หากพูดชื่อบริษัท ExxonMobil หลายคนอาจไม่คุ้น แต่หากพูดชื่อ Esso แบรนด์น้ำมันสัญชาติอเมริกาน่าจะร้องอ๋อกันบ้าง โดย Esso คือชื่อทางการตลาดของสถานีบริการน้ำมันในประเทศไทย (ในสหรัฐใช้แบรนด์ Exxon และ Mobil) ExxonMobil เป็นบริษัทพลังงานระดับโลกที่อยู่ในลำดับต้นๆ ของ Fortune 500 ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลก และสร้างความสะดวกสบายในชีวิตของทุกคนมาแล้วกว่า 150 ปี
ExxonMobil ในไทย ไม่ได้มีแค่สถานีบริการน้ำมันอย่างเดียว แต่ยังมีหน่วยงานไอทีซึ่งมีหน้าที่พัฒนาและดูแลไอทีโซลูชันให้แก่บริษัทในเครือเอ็กซอนโมบิลทั่วโลก
ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ExxonMobil มีนโยบาย Digital Transformation นำเทคโนโลยีดิจิทัลต่างๆ เข้ามาใช้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางธุรกิจ ทำให้งบประมาณด้านไอทีที่เดิมอยู่ที่ราว 1,000 ล้านดอลล่าสหรัฐต่อปี เพิ่มขึ้นอีก 30% หน่วยงาน ExxonMobil IT ในไทยซึ่งปัจจุบันมีพนักงานอยู่ประมาณ 500 คน กำลังมองหาคนไอทีเก่งๆ เข้ามาร่วมงานอีกเป็นจำนวนมาก
เอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น เป็นบริษัทใหญ่ลำดับต้นๆ ใน Fortune 500 ทำธุรกิจด้านพลังงาน เช่น การขุดเจาะน้ำมัน, ก๊าซธรรมชาติ, การกลั่น และปิโตรเคมีในกว่า 80 ประเทศทั่วโลก ชื่อการค้าในไทยที่เราคุ้นเคยกันคือ Esso ซึ่งทำธุรกิจกลั่นและขายน้ำมัน, น้ำมันเครื่อง Mobil1 รวมถึงเคมีภัณฑ์ต่างๆ ที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน
สำหรับเอสโซ่ในประเทศไทย ดำเนินงานโรงกลั่นน้ำมันและโรงงานอะโรเมติกส์ สำหรับผลิตสารพาราไซลีน ซึ่งเป็นสารตั้งต้นสำหรับเคมีภัณฑ์ต่างๆ และมีสถานีบริการน้ำมันแบรนด์ Esso นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในระดับโลกแบรนด์ Mobil
ผลิตภัณฑ์ที่ขายให้ลูกค้าในไทยมีก๊าซปิโตรเลียมเหลว, น้ำมันเบนซิน, น้ำมันดีเซล, น้ำมันเตา, น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน, ยางมะตอย และน้ำมันหล่อลื่น ส่วนลูกค้ามีทั้งโรงงานอุตสาหกรรม ผู้ค้าส่งและลูกค้าในอุตสาหกรรมการบินและการเดินเรือ
ภายในเอ็กซอนโมบิล มีหน่วยงานที่เรียกว่า Global Business Center ให้บริการธุรกิจแก่บริษัทในเครือเอ็กซอนโมบิลทั่วโลก เช่น ฝ่ายทรัพยากรบุคคล, ฝ่ายบัญชี, ศูนย์บริการลูกค้า เป็นต้น ศูนย์ธุรกิจนี้ มีอยู่ทั้งหมด 8 แห่งทั่วโลกได้แก่ แคนาดา, สาธารณรัฐเช็ก, อาร์เจนตินา, ฮังการี, บราซิล, มาเลเซีย, อินเดีย และไทย โดยประเทศไทยเป็นศูนย์ที่ใหญ่ที่สุด มีจำนวนพนักงานมากกว่า 2,000 คน
