การเปิดตัว Radeon VII ในงาน CES 2019 เมื่อต้นเดือนมกราคม ถือเป็นเซอร์ไพร์สของวงการจีพียูไม่น้อย เพราะ AMD เลือกใช้วิธีนำสถาปัตยกรรม Vega ตัวเดิมมาลดขนาดการผลิตลงเหลือ 7 นาโนเมตร แล้วเข็นออกมาสู้กับ GeForce RTX Series ที่เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ไปเมื่อปลายปี 2018
แน่นอนว่าจีพียูของ AMD ยังไม่มีฟีเจอร์ ray tracing แบบที่ GeForce RTX ยกมาเป็นจุดขาย แต่เมื่อพิจารณาว่าเกมใหม่ๆ ก็ยังไม่รองรับ ray tracing กันมากนัก ความแตกต่างในชีวิตจริงยังคงมีไม่มาก และ AMD ก็โฆษณาว่าผลการรันกราฟิกยุคปัจจุบันก็ต่อกรได้กับ GeForce RTX ด้วย
สัปดาห์นี้ ผลทดสอบ Radeon VII ของสำนักต่างๆ ออกมาแล้ว ก็ขอมาสรุปกันดังนี้
Radeon VII ไม่ได้เป็นจีพียู 7 นาโนเมตรตัวแรกของโลก เพราะ AMD เคยออก Radeon Instinct M50/M60 สำหรับตลาดเซิร์ฟเวอร์และเวิร์คสเตชันมาก่อนหน้านี้
ตัวของ Radeon VII ก็ไม่ใช่ของใหม่ เพราะแท้จริงแล้วมันคือการนำ Radeon Instinct M50 มาปรับเปลี่ยนเล็กน้อย และปรับลดราคาลงมาเพื่อทำตลาดเกมมิ่งนั่นเอง จุดแตกต่างมีดังนี้
หากเทียบ Radeon VII กับจีพียูเกมมิ่งรุ่นก่อนหน้าคือ Radeon RX Vega 64 จะถือว่าเป็นจีพียูสถาปัตยกรรม Vega เหมือนกัน (Vega 20 vs Vega 10) แต่ลดขนาดลง (เพราะเปลี่ยนเป็น 7 นาโนเมตร) และเพิ่มแรมขึ้นเท่าตัวจาก 8GB เป็น 16GB (ถือเป็นจุดขายของ Radeon VII เพราะแรมเยอะกว่าฝั่ง GeForce เท่าตัวเช่นกัน)
Radeon VII ตั้งราคาขายที่ 699 ดอลลาร์ (เป็นราคาบันเดิลแถมเกม) ใกล้เคียงกับ GeForce RTX 2080 ที่ตั้งราคา 719 ดอลลาร์ (เป็นราคาบันเดิลเช่นกัน) ทำให้การจับคู่เปรียบเทียบย่อมต้องมาชนกับ RTX 2080 ตรงๆ (ค่าย NVIDIA ยังมี 2080 Ti ที่สูงกว่านี้อีก 1 ขั้น แต่ราคาก็พุ่งไปถึง 1,299 ดอลลาร์)
ผลการทดสอบส่วนใหญ่ Radeon VII ยังตามหลัง GeForce 2080 แม้จะตามไม่ไกลนัก ในการทดสอบของ AnandTech มีเพียงเกม FPS สองเกมคือ Battlefield 1 กับ Far Cry 5 ที่ฝั่ง Radeon VII สามารถเอาชนะได้ ส่วนการทดสอบของ Tom's Hardware ฝั่ง Radeon ชนะได้ที่เกม Battlefield V และ Far Cry 5 เช่นกัน และต้องไม่ลืมว่า Radeon VII ไม่มีฟีเจอร์ tensor core จึงไม่สามารถทดสอบฟีเจอร์อย่าง DLSS ได้
สิ่งที่ Radeon VII ยังเป็นรองฝั่ง GeForce อย่างมากคืออัตราการใช้พลังงาน อุณหภูมิ และเสียงพัดลม แม้เทียบกับ Radeon RX Vega 64 แล้วดีขึ้นเพราะกระบวนการผลิต 7 นาโนเมตรช่วยให้ใช้พลังงานน้อยลง
ผลสรุปคือ Radeon VII ถือเป็นสินค้าที่เซอร์ไพร์สของฝั่ง AMD ที่ดันมาชนกับ GeForce RTX ไปพลางๆ ก่อนในช่วงนี้ แนวทางของ AMD คือดันประสิทธิภาพให้สูงสู้กับฝั่ง GeForce แต่ก็ต้องแลกมาด้วยเรื่องพลังงานที่แย่กว่า
เมื่อพิจารณาโดยรวมแล้ว Radeon VII ประสิทธิภาพที่แย่กว่า GeForce 2080 เล็กน้อย, กินพลังงานเยอะกว่า, ขาดฟีเจอร์ ray tracing ดังนั้นเมื่อเทียบกับ GeForce 2080 ในราคาเท่าๆ กัน จึงถือว่ามีจุดขายน้อยกว่าในทุกด้าน
ที่มา - AnandTech, Hot Hardware, Tom's Hardware
Comments
ซื้อปีนี้ แรงปีหน้า AMD ไม่เคยเปลี่ยนแปลง รอ Driver ขับได้เต็มที่ก่อนครับ
เรื่อง driver เหนี่ยมีบางเว็บทดสอบเขาเทียบ driver ตอนเปิดตัวเทียบกับปัจจุบันแล้ว ผลที่ออกมา ไดรเวอร์ชุดปัจจุบันแรงกว่าจริงเมื่อเทียบกับอดีต แต่อีกค่ายก็แรงขึ้นเหมือนๆกัน
แต่ที่กำลังคิดตอนนี้คือ อะไรเป็นสูตรเด็ดที่ทำให้ nvidia จัดการด้านพลังงานได้ดีกว่า เพราะบริษัทที่เคยซื้อเข้ามาสมัยก่อนใช่ไหม(จำชื่อไม่ได้)
Voodoo?
