ต่อจากแอนดรอยด์, ซีพียู, ชิปโมเด็ม ล่าสุดเป็นคิวของการ์ดหน่วยความจำ microSD ที่ Huawei จะไม่สามารถใช้งานบนสมาร์ทโฟนตัวเองได้แล้ว
สมาคม SD (SD Association - SDA) ที่ออกมาตรฐาน SD การ์ดได้ยืนยันว่านำ Huawei ออกจากรายชื่อสมาชิกแล้ว ทำให้ Huawei ไม่สามารถผลิตหรือวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใดๆ ก็ตามที่รับรองมาตรฐานของ SD ได้ และแน่นอนว่าการตัดสินใจนี้เป็นการปฏิบัติตามคำสั่งประธานาธิบดี ที่ทำให้ Huawei ไปอยู่ในรายชื่อ Entity List ของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งบังคับให้บริษัทสัญชาติอเมริกันจะต้องได้รับอนุมัติจากรัฐบาลก่อนจะทำธุรกิจด้วย
ด้าน Huawei ยืนยันเหมือนกับกรณีของแอนดรอยด์ว่า สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตในปัจจุบันของ Huawei ยังคงใช้งานการ์ด SD และ microSD ได้ตามปกติ
ที่มา - Android Authority
Comments
RIP
[S]
ถึง SD จะไม่ได้เป็นอะไรจำเป็นขนาดนั้นแล้วก็เถอะ
[S]
แล้วหลักจากนี้จะทำอะไรกิน? วิกฤตแบบนี้ไม่มีโอกาสจะรอดเลยสักนิด -_-
สมาคม SD เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร ประโยชน์ร่วมกันพัฒนาให้ก้าวหน้าโดยไม่สนกำไรหรือประโยชน์ส่วนตน ร่วมลงเรือลำเดียวพัฒนาด้วยกัน แลกเปลี่ยแนวคิดเทคโนโลยีด้วยกันมา โดนนายสั่งมาทีเดียว สัญญาที่เคยมั่นหมายกันมาปลิ้วเลย จะลามไปอะไรต่ออีกหว่า?
Entity List แบบนั้น ถ้ายังทำตามเดิม สมาคม SD จะซวยไปด้วยครับ
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
จะบอกว่าไม่แสวงหากำไร ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมมันก็ไม่ถูกซะทีเดียวหรอกครับ เพราะบริษัทที่เป็นสมาชิกสมาคมนี้ล้วนเป็นบริษัทที่แสวงหากำไรและใช้เทคโนโลยี SD ในธุรกิจของตัวเองทั้งนั้น ไม่ใช่กลุ่มนักวิจัยอิสระที่ทำโดยที่ตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการนำเทคโนโลยีไปใช้
องค์กรน่ะใช่ แต่สมาชิกต้องกินต้องใช้นะครับ
I need healing.
ตอนนี้นอกจาก SD มันลามไป WiFi แล้วครับ https://www.cnet.com/news/huawei-gets-double-bad-news-from-sd-association-and-wi-fi-alliance/
เริ่มรู้สึกว่าจะไปไกลเกินละ เดี๋ยวคงมีอะไรให้วุ่นระนาวกันทั้งโลก
ข่าวต่อไป coca cola แบนห้ามขายน้ำอัดลมให้ออฟฟิสหัวเว่ย
โลกอยู่ยากขึ้นแน่ๆอนาคต ประเทศใหญ่ๆ รัสเซีย เยอรมัน ญี่ปุ่น จีน ต่อไปจะมีมาตราฐานหรือหน่อยตลอดจนอุปกรณ์ใช้เองแทนจะใช้แค่แบบใดแบบหนึ่งที่ต้องพึ่งต่างชาติแบบกรณีนี้
นั้นหมายถึงไม่สามารถใช้งานร่วมกันได้ ผู้ใช้อย่างเราๆ ก็จะพลอยลำบากไปด้วย ระยะยาวแบบนี้ไม่ดีกับใครเลยแย่ด้วยกันทุกฝ่าย
เรามาดูกันว่าความบ้าพลัง ของทรัมปีหน้าจะได้ไปต่อหรือไม่
Nano Memory?
