DJ Koh ประธานธุรกิจโทรคมนาคมของซัมซุง ให้สัมภาษณ์ระหว่างการเดินทางมาเปิดตัว Galaxy A80 ที่ประเทศไทย ถึงสภาพการณ์ของตลาดสมาร์ทโฟนที่เปลี่ยนไป, การแข่งขันกับสมาร์ทโฟนแบรนด์จีน และทิศทางใหม่ของ Galaxy A Series ที่วางตลาดจับกลุ่มคนรุ่นใหม่ (Gen Z) ด้วยการได้ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดก่อนรุ่นเรือธง (Galaxy S/Note) ซะอีก
เขายอมรับว่าตลาดสมาร์ทโฟนอิ่มตัวแล้ว ยอดขายมือถือกลุ่มไฮเอนด์เริ่มตกลง แต่ก็มองว่าโอกาสของเทคโนโลยีใหม่อย่าง 5G และ AI จะช่วยเปิดโอกาสใหม่ๆ ที่ไม่จำกัดแค่สมาร์ทโฟนแต่เพียงอย่างเดียว ซึ่งซัมซุงก็เตรียมตัวเรื่อง 5G และ AI มานาน รวมถึงมีศูนย์วิจัยขนาดใหญ่ 7 แห่งทั่วโลกเพื่อการนี้
ส่วนแผนการออกมือถือ 5G นั้นจะอิงกับความพร้อมของเครือข่ายในแต่ละประเทศ โดยซัมซุงเพิ่งวางขาย Galaxy S10 5G ในเกาหลีใต้ ประเทศถัดไปคือสหรัฐอเมริกาช่วงประมาณเดือนพฤษภาคม และจะตามด้วยยุโรป ส่วนประเทศไทยคิดว่าน่าจะเป็นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า
DJ Koh ยังพูดถึงสภาพการแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟนที่รุนแรง โดยมือถือแบรนด์จีน หรือที่เรียกกันว่า "C-Brand" เติบโตรวดเร็ว เขาก็ยอมรับว่า C-Brand คือคู่แข่งของซัมซุง แต่ซัมซุงก็จะโฟกัสที่ผู้บริโภคเป็นหลัก หากฟีเจอร์ไหนที่ C-Brand ทำแล้วประสบความสำเร็จ ซัมซุงก็ยินดีเรียนรู้และนำมาใช้งาน
เขายังฝากถึงผู้บริโภคที่เคยใช้ซัมซุง แล้วย้ายไปใช้ C-Brand ว่าถ้าหากเป็นเพราะความผิดพลาดของซัมซุง ก็ต้องขอโทษแทนบริษัท เขาจะพยายามแก้ปัญหาและฟังลูกค้าให้มากขึ้น เขาหวังว่าซัมซุงเปรียบเหมือนอาหารหลักที่คนอาจกินแล้วเบื่อ เปลี่ยนไปกินอย่างอื่นชั่วครั้งชั่วคราว แต่เมื่อหายเบื่อแล้วจะกลับมาใหม่ในภายหลัง
Koh เดินทางมาประเทศไทยเพื่อเปิดตัว Galaxy A80 (โดยมีพรีเซนเตอร์คือวง Blackpink!) เขาย้ำถึงยุทธศาตร์ของ Galaxy A ที่เปลี่ยนไปจากปีก่อน ว่าเดิมที ยุทธศาสตร์ที่ซัมซุงใช้มาตลอดคือใส่ฟีเจอร์ใหม่ที่สุด ดีที่สุดให้กับมือถือเรือธง (Galaxy S/Note) แล้วค่อยขยับลงมาในรุ่นรองๆ อย่าง Galaxy A ซีรีส์
