ชื่อของ Xiaomi ในใจใครหลายคนรวมทั้งผู้เขียนน่าจะเป็นภาพสมาร์ทโฟนที่คุ้มค่าเงินที่จ่ายไป ราคามือถือจากทางค่ายจึงอยู่ระดับไม่เกินหมื่นถึงหมื่นกลาง ๆ ก็เป็นเจ้าของสมาร์ทโฟนประสิทธิภาพดีได้แล้ว เช่น Xiaomi Mi 9 Lite ที่แพงสุดยังไม่เกิน 9,000 บาท ก็ได้กล้อง 48 ล้านพิกเซล แถมแบตเตอรี่ถึง 4,030mAh
ในรีวิวนี้ ผู้เขียนได้รวบรวมประสบการณ์การใช้งาน Xiaomi Mi 9 Lite เป็นสมาร์ทโฟนเครื่องหลักมาระยะหนึ่ง ว่ามีจุดเด่นและจุดด้อยในเรื่องไหนบ้าง จะเป็นสมาร์ทโฟนเครื่องที่เหมาะกับผู้อ่านคนไหนบ้าง
Xiaomi Mi 9 Lite เป็นจอ Super AMOLED ขนาด 6.39 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ (2340x1080 พิกเซล) ปิดด้วยกระจก Gorilla Glass 5 ขนาดกำลังพอดีมือ น้ำหนัก 179 กรัม ตัวเครื่องเป็นอลูมิเนียมได้งานประกอบแข็งแรงไม่แพ้เครื่องราคาหมื่นต้นทีเดียว มีสีน้ำเงิน, สีขาวและสีดำ (เครื่องรีวิว) ให้เลือก
พอร์ตเครื่องด้านซ้ายเป็นช่องใส่ซิมหรือ MicroSD รองรับความจุสูงสุด 256GB ฝั่งขวาเป็นปุ่มล็อคเครื่องกับปุ่มเพิ่มลดเสียง ด้านบนจะมี IR Blaster ไว้คุมเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านคู่กับช่องหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ดีต่อคนมีหูฟังตัวโปรดอยู่ ด้านล่างมี USB-C หนึ่งช่อง รองรับการชาร์จไว 18W
จากที่ลองฟังเพลงผ่านช่องหูฟัง 3.5 มิลฯ เสียงจะออกเรียบ เสียงเบสกับเสียงคนร้องจะเด่นกว่าเสียงเครื่องดนตรีเล็กน้อย ลำโพงมีจุดเดียวข้างพอร์ต USB-C เป็นเสียงแบบโมโนที่ดังชัดเจนสำหรับห้องราว 24 ตร.ม.
ระบบปลดล็อคเครื่องมีสแกนใบหน้าและสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ ซึ่งในกลุ่มราคาไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทหลายรุ่นยังใช้การสแกนลายนิ้วมือที่หลังตัวเครื่องอยู่ เช่น Redmi Note 8 Pro ข้อดีของการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ ทำให้เราไม่ต้องเลื่อนนิ้วไปแตะที่ด้านหลังเครื่อง แค่แนบนิ้วบนกราฟิกลายนิ้วมือบนหน้าจอเพื่อปลดล็อคได้ทันที
จุดอ่อนหนึ่งของการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ คือจะสแกนช้าลงถ้าหน้าจอส่วนนั้นสกปรก ควรหมั่นเช็ด ความเร็วการปลดล็อคจอของ Mi 9 Lite จะใช้เวลาเกือบหนึ่งวินาทีเพื่อปลดล็อคหน้าจอ เทียบแล้วช้ากว่าปลดล็อคด้วยที่สแกนนิ้วหลังตัวเครื่องเล็กน้อย
