เมื่อวานนี้ Elon Musk และ Neuralink บริษัทของเขาได้เปิดเผยต่อสาธารณชนว่ากำลังสร้างสายสื่อประสาทเพื่อเชื่อมสมองมนุษย์เข้ากับคอมพิวเตอร์ สร้างความฮือฮาให้ทั้งโลกเป็นอย่างมาก
ในงานแถลงข่าว Elon ระบุว่าวัตถุประสงค์ทางการแพทย์เป็นเป้าหมายระยะสั้นเท่านั้น กล่าวคือเป็นการช่วยผู้ป่วยโรคสมองหรือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกสันหลังหรือเป็นโรคแต่กำเนิดให้สามารถใช้ชีวิตได้สะดวกขึ้น เช่นสามารถกลับมาขยับตัวหรือรับความรู้สึกได้เหมือนคนทั่วไป
อย่างไรก็ตาม Neuralink มีเป้าหมายระยะยาวที่ล้ำกว่านั้นมาก คือการเชื่อมมนุษย์เข้ากับ AI "ท้ายสุดแล้ว เราจะเชื่อมต่อสมองกับคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกัน และอยู่ร่วมกันแบบพึ่งพาอาศัยกัน (symbiosis)" Elon Musk กล่าว ตัวอย่างของการใช้เทคโนโลยีนี้คือทำให้มนุษย์สามารถพิมพ์ดีดได้เร็ว 40 คำต่อนาทีโดยใช้แค่ความคิดเท่านั้น
ภาพโดย Neuralink
นอกจากนี้ Elon ยังระบุอีกว่าแม้แต่ AI แบบที่ไม่เป็นอันตรายก็ยังทิ้งห่างมนุษย์ไปแล้ว และเขาคิดว่าหากเราสามารถเชื่อมสมองเข้ากับคอมพิวเตอร์ได้และมีแบนด์วิดธ์สูง ก็จะทำให้มนุษย์กับ AI อยู่ร่วมกันได้
อย่าลืมว่า Elon Musk มองว่า AI นั้นเป็นภัยคุกคามต่อมนุษยชาติและเรียกร้องให้มีการควบคุมดูแลอย่างจริงจัง โดยเมื่อปี 2018 เขาเคยพูดในงาน SXSW ว่า AI อันตรายและเราต้องหาทางอยู่ร่วมกับมันให้ได้ เราจึงอาจอนุมานได้ว่า Neuralink คือคำตอบของโจทย์นี้
ที่มา - CNET
Comments
ถ้าสามารถป้อนกลับไปยังสมองได้ก็อันตรายล่ะครับ
วิวัฒนาการของมนุษย์ครั้งถัดไปจะเกิดจากน้ำมือมนุษย์ ไม่ได้เกิดจากการคัดสรรโดยธรรมชาติ รึนี่ คนที่ถูกคัดสรรให้มีชีวิตยืนยาวกว่าสายพันธ์เดิม คือ คนที่มีคนที่มีเงินมากกว่า มีกำลังในการซื้อเทคโนโลยีมาติดตั้งในตัวเองหรือ ? แล้วคนที่เหลือก็ปล่อยมันไป ?
