ซัมซุงเปิดราคาไทยของ Samsung Galaxy Fold มือถือกางออกได้ (หรือมือถือพับได้ แล้วแต่จะเรียก) ไปแล้วคือ 69,900 บาท Blognone ได้ลองเล่น Galaxy Fold เป็นระยะเวลาสั้นๆ จึงเขียนรีวิวด่วนๆ เล่าความรู้สึกตอนจับถือมาฝาก
Samsung Galaxy Fold ตอนพับถือว่าสร้างความประทับใจเรื่องการพกพาได้ดี มีขนาดพอดีมือ เหมือนถือสมาร์ทโฟนรุ่นแรกๆ ที่สามารถใช้งานมือเดียวได้ Samsung Galaxy Fold ยังใส่ในกระเป๋ากางเกงได้แต่อาจจะมีหัวเครื่องโผล่มานิดหน่อยถ้ากระเป๋าตื้น เนื่องจากตัวเครื่องยาว
อีกสิ่งที่ประทับใจคือ แป้นสแกนนิ้วไม่อยู่บนหน้าจอแล้ว! แต่กลายเป็นแป้นตรงด้านข้างเครื่องด้านขวาแทน โดยต้องใช้นิ้วโป้งข้างขวาสแกน ในกรณีคนถนัดซ้ายก็ต้องตั้งค่าลายนิ้วมือข้างซ้ายไว้ ซึ่งถ้าให้สแกนนิ้วสะดวกสำหรับคนถนัดซ้ายก็อาจต้องตั้งค่าที่นิ้วกลางหรือนิ้วนาง
ปุ่มควบคุมโทรศัพท์จะอยู่ด้านขวาทั้งหมด เนื่องจากพื้นที่ด้านซ้ายเครื่องเป็นบานพับ ตัวปุ่มประกอบด้วย ปุ่ม เพิ่ม-ลดเสียง, ปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง (กดค้างเป็น Bixby) และแป้นสแกนนิ้วอยู่ด้านล่างสุด ไม่มีพอร์ทหูฟัง แต่เป็นพอร์ท USB Type C แทน น้ำหนักเครื่อง หนัก 196 กรัม เท่ากับ Galaxy Note10+ เลย ถือว่าไม่หนักอย่างที่คิดไว้ตอนแรก ตัวเครื่องมีพลังแม่เหล็ก จึงไม่สามารถวางไว้ใกล้ของที่มีแม่เหล็กได้
เทียบพื้นที่หน้าจอมือถือ Samsung Galaxy Fold กับ Galaxy S10
มาที่พื้นที่หน้าจอ จากรูปภาพจะเห็นได้ว่ามันเล็กมากทีเดียว การดูคอนเทนต์ เล่นโซเชียลมีเดียภายในหน้าจอเล็กขนาดนี้ในยุคสมัยนี้ทำได้ยาก เพราะเราเคยชินกับการใช้งานมือถือจอใหญ่ไปแล้ว แต่ซัมซุงก็ไม่สามารถขยายพื้นที่หน้าจอให้เต็มพื้นที่ได้เพราะมันจะผิดสัดส่วน
ในการทำงานบนหน้าจอพับสามารถใช้งานพื้นฐานได้ เช่น ตอบแชท กดเบอร์โทรศัพท์ โทรเข้าโทรออก เลื่อนดูไทม์ไลน์โซเชียลมีเดีย คือทำทุกอย่างได้เต็มที่ แต่พอใช้งานไปได้สักพักจะรู้สึกหงุดหงิด จนหลีกเลี่ยงไม่ได้ต้องกางมันออกมา
App Continuity คือฟีเจอร์ที่ทำให้การใช้งานระหว่างตอนพับและกางออกสลับไปมานั้นดูมีประโยชน์และสมเหตุสมผล คือเราสามารถเลื่อนทวิตเตอร์จากหน้าจอพับ และกางออกเพื่อเลื่อนดูต่อได้ด้วย
ทางซัมซุงระบุว่า ไม่ใช่ทุกแอพพลิเคชั่นที่รองรับการใช้งานโหมดนี้ แต่จากการลองเล่นเป็นระยะเวลาสั้นๆ คือสามารถใช้ทวิตเตอร์, แอพอ่านการ์ตูนและนิยาย Comico, YouTube, Chrome ได้
ตัวแอพในเครือกูเกิลรองรับการใช้งานโหมดนี้ได้ทั้งหมด เพราะซัมซุงระบุว่าได้ร่วมมือกับกูเกิล และนักพัฒนาแอพแอนดรอยด์ ให้พัฒนาแอพที่รองรับการทำงานหน้าจอ Galaxy Fold ได้
ในการใช้งานฟีเจอร์ App Continuity ผู้ใช้ต้องเข้าไปตั้งค่าเปิดให้แอพรองรับการสลับไปมาระหว่างหน้าจอพับและหน้าจอกาง โดยเข้าไปที่เมนู Display และ กดที่ Continue apps on front screen เลือกเปิดโหมดนี้ในแอพทีละตัวได้