ExxonMobil IT เป็นหน่วยงานใน Global Business Center (GBC) ในประเทศไทยมีพนักงานในหน่วยงานไอทีประมาณ 500 คน (จาก 5,500 คนทั่วโลก) โดยทำงานใกล้ชิดกับหน่วยงานธุรกิจต่างๆ เพื่อมองหาโอกาสในการใช้เทคโนโลยี ตั้งแต่เริ่มออกแบบ พัฒนา ทดสอบ และซัพพอร์ทไอทีโซลูชันและแอปพลิเคชันทั้งหมดที่บริษัทในเครือเอ็กซอนโมบิลและลูกค้าใช้งานอยู่ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นโซลูชันที่ลูกค้าใช้ในการเติมน้ำมันจากสถานีบริการน้ำมัน, ระบบที่ใช้ในขั้นตอนการกลั่นน้ำมัน, การขายน้ำมัน, การส่งน้ำมัน, กระบวนการเก็บเงิน ไปจนถึงโซลูชันของธุรกิจสนับสนุนอย่างระบบจัดซื้อ, ระบบบัญชี และระบบการบริหารทรัพยากรบุคคล เป็นต้น
ซอฟต์แวร์ที่ฝ่ายไอทีรับผิดชอบมีทั้งแบบพัฒนาขึ้นมาเองทั้งหมด และแบบที่นำโซลูชันจากบริษัทต่างๆ มาปรับแต่งเพื่อใช้งาน ด้วยความที่ ExxonMobil IT ต้องดูแลองค์กรและลูกค้าทั่วโลก การทดสอบหรือลองใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ตลอดเวลาจึงเป็นเรื่องปกติของที่นี่ เทคโนโลยียุคใหม่ๆ เช่น Blockchain, Data Science, Machine Learning, Cloud, Video Analytics, Virtual Reality, Microservices และ Robotics เรียกว่าหากมาอยู่ที่นี่ จะมีโอกาสได้สัมผัสได้ทดลองกันมากมาย
นอกจากนี้เอ็กซอนโมบิลยังจับมือกับไมโครซอฟท์ ในการใช้เทคโนโลยีคลาวด์ด้วย
ExxonMobil IT เป็นเหมือนซอฟต์แวร์เฮ้าส์ภายในองค์กร จึงมีอิสระในการทำงาน มีวัฒนธรรมภายในเป็นของตัวเอง มีกระบวนการทำงานกันแบบ Agile ที่เกิดขึ้นได้ในองค์กรใหญ่ระดับนี้ Product Owner หรือ Scrum Master ในแต่ละทีมมีสิทธิ์ตัดสินใจในหลายๆ เรื่องด้วยตัวเอง และจบได้ด้วยตัวเอง
วัฒนธรรมในองค์กร เป็นลักษณะที่เคารพเสียงของทุกคน ความเห็นหรือแนวคิดที่แตกต่างสามารถพัฒนาให้เกิดขึ้นได้จริง มีความยืดหยุ่นในเวลาเข้างาน ไม่มีการตอกบัตร เน้นไปที่ผลงานเป็นหลัก และให้ความสำคัญกับ Work-Life Balance รวมถึงครอบครัวของพนักงานอย่างมาก เช่น ในกรณีที่คนในครอบครัวป่วยหรือมีความจำเป็นจะต้องไปโรงเรียนลูก สามารถแจ้งกับทีมแล้วไปได้เลย ไม่มีการโทรตามงานหรือเรียกกลับมาทำงานแต่อย่างใด
ด้วยความที่เป็นบริษัทใหญ่ จึงมีหน่วยงาน และรูปแบบงานที่หลากหลาย กลายเป็นข้อดีที่ว่าหากต้องการเปลี่ยนงาน สามารถเปลี่ยนสายงานภายในบริษัทได้เลย ไม่จำเป็นต้องลาออกก็ได้ทำงานใหม่ในรูปแบบที่แตกต่างจากเดิม ที่สำคัญคือหากเปลี่ยนงานไปแล้วไม่ชอบ ทีมเก่ายังยินดีรับกลับไปทำงานเดิมด้วย แนวคิดของการเปิดโอกาสนี้คือบริษัทมองว่า การได้ย้ายงานทำให้พนักงานคนหนึ่งๆ เห็นภาพรวมขององค์กรกว้างขึ้น ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ มากกว่าเดิม การย้ายงานมีทั้งย้ายไปทำงานอื่นในแผนกไอทีด้วยกัน ย้ายข้ามแผนก หรือย้ายไปทำงานต่างประเทศก็มี
