GoPro น่าจะเป็นหนึ่งในตัวเลือกแรก ๆ ของชาว Vlog แน่ ๆ ตอนนี้ GoPro เริ่มวางจำหน่าย Action Camera ใหม่สองรุ่น โดยรุ่นแรกคือ GoPro HERO8 Black สำหรับคนที่กำลังคิดจะซื้อ GoPro ไปถ่าย Vlog และทาง GoPro ยังเปิดตัว Mod อีก 3 ชิ้นเพื่อให้วิดีโอออกมาได้ดียิ่งขึ้น (ขายแยก)
อีกรุ่นคือ GoPro MAX ที่มีเลนส์ติดตั้งมาให้ 2 ตัวทั้งหน้าและหลัง เลือกได้ว่าจะใช้เป็นโหมด GoPro ปกติหรือถ่ายวิดีโอได้ 360 องศาก็ได้เพื่อให้วิดีโอมีความแตกต่าง โดยทั้งสองรุ่นมีสเปคแตกต่างกันดังนี้:
GoPro HERO8 Black
- ดีไซน์ติดตัวยึดไว้กับตัว GoPro และใช้นิ้วกางออกได้ (folding mounting fingers) น้ำหนักเบาลงกว่ารุ่นที่แล้ว 14% และทนแรงกระแทกกว่าเดิม 2 เท่า
- รองรับการติดตั้ง Mod เพิ่ม ได้แก่ Media Mod เป็นไมค์ shotgun เพื่อบันทึกเสียงได้ดีขึ้น, Display Mod หน้าจอ 1.9 นิ้วสำหรับต่อกับ HERO8, Light Mod ไฟแฟลชที่สามารถเลือกติดบนตัว HERO8 หรือบนแท่นก็ได้ กันน้ำลึก 10 เมตร
- เลือกเลนส์เพื่อถ่ายได้ 4 แบบ ได้แก่ Narrow, Linear, เลนส์กว้าง และเลนส์มุมกว้างพิเศษ (SuperView)
- ตั้งค่า Preset ได้ 10 แบบ ตัวอย่างเช่นโหมด Standard, Activity, Conematic และ Slo-Mo เป็นต้น
- HyperSmooth 2.0 อัปเกรดระบบกันสั่นให้เก็บภาพได้นิ่งขึ้นกว่าเดิม รวมทั้งเลือกเพิ่มประสิทธิภาพการกันสั่นได้ ทำงานร่วมกับทุกความละเอียดและทุกเฟรมเรท
- TimeWarp 2.0 โหมดถ่ายวิดีโอเร่งความเร็วโดย GoPro จะปรับความเร็วให้เข้ากับการกระทำ, ฉากและแสงในวิดีโอ สามารถแตะบนหน้าจอเพื่อลดความเร็วลงและแตะอีกครั้งเพื่อเพิ่มความเร็วกลับไป
- Night Lapse โหมดถ่ายวิดีโอเร่งความเร็วในเวลากลางคืน เลือกความละเอียด 4K, 2.7K อัตราส่วนภาพ 4:3, 1440p, 1080p ได้ โดยประมวลผลทั้งหมดเสร็จในกล้อง
- ตั้ง Shortcut ไว้แตะเลือกบนจอได้หลายโหมด
- LiveBurst ฟีเจอร์ถ่ายภาพก่อนลั่นชัตเตอร์ 1.5 วินาที เพิ่มภาพไว้ให้เลือกหรือถ้ากดอัดวิดีโอจะได้วิดีโอ 4K อัตราส่วนภาพแบบ 4:3
- ภาพถ่าย 12 ล้านพิกเซลได้รับการปรับแต่ง HDR มาใหม่ ลดอาการภาพเบลอและเพิ่มรายละเอียดแม้ในที่แสงน้อย
- เลือกถ่ายภาพเป็นไฟล์ RAW ได้ ทำงานกับการถ่ายวิดีโอแบบเร่งความเร็วกับถ่ายภาพเป็นชุด (Burst)
- ถ่ายวิดีโอ 4K 60 เฟรมต่อวินาทีได้ ถ้าเลือกความละเอียด 1080p ตั้งค่าที่ 240 เฟรมต่อวินาทีได้, โหมด 1080p 240 เฟรมต่อวินาทีปรับ Slo-Mo ช้าลงได้ 8 เท่า, ตั้ง bit rate ได้สูงสุด 100Mbps (ระดับสตูดิโอ)
- Live stream ความละเอียด 1080p ทำงานกับระบบ HyperSmooth และบันทึกเอาไว้ใน SD Card เพื่อตัดต่อทีหลังได้ด้วย
- รองรับการสั่งงานด้วยเสียง 14 คำสั่ง 15 ภาษา
- มีระบบ GPS เพื่อจับความเร็ว, ระยะทางและความสูง และเพิ่มเป็นรายละเอียดในวิดีโอได้ด้วยแอพของ GoPro
- ส่งภาพและวิดีโอไปยังสมาร์ทโฟนของเราตลอดถ้าเราเชื่อมต่อกล้องเข้ากับแอพ GoPro เอาไว้
- ลดเสียงแทรกจากลมระหว่างถ่ายวิดีโอได้ดียิ่งขึ้น