ผมว่าดูแย่กว่าการพัฒนา AI แยกต่างหากให้มันคอยช่วยเหลือมนุษย์ ให้มันอยู่แต่ในเครื่องจักร ผมว่ายังดูเข้าท่ากว่า ส่วนมนุษย์ก็ให้ธรรมชาติคัดสรร พันธุกรรมที่ดี ตัดพันธุกรรมที่แย่ออกไปตามวัฐจักรจะเหมาะสมกว่า เหมือนเอาลูกนกที่อ่อนแอ มียีนส์ด้อยมาเลี้ยง พยายามให้อาหารดีๆ ให้รอด ด้วยพลังเงินของเจ้าของ หรือที่เจ้าของเลือก สุดท้ายเขาก็ไม่สามารถออกมาต่อสู้กับโลกภายนอก ต้องมีคนคอยให้อาหาร ป้อนอาหารตลอดเวลา ? แค่สมมุตินะครับ มันเหมือนเรากำลังเอาเงินมาคัดแยกพันธุกรรมของคนในอนาคตเลย ใครเข้าถึงนวัติกรรมได้ก็รอด ผมว่าวิธีของ Elon น่าจะเป็นภัยกว่ามนุษย์ชาติมากกว่าอีก เหมือนสร้างมนุษย์สายพันธ์ใหม่ขึ้นมา นึกถึงกันดั้มกันเลยทีเดียว
ปัจจุบันก็มีการคัดสรรโดยมนุษย์เองอยู่แล้วครับ เช่น การตรวจคัดกรองดาวน์ซินโดรมในผู้หญิงที่ตั้งครรภ์
มนุษย์ ก็คือธรรมชาติอย่างหนึ่งครับ การคัดเลือกโดยมนุษย์ก็ถือเป็นวิธีของธรรมชาติเช่นกัน
แหม่ มองไปรอบๆตัวสิครับ ว่าทุกวันนี้มันไม่ได้เป็นแบบที่คุณพูดอยู่เหรอ
คนโง่ๆ(แต่อาจจะรวยหรือมีอำนาจ)ที่ควรจะตายด้วยการคัดสรรทางธรรมชาติไปนานแล้ว ยังสามารถลอยหน้าลอยตาอยู่สบายๆในสังคมเยอะแยะ
เมื่อก่อนก็คาดกันว่าวิวัฒนาการของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมถูกบดบังไว้ด้วยไดโนเสาร์นะครับ และมันคือธรรมชาติ
สิ่งที่เกิดขึ้นจากน้ำมือมนุษย์เองก็เกิดจากธรรมชาติครับ
การคัดเลือกโดยธรรรมชาติยังทำงานอยู่ครับ เทคโนโลยีใหม่มันก็เป็นแค่สิ่งแวดล้อมอย่างหนึ่ง ใครเป็นโรคทางพันธุกรรมที่รุนแรงที่รักษาไม่ได้หรือรักษาไม่หาย ก็ยังตายอยู่ ที่ไม่ถึงตายก็ยังต้องเสียเงินเสียเวลาในการรักษา ไม่ค่อยมีเวลาเรียน ไม่ค่อยมีเวลาทำงาน ก็ไม่ค่อยมีเงิน ถึงมีเงินก็หมดไปกับการยืดเวลาของชีวิตหรือลดความทุกข์ทรมาน คนที่ร่างกายแข็งแรงมีโอกาสมากกว่า
ถ้าสามารถป้อนกลับไปยังสมองได้จะเหมือนเขียนใส่ hdd ไหมนะ
ลบข้อมูลออกแล้วเขียนใส่ใหม่ หรือไม่ก็ก็อปสมองของอีกคนมาใส่
มันควรจะใช้กับการรักษาโรคร้ายแรงให้กลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม หรือเก็บข้อมูลในสมองคนป่วยก่อนตายให้ครอบครัวและคนต่อยอด โดยเฉพาะแนวคิดและไอเดียที่ควรเก็บมาต่อยอดมากกว่า เห็นหลายคนที่เก่ง มีความรู้ แต่ตายในเวลาอันสั้น ความรู้ก็ตายติดตัวไปด้วยก็เยอะเหมือนกัน
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ได้เวลาทุบ คีบอดทิ้งละ
ต่อไปจะมี "แฮ็กสมองคน" 55
Elon Musk หรือ อีกชื่อคือ Kayaba Akihiko
การเชื่อมต่อสมองเข้ากับอุปกรณ์นี่คือสิ่งที่ผมอยากได้นะ
ต่อไปเราก็จะมีอุปกรณ์แบบ Cookie เหมือนใน Black Mirror
ขอถามความเห็น เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ครับ
