ว (/แอบช้ำ)
google drive 100gb เพิ่งหมดโปรพอดี สงสัยต้องจัด
asus ออกรุ่นซอยไว้มาก ว่าจะไปซื้อ zen5z มาใช้อยู่
แต่รุ่นนี้ไม่รองรับ wifi 5ghz