ทันทีที่ซัมซุงเปิดตัว Samsung Galaxy Fold ออกมา ก็สร้างความฮือฮาทั้งในแง่นวัตกรรมและปัญหา เพราะเจอกรณีจอพังในเครื่องรีวิว หน้าจอลอกออก และมีรอยบากตรงบานพับ เหตุการณ์นี้ทำให้ซัมซุงต้องเลื่อนวันเปิดตัวออกไปหลายเดือน การลองจับเครื่องครั้งนี้ Blognone จึงสนใจเรื่องบานพับโทรศัพท์มากเป็นพิเศษ
ในการพับและกางออก แนะนำผู้ใช้งานว่า ใช้นิ้วกดที่บานพับด้านบนสุดจะดีกว่าการกดนิ้วที่กลางหน้าจอเพื่อพับ เพราะนิ้วของเราอาจมีเล็บที่อาจกระเทือนหน้าจอได้
อย่างไรก็ตาม Blognone ไม่ได้ทดสอบความคงทนของบานพับ แต่จะดูว่ามันเป็นอุปสรรคในการใช้งานทั่วไปหรือไม่ ผลคือทำได้ดี ในการดูวิดีโอ อ่านบทความ อ่านการตูน ไม่มีร่องรอยของรอยพับมาเป็นอุปสรรคแก่สายตา อ่านนิยายอีบุ๊ก การ์ตูนออนไลน์ได้สะใจทีเดียว
จากการลองใช้ฟีเจอร์ Multi-Active Window ที่ตอนนี้รองรับการทำงานได้ 3 หน้าจอในเวลาเดียวกัน พบว่าใช้งานง่าย และให้ผลที่ดี ตัวอย่างที่ทดลองทำคือ จดโน้ตใน Samsung Note และโยนรูปจาก Gallery ที่เปิดทิ้งไว้อีกหน้าจอหนึ่งเข้ามาใน Samsung Note โดยที่ระหว่างนั้นก็ดูคลิปอื่นไปด้วย
ตัวแป้นพิมพ์ก็ออกแบบมาให้ใช้งานสองมือ โดยเว้นระยะห่างตรงกลางที่เป็นบานพับไว้ ให้พิมพ์ได้สะดวกมากขึ้น
Blognone ไม่ได้รีวิวคุณภาพภาพถ่ายของ Samsung Galaxy Fold เนื่องจากตัวกล้องไม่ต่างจาก Galaxy S10+ สามารถอ่านรีวิวย้อนหลังได้ ที่นี่ ถ่าย Live Focus ได้ มีฟีเจอร์ Super Steady ตามปกติ
ในที่นี้ Blognone เน้นที่จำนวนกล้องของ Samsung Galaxy Fold ที่มีถึง 6 ตัว เพราะต้องรองรับการใช้งานทั้งตอนจอพับและจอกาง คือไม่ว่าจะถือมือถือด้วยโหมดไหนก็สามารถใช้งานกล้องถ่ายรูปได้ตลอดเวลา
สเปคกล้องมีดังนี้
### สรุป
Samsung Galaxy Fold มีดีทุกอย่าง ทั้งกล้องที่ใช้สเปกล่าสุดของ Galaxy S10+ แบตเตอรี่ 4,380 มิลลิแอมป์, RAM 12GB, ความจุ 512 GB, ชิปเซ็ต Snapdragon 855 ที่สำคัญในกล่องยังแถมหูฟัง Galaxy Bud ให้เลย ไม่ต้องซื้อเพิ่ม แต่ซัมซุงก็ไม่ได้แถมสายหูฟัง AKG มาให้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ราคา Samsung Galaxy Fold ก็ยังถือว่าแรงเกินรับไหวไปนิด (69,900 บาท) สำหรับคนที่ต้องการมือถือพับได้มาไว้ในครอบครอง อาจรอการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ และความคงทนได้อีกสักพัก แต่ศึกหนักของซัมซุงคือ ไม่ใช่เจ้าเดียวที่เน้นงานมือถือจอพับ ยังมี Huawei Mate X และรายล่าสุดคือไมโครซอฟท์ที่ส่ง Surface Duo ออกมา และยังคิดต่างด้วยการไม่ใช้จอเดียว แต่ใช้สองจอประกบกันเลย แต่ก็ยังไม่ประกาศราคา
Comments
นั่นราคาหรือเลขรุ่น
ถ้าราคาเท่า Surface Duo น่าจะขายดีอยู่ แต่พอเจอ Surface Duo ออกราคามาคงทำให้หลายๆคนเปลี่ยนทิศ
ตอนพับมันดูยาว...