Xiaomi MI 9 Lite มีแบตเตอรี 4,030 mAh เทียบแล้วเยอะกว่า Mi 9 รุ่นเรือธงที่มีเพียง 3,300 mAh เท่านั้น จากการใช้งานจริง ถ้าในวันทำงานถอดปลั๊ก 6 โมงเช้า ดู YouTube, เล่นโซเชียล, เช็คแจ้งเตือนกับเล่นเกม กลับถึงบ้านตอนสองทุ่ม เคยลดได้มากสุดที่ 50% โดยไม่ชาร์จแบตเตอรีระหว่างวันเลย ดังนั้นถ้าใช้เล่นโซเชียลเป็นหลักและเล่นเกมบ้างไม่ต้องพกแบตสำรองเลยก็ได้
จากที่ใช้งานมา หน้าจอให้สีสันสวยคมชัดดีมากและการตั้งค่าความสว่างโดยทั่วไปผู้เขียนตั้งไว้ที่ 50% ก็เพียงพอแล้ว ถ้าออกไปกลางแจ้งก็ปรับเพิ่มไป 75% ก็เพียงพอ เวลาใช้งานกลางแจ้งไม่พบปัญหาจอสะท้อนหรือมองไม่เห็นสิ่งที่อยู่บนหน้าจอ
ระบบปฏิบัติการของ MI 9 Lite ติดตั้ง MIUI 10 พัฒนาจาก Android 9 Pie มาให้ ได้อัพเดตเป็น MIUI 11 แล้ว จากที่ทดลองใช้เป็นเครื่องหลัก Mi 9 Lite เป็นเครื่องที่ประสิทธิภาพมากพอสำหรับคนที่ใช้งานโซเชียลเป็นหลัก เล่นเกมบ้างบางเวลา รวมทั้ง MIUI 11 ก็ไม่มีโฆษณามากวนใจเหมือนที่เคยเป็นประเด็นแล้ว
Netflix สามารถเปิดดูแบบ HD ได้ เปิดดูหนังแล้วภาพในคลิปคมชัดดี
ผู้เขียนทดสอบ Benchmark ด้วย Antutu แล้ว Mi 9 Lite ที่ใช้ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 710 กับแรม 6GB และชิปกราฟิก Adreno 616 ทำคะแนนได้ 171,311 คะแนน
เมื่อทดลองเล่น PUBG แล้วสามารถปรับกราฟิกได้ที่ HD และเฟรมเรทที่ High เล่นได้ลื่นดีไม่มีปัญหา ที่น่าสังเกตคือ เกมอื่น เช่น Honkai Impact 3, Fate/Grand Order ในช่วงแรก ๆ จะใช้เวลาโหลดและมีโอกาสค้างบ้าง ต้องปิดแอพแล้วเปิดใหม่เป็นบางครั้ง
กล้องของ Mi 9 Lite มีเลนส์หลัก 48 ล้านพิกเซล f/1.8 กับ ultra-wide 8 ล้านพิกเซลและ depth sensor 2 ล้านพิกเซล เวลาถ่ายภาพจริงกล้องจะประมวลผลภาพเป็น 12 ล้านพิกเซล ถ้าจะใช้โหมดถ่ายภาพ 48 ล้านพิกเซล ให้แตะที่แถบสามขีดมุมบนขวาของโหมดกล้องปกติหรือเข้าที่โหมด Pro
จากการใช้งานจริง การเปิดโหมดให้กล้องถ่ายภาพเต็มความละเอียด 48 ล้านพิกเซล จะใช้งานค่อนข้างยากเพราะมือต้องนิ่งและถือกล้องค้างไว้ราว 1 วินาทีเพื่อให้กล้องเก็บรายละเอียดและประมวลผลภาพด้วย ไม่เช่นนั้นภาพจะสั่น
จะเห็นว่าภาพเสาชิงช้าที่ถ่ายด้วยกล้องของ Mi 9 Lite จะเห็นว่าทั้งสองภาพนั้นเก็บภาพและรายละเอียดได้ดี ซอฟท์แวร์ปรับ white balance และ exposure ช่วยให้ภาพดูคมชัด สังเกตว่ากล้องหลังทั้งสองตัวแม้จะถ่ายย้อนแสงภาพก็ไม่ขาวโพลนและเมฆก็ไม่โดนกลืนไปอีกด้วย ดังนั้นเราสามารถใช้กล้องของ Mi 9 Lite สำหรับเก็บภาพบรรยากาศตอนไปเที่ยวได้สบาย ๆ
เลนส์ปกติ
เลนส์มุมกว้าง
กล้องจะซูมออปติคัลได้ที่ 2X แบบไม่เสียรายละเอียด ซึ่งเพียงพอสำหรับใช้งานทั่วไป
ระยะปกติ
ซูมระยะ 2X
เลนส์มุมกว้าง