- กันน้ำลึก 10 เมตร
GoPro MAX
- ดีไซน์ติดตัวยึดไว้กับตัว GoPro และใช้นิ้วกางออกได้ (folding mounting fingers) เหมือน HERO8 Black
- HERO + 360 Capture Modes สลับโหมดถ่ายได้ระหว่างโหมดของรุ่น HERO หรือถ่ายวิดีโอแบบ 360 องศา
- Max HyperSmooth โหมดกันสั่นให้วิดีโอที่นิ่งโดยใช้การเก็บภาพ 180 องศาเป็น Buffer
- In-Camera Horizon Leveling เมื่อตั้งเป็นโหมดของรุ่น HERO วิดีโอจะนิ่งเป็นพิเศษ
- Max TimeWarp เหมือนโหมด TimeWarp 2.0 ในรุ่น HERO8 Black แต่รองรับการถ่ายแบบ 360 องศาด้วย
- เลือกเลนส์ถ่ายวิดีโอได้ 4 แบบ มีโหมด Max SuperView เพิ่มเข้ามา ออกแบบให้เก็บภาพได้กว้างเป็นพิเศษ
- PowerPano รองรับการถ่ายภาพ Panorama ความกว้าง 270 องศาไม่เกิดการบิดเบี้ยวของภาพ (Distortion)
- ถ่ายวิดีโอความละเอียด 5.6K 30 เฟรมต่อวินาที ได้วิดีโอ 360 องศา, แบบ 1440p 60 เฟรมต่อวินาที หรือ 1080p 60 เฟรมต่อวินาที แบบรุ่น HERO
- ภาพนิ่งในโหมดรุ่น HERO จะได้ความละเอียด 5.5 ล้านพิกเซล, PowerPano ได้ภาพความละเอียด 6.2 ล้านพิกเซล
- ติดตั้งไมค์ไว้ 6 ตัวเพื่อเก็บเสียงได้ 360 องศา แบ่งทิศทางของเสียงเมื่ออัดคลิป
- ตัดต่อคลิปในแอพ GoPro ได้เลย
- Reframe คลิป 360 องศาเป็นคลิปแบบทั่วไปได้
- Live stream ความละเอียด 1080p ทำงานกับระบบ HyperSmooth
- รองรับการสั่งงานด้วยเสียง 12 คำสั่ง 15 ภาษา
- มีระบบ GPS เพื่อจับความเร็ว, ระยะทางและความสูง และเพิ่มเป็นรายละเอียดในวิดีโอได้ด้วยแอพของ GoPro
- Scene Detection ตัวกล้องตรวจจับฉากด้วยตัวเองว่าสภาพแวดล้อมที่เราอยู่เป็นแบบใด
- กันน้ำลึก 5 เมตร
- บันทึกภาพและวิดีโอเก็บเข้าไปใน GoPro PLUS ระบบ Cloud ของ GoPro โดยอัตโนมัติ
ภาพอุปกรณ์เสริมของ GoPro
ราคาวางจำหน่ายของ GoPro HERO8 Black อยู่ที่ราคา $399 (ราว 12,217 บาท), GoPro MAX อยู่ที่ $499 (ราว 15,281 บาท) ด้านของ Mod นั้น Media Mod กับ Display Mod อยู่ที่ $79.99 (ราว 2,449 บาท) ส่วน Light Mod อยู่ที่ $49.99 (ราว 1,531 บาท) เปิดให้สั่งจองสินค้าล่วงหน้าได้แล้วตอนนี้
ที่มา : GoPro
Comments
Conematic -> Cinematic
Max นี่ได้ความละเอียดต่ำไปหน่อยครับ 360 นี่ 4K ยังภาพแตกแหลกละเอียดเลย จะถ่ายแค่ 30 FPS ก็กระตุกเกินไป
เข้าใจว่า Hero8 สามารถกันสั่นได้ทุกระดับวิดีโอ ในขณะที่ Hero7 ทำไม่ได้ครับ (เสียใจ ซื้อมาไม่ถึงสี่เดือน T_T)
[S]
แต่ส่วนตัวคิดว่าถ้าอัพมาแค่นี้ ปีนี้โดน Osmo ตีตลาดได้อีกเพียบแน่ๆ เพราะฝั่งนั้นขาดแค่เรื่อง optimization ดีๆ ก็จะสู้ได้แล้ว
[S]
อยากได้จอหน้าเหมือน dji ทำเป็นอุปกรณ์เสริมก็เกะกะ ไม่ได้ติด ถึงติดก็ไม่ได้พกไปมามากมาย รวมมาแบบ dji ก็จบเลยทีเดียว หวังว่าจะมา ดันไม่มาแฮะ
หมายถึงหน้าจอแบบไหนนะครับ?
น่าจะแบบนี้นะครับ
อ้อ ขอบคุณครับ
GoPro Max ไงครับ ?
สงสัยต้องรอ GoPro HERO9 ฮ่าๆ เดี่ยวไม่มีอะไรอัพในรุ่นถัดไป
กำเงินรออีกเเล้วครับ
Free React Native template ครับ