ถ้ารีบออกจากบ้านอาจหยิบสับสนกับรีโมททีวีได้
เห็นคน "บ่น" ว่า "เอา Surface Duo ดีกว่า" มาเยอะจนรู้สึก Toxic พอๆ กับ "iPad ดีกว่าแท็บเล็ต Android"
Surface Duo ยังไม่เปิดราคา และกว่าจะขายก็ปลายปีหน้าโน้น กว่าจะถึงตอนนั้นก็มีรุ่นที่ถูกกว่าและทนกว่าทั้งของ Samsung และ/หรือเจ้าอื่นออกมาขายแล้ว
เขาเปิดตัวปีนี้ แต่ขายจริงปีหน้า จะรีบด่วนตัดสินใจเปรียบเทียบกับของขายปีนี้ไปทำไม
ก็ไม่ใช่สิ่งที่ผิดนะ
iPad ผมว่าจริง ราคาเริ่มต้นถึงจะระดับหมื่น ไม่ใช่หลักพัน แต่พวก App ต่าๆ หลายตัวก็ optimize มาดีเข้ากับเครื่องได้ ไม่ใช่แอพขยายร่างมาเฉยๆ แต่ก็มีบางแอพขัดๆ บ้าง
คงเป็นเพราะ Fold ราคาสูงกว่า Flagship 2 ตัวมั๊งครับ
ดังนั้นถ้ารับรอยต่อได้ ก็เอา Flagship 2 ตัวแปะเทปกาว ได้ Dobble SnapDradon แรงกว่าเห็นๆ :D
แปะ IOS กับ Android แทนได้ Dual OS ด้วยนะ ?
ผมเพิ่งรู้ว่าการแสดงความเห็นว่า Surface Duo น่าสนใจกว่า Galaxy Fold เป็นความเห็น Toxic ขออภัยมา ณ ที่นี้ครับ
"iPad ดีกว่าแท็บเล็ต Android" นี่เรื่องจริงครับ ผมใช้มือถือ android มาตลอดยังไม่คิดจะใช้ tablet android เลย
ตอนพับหน้าจอเล็กมาก ตัวเครื่องยาวเกินไปหรือจอภาพสั้นไป?
ตอนกางดูเต็มตาดี เหมือน iPad Mini
ราคานี้จัด smartphone+ipad mini ได้ตั้งหลายคู่ พกสองชิ้นไปก่อนละกัน 555
ซื้อผูกโปรเลยดีกว่าแบบเนี้ย อยากได้เหมือนกันเพราะอยากนั่งอ่านการ์ตูนและเล่นเกมตอนนั่งรถแบบฟิน ๆ
อย่าเสี่ยงเล่นเกมดีกว่าครับ
จอด้านในเค้าย้ำว่าให้ "แตะเบาๆ"
ดูแต่ตา มืออย่าต้อง ของมันจะเสีย
อันนี้ไงครับ
https://www.blognone.com/node/112396
รอยพับที่เห็นๆกันมันคือภาพลวงตาสินะห์ ฮะๆๆๆๆ
ใช้ไปสักปีนึง น่าจะเห็นผลว่าจอจะรอดหรือไม่
ถ้าจอนอกใหญ่เต็มพื้นที่น่าจะสวยกว่านี้ อันนี้ดูเล็กๆ เหลือขอบเยอะเหมือนพวก Nokia series N9XXX ยุคเก่าๆ เลย ซึ่งพวก เก่าๆ มันออกแบบสวยตามยุคนั้น แต่พอมาใช้ในยุคนี้ขอบโล้นๆ เกลี้ยง ดูจอมันลอยๆ เหลือที่เยอะไป
ต่อให้ราคามันถูกลงประมาณ 4xxxx บาทผมก็ไม่กล้าซื้อนะ หลังจากเห็นข่าวเรื่องจอพังง่าย กลัวมันไม่ทน
ผมอ่านละขำ + สงสารเหมือนพยายามหาข้อดี
?
อืมม แอบรู้สึกเหมือนกัน…
อีกสัก 2-3 ปีราคาน่าจะลงมาจนจับต้องได้และประสบการณ์การใช้งานน่าจะดีขึ้นอีกมาก เหมือนจอโค้งที่โดนสบประมาทกันมาตั้งแต่ S6
จนถึงตอนนี้ประสบการณ์การใช้งานจอโค้งก็ไม่ได้ดีขึ้นเท่าไหร่เลยนี่ครับนับตั้งแต่ตอนเปิดตัว
สรุป การพับของมันมีนัยสำคัญมั้ย