By: hinatasenjou 
on 27 September 2019 - 10:16
Tags:
Topics:
เรื่องวุ่น ๆ ของ Samsung Galaxy Fold ยังเกิดขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่เดือนเมษายนที่เครื่องรีวิวหน้าจอพังเพราะคนรีวิวเข้าใจผิดเรื่องฟิล์มป้องกันหน้าจอ แม้จะเรียกเครื่องกลับไปซ่อมแล้วออกคลิปแนะนำการใช้งานเพื่อสื่อสารว่าสมาร์ทโฟนสุดล้ำเครื่องนี้ควรทะนุถนอมเช่นใดก็ตาม แต่ครั้งนี้ทาง TechCrunch ได้ออกมาบอกว่า Samsung Galaxy Fold ที่ถูกนำกลับไปปรับปรุงแล้วส่งกลับมาให้ทดลองใช้นั้นเกิดปัญหาแล้วหลังจากใช้งานไปเพียงแค่วันเดียวเท่านั้น
ปัญหาเกิดขึ้นที่จอด้านในตรงกลางบานพับเกิดเป็นกระจุกเม็ดพิกเซลแตกอยู่ตรงกลางจอ (Amorphous blob) ขนาดไม่เกินหนึ่งเซนติเมตร(สามารถดูภาพได้ในที่มา) โดยทาง TechCrunch นั้นบอกว่าพวกเขาใช้งานอย่างระมัดระวังแล้วและเห็นว่าทางซัมซุงประกอบตัวจอให้ชิดกับตัวเครื่องมากเกินไปจึงเกิดปัญหาเช่นนี้ อย่างไรก็ตามทาง TechCrunch กล่าวว่าปัญหานี้ไม่มีผลต่อการใช้งานนักแต่ก็รู้สึกรำคาญที่อุปกรณ์ราคาสูงเช่นนี้ยังมีปัญหาอยู่
อย่างไรก็ตามทางซัมซุงเห็นว่านี่อาจจะเป็นปัญหาที่เกิดจากการใช้งานตามปกติและทำตามวิธีการที่แนะนำไว้ในคลิป ซึ่งอาจจะไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เพราะค่าเปลี่ยนหน้าจอ 7.3 นิ้วอยู่ที่ $149 (ราว 4,500 บาท) ด้วยกัน ถ้าเป็นอย่างนี้คิดว่าทางซัมซุงคงต้องทำการบ้านอีกเยอะถ้าจะทำให้สมาร์ทโฟนพรีเมียมรุ่นนี้ได้ใจผู้บริโภค
ที่มา : TechCrunch
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Hiring! บริษัทที่น่าสนใจ
Blognone Jobs Premium
Cloudnone
- NVIDIA จะไปหยุดที่ตรงไหน ทำไมครองโลกดาต้าเซ็นเตอร์ | Cloudnone EP.22
- ถึงคลาวด์เคราะห์: ทำอย่างไรเมื่อบริการคลาวด์ที่ใช้ถูกยกเลิก | Cloudnone EP. 21
- รู้จักอาชีพ Site Reliability Engineer สำคัญยังไง? | Cloudnone EP. 20
- อธิบาย CrowdStrike ทางเทคนิค ทำไมถึงทำพีซีจอฟ้าเป็นล้านๆ เครื่อง | Cloudnone EP.19
- Kubernetes [Part 2] ยี่ห้อไหนดี งานไหนต้องใช้ แล้วเลือกยังไง? | Cloudnone EP.18
Comments
เป็นรอยได้จากเล็บกดและขีด นึกย้อนไปถึงสมัยหน้าจอ resistive ต้องใช้ stylus เลยครับ เป็นรอยลักษณะเดียวกันแต่เป็นง่ายกว่านั้นอีกระดับนึง
ดีไซน์แบบ Huawei Mate X ดีกว่า
ระยะโค้งยังกว้างกว่าเยอะ
ของ Samsung ระยะโค้งแคบเกิน
จอนิ่ม อยู่ด้านใน แค่เอาเล็บกด ยังเป็นรอย
เมท จอนิ่ม อยู่ด้านนอก นึกถึงตอนมันอยู่ในกระเป๋าสะพายกับ
สารพัดสิ่งที่ก่อให้เกิดรอยขีดข่วนได้ในนั้นสิครับ
Mate จออยู่ด้านนอก พังง่ายกว่าแน่นอนครับ
ทำไมมันช่างบอบบางเหลือเกินนนนนน...