น่าจะเป็น 3dfx รึเปล่าเจ้าของ voodoo
ไม่น่าใช่ 3dfx มันเก่ากึ๊กละ แล้วสมัย fermi ค่ายเขียวยังร้อนเผาบ้านอยู่เลย เพิ่งมาประหยัดตอนยุค maxwell คาดว่าน่าจะเกิดจากการลดซิลิคอนส่วนอื่นที่ไม่ใช่เล่นเกมส์ (ตัด fp32 fp64 ออกจนเกลี้ยง)
ลองค้นหาคำว่า Tiled rendering ดูครับ ทางNvidia เอามาใช้ในยุค Maxwell จนถึงปัจจุบัน
ถ้า Tensorflow รองรับเต็มรูปแบบนี่น่าสนใจเลยนะ แรมมากกว่าตั้งเท่าตัว (และมากกว่า 2080 Ti ด้วย)
lewcpe.com, @wasonliw
efficiency ใกล้เคียงกับ 2080 มากแล้ว ถึงแม้ temp กับ noise ยังต่างกันมากก็เถอะ(น่าจะเป็นเพราะ 7nm ทำให้ความร้อนมันกระจุกกัน ระบายได้ยาก)
ปัญหาคือ What's next? ราคาต่างกันนิดเดียว แต่ NVIDIA มีข้อดีเหนือกว่า รองรับ adaptive synce แล้วด้วย แถมยังเป็น 12nm อยู่ด้วยซ้ำ ไม่ต้องไปแย่ง 7nm fab cap กับ Apple ทำให้ต้นทุนต่างกัน และในอนาคตยังต่อยอดได้ง่ายกว่า
คงต้องพึ่งพลัง fanboi สูงหน่อย - -
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ยอมรับว่าออกจะเป็น fanboy ของ AMD แต่เจอแบบนี้แล้วไม่กล้าแนะนำให้ใช้จริงๆ ครับ
เท่าที่ฟังฝรั่งรีวิวคือ เค้าว่าชิพตัวนี้ใช้เซ็นเซอร์ 64 จุด (แทนที่จะเป็นแค่ 1-2 จุด) บนชิพ แล้วปรับกำลังพัดลมตามจุดที่มีความร้อนสูงสุด ทำให้มันทำงานเต็มที่แทบจะตลอดเวลา
เค้าว่าจะแก้ในไดรเวอร์ต่อไป ซึ่งผมมองว่ามันก็คงจะร้อนขึ้นไปอีก แต่ว่าจะเบาลงอีกหน่อยนึง
แล้วก็ถ้าถามว่า What's Next แฟนบอยทุกคนก็คงตอบว่า "Navi" ที่ก็ไม่รู้ว่ามีอะไรใหม่ (ฮา) มีความเป็นไปได้ว่าจะรองรับ DXR แต่ก็ไม่หวังล่ะครับ (เครื่องล่าสุดผมก็ไป RTX แล้วเรียบร้อย)
ที่ว่ามีความเป็นไปได้เนี่ยคือ คาดว่า Microsoft เองก็คงดันสุดตัวอยู่เหมือนกัน คงอยากจะให้มันมีใน Xbox รุ่นใหม่ให้ได้ ตัวเองก็มี DXR แล้วก็คงอยากใช้ แต่ก็นั่นแหละมันก็เป็นแค่การคาดเดาครับ เผลอ ๆ ถ้ารุ่นใหม่ใช้ Vega นี่คงฮากันไม่ออกเลยล่ะครับ (XBOX ตอนนี้ใช้ Polaris อยู่มั้ง)
อันนั้นเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วครับที่ต้องคำนวนที่จุดความร้อนสูงสุด (Tjunction - Tj) อย่างรีวิวที่อ่าน Anandtech=85C น่าจะใช้ ค่า Tj ส่วน Tom's=75C น่าจะใช้ค่า Tcore แต่ถ้าไปดู infrared จะพบว่าด้านหลัง core นี่ = 79C(ขณะที่ 2080 FE อยู่ที่ 71C) ดังนั้น Tj ก็น่าจะพอๆกับที่ Anandtech วัดได้คือ 85C ครับ