แต่ช่วงหลัง กลุ่มผู้บริโภคที่เป็นคนรุ่นใหม่ (Millennial/Gen Z) มีอัตราใช้สมาร์ทโฟนสูงมาก ใช้งานเยอะกว่าคนวัยผู้ใหญ่มาก แต่คนกลุ่มนี้มีงบไม่เยอะเท่า ไม่เพียงพอต่อการซื้อมือถือรุ่นเรือธง
ซัมซุงจึงต้องกลับวิธีคิดใหม่ หันมาโฟกัสกลุ่ม Gen Z ให้มากขึ้น โดยเลือกนำนวัตกรรมมาใช้กับ Galaxy A ก่อน ทำราคาให้เหมาะสมกับ Gen Z เอื้อมถึงได้ หากฟีเจอร์ไหนเอามาใช้งานแล้วได้รับการตอบรับ ก็ค่อยนำไปใช้กับมือถือเรือธง เขาพูดถึงกล้องหมุนของ Galaxy A80 ว่าคิดกันมานาน 5 ปี แต่กว่าเทคโนโลยีจะพร้อมต้องใช้เวลานานมาก และถ้าเวิร์คก็อาจเอามาใส่เรือธงด้วย
Koh ตอบคำถามในประเด็นว่า Galaxy A ซอยรุ่นย่อยเยอะเกินไปหรือไม่ (ปัจจุบันมี 6 รุ่นย่อยคือ A10, A20, A30, A50, A70, A80) ว่าแต่ละรุ่นมีช่วงราคา (price gap) ห่างกันประมาณ 50-70 ดอลลาร์อยู่แล้ว ซัมซุงต้องการให้สินค้ามีทุกระดับราคา ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม และคู่แข่งเองก็มีผลิตภัณฑ์ในช่วงราคาทุกระดับเหมือนกัน
สุดท้าย เขาบอกว่าตั้งใจมาเปิดตัว A80 ที่ประเทศไทย (แล้วไลฟ์สตรีมไปยังงานในอิตาลีและบราซิลพร้อมกัน) เพราะประเทศไทยถือเป็นตลาดหลักแห่งหนึ่งของซัมซุงอยู่แล้ว ซัมซุงจึงต้องการครองใจ Gen Z ในเมืองไทยให้ได้ เพื่อขยายต่อไปยัง Gen Z ทั่วเอเชียด้วย
Comments
เฮีย Koh มาไทยด้วยหรือครับนี่
เอามาให้ Galaxy A ลองใช้ก่อน ถ้าไม่มีปัญหาอะไรค่อยใส่ใน Galaxy S
oxygen2.me, panithi's blog
Device: ThinkPad T480s, iPad Pro, iPhone 11 Pro Max, Pixel 6
คิดว่าแบบนี้ด้วยส่วนหนึ่งเหมือนกัน
เหมือนเป็นตัวลองตลาด + ดูปัญหาด้าน HW + SW
Galaxy Alpha กับ Galaxy Stable
555 ตรงเลย
ถ้าออก Series ใหม่ขอเป็น Galaxy L (LTS - Long Term Support) หน่อยก็ดีนะ
ดีครับ รู้จักจุดอ่อนตัวเองแล้วแก้ไข
อยากให้พิจารณาเรื่อง bixby ใหม่ รู้ว่ามันคือ 1 ในยุทธศาสตร์บริษัท แต่ยัดเยียดแบบนี้ก็เหมือนไล่คนบางกลุ่มออกไป
หากฟีเจอร์ไหนที่ C-Brand ทำแล้วประสบความสำเร็จ ซัมซุงก็ยินดีเรียนรู้และนำมาใช้งาน
ชอบตรงนี้
ซัมซุงเป็นแบรนด์ใหญ่ที่ปรับตัวไว ต่างจากแบรนด์ใหญ่อื่นๆที่ปรับตัวช้า ซัมซุงถึงอยู่ได้มาตลอดและก็ไปได้เรื่อยๆคับ
C-Brand ทำแล้วสำเร็จก็นึกได้เรื่องราคาครับ