โหมด Portrait ใช้ถ่ายภาพบุคคลหรือสิ่งของที่อยู่นิ่งเช่นกระบอกน้ำหรือหุ่นโมเดลต่าง ๆ ได้ดี อย่างเช่นภาพนาฬิกาที่ผู้เขียนโฟกัสที่นาฬิกาสีแดงจะชัดเจนและเบลอสิ่งรอบตัวไป
แต่ไม่แนะนำให้ใช้โหมด Portrait ถ่ายพวกวัตถุที่สีใกล้เคียงกันและซ้อนทับกันเยอะ ๆ เช่นพุ่มไม้หรือดอกไม้ เพราะอัลกอริธึ่มมีโอกาสแยกวัตถุพลาดได้ โดยสังเกตว่าที่ดอกไม้ภาพบนจะดูปกติส่วนดอกไม้ของภาพล่างจะไม่โฟกัส
เบลอปกติ
เบลอพลาด
Night mode ของ Mi 9 Lite เมื่อกดถ่ายแล้วกล้องจะให้เราถือเครื่องค้างอยู่ท่าเดิมอีกราว 1 วินาที ค่อยเปิดดูภาพได้ ข้อดีคือภาพจะสว่างขึ้นมาระดับมองเห็นชัดกำลังดีและกระจายความสว่างไปทั่วภาพ
ปิด Night mode
เปิด Night mode
ปิด Night mode
เปิด Night mode
Xiaomi Mi 9 Lite เป็นสมาร์ทโฟนที่ Xiaomi เปิดตัวราคาไม่แพง โดยเริ่มที่รุ่นแรม 6GB สตอเรจ 64GB กับราคา 7,999 บาท และรุ่นสูงสุด แรม 6GB สตอเรจ 128GB ที่ 8,999 บาท นับเป็นอีกรุ่นที่ให้สเปคมาเพียงพอสำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการสมาร์ทโฟนราคาไม่แพงแล้วใช้งานได้รอบด้าน มีพอร์ตที่คนต้องการติดตั้งมาครบและกล้องที่ถ่ายภาพได้ดีอีกรุ่นหนึ่ง
Comments
รุ่นนี้ผมใช้อยู่ ลง gcam ได้ด้วย ถือว่าโอเค กับราคาไม่เกินหมื่น
สงสัยเรื่องความสว่างจอ ไม่เปิด auto กันเหรอครับ
ไม่เลยครับ manual ตลอดครับ
ไม่เคย auto เลย ปรับมือเองตลอดมาแต่ไหนแต่ไรครับ
ไม่เปิด Auto เหมือนกันครับ บางทีออโต้แล้วมันมืดไปไม่สะใจ ขอสว่าง ๆ เห็นชัด ๆ
เคยเห็นข้อมูล ส่วนใหญ่ auto จะ boost ความสว่างได้สูงกว่า manual นะครับ ในกรณีต้องการความสว่างสุด แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเป็นกับทุกรุ่น ทุกยี่ห้อไหม
เพจตัวอย่างผลงานถ่ายภาพ / วีดีโอ
auto ไว้เป็น default แล้วก็ค่อยปรับ manual เมื่อจำเป็นครับ
ผมใช้ auto ตลอดครับ ไม่เคยปรับ manual เลย ผมว่า adaptive brightness มันแม่นอยู่นะ
ผมก็ว่าแม่น ช่วงแรกๆที่มันกำลังเรียนรู้นี่หงุดหงิดมาก ทนปรับสอนใันบ่อยๆ แปปเดียวสบาย
ไม่ครับ บางทีมันเอ๋อๆ ไม่ตรงใจเวลาใช้ โดยเฉพาะก่อนนอนนี่ชอบเร่งแสงให้จนแสบตา
บล็อกส่วนตัวที่อัพเดตตามอารมณ์และความขยัน :P
ผม Auto ครับ แต่ใช้บน iOS แม่นอยู่มาก ถ้าไม่ไปปรับเองแบบมือลดลงเยอะหรือสว่างไปครับ โดยรวมโอเคถ้าไม่ปรับอะไรก็โอเค
เคยลอง Android บางรุ่น วัดแสงไม่แม่นเลยครับ สว่างตลอด ไม่ค่อยฉลาด แสบตา ขนาดอยู่ในที่มืดสนิดก็ยังสว่างแสบตา
ผม auto ตลอดด้วยคนครับ
manual เท่านั้นครับ ไม่ชอบให้อะไรมาตัดสินใจแทน
ของผมได้ให้สิทธิการตัดสินใจไปกับ AI ข้างตัวครับ มอบแล้วขอคืน permission ไม่ได้อีกเลยตลอดชีวิต T_T