ซึ่ง 85C น่าผมเข้าใจว่าคือถึงค่า Tjmax แล้ว พัดลมต้องทำงานสุดๆ พร้อมกับ thermal throttling จะเห็นได้ว่าความถี่ที่ Tom's วัดได้กลายเป็น 1,367 to 1,747 MHz (Alternating) แล้ว ดังนั้นถ้าลดรอบพัดลมอีกน่าจะยากหน่ะครับ (แถมถ้าเอามาใช้ในเขตร้อนอย่างไทย.. TT TT)
โดยส่วนตัวผมไม่หวังอะไรกับ Navi เลยครับเพราะมันยังเป็น GCN อยู่ หวัง Next-Gen ที่จะมาปี 2020 มากกว่า แต่ถ้าเทียบกับคู่แข่งอย่าง NVIDIA ที่ยังต่อยอดเรื่องพลังงานได้ง่ายๆแม้อาจจะไม่ทำ (12nm->7nm, GDDR6->HBM2) ผมมองว่า AMD ยังคงต้องแพ้ไปอีกปีกว่าๆ จนกว่า Next-Gen จะมานั่นแหละ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
อืม ผมก็มองว่ามันจะเป็นแบบนี้ครับ
Gaming PC จะไป DXR+RTX
แต่ PS5, XBOX ตัวถัดไปใช้ CPU AMD พ่วง Radeon ซักตัวนึง (Navi ?)
ถ้า Navi ไม่มี Realtime Ray Tracing ..
จะกลายเป็นว่า เครื่องเล่นเกมส์ Next-Gen แต่การ์ดจอไม่ Next-Gen ฮะ
ถ้าจังหวะนี้ nVidia ออกการ์ดตัวไม่แรงแต่มี Ray Tracing
แล้ว Nintendo ออกเครื่องใหม่มาพอดี จะดูไม่จืดเลยฮะ
ถ้าเล่นแต่เกมก็ตามนั้น ถ้าอยากได้การ์ด compute หรือสำหรับ, productivity ถือว่าถูกโคตรๆ memory ถล่มทลาย
เรื่องการ์ดเกมส์ยังต้องค่ายเขียวไปอีกระยะ
สงสัยสถาปัตยกรรมใหม่เอี่ยมต้องรอ Console ยุคหน้าแหงๆ
I need healing.
DLSS ใช้ Tensor Core ครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
จริงด้วยครับ แก้ตามนั้น
ฟังดูไม่มีจุดเด่นอะไรเหนือกว่าคู่แข่งที่ราคาระดับเดียวกันเลย
That is the way things are.
เป็นการ์ดจอระดับ consumer ที่ FP64, VRAM, Memory Bandwidth เยอะสุดหน่ะครับ
แต่ก็อย่างว่า คงต้องใช้ในงานเฉพาะทางจริงๆ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
CPU สู้อีกค่ายได้แล้ว แต่การ์ดจอนี่สู้ค่ายเขียวไม่ได้ซักทีนะ เห้อ
เชียร์ไม่ขึ้น ฮือออออ
AMD แยก Radeon ออกจากบริษัทเถอะครับ ก่อนที่จะเป็นมะเร็งกัดกินบริษัทจนเจ๊ง
ไม่เจ๊งหรอกครับ ส่วนใหญ่ไปขาย data center
ที่ผ่านมาตอน Zen ยังไม่เกิด Radeon ก็แบกบริษัทมาตลอดนะครับ
เขาเพิ่งซื้อมานะครับ XD
ถ้าจำไม่ผิดซื้อมาก่อนออกรุ่น HD2000 Series ซึ่งมันก็หลายปีแล้วนะครับ
บริษัททุนน้อยครับ จะเน้น gpu ให้พอสู้เขาได้ cpu ก็ทุนไม่พอ
พอ cpu พอสู้เขาได้ gpu ก็ลูกผีลูกคน
อีกกหนึ่งจุดที่ NVIDIA เหนือกว่าคือ ถ้าจะซื้อมาทำงานด้วย โปรแกรมส่วนใหญ่รองรับ CUDA ของ NVIDIA มากกว่า
ล่าสุด Nvidia อัพเดต CUDA API ที มีโปรแกรมพังไปจำนวนนึงมั้ง (Blender โดนไปเต็ม ๆ อย่างน้อยตัวนึงละ)