สำเร็จแล้วจริงหรือเปล่าต้องพอดูไปอีกสัก 5 ปีครับ ตอนนี้เหมือนกำลังยังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อซึ่งยังต้องอาศัยเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ เพราะที่ผ่านมามันยังดูเหมือนเพิ่งผ่านช่วงเวลาแห่งการทุ่มตลาด ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ให้เห็นเป็นรูปธรรมสักเท่าไหร่ว่าที่ทำไมมันถูกต้องและยั่งยืนจริงหรือเปล่า
ช่วงปีสองปีนี้ ซัมซุงก็เริ่มขายรุ่นราคาไม่แพง จัดสเป็คคุ้มๆ จนไม่น่าเชื่อว่าเป็นซัมซุงมาหลายรุ่นแล้วครับ แสดงว่าซัมซุงเองก็ไหวตัวทันและลงมาแข่งกับ C-Brand เหมือนกัน
ในขณะที่แบรนด์อื่น(ที่ไม่ใช่ C-Brand) ที่เคยเป็นคู่แข่งกับซัมซุง ไม่ว่าจะ LG Sony HTC Moto นี่ตายสนิทเลยเพราะปรับตัวเก่งสู้ซัมซุงไม่ได้ นี่รอดูว่าฝั่งยุโรปอย่าง Nokia นี่จะไปได้ไกลแค่ไหน เพราะขนาดฝั่งเอเชียด้วยกันอย่างเกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน ยังจะสู้ C-Brand ไม่ค่อยไหวเลย
ย้อนไปสมัยยุค Nokia ยังรุ่งเรืองสุดๆ (ช่วงจอขาวดำ 8250 8310 3310 ไปจนถึงยุคจอสี และ Symbian และสมัยนั้นคู่แข่ง Nokia ยังเป็น Sony Ericsson, Siemens, Samsung, LG, Motorola, Alcatel ฯลฯ และยังไม่เคยได้ยินชื่อแบรนด์จีนซักแบรนด์ แม้แต่ Huawei สมัยนั้นระบบเครือข่ายยังใช้ของ Nokia/Ericsson กันอยู่เลย กว่าจะได้ยินแบรนด์จีนแบรนด์แรกๆ อย่าง Oppo โผล่มาในโฆษณา ก็เป็นช่วงท้ายๆ ของ Feature Phone แล้ว แถมช่วงแรกๆ โฆษณาจนคนเข้าใจว่าเป็นแบรนด์เกาหลี 555) ตอนนั้นเคยฟังวิทยุแล้วมีนักวิเคราะห์เค้าบอกว่าซักวัน ประเทศจีนจะผงาด สามารถผลิตมือถือส่งขายทั่วโลกด้วยราคาที่ถูกจนยึดตลาดไว้ได้ ผมละขำกลิ้งเลยเพราะตอนนั้นมองว่าจีนจะมีปัญญาทำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ซับซ้อนอย่างมือถือได้ยังไง ที่เห็นจีนทำได้ตอนนั้นก็มีแต่เกมกดราคาถูกที่ขายตามแม่สายแค่นั้น
.......ผ่านไป 20 ปี ผมอยากจะย้อนไปฟังเลยว่านักวิเคราะห์คนนั้นเป็นใคร วิสัยทัศน์กว้างไกลมาก ใครจะไปนึกว่าสถานการณ์ตอนนั้นที่ไม่น่าเป็นไปได้ ทุกวันนี้มันจะพลิกไปอย่างสิ้นเชิง
ซีรี่ A จัดมาทุก ระดับ ราคา เลย
เท่าที่ดูน่าจะเป็นเฉพาะนวัตกรรมที่ยังไม่รู้ว่าจะปังหรือแป้ก ไม่งั้นเรือธงก็จืดหมด
ในวิดีโอมี meme shooting star ด้วย.. หวาววว
[S]
หนีซัมซุงเพราะจอโค้ง พูดเลย