ถ้าเป็น Android แม้แต่ Samsung เองก็ตามระบบปรับความสว่างอัตโนมัตินี่ไม่ได้เรื่องเลย ไม่ฉลาดและไม่เนยน เหมือนสมัยใช้ Nokia Symbian เลย ลดแสงเพิ่มแสงวูบวาบ น่ารำคาญ กดปรับเอาเอง ณ สภาพแสงตอนนั้น ๆ โอเคกว่า ส่วน iOS ผมเปิด Auto ตลอด
ถ้าจะตอบกันขนาดนี้ ทำ poll เถอะนะ
AUTO ครับมือถือราคาสูง ๆ จะทำงานได้ดี ปรับแสงอัตโนมัติเหมาะสมไม่ปวดตา ส่วน MANUAL ส่วนก็คือเปิดสว่างมากเกือบสุดไม่ดีต่อสายตา
คำว่า "ราคาไม่เกินหมื่น" เป็นคำที่อ่านแล้วรู้สึกดี เป็นทางการกว่าคำว่า "ราคาต่ำหมื่น" มาก
:)
Xiaomi เป็นอีกยี่ห้อที่ซอยรุ่นถี่ยิบ สำหรับรุ่นย่อยของ Mi 9 ราคาช่วง 7,000-8,000 คือ Mi 9 Lite, Mi 9 SE, Mi 9T สเปคคิดว่าพอๆ กัน สรุปตัดสินใจซื้อ 9T (จริงๆ มี Mi 9T pro ที่สเปคสูงกว่า Mi9 กว่าหน่อย เป็นเรือธงราคา 11,000)
จริงเดี่ยวนี้รุ่นเยอะผมละงงไปหมด จะแนะนำให้คนรู้จักใช้เลือกไม่ถูกเลย ยังกับออกรุ่นแทบทุกเดือน
จะบอกว่าถ้าใครสนใจรุ่น 6gb + 128gb ที่ jd เหลือ 7499 เองครับตอนนี้
Xiaomi อย่ามองระดับกลางเลยครับมองตัวสูงๆ ไปเลย 4-5 เดือนเดี๋ยวก็กลายเป็นมือถือไม่ถึงหมื่น
อยากรู้เรื่อง software updateว่าเป็นไงเมื่อเทียบกับ OnePlus
ผมใช้ Redmi5a (ทุกวันนี้ Redmi8a ออกมาแล้ว) ก็ยังได้รับอัพเดตนะครับ แค่ช้ากว่าพวกรุ่นสูง ๆ หน่อย
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
Xiaomi software update ดีครับ แต่ OS ไม่ค่อยได้ไปต่อนะ อันนี้ต้องทำใจไว้เลย
จริง ๆ อีกยี่ห้อที่อยากแนะนำคือ ZTE Nubia ซึ่งระบบ กล้อง ซีพียู แบต สูงจนคุ้มค่าเงินทุกบาทที่จ่ายไป ปัญหาหลักคือเรื่องศูนย์บริการที่มีที่เดียวเท่านั้น
บ้านผมใช้อยู่ 3 เครื่อง ต้องบอกเลยว่าคุ้มมาก ๆ ยิ่งช่วงหลัง ๆ เครื่องที่รุ่นเก่าหน่อยก็ลดราคาจนเหมือนอยากเจ๊ง
ก็ไม่เข้าใจ เครื่องดี ๆ ราคาก็ถูกมากจนแทบเหมือนแจกฟรี ทำไมไม่มีใครสน
คำตอบของคำถามของคุณ น่าจะอยู่ในสิ่่งที่คุณพิมพ์มานั่นแหละครับ
55555555555555555+
เนอะ แนะนำซะไม่กล้าซื้อเลย 555
จากประสบการณ์ตรงที่เคยใช้ Nubia Z9 mini มา ขอไม่แตะรุ่นนี้อีกเลยเป็นครั้งที่สองในชีวิตครับ
รอสีขาว จัด สีดำให้พ่อแล้ว
มีลองกับ Honkai Impact 3 ด้วย! เกมวัดสเปคแห่งโลกมือถือสินะ
[S]
ลืม CoD Mobile ไปเกมนึง เสียดายเลยครับ 555
ถ่ายภาพสวยมากครับ สงสัยว่านึ้แข่งกันขายมือถือหรือกล้องถ่ายภาพกันแน่
ถ้ามองในมุมของโทรศัพท์มือถือ มันก็ไปไกลกว่าการเป็นโทรศัพท์พื้นฐานมากๆ มานานแล้วล่ะครับ ซึ่งก็ต้องหามูลค่าเพิ่มเพื่อต่อยอดสร้างจุดขายกันไป