บล็อกส่วนตัวที่อัพเดตตามอารมณ์และความขยัน :P
รอรุ่นที่ติดตรา ที่หลังจอครับ ? ต้องจ่ายขนาดนี้ ไว้ใจยี่ห้ออื่นไม่ลง (ถ้าเทคโนโลยีจอพัฒนาถึง ค่ายผลไม้คงทำออกมาขาย)
ผลไม้เขาเน้นช้อปนะครับ พวกที่ต้องผลักดันให้เทคโนโลยีเกิดคือพวก แซมซัง แอลจี หัวเว่ย โซนี่ คือถ้าดันเทคโนโ่ลยีไปได้ระดับนึง อย่างเช่น เทคโนโลยีจอแสดงผล OLED ผลไม้ถึงจะมาเริ่มช้อปเอาไปใส่ไอโฟน (ช้อปคือไม่ได้เลือกทุกอย่าง บางอย่างก็ไม่สนับสนุน) ใครรวยอยากใช้ของใหม่ก็ต้องเชิญพวกแบรนด์เหล่านั้น (OLED ที่ออกมาแรกของโซนี่ 20นิ้ว ราคาแสนกว่า ยี่สิบปีต่อมาค่อยมาโผล่ในไอโฟน) ส่วนใครรวยแต่อยากใช้ของที่มีมานานแล้ว ไม่เน้นใช้ก่อนใครและราคาก็กลาง ๆ ไม่แพงเว่อร์ ก็ต้องผลไม้
ผมกลับมองว่าแต่ละยี่ห้อที่ว่ามาจะมีเทคโนโลยีในมือที่ต้องการผลักดัน เพื่อขายเป็นชิ้นส่วนให้กับค่ายมือถือต่อไป ซึ่ง ณ ตอนนี้มันก็เลยออกมาเป็นรูปแบบนี้ จะบอกว่าแอปเปิลเน้นช็อปอย่างเดียวก็คงไม่ใช่ อย่างเช่นพวก unibody ที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่ค่อยมีใครอยากทำ เพราะต้นทุนสูง
HTC บอกว่าไม่ใช่นะครับ Unibody HTC ทำมาก่อนเป็นปีแล้ว ลองไปหาอ่านได้ครับ เรื่องการเถียงกันว่าใครทำก่อน ส่วนใหญ่มันมาดังเพราะ Apple แต่ค่ายที่ทำก่อนไม่ค่อยมีคนรู้จักโดนหาว่าลอกซะงั้น ไหนจะเรื่อง notch ที่ผมเกลียด Sharp กับ Essential phone ก็ทำมาก่อน
ผมพูดโดยรวมครับ คือเรื่อง unibody ที่ผมนึกออกตอนที่พิมพ์คือบนเครื่องแมค หรือแม้แต่มือถือเท่าที่ตามข่าวมาคือแอปเปิลต้องลงทุนเปลี่ยนอุปกรณ์ในโรงงาน foxxcon เพื่อให้สามารถผลิตออกมาในระดับ mass ได้ ตรงนี้สามารถมองเป็นผู้นำเทคโนโลยีได้มั้ย?
กลายเป็นราคากลางๆ ไปแล้วเหรอ ส่วนตัวยังมองว่าแพงอยู่เลย แต่ปีนี้ดีใจมากที่ดีไซน์กล้องออกมาหน้าตาแบบนั้น ทำให้หายอยากเลย ต่อถ่ายพระอาทิตย์ได้คมชัดก็ไม่ซื้อ 555
เทียบกับ Fold ตัว iPhone ก็ราคากลาง ๆ นะครับ ต่ำสุดนี่ 1000 Fold 60000 iPhone 30000 กลางพอดีเลย 555
ถ้าเทียบสเกลกับของเทคโนโลยีเดียวกัน แอปเปิลก็ถือว่าราคาสูงครับ แต่ถ้าเทียบกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด เช่น ทีวี 8k เมื่อปีก่อน ราคาแบบซื้อไม่ได้เลยครับ หรือ OLED ตอนออกใหม่ ๆ เมื่อยี่สิบปีก่อน ของพวกนี้ต้องรวยมาก ๆ ถึงจะเล่นได้ อย่างแอปเปิลเขาจับโน่นมายำนี้และส่วนใหญ่ก็เป็นเทคโนโลยีออกมานานแล้ว ราคาสำหรับคนทำงานที่ US ก็เรียกว่าซื้อได้ ต่างกับเครื่องเลเซอร์ดิสก์ตอนออกใหม่ ๆ นี้ราคาแพงมาก เครื่องบลูเรย์ก็เหมือนกันตอนออกใหม่ราคาสามหมื่น เครื่อง PS3 เลยกลายเป็นเครื่องเล่นบลูเรย์ราคาถูก
อย่าง Fold มันเป็นเทคโนโลยีใหม่ ไม่มีข้อมูลการทำตลาด ไม่รู้การตอบสนองของตลาด จึงผลิตมาน้อยเหมือนกับเทคโนโลยีใหม่ตัวอื่น ๆ ดังนั้นราคาต่อหน่วยย่อมจะสูงมากเป็นธรรมดา แต่การผลักดันเทคโนโลยีใหม่ก็ต้องทำอย่างนี้แหละครับ ยุคนี้เหมือนตอน บลูเรย์ สู้กับ HD DVD ซึ่งตอนนี้เป็น พับเข้า สู้กับ พับออก ใครจะอยู่หรือไปก็มาลุ้นกัน
เจ็บตรงไม่รวย และ อยากใช้ไว้ขึ้นบ้าง ?
คิดว่าเขาพิมพ์ตกคำว่า “ไม่รวย” ไปนะ ดูจากบริบทข้างบนแล้ว
ถ้าไม่รวย ไม่ได้ซีเรียสว่าต้องเป็น first adopter new tech คนแรกๆ ของโลกนี้ (เพราะมันแพงโคตรๆ) รอใช้ตอนที่ของมันพัฒนาไปจนถึงจุดที่ใช้แล้วดีพอจริงๆ และสามารถผลิตขายแบบ mass ในต้นทุนที่คนส่วนใหญ่เอื้อมถึง ก็รอใช้ของ Apple
เมื่อฟังก์ชั่น และ เทคโนโลยี ขาดความพร้อมทั้งคู่
นี่คือการเกม Early access ขาย 60k ไงล่ะ
ถึงจะพับได้ไม่มีปัญหา แต่ถ้าหน้าจอด้านในยังบอบบางแบบนี้
การจะเอาไปใช้จริงในรูปแบบหน้าจอสัมผัส ก็รู้สึกแปลก ๆ อยู่ดีนะ ?
ให้คนใช้เป็นหนูทดลองพอดีเลย
ลำบากขนาดนี้ออกรุ่นที่เป็นสองจอมาขายก่อนดีกว่าไม๊ แบบ ndsl แต่ทำให้จอมันชิดกันตอนกางออกพอดี lol
ไอเดียดีเลยครับ จริงๆก็น่าทำออกมานะ
ลองผิดลองถูกกันไปนะ สู้ๆ