ExxonMobil เชื่อมาโดยตลอดว่าคุณภาพของบุคลากรคือสิ่งที่สำคัญ ดังนั้นบริษัทจึงมีคอร์สเทรนนิ่งมากมาย ทั้งการจ้างผู้เชี่ยวชาญมาสอน ส่งไปเรียนนอกบริษัท หรือบางกรณีก็ส่งไปเรียนกับทีมที่ต่างประเทศ รวมถึงมี eLearning หลายๆ ตัว เพื่อช่วยให้พนักงานพัฒนาทักษะทั้งด้านเทคโนโลยี และความเป็นผู้นำได้อย่างเต็มที่
นอกจากนี้ด้วยความที่ GBC มีอยู่ 8 แห่งทั่วโลก พนักงานจะมีโอกาสได้ทำงานกับเพื่อนร่วมงานต่างชาติ เช่นทำโปรเจ็คร่วมกัน รวมถึงมีโอกาสได้เดินทางไปต่างประเทศ เพื่อพบปะกับเพื่อนร่วมทีมหรือไปพบลูกค้าเพื่อพูดคุย ซึ่ง ExxonMobil ก็ดูแลเรื่องการเดินทางเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะการเดินทางด้วยเครื่องบินในระดับชั้นธุรกิจหรือการได้พักโรงแรมชั้นนำ นโยบายนี้ใช้กับทุกๆ คนโดยไม่ขึ้นกับอายุหรือตำแหน่งของงาน เนื่องจากบริษัทต้องการดูแลให้พนักงานได้รับความสะดวกสบายเพื่อจะได้โฟกัสกับการทำงานได้อย่างเต็มที่จริงๆ
ใน ExxonMobil ยังมีโครงการที่เรียกว่า Expatriate Program ที่เปิดโอกาสให้พนักงานได้ไปทำงานในต่างประเทศตามโปรเจ็คต่างๆ เช่น ไปทำที่สำนักงานใหญ่ที่รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา ระยะเวลาที่อยู่นั้นขึ้นอยู่กับโปรเจ็ค การไปทำงานลักษณะนี้บริษัทจะมีเงินเบี้ยเลี้ยงพิเศษให้ รวมถึงหากมีครอบครัว ก็สามารถพาไปอยู่ด้วยกันได้ด้วย
ExxonMobil ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคนมาก ทั้งด้านความรู้ Technical และด้าน Soft skills
พนักงานสามารถของบไปเรียนคอร์สข้างนอกได้ หรือสามารถจัดเทรนนิ่งกันเองภายใน ในเรื่องของภาษาก็มีคอร์สสอนภาษาอังกฤษ และภาษาจีน นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมบูทแคมป์ เพื่อฝึกอบรมทักษะด้านต่างๆ เช่น การพูดพรีเซนท์, ทักษะความเป็นผู้นำ หรือการจัดงาน Hackathon กันภายใน
อีกหนึ่งโปรแกรมที่มีไว้เพื่อพัฒนาทักษะที่ไม่เกี่ยวกับงานโดยตรง เพื่อให้พนักงานได้ทดลองทำอะไรใหม่ๆ คือโครงการ Shark Tank ซึ่งตั้งชื่อและเอารูปแบบมาจากรายการโทรทัศน์ชื่อเดียวกัน (หาดูได้ใน Netflix)
Shark Tank เป็นโปรแกรมคล้ายกับ Accelerator สำหรับบริษัทสตาร์ทอัพ กล่าวคือให้พนักงานที่มีไอเดียใหม่ๆ ในการแก้ปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาภายในหรือภายนอกองค์กร และสามารถมา Pitch ไอเดียกับคณะกรรมการ หากผ่านก็จะได้เงินทุนมาก้อนหนึ่งเพื่อไปพัฒนาโซลูชันตามที่ตัวเองเสนอไว้
