Tesla ออกอัพเดตซอฟต์แวร์ให้กับรถยนต์ Model 3 และ Model S กับ Model X ที่ผลิตหลังสิงหาคม 2017 มีผลเฉพาะในอเมริกา โดยเพิ่ม 2 ฟีเจอร์ใหม่ ตัวแรกคือ Dog mode เมื่อเจ้าของรถจอดรถ และจำเป็นต้องออกธุระ แต่ในรถมีสัตว์เลี้ยงอย่างเช่นสุนัขอยู่ด้วย การทิ้งน้องหมาไว้ในรถนาน ๆ อาจไม่ดีนัก Dog mode จะช่วยปรับอุณหภูมิในรถให้มีความเหมาะสม กรณีรถยนต์มีระดับแบตเตอรี่เหลือน้อยกว่า 20% จะมีการส่งแจ้งเตือนไปยังแอปมือถือของเจ้าของรถ
ฟีเจอร์นี้เริ่มต้นจากลูกค้า Tesla คนหนึ่งทวีตหา Elon Musk เมื่อปลายปีที่แล้ว และเขาก็ตอบรับที่จะทำให้
ทั้งนี้หน้าจอในรถยนต์จะแสดงข้อความด้วยว่าเจ้าของรถจะกลับมาที่รถเร็ว ๆ นี้ เพื่อให้คนที่ผ่านไปมาและสังเกตเห็นไม่ตกใจ
นอกจากโหมดสุนัขแล้ว Tesla ยังเพิ่ม Sentry mode ที่ทำให้รถยนต์อยู่ในสภาพสแตนด์บาย แต่คอยตรวจสอบหากมีสิ่งผิดสังเกตที่กระทำกับรถ เช่น พยายามทุบหน้าต่าง ก็จะส่งสัญญาณออกมา และแจ้งเตือนผ่านแอปไปหาเจ้าของรถยนต์
ที่มา: Mashable
Introducing Dog Mode: set a cabin temperature to keep your dog comfortable while letting passersby know they don't need to worry pic.twitter.com/xFU6MGZT53
— Tesla (@Tesla) February 14, 2019
Comments
น่าจะมีโหมด Child mode สำหรับปล่อยเด็กในรถ พร้อมล็อครถ ปิดกระจก ปิดการทำงานของปุ่มและหน้าจอกันเด็กกดมั่ว และระบบเครื่องปรับอากาศทำงานตลอดเวลาจนเจ้าของกลับมาที่รถ
เหมาะสำหรับคนไปทำธุระที่ไม่ต้องการพาเด็กออกมาเดินข้างนอกในบางสถานที่
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ทวีตขอเลยครับดูมีประโยชน์ เขาทำให้แน่ๆ
ขอตรงหน้าทวิต พี่แกจัดให้หมด
อเมริกา มีกฏหมาย ห้ามทิ้งเด็กในรถครับ
https://pantip.com/topic/30366880
พร้อมจะเสี่ยงให้เด็กตายรึครับ?
แต่ก่อนเทคยังไม่ดีก็ไม่ควรเอาเด็กไว้ในรถนั่นถูกแล้ว
แต่ถ้าเทคพร้อมการทิ้งเด็กในรถอาจปลอดภัยกว่า
อย่างเช่นถ้าผู้ปกครองทิ้งเด็กไว้เพียงเข้าห้องน้ำในปั้ม
ระยะเวลาไม่นานมากและมีระบบแจ้งเตือนที่ดีหรือมีระบบป้องกันอันตรายที่ดี
ผมเห็นด้วยนะ การเอาเด็กไว้ในสภาพที่ปลอดภัย อย่างตัวรถที่มีคอมพิวเตอร์ควบคุมอุณหภูมิ คอยรายงาน และล็อกไว้ตลอด ยังไงก็ปลอดภัยกว่าหลายๆ กรณีที่ต้องพาเด็กลงไป
อย่างไปคุยธุระจริงจัง ถ้าเอาเด็กลงไปด้วย บางทีก็ไม่สะดวก บางทีก็ต้องละเลยเด็กจนอาจจะเป็นอันตราย แบบนี้เสี่ยงกว่าอีก นึกซะว่าอย่าขังเด็กไว้ในรถเลย ให้รถที่มีเทคโนโลยีสูงๆ ดูแลเด็กให้ดีกว่า
ส่วนรถทั่วๆ ไปที่ไม่มีเทคโนโลยีอะไรแบบนี้ การเอาเด็กไว้ในรถม้นอันตรายอยู่แล้ว
มี sleep mode ยัง เวลาขับรถไกลๆแล้วอยากงีบสักแป๊บ
จอดนอนในรถได้ครับ เพราะรถไฟฟ้าไม่มีเครื่องยนต์ที่ผลิตก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์
แต่จะนอนแล้วให้ขับอัตโนมัตินี่.... น่าจะยัง
แถมแบตเตอรี่ยังมากพอที่จะเปิดแอร์ในรถได้เป็นวันๆ ด้วย ถ้าล้าก็จอดรถนอนเปิดแอร์ได้สบายๆ เลยหลายๆ ชั่วโมง ไม่ต้องกลัวคาร์บอนมอนอกไซด์แล้วยังไม่ต้องกลัวแบตหมดอีกต่างหาก ยิ่งถ้ามี autopilot ก็ยิ่งทำให้ล้าน้อยลงไปอีก
อีกหน่อยถ้าเราใช้รถไฟฟ้าแนวๆ tesla กันแพร่หลายจริงๆ อุบัติเหตุที่เกิดจากหลับในคงน้อยลงไปมากๆ อีกซัก 20 ปีผมเชื่อว่าเราคงตกใจที่สมัยก่อนเราปล่อยให้เกิดอุบัติเหตุคนตายมากมายบนท้องถนนเพราะหลับในกันไปได้ยังไง
ผมเคยจอดนอนข้างถนน (ถนนใหญ่ ไม่เปลี่ยว) ที่บ้านแปลกใจกึ่งตกใจกันมากว่าทำไมถึงจอดงีบไม่ยอมฝืนมาให้ถึงบ้าน คือผมก็กลัวฝืนแล้วไม่ถึงบ้านนะครับ ? (ดับเครื่องนอน แค่ 10~15 นาที)
+1 เคยขับแล้ววูบเลยจอดนอนเลย แค่10นาทีเท่านั้น ดีขึ้นเยอะมาก ๆ เลย ไม่เสียเวลาอะไรมากมาย แต่ผมหาปั้มแล้วนอนนะ
มีแล้วครับ น่าจะปีที่แล้วของ เทสลา เรียก camper mode
เห็นรูปประกอบแล้วกลัวรถพังจัง
คนไม่รู้นึกว่าหมาติดอยู่ในรถ ช่วยทุบกระจกอีก
คงต้องมี Speaker รอบคันนะครับ คอยประกาศตลอกเวลา หรือมีข้อความปรากฎรอบรถ
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว