Tags:
Topics: 
Node Thumbnail

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หุ้น Dell ได้กลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แล้ว เป็นเวลาเกือบ 6 ปีหลังจากที่ออกจากตลาดไปตั้งแต่ปี 2013 ซึ่งเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้

หุ้นบริษัท Dell Technologies Inc. ได้กลับมาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กภายใต้สัญลักษณ์ซื้อขาย DELL โดยหุ้นที่นำกลับมาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กนี้ เกิดจากแผนที่ประกาศเมื่อเดือนกรกฎาคมโดยจะซื้อหุ้นคลาส V ซึ่งเป็น Tracking Stock ที่ออกมาตอนซื้อกิจการ EMC คืนโดยให้ราคา 120 ดอลลาร์ต่อหุ้น หรือให้นำหุ้นคลาส V มาแปลงเป็นหุ้นคลาส C เพื่อจะนำไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ซึ่งทำให้ Dell ไม่ต้องผ่านกระบวนการไอพีโอใหม่

Dell เคยนำบริษัทออกจากตลาดหลักทรัพย์เมื่อปี 2013 โดยใช้เงินส่วนตัวของซีอีโอ Michael Dell กับกองทุน Silver Lake และแหล่งเงินทุนอื่น ๆ เข้ามาซื้อหุ้น Dell คืน ซึ่งครั้งนั้น Dell มีผลประกอบการที่ไม่ค่อยดีเนื่องจากปรับตัวตามสภาพตลาดไม่ทัน จึงทำให้ต้องปรับโครงสร้างเพื่อให้บริษัทดำเนินงานคล่องตัวและวางแผนระยะยาวได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ส่วนการนำบริษัทเข้าตลาดเนื่องจากในช่วงหลัง Dell เติบโตจากทั้งเทคโนโลยีคลาวด์, ธุรกิจภาคองค์กร และเกมมิ่งพีซี Dell จึงพร้อมกลับมาเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์อีกครั้ง

หุ้นของ Dell เปิดที่ราคา 46 ดอลลาร์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทำให้มูลค่าของบริษัทอยู่ที่ราว 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์

ที่มา - Reuters, The Verge, Engadget

No Description
Dell XPS 13 (2018) ภาพจากรีวิวโดยคุณ nismod

Get latest news from Blognone

Comments

By: IDCET
Contributor
on 29 December 2018 - 11:09 #1089504

ไม่แน่ใจว่าบริษัททีเข้าตลาดหลักทรัพย์นี่ เคยเห็นว่าทำสินค้าและบริการหลังการขายห่วยกว่าบริษัทเอกชนทั่วไปที่ไม่ได้เข้าตลาดหลักทรัพย์ จริงเสมอไปหรือเปล่า

บางทีของแบบนี้ก็รู้สึกได้นะ เพราะบริษัทในตลาดหุ้นต้องทำให้ผู้ถือหุ้นพอใจและมีกำไรเป็นหลัก มากกว่าบริการและคุณภาพสินค้าอยู่แล้ว


ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว

By: iDan
ContributorAndroidSUSEUbuntu
on 29 December 2018 - 12:12 #1089509 Reply to:1089504

ผมว่า มีทั้ง จริงและไม่จริงนะ บริษัทเอกชนก็มีผู้ถือหุ้นเหมือนกัน ผู้บริหารก็ต้องบริหารให้ออกมามีกำไรในอัตราส่วนที่ดีที่สุดเพื่อให้เมื่อนำผลประกอบการไปเปรียบเทียบกับบริษัทอื่นในสายธุรกิจเดียวกันแล้ว ดีกว่า ณ จุดๆ นั้นผู้ถือหุ้นจึงจะเกิดความพอใจ การที่บริษัทจะรายได้ได้ลูกค้าจะต้องเกิดความพึงพอใจ ลูกค้าจึงจะซื้อ ซึ่งนี่เป็นพื้นฐานเลย ถ้าไม่มีลูกค้าบริษัทก็อยู่ไม่ได้ ดังนั้นการลดต้นทุน จะทำในระดับที่ลูกค้ายอมรับได้

แต่ในปัจจุบันบางบริษัทก็ลืมรากเง้าของตัวเอง ลดต้นทุนจนกระทบคุณภาพของสินค้า แต่บางบริษัทก็พัฒนาเทคโนโลยีหรือคิดค้นวิธีการ สูตรส่วนผสม ขึ้นมาเพื่อลดต้นทุน แต่ลูกค้ากลับได้เท่าเดิมหรือได้มากขึ้นนะครับ

เอาง่ายๆ ถ้าคุณรู้สึกว่า บริการหรือคุณภาพสินค้าคุณก็เปลี่ยนไปใช้สินค้าอื่นครับ จบเดียว มันก็ปรับปรุงเอง

By: Zatang
ContributoriPhoneAndroid
on 29 December 2018 - 13:19 #1089519 Reply to:1089504

ไม่เกี่ยวกันครับ อยู่นอกตลาดหุ้นก็ต้องทำให้ผู้ถือหุ้นพอใจเหมือนกัน แต่ผู้ถือหุ้นกลุ่มเล็กกว่า
อย่าง Apple Google ก็อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ แต่ก็ยังบริหารในแนวของตัวเองได้ สุดท้ายอยู่ที่กลุ่มคนถือหุ้นใหญ่ๆ เพราะเวลาโหวตคนถือน้อยๆ ไม่ค่อยมีผลหรอกครับ


อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว

By: arjin
WriteriPhoneWindows
on 29 December 2018 - 13:52 #1089522 Reply to:1089504
arjin's picture

ไม่ถูกครับ ธุรกิจประกอบด้วยผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหลายด้าน ผู้ถือหุ้นเป็นส่วนหนึ่งในนั้น แต่ยังมีอีกหลายส่วนที่ธุรกิจต้องให้ความสำคัญ ตัวอย่าง

  • ลูกค้า
  • ผู้บริหาร พนักงาน
  • คู่ค้าที่เกี่ยวข้อง

แค่ตัวอย่างสามอัน สามารถลดความสำคัญก็ได้ ตัดต้นทุนเพื่อไปเน้นกำไรให้ผู้ถือหุ้นก็ได้ แต่ถามว่าถ้าสามส่วนนี้กระทบผลประโยชน์เขา ธุรกิจก็เสียหายในระยะยาวเช่นกันครับ

By: Onewings
Windows
on 29 December 2018 - 17:28 #1089547 Reply to:1089504

ไม่เสมอไป แต่ที่เห็นได้ชัดคือ Riot กับ Blizzard ที่หลังๆดูจะไม่เหมือนเดิมจากการที่โดน Tencent กับ Activision เข้ามาถือหุ้น

By: iDan
ContributorAndroidSUSEUbuntu
on 30 December 2018 - 10:30 #1089609 Reply to:1089547

จริงๆ Activision กับ Blizzard นี่พังจริงๆ

By: Nutr on 30 December 2018 - 00:30 #1089567

By: ginhub ContributoriPhoneWindows on 6 February 2013 - 11:53 #537950
ซื้อคืนตอนนี้ ที่ดัชนี DOW 14000
แล้วกลับมา re-ipo ใหม่ ตอนตลาดซัก 20000 ขึ้น

คอมเม้นจากลิงค์ตอนซื้อหุ้นคืนครับ นับถือๆ