ซัมซุงออกโฆษณาตัวใหม่ ต้อนรับการมาของ iPhone 11 โดยคราวนี้เป็นโฆษณา Galaxy Note 10 เพื่อชูจุดขาย Live Focus ที่ iPhone ยังไม่มี
เนื้อหาโฆษณาเป็นช่วงการถ่ายภาพวิดีโอคู่รัก ที่ฝ่ายชายกำลังขอฝ่ายหญิงแต่งงาน คนหนึ่งใช้ iPhone (รุ่นอะไรไม่ชัดเจน) ขณะที่อีกคนใช้ Galaxy Note 10 แล้วปรับโหมด Live Focus เพื่อสร้างฉากหลังเป็นโบเก้ ทำให้ภาพดูสวยงามมากขึ้น (ดูตัวอย่างการใช้งานได้จากรีวิวของ Blognone)
ข้อความในโฆษณาบอกว่า "Missing a little… je ne sais quoi?" (ขาดอะไรไปสักอย่างที่ไม่รู้เหมือนกันว่าคืออะไรใช่ไหม) จากนั้นก็ชวนให้เปลี่ยนมาใช้ Galaxy Note 10 แล้วคุณจะตกหลุมรักใน Live Focus
ที่มา: iMore
Comments
je ne sais quoi น่าจะหมายถึง ‘ไม่รู้เหมือนกัน’ (มีอะไรสักอย่างที่ทำให้สวย น่าสนใจ แต่อธิบายเป็นคำพูดได้ยาก)
แบบเห็นของอย่างนึงแล้วเออ สวยนะ แต่อธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่าสวยตรงไหน
ตาม context ในวิดีโอก็ประมาณว่า iPhone มัน ‘ขาดอะไรไปสักอย่าง’
Note 10 ก็ไม่มีรู 3.5 นะจ๊ะ
Just a nerd, who interested in technology :p
อย่าสะกิดแผลสิครับ
บางทีก็งงใจซัมซุงนะ แทนที่จะโฆษณาปากกา จุดเด่นของรุ่น...
ก็เพราะแบบนี้ไงครับ ถึงเป็นข่าว ให้เรามานั่งถกกัน
live focus video นี่ผมว่าเสี่ยงไปสำหรับถ่ายในโอกาสสำคัญนะ
ตรงๆเลยนะถามว่าได้ใช้ไมตอบเลยว่าไม่ขนาด iPhone มีให้ถ่ายตั้งกหกลายแบบเยอะแยะเมื่อก่อนแล้วไงใช้อยู่ไม่กี่อย่าง
ผมอาจจะเป็นส่วนน้อยนะ ไม่เคยอยากได้โบเก้เลยเวลาถ่ายรูปอยากได้บรรยากาศกับฉากหลังมากกว่า รู้สึกโบเก้มันจะสวยแค่ตอนโฆษณาที่เน้นนายแบบนางแบบเท่านั้น
ก็เป็นความต้องการทั่วไปครับไม่มีถูกไม่มีผิด คือจริงๆ ภาพถ่ายแต่ละประเภทมันก็มีเงื่อนไขจากการตั้งค่าที่ทำให้เกิด DOF ที่ต่างกันจนทำให้เกิด effect ในรูปแบบต่างๆ ขึ้นมา คนที่ถ่ายรูปจริงๆ ก็ไม่ได้ต้องการภาพที่มีโบเก้ละลายหลังทุกภาพ บางสถานการณ์อยากให้ชัดทั้งภาพแต่ก็ยังยากเลย ต้องถ่ายหลายๆ ภาพเอามาทำ stack อีกที
+1
อารมณเดียวกันครับ
คิดถึงตอนไปถ่าย prewedding ต้องกำชับช่างภาพเลย
ว่าของผมเอาแบบหน้าชัดหลังชัด
อุตส่าห์หาวิวสวย ๆ ไปถ่ายกันนอกสถานที่ ถ่ายมาแบบหลังเบลอคือถ่ายแถวไหนก็ได้
ผมก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งคนครับ ถึงแม้ผมจะยังใช้ Galaxy Note4 ที่มีกล้องแค่ตัวเดียว ..แต่ผมก็ไม่ค่อยคิดถึงการถ่ายรูปหน้าชัดหลังเบลอ(โบเก้)เลยนะครับ เพราะผมก็มีนิสัยชอบถ่ายรูปแบบเก็บบรรยากาศรอบด้านมากกว่า
และต่อให้ต้องการถ่ายหน้าชัดหลังเบลอจริงๆ ผมก็ยังเห็นหลายๆ ยี่ห้อยังมีปัญหาเรื่องการเกลี่ยส่วนใกล้ไกลทำหรือพวกรายระเอียดอย่างลูกกรง รั้วที่เป็นซี่ๆ ถี่ๆ ทั้งหลาย ที่ซอฟต์แวร์ยังคงเป็นปัญหาภาพมันดูหลอกๆ อยู่ (ถ้าซอฟต์แวร์ฉลาด แล้วเบลอได้เนียนแบบเหมือนใช้กล้องโปรถ่ายจริงๆ ค่อยว่ากัน) ดังนั้น ผมก็ใช้วิธีให้มันหน้าชัดหลังเบลอตามธรรมชาติด้วยการถ่ายโฟกัสใกล้ๆ แล้วให้ละลายฉากหลังเอาดีกว่า
การถ่ายหน้าชัดหลังเบลอจริงๆ ผมอยากถ่ายแบบชัดแค่เป้าหมายที่ถ่าย แล้วหลังที่เบลอให้เป็น Transparent หรือฉากโปร่งใสดีกว่า เพราะสามารถเอาไปใช้ประโยชน์ในทางการจัดอาร์ตหรือวางเลย์เอาต์ภาพอาร์ตได้ จะได้ไม่ต้องมานั่งไดคัทฉากหลังให้ยุ่งยาก
ไม่ใช่หลายยี่ห้อครับ ผมไม่เคยเห็นตัวไหนทำด้วยซอฟต์แวร์แบบไม่ใช่ใช้คนแล้วออกมาดีเลย
หน้าชัดหลังเบลอ มันเป็นสิ่งที่เห็นชัดที่สุดจากการเปลี่ยนกล้องมือถือมาใช้กล้องจริงๆในมุมมองของคนทั่วไป เพราะงั้นมันเลยถูกใช้เป็นเส้นแบ่งระหว่างคุณภาพในมุมมองของคนทั่วไปครับ (ประมาณว่าหน้าชัดหลังเบลอ = ดี) เพราะงั้นมือใหม่หัดเล่นกล้องมักจะบ้าหน้าชัดหลังเบลอกัน
มันก็คล้ายๆกับคนที่เปลี่ยนมาใช้หูฟังดีๆตอนแรกๆที่มักจะบ้าเบสนั่นแหละครับ
หลายคนพอใช้ไปซักพักก็จะรู้เองว่าหน้าชัดหลังเบลอหรือเบสไม่ใช่ทุกอย่าง อย่างผมเองพยายามลดมันด้วยซ้ำครับ เอาละลายปานกลางเบสก็พอได้ยินพอ