คงงั้น
แต่ก็ไม่รู้ว่าสภาพจะเป็นแบบ xD หรือ SmartMedia ไหม
นึกถึงที่ user ท่านนึงเม้นท์ไว้ในข่าวก่อนๆ
Huawei ไปขายก๋วยเตี๋ยวเถอะ
หัวเหว่ยต้องจ่ายเงินให้ทรัมป์เท่าไหร่? ถึงจะกลับมาเหมือนเดิม
คำถามที่น่าจะถูกต้องคือ ทรั้มต้องการอะไรจากจีน ส่วนคำตอบหาได้จากกูเกิล
พอเห็นข่าวนี้แล้วทำให้คิดว่าที่ Huawei ทำ Memory Card ของตัวเอง(ท่ามกลางเสียงด่าว่าทำมาทำไม) อาจจะเพราะรู้ว่าเหตุการณ์แบบนี้กำลังจะเกิดขึ้นก็ได้
นั่นสิ ตอนแรกผมก็ก่นด่า HW เหมือนกันตอนเปิดตัวมา
กลายเป็นว่าพี่แกมองขาดซะงั้น
แต่ถ้าแมซไม่ได้ ราคาไม่น่าจะทำได้ถูก แล้วพอเป็นของของจีน จะโม้ความสามารถแค่ไหน ถ้าราคาไม่ถูกก็ยากที่จะขายได้ มี sony เป้นตัวอย่างแล้ว
จริงครับ แต่อย่าลืมว่าตลาดในจีนก็มีผู้ใช้ปริมาณมหาศาลเช่นกัน
ยิ่งเป็นของจากบริษัทที่มีเอี่ยวกับ รบ.จีน ทางนั้นสามารถผลักดันได้ง่ายมากครับ และด้วยจำนวนประชากรทำให้ economy of scale มันได้ ราคามันก็จะลดลง
มันคงไม่เท่ากับ sd ที่คนใช้งานทั้งโลกแน่ แต่ไม่น่าจะโดดเดี่ยวแบบ xD การ์ดในอดีตแน่นอน
ต่อให้ทำมาตรฐาน memory card ใหม่ แต่ถ้า Microsoft ไม่ขายสิทธิ์การใช้งานระบบไฟล์ที่ใช้กันมากที่สุด FAT และ NTFS นี่ก็ไปไม่เป็นกันเลยนะครับ
สงคราม storage พวกการ์ดในยุคก่อนมีคำตอบให้แล้วครับ
ยุคกล้องดิจิตอลเพิ่งเฟื่องฟูนี่สารพัด format มาก (SD, CF, SM, MMC, XD, MS, XQD, etc.)
แต่ละอันมีผู้ผลิต Device ระดับโลกที่ไม่ยิ่งหย่อนกว่า Huawei หนุนหลังแทบทั้งนั้น
แต่สุดท้ายก็เหลือแต่ SD ที่ครองตลาดได้
ถ้า Huawei ทำจริง บทสรุปก็คงไม่ต่างจากการ์ดอื่นๆในสมัยก่อนครับ
ต่อไปใครจะใช้ของอเมริกันคงคิดหนัก จะโดนบีบเมื่อไรก็ไม่รู้
microsd ไม่ใช้ก็ได้มั้ง
รู้สึกว่าเคยทำ SD Card ของตัวเองออกมาแล้ว
ไม่ต้องสน..ขายให้ประเทศตนและคู่ค้า(อาหรับเปอร์เซียและอื่น)
ไม่เข้าใจในเมื่อร่วมกันคิดค้น ร่วมกันพัฒนา ทำไมต้องตกอยู่ในอุ้มเท้าของอเมริกา
SD Association OF AMERICA.
ผมก็ยังคิดว่า Move ต่อไปของจีนและรอบๆ ก็น่าสนใจนะ แม้ลึกๆ ก็คิดว่าทั้งโลกก็ยังสวามิภักดิ์อเมริกาผ่านเทคโนโลยี
แต่สองอย่างสามอย่างหลังที่แบน เป็นการบอกว่า ถ้าจะใช้ Tech ฝั่งนี้ วันนึงประเทศคุณไม่เฟรนด์ลี่คุณก็โดนถีบออกมาอยู่ดี ถึงจะเป็นทั้ง User และ Contributor ก็ตามที ... ถ้าโลก (จีน หรือคนอื่นๆที่ดีลกับจีน) ไม่สามารถทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า อยู่เหนือการคว่ำบาตรและ Blacklist แล้ว ทุกเจ้าที่ใช้ Tech อยู่ก็ต้องพึงสังวรณ์ว่า หากขายดี อเมริกาหงุดหงิด ธุรกิจก็จะปิดลง
แค่วันนี้โลกส่วนใหญ่ยังหันไปหาอเมริกาอยู่แค่นั้นเอง