ยังห่างคู่แข่งอีกหลายขุม เชียร์ไม่ขึ้นเพราะทุกวันนี้ผมย้ายมา NV แล้ว
เอาใจช่วยอยู่ห่างๆ อยากกลับมาใช้ ATI ใจจะขาด แต่เฟรมเรตมันสู้ไม่ได้เราก็ต้องพี้สายเขียวต่อไป
ว่าแล้วต้องด้อยกว่า Nvidia ถ้าทุ่มงบเหมือน Nvidia และแบบเดียวกับที่ทำกับ Zen ผมว่าสูสีแนะ เสียดายจริงๆ
ผมว่าตอนนี้ Nvidia ตลาดการ์ดจอกลายเป็น Monopoly ไปแล้วกลายๆ อยู่สบายไปอีกหลายปี เพราะ AMD ยังตีตื้นไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แม้แต่การ์ดจอของใหม่ก็ยังล้าหลังอีก
ถ้าให้แนะนำคงเป็น Zen CPU อย่างเดียว ส่วนการ์ดจอ ผมคงไม่แนะนำ และแนะนำไม่ลงจริงๆ
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ผมว่าหมดยุค Raja แล้ว ต้องลุ้นคนใหม่ที่จะเข้ามาดูว่าจะเป็นยังไง ไม่แน่ใจว่า Papermaster จะเข้ามาช่วยกู้สถานการณ์ได้เหมือนฝั่ง CPU หรือเปล่า
ถอด VP9 ได้ยัง ทุกวันนี้ใช้ Vega56 ดู youtube แล้วกิน cpu แหลก ในขณะที่เครื่องสำรองใส่ GT1030 ดู คลิปเดียวกัน แทบไม่กินcpu เลยสักนิด
แฟนบอยก็เซ็งได้เหมือนกัน
ผมเซงเรื่องนี้เหมือนกันเลยครับ มันมีช่วงหนึ่งที่เหมือน driver AMD มันรองรับ แต่ต้องไปปรับอะไรใน chrome เพิ่มด้วย
แต่เหมือน Driver หลังๆมานี้จะถอดการ decode VP9 ออก ไม่รู้ทำไปเพราะอะไร
เดาว่าไม่เสถียร ไม่ก็มีบั๊ก
ที่เคยเจอมากสุดคือรองรับแค่ hybrid ครับ คือลดการใช้ cpu ลงนิดหน้่อย แต่ยังต่างกันมากเมื่อเทียบกับการ์ดฝั่งเขียว
เผลอกดคลิป 4k นี่ i7 ยังเหนื่อย...
เท่าที่เห็นคือ มันรองรับ Profile 0 แต่วิดีโอบน YT ส่วนใหญ่เป็น Profile 2 น่ะครับ ก็เลยถอดเองไม่ได้
อยากให้รองรับ AV1 ไปเลยไหนๆก็มาตรฐานใหม่แล้ว
Radeon VII ถูกจำกัดประสิทธิภาพของการคำนวณทศนิยม FP64 ลงครึ่งหนึ่ง เพื่อไม่ให้ชนกับ Radeon MI50 ???
จาก ATi -> AMD Driver ตัดจบ (ดีนะที่ซื้อเอาไว้ใช้กับการเล่น Video Full HD แล้วการใช้ในการเล่นเกมเป็น ผลพลอยได้ เพราะ GMA ของ intel ห่วยกว่าที่คิด ซื้อเพิ่มใส่เลยไม่ได้คิดมาก ณ.ตอนนั้น)
ดูจากสถานการณ์ตั้งแต่ Opteron แก่ก็ไม่ค่อยมาแล Bulldozer พอเกาะไปกับเกม Console ได้ แก่ก็ไม่ค่อยมาดู GPU สำหรับเกม PC พยายามพลักดันเกี่ยวกับ Compute ทั้งหลาย โผล่มาอีกทีก็มีแต่ได้รับอานิสงส์จากกระแส Bitcoin
ส่วน APU ก็ดันไม่ค่อยเต็มดูเหมือนกั๊กๆ
โดยรวมที่ผ่านมา nVIDIA ปรับ Driver เข้าหาเกมมากกว่า โดยเฉพาะ PC ส่วน AMD ต้องแจ้งไป ส่วน intel ห่วยไม่พอกั๊กอีกต่างหากกระทั่งการประมวลผลภาพ Video ก็อาจเป็นไปได้ว่ากระบวนการพัฒนาโครงสร้างต่างกัน