คำถาม
อาจจะไม่สัมพันธ์กับหัวข้อข่าว
AI สามารถคิดทฤษฎีต่างๆ
เช่น ทฤษฎีบทพีทาโกรัส หรือ
ทฤษฎีสัมพัทธภาพ ได้ไหมครับ
หรือทฤษฎีใหม่ๆ
วันนี้น่าจะยังไม่มี แต่อนาคตผมเชื่อว่าได้ครับ
เมื่อใดที่เราเข้าใจวิธีคิดของมนุษย์ได้ว่าความรู้ที่เราได้มามาจากปัจจัย หรือตัวแปรอะไรบ้าง เราก็สามารถใช้ AI เลียนแบบได้ครับ
ของ Elon Musk เขาเรียนลัด คือ ทำความเข้าใจวิธีคิดของมนุษย์ในอีกรูปแบบนึง ข้ามปัจจัยตัวแปรต่างๆ ไป แต่ไปทำความเข้าใจรูปแบบแผ่คลื่นไฟฟ้าในสมองว่าเมื่อเราคิดในเรื่องต่างๆ มันจะมีรูปแบบคลื่นไฟฟ้าที่แตกต่างกัน เอารูปการแผ่คลื่นมาจับ Pattern ว่าสมมุติเราหิว การแผ่คลื่นในสมองมีรูปแบบอย่างไร เอาภาพการแผ่คลื่นเข้าอัลกอริทึ่ม มันก็จะประมาณได้ว่าเรากำลังคิดอะไรอยู่
จ้างด้านบนถ้าจะทำให้ AI สร้างทฤษฎีได้เอง เราต้องเรียนรู้วิธีคิด และรูปแบบการแผ่คลื่นของสมองให้ได้ก่อน พอได้แล้วเราก็สามารถจำลองรูปแบบได้ ทฤษฎีต่างๆ มันก็เกิดจากการสังเกตุสิ่งต่างๆ รอบตัว แล้วหาสมการมารองรับ ปัญหาตอนนี้คือ องค์ความรู้ด้านการแปลความหมายตัวแปร และการแผ่คลื่นในสมองยังจำกัดอยู่ครับ
ขอบคุณครับ
เราสามารถทำโปรแกรมอะไรผ่าน Neuralink เพื่อให้คนนั้นมีประสบการณ์เหมือนเสพยาได้หรือเปล่า เช่น ไปทำให้สมองหลั่งเอ็นโดฟีน หรือทำให้สมองสร้างภาพขึ้นเองที่ตาไม่ได้เห็น
กองทัพสหรัฐกำลังทำอยู่ครับ เพียงแต่ทำแบบตรงข้าม คือ พยายามลบความทรงจำในสงครามออกจากสมองของทหารผ่านศึกที่บาดเจ็บในด้านจิตใจ แต่ส่วนตัวคิดว่าเขาทำได้แล้ว เพราะเคยเห็น หนู หรือแมลงสาบถูกควบคุมการเดินด้วยคอมพิวเตอร์ ซึ่งนั้นหมายถึงเขาสามารถส่งคลื่นเข้าไปทำให้สมองเข้าใจตรงกับสิ่งที่ต้องการสื่อสารได้ แต่ถึงขนาดสร้างภาพหลอนได้หรือยังนั้นไม่แน่ใจ แต่ส่วนตัวคิดว่าทำได้ครับ เพียงแต่อาจยังไม่เผยแพร่เนื่องจากเหตุผลด้านจริยธรรม
ถ้าจะทำเราทดลองก็ต้องไปหาผู้ป่วยจิตเวท แล้วทดลองเมื่อเขาเกิดได้ยินเสียงหลอน หรือภาพหลอน จับรูปแบบด้วยอุปกรณ์ว่ามีรูปแบบการแผ่คลื่นลักษณะอย่างไร แล้วลองเอาสัญญาณไปส่งเข้ามนุษย์ปรกติดู ซึ่งถ้าได้ผลเหมือนกัน ก็แสดงว่าเราสามารถสื่อสารได้ แต่ถ้าถึงขนาดควบคุมรูปแบบการแสดงภาพคิดว่าน่าจะยังไปไม่ถึงในช่วงนี้ แต่อนาคตทำได้แน่นอนครับ
จริงๆไม่ใช่เรื่องใหม่ ใครๆก็คิดได้
แต่สมัยก่อนยังไม่มีคนทำได้สำเร็จก็แค่นั้น
แต่ยุคนี้เทคโนโลยีมันก้าวกระโดดเร็วมาก อะไรที่ยากๆก็น่าจะทำได้ง่ายขึ้น
ลองนึกดูว่า flash storage + indexing จะทำให้นึกไวแค่ไหน แล้วถ้าคิดอะไรไม่ออกก็ส่งไปประมวลผลบนคลาวได้ทันที
แลกเปลี่ยนความรู้กันหน้าห้องสอบได้ทันที อ้อ แอบใส่ซิมแล้วแชตกันในห้องสอบด้วย #โดนปรับตกยกชั้น