Nikkei Asian Review รายงานข่าวว่า บริษัทอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ของเกาหลี ไม่ว่าจะเป็น Samsung, LG, Hyundai, Kia เริ่มย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศจีน เพื่อลดผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ รวมถึงหลบเลี่ยงจากการแข่งขันกับแบรนด์ท้องถิ่นของจีน
ตัวอย่างคือ Samsung ที่มีส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนจีนไม่ถึง 1% ก็ปิดโรงงานผลิตสมาร์ทโฟนที่เมืองเทียนจินแล้ว ส่วน Hyundai ก็หยุดสายการผลิตรถยนต์ในจีนไปชั่วคราว, Kia (ปัจจุบันเป็นบริษัทลูกของ Hyundai เพิ่งปิดโรงงานผลิตรถยนต์ไปในเดือนนี้เอง) และ LG ก็เพิ่งย้ายโรงงานผลิตตู้เย็นกลับจากจีนไปเกาหลี
Nikkei ระบุว่า บริษัทเกาหลีเหล่านี้เกรงใจรัฐบาลจีน จึงไม่กล้าปิดโรงงานหรือย้ายฐานการผลิตกันมากนัก แต่เมื่อ Samsung เริ่มย้ายฐานการผลิตออกจากจีน บริษัทอื่นๆ ก็เริ่มทำตามกันบ้าง
สาเหตุของปัญหาไม่ได้มีแต่สงครามการค้าเพียงอย่างเดียว แต่การแข่งขันกับแบรนด์จีนก็ทำให้แบรนด์เกาหลีมียอดขายลดลง ตัวอย่างที่เรารู้กันดีคือ Samsung แทบไม่มีตัวตนในตลาดสมาร์ทโฟนจีนอีกแล้ว (แม้เคยเป็นอันดับหนึ่งในจีนตอนปี 2012) ส่วน Hyundai ก็กลายมาเป็นแบรนด์รถยนต์อันดับ 6 หรือ 7 ทั้งที่เคยติดอันดับ 3 ในปี 2016
ที่มา - Nikkei
ภาพจาก Samsung China
Comments
คิดว่าหลายประเทศคงตีตัวออกห่างจีนมากขึ้น แต่ถ้าให้เลือกสินค้าของประเทศใดประเทศหนึ่งระหว่าง 2 ประเทศ ขอเลือกเกาหลีละกัน แม้ว่ามีประวัติสินค้าบางอย่างไม่ค่อยดีซักเท่าไร
เรื่องสงครามการค้านี่ผมว่าน่าติดตามดีนะ ไม่ได้เชียร์ฝั่งไหนเป็นพิเศษเพราะทรัมป์ก็บ้าเกินไป ส่วนจีนผมไม่ชอบเรื่องขโมยลิขสิทธิ์อยู่แล้ว ที่น่าสนคือต่อไปจีนจะเป็นอย่างไรเพราะเหมือนโดนปิดเมืองกลายๆเลยล่ะ แต่กลุ่มบริษัทหลายๆกลุ่มในสหรัฐก็โดนไปทั่ว
รอติดตามข่าวใกล้ชชิดครับ เพราะมันกระทบถึงระบบเศรษฐกิจบ้านเราแน่ๆ
เกาหลี มาลงเวียดนามแน่ๆ ดูข่าวสนิทกันจัง ช่วงนี้ ทั้งการท่องเที่ยว และ infrastructure
ลาวก็น่าสนใจอยู่นะ ถ้าจะมาตั้งโรงงาน
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ทำไมไม่มาไทย ลุงตู่เป็นคนดี
การเมืองไม่นิ่ง ใครจะมาลงทุน แถมเรื่องน้ำท่วมกับค่าแรงอีก ปวดหัวครับ
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
เริ่มสงสัยว่า ปกติชาว blongnone นี่ ได้เสพข่าวจากแหล่งอื่นบ้างหรือเปล่า?
นี่ข่าวจากเว็บในเครือเดียวกันเลยนะครับเนี่ย :)
หนีตายจากสงครามการค้า! RICOH ประกาศย้ายฐานการผลิตบางส่วนจากจีนมาไทย
https://brandinside.asia/ricoh-china-to-thailand-trade-war/
ข่าวจาก blognone เองก็มีนี่ครับ RICOH?
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
อยู่ที่เจ้าของจะรับความเสี่ยงเอง เจอน้ำท่วมปี 54 ก็เป๋ไปเยอะ แถมการเมืองอีก ก็พานักลงทุนย้ายหนีไปพอสมควร ของ Ricoh ที่สายการผลิตไม่เยอะ
แม้โดนน้ำท่วมก็ได้รับน้อยมาก พอปัญหาจีนมา เขาก็มองโอกาสที่เขาเสี่ยงและเลือกที่จะเพิ่มสายการผลิต แต่สำหรับผมมองว่า น่าจะแก้ไขปัญหาเฉพาะในระยะสั้น ในระยะยาวเขาคงเตรียมหาแหล่งโรงงานใหม่ที่ค่าแรงถูกกว่าและการเมืองเสถียรกว่าเอาไว้แล้ว แล้วค่อยย้ายออกไปทั้งหมดทีเดียว หรือเปลี่ยนมาเป็นสายการผลิตย่อย/ที่เก็บอะไหล่ มันก็เป็นไปได้แล้ว
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
จริงๆ นิคมอุตสาหกรรมในเวียดนามหล่ายที่ คนลงทุนเป็นคนไทยนะครับ ส่วนโรงงานเกาหลี ก็เคยมีในเมืองไทยเยอะแยะ แต่ย้ายไปเวียดนามซะเยอะแล้ว ถ้าทำงานโรงงานเกาหลีในไทยเนี่ย ค่อนข้างเสี่ยงตกงาน เพราะเขาย้ายฐานกันง่ายมาก
พวกคลั่งการเมืองมีอยู่ทุกที่เลยแหะ
ปล.ที่ไหนค่าแรงถูกกว่าเขาก็เลือกที่นั่นแหละ
มันไม่ใช่แค่นั้น ไม่งั้นเขาคงไปผลิตที่ศรีลังกา บังคลาเทศกันแล้ว หรือก็ไม่หนีออกจากจีนกันมาหรอก
ค่าแรงถูกแต่ผลิตออกมาแล้วขายไม่ได้ มันก็ไม่ก่อให้เกิดรายได้นะครับ
ถ้าออกแบบนี้ พนักงาน ที่ เป็นคน จีน ไม่ลำบากเอาเหรอ
ค่าแรง ไทย กับ เวียดนาม ต่างกันมากไหมครับ
เคยได้ยินมาว่า ตก 1/3 ของไทยเอง
ก่อนค่าแรง 300 จะอยู่ที่ประมาณ 1/2
คนเวียดนาม ก็มาเป็นลูกจ้างที่ร้านแม่ผมหลายคน
หน้าบึ้งตึงดีจัง พม่าจะยิ้มแย้มกว่า
โดนจีนหลอกให้ไปตั้งโรงงานเยอะๆ คนจีนได้เรียนรู้อะไรไปเยอะ พอถึงเวลาก็ทำแข่งเองจบ
อันนี้ว่าหลอกก็ไม่ถูกนัก มันเป็นนโยบายเพื่อแลกกับค่าแรงที่ถูกกว่า ของเวียดนามก็ใช้นโยบายคล้ายๆกัน
มันมีสิ่งที่ต้องแลกเยอะเหมือนกันครับ กว่าจะตั้งตัวได้ เรื่องใหญ่ๆ ที่นึกออกอย่างหนึ่งคือเรื่องสิ่งแวดล้อมครับ