ตัวอย่างของผลิตภัณฑ์ที่ออกมาจากโปรแกรม Shark Tank และนำมาใช้จริง คืออุปกรณ์ที่คล้าย Amazon Dash ที่ติดตั้งเอาไว้ตามปริ๊นเตอร์ของบริษัท หากปริ๊นเตอร์เสีย พนักงานสามารถกดปุ่มนี้เพื่อแจ้งไปยังฝ่ายช่างทันที วิธีนี้ประหยัดเวลาพนักงานเนื่องจากไม่ต้องเสียเวลาเดินไปบอกช่างด้วยตัวเอง
นอกจากนี้ในองค์กร ยังมี Esso Club ที่เปิดโอกาสให้พนักงานทำกิจกรรมชมรมตามความสนใจ ลักษณะคล้ายชมรมในสมัยมหาวิทยาลัย เช่น ชมรมกีฬา, ชมรมดนตรี, ชมรมถ่ายภาพ, ชมรมอาสาสมัคร และอีกกว่า 20 ชมรม ให้พนักงานมาร่วมกิจกรรมได้ตามเวลาที่สะดวก
สวัสดิการพื้นฐานที่ให้กับพนักงาน เช่น ประกันสุขภาพ ซึ่งครอบคลุมถึงคู่สมรสและบุตร, สวัสดิการช่วยแบ่งเบาภาระดอกเบี้ยเงินกู้บ้านหรือคอนโด, ฟิตเนส, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, เงินออมเพิ่มเติมจากเงินเดือนปกติ, ทุนสนับสนุนเรียนต่อปริญญาโท และ Esso Club เป็นต้น
อย่างที่กล่าวไปว่าที่นี่ให้ความสำคัญกับคน อุปกรณ์ในการทำงานที่นี่จะคำนึงถึงหลัก ergonomics เช่น เก้าอี้, คีย์บอร์ดและเม้าส์, หน้าจอมอนิเตอร์ จะเป็นแบบที่สามารถปรับระดับความสูงและองศาได้ตามความเหมาะสม โต๊ะทำงานเป็นโต๊ะไฟฟ้า สามารถปรับระดับความสูงในระดับที่สามารถยืนทำงานได้
สถานที่ทำงานหลักของ ExxonMobil IT อยู่ที่อาคารหะรินทร ปากซอยสาทร 4 ติดถนนสาทรเหนือ เดินทางมาได้ทั้งจาก BTS ศาลาแดงหรือ MRT สีลม
ทศวิน จ้างประเสริฐ
Front-End developer
ปริญญาโท: Computer Science, University of Manchester
ปริญญาตรี SIIT, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
คุณธนัตถ์ คนซ้ายสุด
ธนัตถ์ โลกเจริญลาภ
Full Stack Developer
ปริญญาตรี คณะวิทยาศาสตร์ ภาควิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง
ชนาภัทร วัฒนชัย
Full Stack Developer
ปริญญาตรี คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง
ธมนวรรณ พันธ์กิจการ
Marketing and Customer Experience Analyst
ปริญญาตรี ภาควิชาวิศวกรรมสารสนเทศและการสื่อสาร (หลักสูตรนานาชาติ) คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
หากคุณสนใจเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรระดับโลก ทำงานร่วมกับคนเก่งจากหลากหลายประเทศ ได้พัฒนาความสามารถตัวเองในหลายแง่มุม เปลี่ยนงานได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนบริษัท พร้อมสวัสดิการที่ดี มาร่วมงานกับเราที่ ExxonMobil IT